กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 11 : ยวนสวาท (3)
โดย : ชีวาพร
กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว โดย ชีวาพร เรื่องราวของสองพี่น้องที่ชีวิตแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน คนหนึ่งใบหน้างดงามโดดเด่นเป็นที่ปรารถนาของผู้คน อีกคนใบหน้าสามัญและยังมีชะตากาลกิณีติดตัวมาตั้งแต่เกิด ชีวิตของทั้งคู่จะดำเนินไปในทิศทางใด อ่านเรื่องราวของพวกเธอได้ในเว็บไซต์อ่านเอา anowl.co และเพจ anowldotco
“แม่อย่าได้มาขวางทางฉัน หลีก!”
เพราะความลุ่มหลงและต้องการแย่งคนคืน คุณเงินจึงออกแรงผลักอวบจนล้มลงแล้วเดินสาวเท้าเร็วตรงไปยังเรือนใหญ่ แลทันทีที่ก้าวขึ้นบนเรือนก็เอ่ยเรียกหาผกากรองดังก้องเรือน
“ผกากรอง! ผกากรอง!”
“เอะอะกระไรกัน เสียงดังเข้าไปถึงในหอนอนข้า!”
เรไรเดินออกมาจากหอนอนด้วยท่วงท่าสง่างามสมเป็นลูกสาวของอดีตขุนนางชั้นสูง ดวงตาเรียวตวัดมองบ่าวที่ตามติดมาจากเรือนเดิมแต่ทรยศปีนขึ้นเตียงผัวของตนอย่างเกลียดชัง ยิ่งเห็นคุณเงินที่เป็นดั่งหลักฐานการถูกหักหลังในอดีตในใจของเรไรก็คล้ายมีไฟลุกโชนโหมกระพือขึ้น
“ข้าบอกแล้วมิใช่รึว่าห้ามให้ไอ้ลูกทาสสันดานไพร่เยี่ยงมันขึ้นมาบนเรือนใหญ่ แล้วนี่ไอ้อีตนใดปล่อยมันขึ้นมา”
“กระผมก็มิได้ใคร่ขึ้นมาดอกขอรับ หากมิใช่เพราะคุณทองบังคับกักขังคนของกระผมไว้ วันนี้กระผมก็คงมิมาให้แม่นายเรไรเห็นหน้าเยี่ยงนี้”
บังคับกักขังคน เมื่อนึกถึงเสียงกรีดร้องผสานกับเสียงครวญครางที่ดังลั่นเรือนเมื่อคืน ไม่ต้องให้ชายหนุ่มลูกทาสตรงหน้าอธิบายก็รู้ได้ว่าลูกชายของตนเอาคนของอีกฝ่ายมาทำอะไร
“จักด้วยเหตุผลใดคนเยี่ยงมึงก็มิควรขึ้นมาเป็นเสนียดบนเรือนกู ไอ้ชดลากมันลงไปแล้วเอาน้ำมาล้างเรือนกูด้วย”
การกระทำที่แสดงชัดถึงท่าทีดูถูกดูแคลนของคนตรงหน้าทำให้คุณเงินกัดฟันกรอด สองมือกำเข้าหากันแน่น ก่อนจะเอ่ยเสียงลอดไรฟันออกมา
“กระผมก็เป็นลูกของคุณพ่อเยี่ยงพ่อทอง เหตุใดจักขึ้นมาบนเรือนมิได้”
เมื่อถูกลูกทาสชั้นต่ำตรงหน้ายกตนมาเสมอลูกชายที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจ โทสะในใจของเรไรก็ลุกโชนยกมือขึ้นชี้หน้าตวาดลั่น มิหลงเหลือกิริยาลูกพระยานาหมื่นเลยแม้แต่น้อย
“ไอ้เงิน ไอ้ทาสชั้นต่ำ สันดานเลว ประเดี๋ยวนี้มึงกำเริบถึงขั้นกล้าเอาตัวมาเทียบกับลูกกูเชียวรึ”
“กระผมมิได้กำเริบ เพียงเอ่ยความจริงเท่านั้นขอรับ”
เป็นคราแรกที่พ่อเงินกล้าต่อปากต่อคำกับตน เรไรพลันเบิกตากว้าง ส่งสายตาดุดันจดจ้องเด็กหนุ่ม ในใจของคุณเงินพลันเกิดความหวาดกลัวต่อสายตาของเรไรขึ้นมาวูบหนึ่ง ทว่าเมื่อคิดถึงผกากรองความกล้าหาญก็กลับมาอีกครั้ง
“หากแม่นายเรไรมิต้องการเห็นกระผมอยู่บนเรือนให้ระคายตาก็ส่งคนของกระผมคืนมาสิขอรับ”
“กูไม่คืน!”
