
อมฤตาลัย ตอนที่ 15
โดย : จินตวีร์ วิวัธน์
อมฤตาลัย นวนิยายเรื่องยาวเรื่องแรกของ จินตวีร์ วิวัธน์ นักเขียนสตรีที่เขียนนวนิยายแนววิทยาปาฏิหาริย์และมีผลงานโดดเด่นมากมาย วันนี้อ่านเอาได้นำอมฤตาลัยมาเผยแพร่ในโลกออนไลน์เป็นครั้งแรกในโครงการปากกาทอง เพื่อให้นักอ่านรุ่นเก่าได้คลายคิดถึงและเป็นโอกาสดีที่นักอ่านรุ่นใหม่จะได้มีโอกาสสัมผัสความสนุกของงานเขียนอมตะเรื่องนี้
เบื้องหน้าของไวฑูรย์ อมรรัช คือรูปถ่ายหลายสิบใบ ทั้งภาพสีและขาวดำ ขยายขนาด ๒๔ นิ้ว คมและชัดเจนทุกภาพ ผู้นั่งเคียงข้างเขาแลกำลังพิจารณารูปเหล่านั้นทีละรูปอย่างสนใจลึกซึ้งคือบุรุษชาวตะวันตกผู้มีหนวดเครารุงรัง และอาจารย์อโณทัย ธรรมธัช แห่งแผนกวิชาภาษาตะวันออกโบราณ
“บราโว่! แปลกประหลาดมหัศจรรย์ที่สุด!”
ศาสตราจารย์ ดร.อดอล์ฟ ชไนเดอร์ อุทานเป็นระยะๆ เมื่อหยิบดูรูปเหล่านั้นทีละรูป
“คุณทำดีมาก ไวฑูรย์ รูปเหล่านี้จะช่วยตัดสินปัญหาให้เราทั้งหมด ดูศิลาจารึกนั่นซิ รอยหินกะเทาะเป็นแว่นใหญ่นั้นดูจะพอดีกับส่วนที่ผมมีอยู่อย่างไม่ต้องสงสัย คุณอ่านออกหรือยังครับ อาจารย์อโณทัย”
“ต้องขอเวลาผมบ้างซิ โปรเฟสเซอร์”
อาจารย์อโณทัยตอบ นัยน์ตายังจับอยู่ที่รูปถ่ายแผ่นศิลาจารึกในมือเขม็ง
“อืม แต่ผมพอจะรู้เป็นเลาๆ ละว่า ข้อความมันน่าจะต้องต่อเนื่องกับแผ่นศิลาจารึกที่คุณได้มา แต่ยังไม่แน่ใจ ต้องขอเอาไปศึกษาก่อน”
“กู้ด! เอารูปศิลาจารึกไป รูปทับหลังกับรูปอื่นๆ ผมจะแบ่งกับคุณวิสันและกรรมการอื่นๆ ช่วยกันดูก่อนประชุมกันอีกครั้งหนึ่งดีไหม”
“ข้อสำคัญก็คือ” ไวฑูรย์เปิดปากขึ้นเป็นครั้งแรก
“ผมเกรงว่า รูปสตรีบนบัลลังก์จะเป็นรูปตามศาสนามากกว่านะครับ อาจเป็นพระลักษมีก็ได้เพราะมีนาคแบก”
“ไนน์ ผมว่าไม่ใช่ เราไม่เคยพบรูปพระลักษมีนั่งบัลลังก์นาคราชแบกเลย จะเป็นรูปพระอุมาก็ไม่ใช่ เพราะในตำนานไม่ปรากฏว่าพระอุมาได้รับการราชาภิเษกท่ามกลางบริวารอย่างนี้ และอีกอย่างหนึ่ง คุณดูซิ ในรูปนี้สิ่งมีชีวิตทุกอย่างเป็นมนุษย์ธรรมดา ภาพสลักแบบนี้มีไม่มากนัก ที่ผมพบอีกก็คือรูปพระเจ้าสุริยวรมันท่ามกลางเจ้าประเทศราชที่ปราสาทนครวัด แต่รูปนี้ดูเหมือนจะเก่ากว่าสมัยพระเจ้าสุริยวรมันมาก ดูลวดลายก็รู้ เป็นศิลปะคนละสมัยกันเลย”
