กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 10 : ยั่วราคะ (2)
โดย : ชีวาพร
กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว โดย ชีวาพร เรื่องราวของสองพี่น้องที่ชีวิตแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน คนหนึ่งใบหน้างดงามโดดเด่นเป็นที่ปรารถนาของผู้คน อีกคนใบหน้าสามัญและยังมีชะตากาลกิณีติดตัวมาตั้งแต่เกิด ชีวิตของทั้งคู่จะดำเนินไปในทิศทางใด อ่านเรื่องราวของพวกเธอได้ในเว็บไซต์อ่านเอา anowl.co และเพจ anowldotco
“คุณเงินจะมิลงโทษบ่าวใช่หรือไม่เจ้าคะ”
“เอ็งอยากให้ข้าลงโทษหรือไม่เล่า”
น้ำเสียงละมุนเอ่ยปลอบโยนหญิงสาวด้วยท่าทางอบอุ่น ดวงตาคมมองใบหน้าที่โดดเด่นเกินกว่าหญิงใดราวต้องมนตร์ ผกากรองแสร้งเขินอาย เบนสายตา และดึงมือออกจากมือหนา โดยจงใจปล่อยชายผ้าแถบไว้ในมือเขา ยามที่ขยับตัวลุกขึ้นยืนผ้าแถบบนอกก็ถูกดึงรั้งจนหลุดออกจากกายสาวราวกับมิได้ตั้งใจ
ดวงตาเรียวเบิกกว้าง เฉกเช่นเดียวกับดวงตาคมที่ตื่นตระหนกกับภาพอันงดงามตรงหน้า ผกากรองเร่งยกสองแขนขึ้นปิดอก ทว่าด้วยขนาดเนินเนื้อที่เกินตัวให้พยายามปิดอย่างไรก็มิอาจมิด ตรงข้ามกลับยิ่งกระตุ้นให้คนที่นั่งอยู่อยากดึงรั้งมือของนางออกเพื่อยลโฉมความงามอีกครั้ง
“คุณเงิน คะ…คืนผ้าแถบให้บ่าวเถิดเจ้าค่ะ”
ผกากรองพยายามดึงผ้าแถบของตนคืน ทว่าคุณเงินกลับออกแรงดึงรั้งกลับ ร่างอวบอิ่มพลันเซถลาล้มลงใส่เขาอย่างพอดี ฝ่ามือหนาออกแรงเพียงเล็กน้อยก็ดึงผ้าแถบออกจากมือของผกากรอง แล้วโยนไปที่กลางเรือน
“ว้าย! คุณเงิน”
ผกากรองยืดตัวเอื้อมมือตามไปคว้าผ้าแถบที่ลอยไปกลางอากาศทำให้อกอวบอิ่มข้างหนึ่งเผยต่อสายตาคม ลำคอของคุณเงินแห้งผากไม่ทันรู้ตัวก็อ้าปากงับยอดปทุมสีหวานตรงหน้า ดูดดึงตวัดลิ้มรส
“อะ…คุณเงินทำอะไรบ่าวเจ้าคะ อะ…ยะ…อย่าเจ้าค่ะ”
ท่าทีขัดขืนเล็กน้อยของผกากรองทำให้สัญชาตญาณความต้องการของคุณเงินเพิ่มพูนเป็นทบทวี วงแขนแกร่งโอบรัดเรือนร่างของเธอแนบชิด ผกากรองต่อต้านผลักไสไม่นานก็เปลี่ยนเป็นบิดเร่าครวญเสียงแผ่ว
“คุณเงินเจ้าขา อย่าทำบ่าว…อื้ม…”
เสียงครวญสั่นของผกากรองทำให้ไฟปรารถนาของคุณเงินพุ่งทะยานจนไม่อาจควบคุม สติที่แจ่มชัดพลันจางหาย แสงตะวันสาดส่องเรือนร่างขาวเนียนที่อวดสล้างปลุกเร้าจนกายหนุ่มเกร็งสะท้าน มือหนาปลดโจง เปิดผ้านุ่งพร้อมกับดันหญิงสาวที่อยู่ในสภาพเปลือยอกลงแนบกับพื้นเรือน ก่อนจะโถมกายทาบทับหยอกเย้าเล่นรักลึกซึ้งเสียกลางเรือน
ยามที่สองร่างสอดประสาน เสียงหวานร้องห้ามแผ่วเบาสลับกับเสียงครวญสะท้าน หากแต่ในดวงตาของผกากรองกลับเปล่งประกายสมใจ
ไม่มีวันที่คนเยี่ยงกูจะตกต่ำ
