กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 8 : กลรักดอกแก้ว (1)
โดย : ชีวาพร
กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว โดย ชีวาพร เรื่องราวของสองพี่น้องที่ชีวิตแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน คนหนึ่งใบหน้างดงามโดดเด่นเป็นที่ปรารถนาของผู้คน อีกคนใบหน้าสามัญและยังมีชะตากาลกิณีติดตัวมาตั้งแต่เกิด ชีวิตของทั้งคู่จะดำเนินไปในทิศทางใด อ่านเรื่องราวของพวกเธอได้ในเว็บไซต์อ่านเอา anowl.co และเพจ anowldotco
ยามย่ำรุ่งปราบจ้วงฝีพายออกจากเรือนด้วยอารมณ์หงุดหงิด ทำให้เรือลำเล็กโคลงเคลงชวนให้เวียนหัว จนนางสายที่นั่งอยู่ในเก๋งเรือตวัดสายตามองลูกชายแลเอ่ยปรามอย่างตำหนิ
“พ่อปราบหากมิเต็มใจพายก็ส่งไม้พายมาให้แม่”
แม้จะหงุดหงิดแต่ในฐานะลูกเขาจะให้มารดาลำบากพายเรือด้วยตนเองได้อย่างไรกัน สุดท้ายจึงกลั้นใจควบคุมไม้พายในมือจ้วงลงออกแรงพายเรืออย่างปกติ แก้วส่งยาหอมให้นางสายพลางเอ่ยเสียงอ่อนโยน
“ไหล่ซ้ายของพี่ปราบบาดเจ็บจึงทำให้พายเรือไม่มั่นคงนัก แม่สายอย่าตำหนิพี่ปราบเลยนะจ๊ะ”
“เอ็งก็ออกตัวให้พ่อปราบเสียทุกคราไปสินะแม่แก้ว”
นับตั้งแต่เยาว์วัยคราใดที่นางสายเอ่ยปากตำหนิปราบ แก้วก็มักจะสรรหาเหตุผลมาประนีประนอมไกล่เกลี่ยช่วยเขาเช่นนี้เสมอ เมื่อได้ยินว่าแก้วออกโรงปกป้องตนเองริมฝีปากที่คว่ำลงก็แปรเปลี่ยนเป็นยกขึ้น ก่อนจะกลายเป็นยิ้มกว้างจนดวงตาแทบปิด อารมณ์ที่หงุดหงิดพลันจางหายจ้วงฝีพายได้อย่างมั่นคงและรวดเร็ว ไม่นานก็เทียบท่าที่เรือนจมื่นเมฆ
“วันนี้แม่คงอยู่ปรนนิบัติคุณหุ่นท่านจนเย็นย่ำ พ่อปราบจักไปกิจการใดก็ไปเถิดมิต้องรั้งรอ”
“เยี่ยงนั้นสายๆ ข้าจะมารับแม่แก้วกลับเรือนก่อน เย็นย่ำจึงค่อยมารับแม่อีกที”
“เอ๊ะ! พ่อปราบเหตุใดจึงพูดจามิรู้ความ หากวุ่นวายนักก็มิต้องมารับกัน เย็นย่ำแม่จักให้คนที่เรือนคุณท่านไปส่งเอง”
“แต่…”
“มิมีแต่กระไรทั้งสิ้น ไปแม่แก้วมิต้องไปเจรจากับคนวิปลาส”
แก้วมิทันได้เอ่ยคำใดก็ถูกนางสายจับจูงจากไป ดวงตากลมมองใบหน้าถมึงทึงของคนบนเรือด้วยความกังวลใจ เพียงแต่ให้กังวลอย่างไรแก้วก็ทำได้เพียงเดินมาหยุดที่หน้าเรือนพักของคุณหุ่น
“มาแล้วรึแม่สาย ขึ้นไปบนเรือนเถิดคุณหุ่นท่านรออยู่นานแล้ว”
ละม่อมบ่าวหน้าเรือนเอ่ยบอกเสียงนอบน้อม ประเมินจากท่าทีของอีกฝ่ายดูแล้วแม่สายคงเป็นที่โปรดปรานของคุณหุ่นไม่น้อยเลยทีเดียว ดวงตากลมโตของแก้วลอบมองเรือนไม้หลังใหญ่ด้วยความตื่นตาตื่นใจ เพียงแค่ลานกว้างหน้าเรือนที่ใช้รับรองแขกก็มีขนาดใหญ่กว่าตัวเรือนของนางสายถึงสองเท่า