“โปรเฟสเซอร์คิดว่า น่าจะเป็นสมัยใดครับ” วิสันถาม
“โอ ดูเพียงแค่รูปเท่านี้บอกไม่ได้ดอกคุณ ได้แต่เดาว่าเก่ามากเท่านั้น คล้ายๆ ศิลปะสมัยยโสวรมันที่ ๑ แต่ดูๆ ไปก็ไม่ใช่อีกน่ะแหละ ผมต้องเอาไปศึกษาดูอีกที”
“อักษรตัวนี้หรือที่โปรเฟสเซอร์คิดว่าเป็นชื่อเมืองอมฤตาลัย มันกร่อนจนผมไม่แน่ใจ”
“หยา น่าจะเป็นอย่างนั้นครับ ศาสตราจารย์ภุดศอรผู้เชี่ยวชาญภาษาศาสตร์ชาวเขมรอ่านให้ผมฟังว่ายังงั้น…ถ้าเราโชคดี ผมเชื่อว่าอาจได้ศาสตราจารย์คนนี้มาร่วมมืออีกคนหนึ่งครับ เขาสนใจเรื่องเมืองอมฤตาลัยมากเท่าๆ กับผมเราทำการค้นคว้ามาด้วยกันในเขมร”
“งั้นก็ดีซิครับ ได้ผู้ชำนาญการหลายแขนงช่วยกัน งานของเราจะได้รัดกุมยิ่งขึ้น ระหว่างนี้ผมจะพยายามอ่านไปก่อนนะครับ อีกหน่อยคงแปลออกได้หมด”
“ถ้าอย่างนั้น อาทิตย์หน้าจะเรียกประชุมได้ไหมครับ”
ศาสตราจารย์ชาวเยอรมันถามอย่างกระตือรือร้น อาจารย์อโณทัยกับไวฑูรย์หัวเราะขึ้นพร้อมกัน
“อะไร้ ใจร้อนจริง ต้องใจเย็นๆ หน่อยครับ ระบบราชการไทยของเราเร่งร้อนนักไม่ได้หรอก ต้องค่อยเป็นค่อยไปแบบไทยๆ จึงจะดี”
“มายกู้ดเนส! แล้วเมื่อไรจะได้ลงมือสักที ผมห่วงว่าถ้าพ้นหน้าแล้งแล้ว การเดินทางจะลำบากนะครับ”
“อย่าห่วงเลย โปรเฟสเซอร์ นี่เพิ่งเดือนกุมภาพันธ์…เอาเถอะผมจะพยายามทำให้ดีที่สุด เพราะผมเองก็สนใจเรื่องนี้เหมือนกัน เจ้าศิลาจารึกนี่มันท้าทายผมเสียจริงๆ ให้ตายสิ”
เสียงกริ่งโทรศัพท์ดังกังวานขึ้นในแผนกโบราณศิลป์ เสมียนสาวเอื้อมมือออกไปรับ และหันไปทางชายหนุ่มผู้นั่งกุมขมับอยู่ที่โต๊ะตัวใน
“คุณไวฑูรย์คะ โทรศัพท์”
ไวฑูรย์ลุกขึ้นก้าวยาวๆ ไปรับสาย “ไวฑูรย์ครับ”
“สวัสดีค่ะ” เสียงหวานใสดังมาตามสาย นักโบราณคดีหนุ่มขมวดคิ้วนิดหนึ่งเมื่อจำได้ว่าเป็นเสียงของใคร หากไม่แน่ใจจึงตอบอย่างกลางๆ
“ครับ สวัสดี”
“ถ้าจำเสียงไม่ได้ก็ขอบอกว่า พินทุวดีพูดค่ะ”
“ครับ ผมจำได้ตั้งแต่แรกแล้ว แต่ไม่แน่ใจว่าจะมีวาสนาได้รับโทรศัพท์จากคุณพินทุวดีผู้สูงศักดิ์…วันนี้มีอะไรจะให้ผมรับใช้บ้างครับ”