“คุณเงินปล่อยบ่าวกลับเรือนเถิดเจ้าค่ะ หากใครมาเห็นเข้าจะตำหนิคุณเงินเอาได้นะเจ้าคะ”
ผกากรองถูกคุณเงินเคี่ยวกรำจนเย็นย่ำก็ขยับตัวหมายกลับเรือนของตน อย่างไรเสียเพลานี้เธอยังได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเมียของก้อน หากมีคนรู้เรื่องเธอกับคุณเงินเข้าเสียก่อน แผนที่วางเอาไว้จะล่มเอาได้ ทว่าผกากรองหมายใจลงจากเรือน แต่เจ้าของเรือนกลับไม่ยินดี แขนแกร่งโอบรัดเธอแน่นกดแนบใบหน้าคลอเคลียไม่ห่างกายสาว คุณเงินนั้นเป็นบุรุษด้อยประสบการณ์รัก ยามเมื่อได้สัมผัสรสรักอันช่ำชองและเร่าร้อนของผกากรองก็หลงใหลเป็นหนักหนา ผกากรองต้องใช้วาจาหวานหูเกลี้ยกล่อมอยู่หลายประโยคอีกฝ่ายจึงยอมรามือปล่อยเธอลงจากเรือน
“ผกากรองเอ็งรับปากข้าแล้ว อย่าให้ข้ารอเก้อเชียว”
“บ่าวเป็นคนของคุณเงินแล้ว จะกล้าให้คุณเงินรอได้เยี่ยงไรเจ้าคะ”
ผกากรองเอ่ยถ้อยคำหวานออดอ้อนก่อนจะลงจากเรือนเล็ก ทว่านับจากวันนั้นเธอก็มิไปที่เรือนของคุณเงินอีกเลย จวบจนคนที่รั้งรออยู่บนเรือนเล็กทนมิไหวบุกมาหาเสียเองที่เรือนทาส
“คุณเงิน!”
“เหตุใดเอ็งจึงมิไปหาข้า”
ท่าทางแลน้ำเสียงตัดพ้อถึงเพียงนี้ผกากรองย่อมมองออกว่าอีกฝ่ายตกอยู่ในห้วงสิเน่หาของตนแล้ว ใบหน้างามก้มลงมองฟากพื้นเรือนด้วยดวงตาอาบน้ำ จงใจเอ่ยเสียงดังหนักแน่นให้บ่าวที่อยู่นอกเรือนได้ยินโดยถ้วนทั่ว
“คุณเงินกลับไปเถิดเจ้าค่ะ บ่าว…”
“ข้ามิกลับ! บอกข้ามาเหตุใดจึงมิไปหาข้าที่เรือน”
“ก่อนจะพบคุณเงินบ่าวก็ได้เสียกับพี่ก้อนไปแล้ว บ่าวเป็นหญิงมีราคีจะกล้าอาจเอื้อมรับเมตตาจากคุณเงินได้อย่างไร”
คุณเงินนั้นเกิดจากมารดาที่เป็นทาสบ่าวอยู่ในเรือน ที่ผ่านมาไหนเลยจะมีใครเคยนอบน้อมอย่างจริงใจต่อเขา เมื่อเห็นแม่ผกากรองทั้งเคารพและเทิดทูนตนในใจของคุณเงินก็ยิ่งยึดมั่นต่อคนตรงหน้า
“คุณเงินกลับไปเถิดเจ้าค่ะ บ่าวไม่คู่ควร รังแต่จักทำให้คุณเงินแปดเปื้อนเสียเปล่าๆ”
ตลอดชีวิตของเขาของใดที่อยากได้ สิ่งใดที่อยากมี ล้วนถูกคุณทองน้องชายบนเรือนใหญ่แย่งชิงไปจนหมดสิ้น เมื่อได้ยินว่าตนเองจะถูกแย่งชิงหญิงที่หมายตา อีกทั้งคนที่แย่งชิงยังเป็นเพียงทาสในเรือนในใจก็เกิดความรู้สึกไม่ยินยอมและอยากเอาชนะขึ้นมา
“ไอ้อีตนใดกล้ามาแย่งคนของข้า ข้าจะลงหวายมันให้หนัก”
อย่างไรเสียเขาก็มีศักดิ์เป็นนายของเรือนนี้เช่นกัน หากจะลงโทษบ่าวไพร่สักคนย่อมมิมีผู้ใดกล้าต่อต้าน ผกากรองที่ก้มหน้าราวกับหวาดหวั่นลอบยิ้มกระหยิ่มใจ
“แต่ที่นี่เป็นเรือนทาสของพี่ก้อน คุณเงินกลับไปเถิดเจ้าค่ะ…”
เรือนของก้อน เยี่ยงนั้นย่อมเป็นสถานที่ที่บ่าวชายผู้นั้นแสดงความรักต่อผกากรอง ในใจที่อยากเอาชนะของคุณเงินจึงพลุ่งพล่านเป็นทบทวี
“ข้าไม่กลับ!”