ใหญ่โตเช่นนี้กว่าจะเช็ดถูเสร็จหัวเข่าคงถลอกกันพอดี
แก้วคิดพลางเดินขึ้นมาบนเรือน เมื่อเห็นนางสายนั่งลงคลานเข่าไปหาผู้เป็นนายเก่า แก้วที่ได้รับการอบรมจากนางสายมาอย่างดีก็ทำตามอย่างรู้ความ แม้ในใจจะตื่นตาตื่นใจกับทุกสิ่งรอบตัว แต่ท่าทีที่แสดงออกมากลับสงบนิ่งชวนให้ผู้พบเห็นชื่นชม
“หน้าตามิเลว กิริยารึก็ใช้ได้ เอ็งอบรมคนได้ดีทีเดียวนะสาย”
แก้วนั่งนิ่งมองต่ำ ได้ยินเพียงเสียงก็รับรู้ได้ถึงอำนาจและบารมีของอีกฝ่าย ช่างสมกับเป็นหญิงสาวที่เกิดมาในชาติตระกูลขุนนางแลเป็นภริยากลางเมืองของจมื่นคนโปรด
“ยังต้องอบรมอีกมากโขเจ้าค่ะ โดยเฉพาะงานบ้านงานเรือน”
“อืม… ไหนเข้ามาใกล้ๆ ให้ข้าดูหน้าสักหน่อยสิ”
แก้วได้ยินคำเรียกก็หันไปสบสายตากับนางสาย เมื่ออีกฝ่ายพยักหน้าเชิงอนุญาตก็ขยับตัวคลานเข่าเข้าไปหมอบกราบอยู่เบื้องหน้าคุณหุ่น สายตายังคงมองต่ำอย่างเจียมตัว ริมฝีปากของคุณหุ่นยกขึ้นยิ้มอย่างชื่นชมและพึงพอใจ
“เอาแต่ก้มมองพื้นข้าจะเห็นหน้าค่าตาได้เยี่ยงไรเล่า”
แม้ในใจจะหวาดหวั่นและตื่นตระหนก แต่แก้วก็ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นหากแต่ดวงตายังคงหลุบต่ำ คุณหุ่นใช้พัดจีบในมือเชยคางมนขึ้นพินิจดวงหน้าแล้วเอ่ยเสียงราบเรียบ
“เกิดยามตะวันดับใช่หรือไม่”
ทันทีที่ได้ยินคนตรงหน้าเอ่ยถึงฤกษ์ยามเกิดอันเป็นกาลกิณีของตน ใบหน้าของแก้วก็ซีดเผือด เม็ดเหงื่อผุดขึ้นเต็มวงหน้า ดวงตาเบิกขึ้นสบแววตาทรงอำนาจอย่างลืมตัว ทว่าท่าทีตื่นกลัวนี้กลับทำให้คุณหุ่นยิ่งนึกสงสารและเอ็นดู เรื่องที่แก้วเกิดในฤกษ์ยามตะวันดับจนถูกผู้คนเล่าลือเป็นตัวกาลกิณีนั้นนางสายล้วนเล่าให้คุณหุ่นฟังจนหมดสิ้น ทว่าคุณหุ่นมิใช่คนไร้เหตุผลเรื่องเหล่านี้ล้วนไม่ถือสาเอามารังเกียจดูแคลนคน
“ก็มีสองตา หนึ่งจมูก หนึ่งปาก นี่นา มิเห็นมีกงใดแปลกประหลาดสักนิด”
คำพูดและแววตาที่ไร้ความรังเกียจทำให้หัวใจของแก้วเกิดความอบอุ่นขึ้นมาสายหนึ่ง ดวงตากลมร้อนผ่าวซาบซึ้งในความเมตตาของอีกฝ่ายจนหยาดน้ำเอ่อคลอ
“อ้าว… ร้องไห้เสียแล้ว ประเดี๋ยวพ่อปราบมาเห็นเข้าได้โวยวายจนเรือนข้าล่มพอดี”
เพราะเห็นกันมาตั้งแต่แบเบาะ เลี้ยงกันมาตั้งแต่ยังเล็ก แม้ไม่ใช่ลูกที่คลอดออกมาแต่คุณหุ่นก็เมตตาเอ็นดูปราบราวกับลูกของตนเอง อีกทั้งยังรู้จักนิสัยใจคอกันเป็นอย่างดี
“ขออภัยเจ้าค่ะ”
แก้วก้มหน้าเอ่ยเสียงสั่น พยายามกล้ำกลืนก้อนสะอื้นลงท้องแล้วปรับอารมณ์ของตนให้กลับมามั่นคงเช่นเดิม คุณหุ่นมองดูทุกอากัปกิริยาของหญิงสาวแล้วไม่นึกแปลกใจเลยสักนิดว่าเหตุใดจึงสามารถครองใจคนใจแข็งเยี่ยงพ่อปราบเอาไว้ได้มั่นนัก