เสียงหัวเราะมาตามสายไม่แจ่มใสเท่าที่ควร
“ยังคงคารมจัดอยู่ตามเคยนะคะ…ไม่ขอรบกวนเวลามากนักหรอกค่ะ รวบรัดสั้นๆ เลยว่า เที่ยงวันนี้ขอพบ และขอเชิญรับประทานอาหารกลางวันที่โกลเดนดอลฟินหน่อย จะว่างไหมคะ”
ไวฑูรย์เลิกคิ้ว ขยับหูโทรศัพท์ออกห่าง จ้องดูอย่างไม่เชื่อหูตัวเองแล้วถามเสียงสูงปรี๊ด “ผมน่ะหรือครับ”
เสียงหัวเราะมาตามสายฟังดูเพราะพริ้งนักก็จริง แต่กังวานของมันแฝงเยาะหยันไว้อย่างแจ่มชัด
“ถ้าคุณคือคุณไวฑูรย์ อมรรัช นักโบราณคดีคนสำคัญของกรมละก็ใช่แน่ค่ะ…แปลกใจหรือคะ”
“แปลกซิครับ ก็ผมไม่ได้ชื่อสถาพรหรือศุภสิทธิ์ซักหน่อย จะได้รับเกียรตินี้ง่ายๆ คุณพินทุวดีมีธุระอะไรกับผมหรือครับ”
“มีค่ะ รับนัดได้ไหม”
คราวนี้เสียงที่พูดมีแววจริงจัง และบงการเหมือนที่เคยพูดกับชายอื่นผู้สยบแทบเท้าทุกคน ไวฑูรย์รู้สึกสะดุดหูจึงเล่นลิ้นเข้าบ้าง
“ผมไม่คิดว่าจะรับได้ ถ้าคุณเป็นคุณพินทุวดีผู้มีอำนาจ แต่จะรับง่ายๆ ถ้าเป็นคนธรรมดาๆ”
เสียงหัวเราะดังมาตามสายอีก คราวนี้ต่ำลึกจนแปลกหู
“งั้นหรือคะ ถ้าเชิญทั้งสองฐานะล่ะคะ”
“สองฐานะนี้คนละระดับ คนละเรื่องเลยนี่ครับ เหมือนเส้นขนานที่ไม่มีวันพบกันได้ยังไงก็ยังงั้น”
“เอาละค่ะ คุณไวฑูรย์ ฉันไม่มีเวลาเล่นลิ้นมากนัก บอกก่อนก็ได้ว่าฉันมีของเก่าอยู่ชิ้นหนึ่ง อยากให้คุณดูว่าเป็นของเก่าสมัยไหน…เท่านี้พอจะสนใจไหมคะ”
“ครับ”
“งั้นเที่ยงตรงที่โต๊ะสิบสี่ มุมสุดของโกลเดนดอลฟินนะคะ”
“ครับผม”
“เท่านั้นแหละค่ะ สวัสดี”
เสียงวางหูดังกริ๊ก แต่ไวฑูรย์ยังคงยืนถือหูโทรศัพท์ค้างในท่าขบคิดอยู่เป็นนาน จนกระทั่งมีเสียงกระแอมดังขึ้น เขาจึงรู้สึกตัว รีบวางหูลง เสมียนสาวเจ้าของเสียงกระแอมชำเลืองค้อนอย่างตุปัดตุป่อง ก่อนที่จะเดินไปตะปบหูโทรศัพท์เครื่องนั้นขึ้นแล้วหมุนหมายเลข
ไวฑูรย์นั่งทำงานอย่างไม่มีสมาธิ เพราะมัวคิดถึงเรื่องโทรศัพท์เมื่อครู่ ใกล้เที่ยงเขาจึงตัดสินใจ ลุกขึ้นต่อโทรศัพท์ถึง ร.ต.ท.ทัดเทพ