ไม่เพียงเอ่ยปฏิเสธแต่คุณเงินยังขยับเท้าโถมตัวเข้าหาแม่ผกากรอง
“ว้าย! คุณเงินอย่าเจ้าค่ะ คุณเงิน! ปล่อยเจ้าค่ะ ปล่อยบ่าว”
เสียงร้องขัดขืนของผกากรองดังก้องออกมานอกเรือน หากแต่แรงที่ต่อต้านคุณเงินกลับน้อยนิด ชายหนุ่มยกยิ้ม รับรู้ได้ว่าแท้จริงแล้วผกากรองมิได้คิดหลีกหนีปฏิเสธตนเช่นที่ปากร้อง ก็ยิ่งกระหยิ่มใจ
“ข้าคิดถึงเสียงหวานๆ ของเอ็งนักผกากรอง”
น้ำเสียงแหบพร่ากระเส่าเอ่ยกระซิบยามที่ทาบตัวโถมทับผสานกาย ผกากรองร้องห้ามเสียงสั่นสลับเสียงครวญสะท้าน บรรดาบ่าวไพร่หน้าเรือนต่างเข้าใจว่าคุณเงินบุกมาขืนใจผกากรองถึงเรือนก็พากันเวทนาเธอยิ่งนัก
“ข้าได้ยินว่าคุณเงินลวนลามมันตั้งแต่คราวไปส่งข้าว อีผกากรองมันก็เลยไม่กล้าไปที่เรือนเล็กอีก”
“มิไปแล้วอย่างไร คนเขาเป็นนายอยากได้ทาสหญิงนางใดในเรือนก็ไม่มีใครกล้าขัด เอ็งไม่ได้ยินหรือว่าอีผกากรองมันทั้งร้อง ทั้งห้าม ทั้งบอกว่ามีผัวแล้วคุณเงินก็หาฟังไม่”
“นี่ถ้าไอ้ก้อนมันกลับมาแล้วรู้ว่าโดนแย่งเมียคงช้ำอกน่าดู”
เสียงร้องของผกากรองดังออกมาเป็นระยะให้ชวนเวทนาเห็นใจ หากแต่เย็นที่ยืนฟังอยู่มิใกล้มิไกลกลับยกยิ้มเย้ยหยันดูแคลน
ขืนใจกระไรกัน หึ! หญิงร่านเยี่ยงอีผกากรองรึจะเสียท่าให้ผู้ใดโดยง่าย เกรงว่าจะเป็นคุณเงินเสียมากกว่าที่เสียท่าให้มัน
หลังพลอดรักลึกซึ้งจนพอใจ คุณเงินก็เอ่ยชวนผกากรองกลับเรือน แต่ผกากรองกลับมีท่าทีบ่ายเบี่ยงหยิบผ้าผ่อนมาสวมใส่ด้วยท่าทางอ่อนแรง เพื่อไม่ให้เสียหญิงสาวที่หมายตาไป คุณเงินจึงช้อนร่างที่เต็มไปด้วยรอยรักเข้าแนบอกก้าวเท้าออกจากเรือนทาสพาคนกลับไปยังเรือนตน นับจากนั้นผกากรองก็กลายเป็นเมียบ่าวของคุณเงิน ไม่ต้องทำงานหนัก อีกทั้งชีวิตยังสุขสบายมีเงินให้ใช้มีทองให้สวมใส่