เสียงเข้มดังขึ้นก่อนที่ประตูหอนอนปีกขวาจะเปิดออกพร้อมกับร่างสูงสง่าของคุณทอง แขนขวาของเขาโอบไหล่ที่สั่นสะท้านของผกากรองเอาไว้ คุณเงินมองใบหน้าที่ขึ้นริ้วแดงก่ำเป็นรอยมือแลเนื้อตัวที่บอบช้ำของผกากรองแล้วก็สาวเท้าไปหมายแย่งคนคืน ทว่าบ่าวคนสนิทของคุณทองกลับมาขวางเอาไว้
“คุณทองเอาคนของฉันคืนมา”
“แล้วถ้ากูไม่คืนเล่า มึงจะทำไม หาไอ้เงิน!”
“เยี่ยงนั้นยามที่คุณพ่อกลับมาฉันจะรายงานเรื่องที่คุณทองติดการพนัน แลมั่วสุมดื่มสุราให้หมดสิ้น”
“มึงกล้าขู่กูรึไอ้เงิน”
“กระผมมิได้ขู่ หากคุณทองไม่เชื่อจักรอดูก็ได้ อีกมิกี่เพลาเรือของคุณพ่อก็จะเดินทางมาถึงพระนครแล้ว”
“หุบปากนะ!”
เรไรเดินมาผลักคนที่เอ่ยวาจาให้ร้ายลูกชายของตนด้วยท่าทางขุ่นเคือง
“ไอ้เงินมึงลืมแล้วรึว่ามึงเป็นใคร พ่อทองของกูเป็นใคร ไอ้ชดไปเอาหวายมา กูจักสั่งสอนเตือนสติคนให้มันจำกำพืดของตนเสียใหม่”
ทันทีที่ได้ยินว่าเรไรจะลงโทษลูกชายของตน อวบก็วิ่งเข้ามากางแขนยืนขวางกั้น
“คุณเงินเป็นลูกของท่านเศรษฐี ไอ้อีตนใดกล้าแตะต้องทำร้ายรึ”
“แตะต้องมิได้อย่างนั้นรึ”
“อย่างไรแม่นายเรไรก็เป็นแค่เมีย ดีชั่วก็เป็นคนอื่น อร๊าย…”
อวบพูดไม่ทันจบแก้มซีกซ้ายก็ถูกฝ่ามือของเรไรฟาดใส่สุดแรงจนล้มลง คุณเงินรีบเข้าไปประคองแม่ของตนทันที
“เช่นนั้นกูจักสั่งสอนบ่าวเยี่ยงมึงแทน อีปรุงจับอีอวบขึ้นโยงขื่อแล้วโบยมันให้หนัก”
“อย่านะขอรับ”
คุณเงินพลันเกิดความหวาดกลัวขึ้นมาในทันที รีบขยับตัวกางแขนปกป้องมารดาของตนเอาไว้ อวบตัวสั่นสะท้านมองลูกชายตรงหน้าด้วยความรู้สึกเจ็บปวด ทว่าต่อให้คุณเงินคิดปกป้องคนเป็นแม่แค่ไหน ตัวเขาก็เป็นเพียงลูกทาส คำพูดจะสำคัญไปกว่าแม่นายเรไรที่เป็นเมียกลางเมืองของท่านเศรษฐีได้เยี่ยงไรกัน สองแขนแกร่งถูกบ่าวชายจับยึดตรึงแลกดลงบนพื้นเรือน ได้แต่มองดูแม่ของตนถูกจับโยงขื่อโบยตีจนโลหิตอาบหลังทั้งน้ำตา
“แม่นายเรไรกระผมผิดไปแล้ว ได้โปรดหยุดเถิดขอรับ แม่อวบจะทนมิไหวแล้ว”
“หากมันทนมิไหวก็เอาน้ำเกลือมาสาดมัน ให้มันได้ลิ้มรสความเจ็บปวดทรมานจักได้สำเหนียกตนว่าอย่าคิดมากำเริบกับกูอีก”
เสียงร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวดของอวบดังก้องเรือนใหญ่ สอดประสานกับเสียงร่ำไห้อ้อนวอนของคุณเงิน จนกระทั่งอวบสลบไปถึงสองหนเรไรจึงยอมปล่อย
“ไอ้เงินมึงจำไว้ กำพืดทาสอย่างไรก็คือทาส อย่าได้ริอ่านคิดยกตนมาเทียบกับพ่อทองลูกกูอีก”
ผกากรองนั่งอิงแอบแนบชิดข้างคุณทองมองดูอวบที่ถูกโบยจนสิ้นสติแล้วยกยิ้มเย้ยหยัน นึกถึงวันวานที่ถูกอีกฝ่ายดูแคลนแล้วสาแก่ใจนัก ก่อนที่รอยยิ้มจะแปรเปลี่ยนเป็นเดียดฉันท์ยามที่เห็นคุณเงินก้มกราบอ้อนวอนแม่นายเรไร
หึ! คนเยี่ยงนี้ย่อมไม่คู่ควรกับเธอ
หลังจากถูกยกขึ้นเป็นเมียบ่าวของคุณทอง ผกากรองก็ย้ายมารับใช้ใกล้ชิดอยู่กินบนเรือนใหญ่กลายเป็นคนที่บ่าวไพร่ต้องไว้หน้าเพิ่มขึ้น ชีวิตสุขสบายเพียบพร้อมไปด้วยผ้าผ่อนเนื้อดี แลมีเงินทองให้ใช้มิขัดสน
“ข้าได้ยินว่าหลังจากถูกโบยไปวันก่อนแม่อวบก็ล้มป่วยหนัก มิรู้ว่าจะรอดหรือไม่”
“เป็นเวรกรรมโดยแท้ คุณเงินโบยอีเย็นจนตายผ่านไปแค่คืนเดียววันต่อมาแม่อวบก็ถูกโบยปางตายเช่นกัน”
ผกากรองที่เดินผ่านมาได้ยินบทสนทนาของบ่าวไพร่ก็ยกยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจ หญิงมากวาสนาเยี่ยงเธอใครคิดเป็นศัตรูก็ต้องฉิบหายแพ้ภัยไปเยี่ยงนี้ นับว่าสมควรแล้ว
หลายวันต่อมาอวบก็ตกตายจริงๆ ดังคาด คุณเงินที่ถูกแย่งเมียรักตรอมใจมิทันคลายก็มาเศร้าโศกกับการตายจากของคนเป็นแม่ซ้ำเข้าไปอีก หลังฝังศพของอวบเขาก็ดื่มสุราจนเมามาย ยามขาดสติก็ขึ้นไปโวยวายถึงเรือนใหญ่ ก่อนจะถูกคุณทองให้บ่าวคนสนิทซ้อมจนสลบแล้วเอาไปโยนไว้ในเรือนเล็ก