“เทพหรือ อือ จำแม่นจริงโว้ย คือว่าแม่มดเจ้าเสน่ห์เขาเกิดนัดข้าไปกินข้าวเที่ยงที่โกลเดนดอลฟินว่ะ บ๊ะ ไม่รู้หรือว่าแม่มดเจ้าเสน่ห์เป็นใคร ก็พินทุวดีไงโว้ย ฮื้อ ไม่ใช่ยังงั้นน่า ข้าไม่ใช่รูปหล่อพ่อรวยอย่างไอ้สิทธิ์หรือเอ็งนี่ เจ้าหล่อนถึงจะได้ทอดสะพาน เห็นบอกว่ามีของเก่าให้ดู เอ็งไปด้วยกันหน่อยนะเทพ เขาไม่ได้เชิญก็ไม่เห็นเป็นไรนี่วะ เจ้าหล่อนมีท่าทางชอบเอ็งจะตาย ไปด้วยกันหน่อยน่า ไม่ได้ปอดเว้ย แต่ถ้าข้าเกิดหายไปอย่างคนอื่นๆ เอ็งจะได้เป็นพยาน ไอ้หะ…ทำให้เพื่อนแค่นี้ไม่ได้หรือไงวะ เอ…พูดง่ายๆ ค่อยน่าเตะน้อยลงหน่อย เดี๋ยวข้าจะไปรับเอ็งที่สถานี…หา ต่างคนต่างไปเรอะ ดีเหมือนกัน จะได้เหมือนบังเอิญพบกันที่นั่น”
วางหูโทรศัพท์พลางดูนาฬิกา แล้วไวฑูรย์ก็ลุกขึ้นก้าวยาวๆ ลงบันไดตรงไปยังรถของเขา
โต๊ะที่บริกรนำไปนั้นอยู่ในซอกเล็กสุดมุมห้อง ยากแก่การสังเกต เห็นบรรยากาศเย็นเจี๊ยบ ทำให้ไวฑูรย์ห่อไหล่รีบเดินตามทัดเทพและบริกรไปติดๆ สตรีสาวผู้นั่งรออยู่แล้ว มองเห็นเป็นเงาตะคุ่มๆ ในความมืดสลัว
“เชิญค่ะ ไวฑูรย์ อ้อ…คุณทัดเทพ”
เสียงที่เอ่ยดังเหมือนคมมีดโกนเสียดสีกัน กังวานของมันนอกเหนือจากความผิดหวังแล้ว ยังมีแววขุ่นเคืองแฝงอยู่ด้วย ร้อยตำรวจโทหนุ่มรู้สึกหน้าชา รีบบอกไปโดยเร็ว
“ผมกำลังมาทานที่นี่เหมือนกันครับ พอดีพบไอ้ฑูรย์ตรงประตู มันเลยฉุดมาพบคุณก่อน”
“เชิญนั่งด้วยกันที่นี่เถอะค่ะ คุณฑูรย์จะได้อุ่นใจที่มีเพื่อน”
ประโยคนั้นราบเรียบก็จริง แต่ไวฑูรย์รู้ดีว่ามันแทรกกังวานเย้ยหยันเสียดแทงไว้อย่างลึกซึ้ง สีหน้าเขาจึงแดงขึ้นในขณะที่หย่อนกายนั่งลง หากไฟที่มืดสลัวไม่ช่วยให้ใครสังเกตสีหน้าเขาได้ถนัด
“นั่งให้สบายนะคะ จะทานอะไรกันดี สุภาพบุรุษเลือกก่อนก็แล้วกัน”
ไวฑูรย์ขยับตัวอย่างอึดอัด เมื่อสังเกตเห็นสีหน้าและดวงตาวาววามของหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงข้าม นัยน์ตาของหล่อนที่เหลือบมองเขาวาวโรจน์อย่างแค้นเคืองอาฆาตและผิดหวังอย่างรุนแรงระคนกัน ริมฝีปากเผยอยิ้มก็จริง แต่แทนที่จะเต็มไปด้วยแววหวานทรงเสน่ห์ตามปกติวิสัย มันกลับเต็มไปด้วยแววหยามหยัน ชิงชัง และมาดร้ายอยู่ในทีจนเขาขนลุกซู่ หนุ่มนักโบราณคดีรู้เต็มอกว่าหล่อนเดือดดาลที่เขาพาทัดเทพมาเป็นโล่คุ้มกันตัวด้วย แทนที่จะมาตามลำพังอย่างที่หล่อนต้องการ