หากพ่อปราบมิขัด ฉันจะทาบทามแม่หญิงฟ้ารุ่งบุตรีคนรองของท่านออกญาให้
มิกล้ารบกวนคุณหญิงให้วุ่นวายขอรับ กระผมเป็นไพร่ให้ครองเรือนกับบุตรขุนนางมิสะดวกใจนัก
ต้องเป็นแม่ตะวันดับนั่นใช่หรือไม่จึงจะสะดวกใจ
แก้วขอรับ ชื่อแก้ว มิใช่ตะวันดับ
คุณหุ่นนึกถึงบทสนทนาของตนเองกับปราบแล้วก็ขบขันในลำคอ แม้แต่ชื่อก็มิยอมให้ใครหยอกเย้า หวงจนเกินควรจริงๆ
“เอาเถิดมิต้องตื่นกลัวไป ฉันมิใช่ยักษ์ใช่มารที่ไหน ที่เรียกหาวันนี้ก็เพียงอยากพบหน้าค่าตาเท่านั้น ว่าแต่ทำกระไรเป็นบ้าง น้ำอบ แป้งร่ำทำได้หรือไม่”
“แม่สายเคยสอนมาบ้าง แต่ยังมิชำนาญเจ้าค่ะ”
“เยี่ยงนั้นก็ให้สร้อยมันสอนเพิ่มก็แล้วกัน สร้อย… ฝากด้วยนะ”
“เจ้าค่ะ”
บ่าวคนสนิทขานรับก่อนจะส่งสายตาเรียกแม่แก้วออกมานั่งที่หอข้าง ซึ่งมีบ่าวอีกห้าหกคนกำลังนั่งคัดดอกไม้ ทิ้งให้อดีตสองนายบ่าวได้เจรจารำลึกวันวานกันอยู่ที่กลางเรือน
“คัดเอาดอกช้ำออก ทำได้หรือไม่แม่แก้ว”
แม้สร้อยจะเป็นบ่าวคนสนิทของคุณหุ่น แต่หากเทียบกับนางสายแล้วยังห่างไกลนัก ความเมตตาที่คุณหุ่นมีให้สายนั้นมากกว่านายบ่าวทั่วไป และเพราะความโปรดปรานนี้ทำให้บ่าวไพร่ในเรือนไม่กล้าละเลยล่วงเกินแม่แก้วไปด้วย
“ได้จ้ะ”
แก้วคัดดอกไม้จนแล้วเสร็จสร้อยก็พาแก้วไปเปลี่ยนดอกไม้ในโถน้ำอบ และสอนเธอโกรกน้ำเพิ่มความหอมให้กระจายตัวแทรกซึมเข้าไปในน้ำ ก่อนจะปิดฝาโถอบต่อ
“น้าสร้อย น้ำอบนี่เราต้องลอยดอกไม้ไว้นานไหมจ๊ะ”
“สักเจ็ดราตรีก็พอแล้ว”
แก้วจำได้ว่าหลังจากอบดอกไม้แล้ว ยังต้องเคี่ยวและอบด้วยกำยานต่ออีกหลายหนจึงจะได้น้ำอบกลิ่นหอมตรึงใจ
“น้ำอบแป้งร่ำของคุณหุ่นท่านเลื่องชื่อนัก หากเอ็งสนใจคราหน้าก็ติดตามแม่สายมาข้าจะสอนให้”
“ขอบน้ำใจจ้ะ”
นับจากนั้นทุกคราที่นางสายมาเรือนคุณหุ่นก็จะหิ้วลูกสะใภ้ตามติดมาด้วย แก้วเป็นคนหัวไวแลคล้ายจะมีพรสวรรค์อยู่ไม่น้อย เพียงไม่นานก็สามารถทำน้ำอบที่กลิ่นหอมละมุนสะกดใจจนคุณหุ่นเอ่ยชมมิขาดปาก
“ฝีมือดีมิเบา หากทำขายคงได้ราคามากโข”
“เยี่ยงนั้นอิฉันทำไปขายได้หรือไม่เจ้าคะ”
เพราะความรู้นี้เป็นคุณหุ่นที่อนุญาตให้ศึกษา ดังนั้นแก้วจึงไม่กล้านำไปใช้โดยพลการ คุณหุ่นยิ้มกว้างอย่างชื่นชมก่อนจะพยักหน้าเอ่ยอนุญาต
“อย่าได้ลืมแบ่งมาขายให้ฉันบ้างก็แล้วกัน”
วาจาหยอกเย้าของคุณหุ่นเรียกเสียงหัวเราะดังลั่นเรือนจนชายหนุ่มที่กำลังกลับมาจากงานราชการชะงักเท้าหยุดฟัง สายตาคมมองกวาดไปบนเรือนยามที่เห็นรอยยิ้มไร้จริตมารยาของแก้วหัวใจก็สั่นระรัว เผลอหยุดสายตาจดจ้อง