“พ่อทอง แม่ว่าคืนคนให้ไอ้เงินมันไปเสียมิดีรึ หาไม่มันคงวนเวียนระรานให้รำคาญใจมิหยุดหย่อน”
“มิคืนขอรับ ลูกพอใจรสรักแม่ผกากรอง หากไอ้เงินมันมาระรานให้รำคาญใจลูกก็จะให้คนซ้อมจนคลานเยี่ยงหมากลับเรือน”
ผกากรองได้ยินคำของแม่นายเรไรที่ยุยงให้คุณทองทอดทิ้งตนก็จ้องมองด้วยความขุ่นเคือง ทว่าคุณนายเรไรยังมีประโยชน์อยู่ไม่น้อย หากจะจัดการตอนนี้ยังมิเหมาะสมนัก ดังนั้นคนที่เธอควรจัดการก็คือ…
ยามราตรีหยาดน้ำค้างพร่างพราว ความเย็นที่มากระทบตัวทำให้ดวงตาที่บวมช้ำค่อยๆ ปรือตื่นมองปลายเท้าที่หยุดยืนอยู่ตรงหน้าไล้ขึ้นมองใบหน้าเจ้าของก่อนจะยิ้มกว้างอย่างดีใจ
“ผกากรอง เอ็งกลับมาแล้ว กลับมาหาข้าแล้ว”
น้ำเสียงแหบพร่าแผ่วเบาของคุณเงินร้องเรียกเมียรัก ก่อนที่ร่างเล็กจะทรุดตัวลงนั่งบนฟูกนุ่ม จุดธูปหอมปักลงบนหัวเตียงให้แล้วโน้มกระซิบเสียงเบา
“เจ้าค่ะบ่าวกลับมาแล้ว”
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 14 : ทำหน้าที่เมีย (2)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 14 : ทำหน้าที่เมีย (1)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 13 : เล่ห์มารยา (2)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 13 : เล่ห์มารยา (1)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 12 : มีเงินท่วมหัว มิเท่ามีผัวพระยา (2)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 12 : มีเงินท่วมหัว มิเท่ามีผัวพระยา (1)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 11 : ยวนสวาท (3)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 11 : ยวนสวาท (2)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 11 : ยวนสวาท (1)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 10 : ยั่วราคะ (2)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 10 : ยั่วราคะ (1)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 9 : เปื้อนราคี (3)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 9 : เปื้อนราคี (2)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 9 : เปื้อนราคี (1)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 8 : กลรักดอกแก้ว (2)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 8 : กลรักดอกแก้ว (1)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 7 : เล่ห์ร้ายผกากรอง (2)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 7 : เล่ห์ร้ายผกากรอง (1)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 6 : เพลิงริษยา (2)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 6 : เพลิงริษยา (1)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 5 : ไฟรัญจวน (2)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 5 : ไฟรัญจวน (1)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 4 : อวลกลิ่นดอกแก้ว (2)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 4 : อวลกลิ่นดอกแก้ว (1)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 3 : กรุ่นกลิ่นผกากรอง (2)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 3 : กรุ่นกลิ่นผกากรอง (1)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 2 : ดวงบริพัตร (2)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 2 : ดวงบริพัตร (1)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 1 : ดวงกาลกิณี (2)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 1 : ดวงกาลกิณี (1)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว : บทนำ