“คุณพินทุวดีมีอะไรให้ผมดูหรือครับ” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นอย่างจะเร่งให้เสร็จธุระเสียโดยเร็ว
“เดี๋ยวซิคะ ทานเสียก่อนแล้วค่อยคุยกัน คุณทัดเทพนั่งเฉยเชียว โกรธอะไรมาหรือคะ”
ทัดเทพยิ้มกร่อยๆ “เปล่าครับ ผมกำลังจะบอกว่าเมื่อวานนี้ไปหาคุณที่บ้านแล้วไม่พบ นั่งรอตั้งนานจนบ่ายก็เลยกลับก่อน”
“ทราบแล้วค่ะ มีอะไรหรือคะ”
“อยากถามนิดหน่อยครับ คือคนที่เจ้าสิทธิ์ขับรถชนน่ะ คุณพินทุวดีคงจำได้ มันชื่อเจ้าช่วง เป็นตีนแมวอยู่ในละแวกพระโขนง มันให้การว่าก่อนถูกรถชนมันแอบเข้าไปในบ้านใหญ่หลังหนึ่ง ผมสอบดูแล้วแถวนั้นที่มันอ้าง มีบ้านหลังใหญ่หลังเดียวคือบ้านคุณ ก็เลยอยากถามดูว่ามีอะไรหายบ้างหรือเปล่าครับ เพราะเจ้าช่วงมันขึ้นชื่อลือชาว่าเป็นยอดตีนแมวอยู่ด้วย”
พินทุวดีเคาะนิ้วกับโต๊ะ นัยน์ตาที่จ้องมองหน้าเขาเขม็งมีแววกังวลอยู่จางๆ
“เจ้าช่วงบอกว่าแอบย่องขึ้นบ้านฉันหรือคะ”
“ก็ไม่เชิงบอกครับ แต่มันละเมอเพ้อพกว่ายังงั้น คุณก็ทราบว่าหลังจากฟื้นขึ้นมาสติของมันก็ป้ำเป๋อไปเลย”
“งั้นเราจะเชื่อคนเป๋ออย่างนั้นได้ยังไงล่ะคะ”
“ก็นั่นน่ะซีครับ ผมถึงได้ลองถามดูว่ามีของหายบ้างหรือไม่ เพราะเจ้าช่วงเป็นตัวแสบครับ ขึ้นบ้านไหนแล้วต้องได้ของมีค่าติดมือไปด้วยทุกที”
“คงไม่ใช่บ้านฉันหรอกค่ะ”
หล่อนตอบเรื่อยๆ พร้อมกับรอยยิ้มอย่างเยียบเย็น ไวฑูรย์มองดูแล้วก็นึกในใจว่า ก็แน่ละซี บ้านเจ้าหล่อนคงจะเลี้ยงผีไว้เต็มบ้าน ขโมยที่ไหนมันจะกล้าแหย็มเข้าไป แต่ทั้งหมดที่เอ่ยวาจาออกมาก็คือ
“เมื่อวานผมไปนั่งหน้ามืดอยู่ในห้องรับแขกบ้านคุณตั้งนาน เชื่อไหมครับว่ายังไม่ทันแก่เลยผมเป็นลมเสียแล้ว เจอเจ้าแมวตัวเบ้อเริ่มอยู่ในห้องนั้นตกใจจนแทบช็อก นึกว่าเป็นเสือดำ”
พินทุวดีหัวเราะอย่างขบขัน “อ๋อ กุเลนน่ะค่ะ ตัวมันโตผิดธรรมดา ใครเห็นมืดๆ เข้าตกใจทุกคน”
“ชื่ออะไรนะครับ”
“กุเลนค่ะ เป็นภาษาเขมรแปลว่า ‘ลิ้นจี่’ แต่ใครๆ ในบ้านเรียกว่ากิเลน กิเลนกันทั้งนั้น”