“แม่หญิงบนเรือนคุณแม่ผู้นั้นคือใครกัน”
“แม่แก้ว เมียของพ่อปราบขอรับ”
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 12 : มีเงินท่วมหัว มิเท่ามีผัวพระยา (1)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 11 : ยวนสวาท (3)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 11 : ยวนสวาท (2)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 11 : ยวนสวาท (1)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 10 : ยั่วราคะ (2)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 10 : ยั่วราคะ (1)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 9 : เปื้อนราคี (3)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 9 : เปื้อนราคี (2)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 9 : เปื้อนราคี (1)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 8 : กลรักดอกแก้ว (2)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 8 : กลรักดอกแก้ว (1)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 7 : เล่ห์ร้ายผกากรอง (2)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 7 : เล่ห์ร้ายผกากรอง (1)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 6 : เพลิงริษยา (2)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 6 : เพลิงริษยา (1)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 5 : ไฟรัญจวน (2)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 5 : ไฟรัญจวน (1)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 4 : อวลกลิ่นดอกแก้ว (2)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 4 : อวลกลิ่นดอกแก้ว (1)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 3 : กรุ่นกลิ่นผกากรอง (2)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 3 : กรุ่นกลิ่นผกากรอง (1)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 2 : ดวงบริพัตร (2)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 2 : ดวงบริพัตร (1)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 1 : ดวงกาลกิณี (2)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 1 : ดวงกาลกิณี (1)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว : บทนำ