“เงินในหีบเป็นเบี้ยหวัดที่แม่นายเรไรจัดสรรแบ่งมาให้ แม่ผกากรองหยิบไปใช้เถิด อยากได้ผ้า กำไลแหวนก็ไปซื้อเอา”
“เงินของคุณเงินบ่าวจะกล้าใช้ได้เยี่ยงไรเจ้าคะ”
ปากบอกมิกล้าแต่แววตากลับจดจ้องคำนวณจำนวนเงินในหีบอยู่ในใจ คุณเงินขยับตัวโอบเอวบาง พร้อมกับวางหน้าซุกไซ้เอ่ยกระซิบ
“เงินผัวก็คือเงินเมียมิใช่รึ”
ผกากรองได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มกว้าง หันกลับไปโอบกอดลำคอแกร่งของคนใจกว้าง
“คุณเงินช่างเมตตาบ่าวนัก เยี่ยงนั้นคืนนี้ให้บ่าวปรนนิบัติคุณเงินนะเจ้าคะ”
ร่างกายของชายหนุ่มสั่นเกร็งเมื่อถูกหญิงสาวพลิกตัวขึ้นนั่งคร่อมบนเอวหนา ยามที่ผกากรองปลดเปลื้องเสื้อผ้าแลสอดประสานกลืนกินเขาไว้ในกายนาง มือหนาก็จับขอบตั่งเกร็งมั่น ร่างกายสัมผัสรสรักอันสุขสมอยู่หลายหนผกากรองจึงยอมลงจากกายเขา แล้วขยับเดินไปรั้งรอบนเตียงกว้าง ปรนนิบัติคุณเงินจนเขาหมดแรงหลับคาอกจึงลุกมานับเงินในหีบอย่างพึงพอใจ
อวบได้ยินผู้คนเล่าลือกันว่าลูกชายของตนไปลากบ่าวหญิงในเรือนทาสมาทำเมียในใจก็ร้อนรุ่มดังไฟเผา แม่นายเรไรเห็นท่าทางของอดีตบ่าวหน้าห้องก็ยกมุมปากขึ้นเย้ยดูแคลน
“เลือดในตัวเอ็งมันคงแรงนัก อุตส่าห์วางแผนจนมีวาสนาได้พี่เพชรเป็นผัว แต่ลูกชายที่เกิดมากลับมิทิ้งสันดานทาสของแม่ จับดูไม่มีหางก็ลากขึ้นเรือนไป…น่าอายนัก”
อวบถูกเย้ยหยันดูแคลนในใจก็อาบไปด้วยโทสะ ลงจากเรือนใหญ่มุ่งตรงไปยังเรือนเล็กแล้วโวยวายในทันทีที่เห็นหญิงสาวนางหนึ่งกำลังนั่งนัวเนียอยู่กับลูกชายที่ลานกลางเรือนโดยมิอายฟ้าอายสางใดๆ
“คุณเงิน!”