“มันคงดุเหมือนกิเลนจริงๆ ละมังครับ ขู่ผมฟ่อเลย”
“ค่ะ สำหรับคนแปลกหน้าละก็เอาเรื่องอยู่”
“ดูเหมือนคุณพินทุวดีจะสวมสร้อยคอเพชรให้มันด้วย”
หญิงสาวผู้ลึกลับหัวเราะเบาๆ ดูหล่อนมีอารมณ์ดีขึ้นเมื่อพูดถึงแมวตัวโปรด
“อ๋อ เพชรตาแมวน่ะค่ะ ฉันมีของเก่าอยู่หลายเม็ดก็เลยเอามาทำสร้อยใส่ให้มัน…เอ้อ คุณไวฑูรย์พร้อมที่จะดูของของฉันหรือยังคะ”
“ครับ ผมรออยู่นานแล้ว คุณเอามาด้วยหรือเปล่าล่ะครับ”
แทนคำตอบ พินทุวดีเอื้อมมือลงไปใต้โต๊ะ หยิบอะไรอย่างหนึ่งลักษณะเป็นห่อผ้าฝ้ายขึ้นมา ทัดเทพรีบช่วยรับแต่แล้วก็ทำหน้าเหยเพราะมันหนักไม่ใช่เล่น เขารู้สึกแปลกใจไม่น้อยที่หญิงสาวผู้มีข้อลำบอบบางผู้นั้นหิ้วมันขึ้นมาได้ด้วยมือเดียวอย่างง่ายดาย ร่ำๆ จะถามอยู่แล้ว พอดีพินทุวดีพูดขึ้นเสียก่อน
“นี่แหละค่ะ ของเก่าแก่ที่อยากให้ดูละ เปิดออกซิคะไวฑูรย์ คุณคงแปลกใจไม่น้อยเหมือนฉันนั่นแหละ เดาไม่ออกเลยว่าเป็นของสมัยใด และมาจากไหน ความรู้ของคุณคงช่วยฉันได้ละกระมัง”
- READ อมฤตาลัย ตอนที่ 36
- READ อมฤตาลัย ตอนที่ 35
- READ อมฤตาลัย ตอนที่ 34
- READ อมฤตาลัย ตอนที่ 33
- READ อมฤตาลัย ตอนที่ 32
- READ อมฤตาลัย ตอนที่ 31
- READ อมฤตาลัย ตอนที่ 30
- READ อมฤตาลัย ตอนที่ 29
- READ อมฤตาลัย ตอนที่ 28
- READ อมฤตาลัย ตอนที่ 27
- READ อมฤตาลัย ตอนที่ 26
- READ อมฤตาลัย ตอนที่ 25
- READ อมฤตาลัย ตอนที่ 24
- READ อมฤตาลัย ตอนที่ 23
- READ อมฤตาลัย ตอนที่ 22
- READ อมฤตาลัย ตอนที่ 21
- READ อมฤตาลัย ตอนที่ 20
- READ อมฤตาลัย ตอนที่ 19
- READ อมฤตาลัย ตอนที่ 18
- READ อมฤตาลัย ตอนที่ 17
- READ อมฤตาลัย ตอนที่ 16
- READ อมฤตาลัย ตอนที่ 15
- READ อมฤตาลัย ตอนที่ 14
- READ อมฤตาลัย ตอนที่ 13
- READ อมฤตาลัย ตอนที่ 12
- READ อมฤตาลัย ตอนที่ 11
- READ อมฤตาลัย ตอนที่ 10
- READ อมฤตาลัย ตอนที่ 9
- READ อมฤตาลัย ตอนที่ 8
- READ อมฤตาลัย ตอนที่ 7
- READ อมฤตาลัย ตอนที่ 6
- READ อมฤตาลัย ตอนที่ 5
- READ อมฤตาลัย ตอนที่ 4
- READ อมฤตาลัย ตอนที่ 3
- READ อมฤตาลัย ตอนที่ 2
- READ อมฤตาลัย ตอนที่ 1