เสียงตวาดก้องของมารดาทำให้คุณเงินเงยหน้ามาจากอกอวบอิ่ม ผกากรองถอนหายใจอย่างขัดอารมณ์ หยิบจับผ้าแถบที่หลุดลุ่ยขึ้นพันกายแล้วหันมายกมือไหว้อีกฝ่ายด้วยท่าทางนอบน้อม แต่สายตากลับล่องลอยราวกับมิเต็มใจไหว้สากัน
“แม่มาหาฉันถึงเรือนเล็ก มีเรื่องอันใดด่วนรึไม่”
คำพูดที่เอ่ยถามมารดานั้นติดความแข็งกระด้างห่างเหินอยู่ในที ผกากรองยกมุมปากขึ้นอย่างพอใจกับความสัมพันธ์นี้ของคุณเงินและมารดา
ก่อนหน้านี้เธอสืบจนรู้ความมาว่า แม้แม่นายเรไรจะยกเรือนเล็กหลังนี้ให้คุณเงินกับมารดาอยู่อาศัย ทว่าอวบกลับไม่ยินดีอยู่ห่างจากท่านเศรษฐีเพชร ดังนั้นที่ผ่านมาเพื่อรักษาความโปรดปรานของท่านเศรษฐีเพชรเอาไว้อวบจึงทอดทิ้งลูกชายไว้ที่เรือนเล็กเพียงลำพัง และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้คุณเงินกับมารดามิได้สนิทสนมกันเช่นบุตรมารดาคู่อื่น
“แม่ได้ยินว่าคุณเงินรับเมียมาอยู่เรือน”
“เป็นเยี่ยงนั้น แม่มีปัญหากระไรรึ”
ดวงตาของอวบตวัดมองหญิงสาวตรงหน้า แม้จะมีรูปร่างงดงามเย้าตายวนใจ ทว่าอวบกลับสัมผัสได้ถึงความคิดอันชั่วร้ายของอีกฝ่าย มือขาวยกขึ้นชี้หน้าตวาดน้ำเสียงดูแคลนออกมา
“อีผกากรองมันเป็นทาส คุณเงินเป็นบุตรชายท่านเศรษฐีจักลดตัวไปเกลือกกลั้วกับคนชั้นต่ำเยี่ยงมันได้อย่างไร”
“แต่แม่ก็เป็นทาสเช่นกันมิใช่หรือไร”
เพราะความลุ่มหลงทำให้คุณเงินพลั้งเผลอพูดจาทำร้ายจิตใจมารดา หากแต่ยามที่คิดจะเอ่ยขอขมา แขนแกร่งก็ถูกแม่ผกากรองกอดรั้งบีบน้ำตา
“แม่อวบเอ่ยเยี่ยงนี้ ผู้คนจะเข้าใจผิดคิดว่าแม่กำลังตำหนิท่านเศรษฐีที่ยกทาสเยี่ยงแม่ขึ้นเป็นเมียเอาได้นะจ๊ะ”
“อีผกากรอง!”
อวบตวัดมองใบหน้าที่ยั่วโทสะแลวาจาที่เย้ยหยันก็เดือดดาลคิดลงมือสั่งสอนคน ไม่คิดว่าเพียงง้างมือขึ้นบุตรชายที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจก็ออกโรงปกป้องอีกฝ่าย
“ที่นี่เป็นเรือนของฉัน หากแม่คิดจะลงมือทำร้ายคนของฉันก็ควรถามฉันก่อน ว่ายินดีฤๅไม่”
“คุณเงินปกป้องมันรึ”
“ฉันเพียงเอ่ยตามความจริงเท่านั้น อีกอย่างผกากรองก็มิได้เอ่ยคำใดผิด คำพูดเมื่อครู่คราวหน้าแม่ก็อย่าเอ่ยออกมาอีกเลย จะส่งผลเสียมากกว่าผลดี”
ได้ยินคำพูดของคนเป็นลูก หัวใจของคนเป็นมารดาก็เจ็บปวดเหลือแสน ทว่ากลับมิอาจโต้แย้งคำใดสุดท้ายจึงทำเพียงลงเรือนจากไป
อีอวบ! คิดเป็นศัตรูกับกูรึ สักวันกูจักสั่งสอนให้หนักทีเดียว!
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 12 : มีเงินท่วมหัว มิเท่ามีผัวพระยา (1)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 11 : ยวนสวาท (3)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 11 : ยวนสวาท (2)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 11 : ยวนสวาท (1)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 10 : ยั่วราคะ (2)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 10 : ยั่วราคะ (1)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 9 : เปื้อนราคี (3)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 9 : เปื้อนราคี (2)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 9 : เปื้อนราคี (1)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 8 : กลรักดอกแก้ว (2)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 8 : กลรักดอกแก้ว (1)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 7 : เล่ห์ร้ายผกากรอง (2)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 7 : เล่ห์ร้ายผกากรอง (1)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 6 : เพลิงริษยา (2)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 6 : เพลิงริษยา (1)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 5 : ไฟรัญจวน (2)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 5 : ไฟรัญจวน (1)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 4 : อวลกลิ่นดอกแก้ว (2)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 4 : อวลกลิ่นดอกแก้ว (1)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 3 : กรุ่นกลิ่นผกากรอง (2)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 3 : กรุ่นกลิ่นผกากรอง (1)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 2 : ดวงบริพัตร (2)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 2 : ดวงบริพัตร (1)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 1 : ดวงกาลกิณี (2)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 1 : ดวงกาลกิณี (1)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว : บทนำ