ซ่อนรัก บทที่ 23 : พบกันอย่างไม่คาดหมาย

ซ่อนรัก บทที่ 23 : พบกันอย่างไม่คาดหมาย

โดย : โสภี พรรณราย

ซ่อนรัก โดย โสภี พรรณราย เมื่อความรักพังทลาย ปารีสจึงออกเดินทางด้วยหวังว่าโลกกว้างจะช่วยเยียวยาหัวใจ แต่สิ่งที่เธอคิดและตัดสินใจอาจไม่เป็นอย่างที่คาด เมื่อหนุ่มหล่อเข้มคนนี้เข้ามาในชีวิต และความหลังของหล่อนกับเขาเป็นความรักที่ต้องเก็บซ่อนเอาไว้ในส่วนลึก นวนิยายออนไลน์ที่อ่านเอาอยากให้คุณได้อ่านออนไลน์

ค่ำคืนนี้ทั้งกุลวดีกลับหฤทัยต่างก็รุมถามปารีส

“แล้วแกจะทำยังไงต่อไป แฟนใหม่แกทำงานให้แฟนเก่าแก?”

ปารีสโคลงศีรษะตอนนี้ จน ณ เวลานี้ก็ยังนึกอะไรไม่ออก บอกไม่ถูก แต่ที่แน่ๆ หล่อนไม่พอใจวิศว์

โกรธ…โกรธ…และโกรธ แต่ทนระงับ เก็บ…เก็บกด ซ่อนไว้ภายใต้ใบหน้าราบเรียบ หากเพื่อนทั้งสองก็อ่านออก

“รู้นะ แกอารมณ์ไม่ดี แกโกรธ แต่อย่าใช้อารมณ์นะโว๊ย ใจเย็นนะโว้ย” หฤทัยว่า

ปารีสโคลงศีรษะ

“ฉันไม่รู้ทำไมต้องเป็นแบบนี้ ทำไมต้องเป็นคุณวิศว์ ทำไมเขาไม่บอกฉัน เพราะเรื่องอุเทนกับคุณรัศมี ฉันเล่าให้เขาฟังอย่างละเอียด เขารู้ทุกเรื่อง ไม่มีเหตุผลที่จะอ้างว่าไม่รู้”

“ก็ทำไปแล้ว แกก็ถามเขาสิว่ามีเหตุผลอะไร”

“ไม่อยากถาม!”

“นี่…แกโกรธจริงๆ นะ”

“ฉันไม่อยากให้พวกเขาเจอกัน”

“แกกลัวอะไรวะ งั้นแกไม่ได้โกรธจริงแล้ว แกกลัวมากกว่า เลยแกล้งทำเป็นโกรธ”

กลัว?

คำพูดของหฤทัยทำให้ต้องหยุดคิด ผิดหวังมาคนแล้ว จะต้องผิดหวังอีกคนหรือ

“ฉันกลัวความเจ็บปวดอีกครั้ง”

กุลวดีจับมือเพื่อนทันที บีบแรงๆ

“แกเจ็บปวดมากไหม อย่านะ อย่าทำให้เราเป็นห่วงแกมากกว่านี้เลย”

ปารีสฝืนยิ้ม

“โชคดีที่มีแกสองคน ฉันมีพวกแกก็พอแล้ว”

กุลวดีโบกมือ

“เราอยากเห็นแกมีความสุข”

“ฉันต้องมีความสุขสิ ต้องมี”

“ถามเขาก่อนนะ อย่าเพิ่งตัดสินคนเร็วเกินไป ถามเหตุผลเขา”

“ช่วงนี้เราตกลงเว้นระยะห่างกันสักพัก เราไม่ได้ติดต่อกันหลายวันแล้ว”

“เออน่า…เออน่า มันต้องผ่านไปให้ได้” หฤทัยโพล่ง “แกเคยผ่านมาแล้ว ก็ผ่านไปอีกครั้ง ถ้าคุณวิศว์ไม่เป็นอย่างที่แกคิดก็ปล่อยเลย อย่าไปสน หาใหม่เลย”

กุลวดีรีบแย้ง

“แกอย่ายุบ้าๆ สิ ฉันเห็นเขาแต่แรก ก็รู้ว่าเป็นคนดี ฉันประทับใจทันที คุณกรก็ชอบเขามาก”

“แกชอบคุณวิศว์ เพราะคุณกรของแกปลื้มเขาสิท่า”

“ชอบเพราะคุณวิศว์เป็นคนดี”

“เพิ่งเห็นก็ตัดสินแล้ว”

“อย่างน้อยคุณวิศว์ก็ไม่ใช่คนโลภอย่างอุเทน!” แล้วกุลวดีก็ปิดปากตัวเอง

ปารีสมองเพื่อนทั้งสอง

“ฉันไม่เป็นไรหรอก อย่างน้อยฉันก็มีแกสองคน ไม่ต้องห่วง ฉันผ่านความผิดหวัง เสียใจมาแล้ว ฉันยอมรับว่าผิดหวังคุณวิศว์ แต่เราก็เพิ่งแต่งงานกัน บางทีเราอาจเรียนรู้ไม่มากพอ ฉันถึงบอกเขาให้ห่างกันสักระยะ อาจเป็นวิธีที่ถูกต้อง ถ้ามีอะไรเปลี่ยนแปลง ฉันจะปรึกษาแกสองคน เพราะฉะนั้นอย่าห่วงให้ฉันมาก”

หฤทัยตบบ่าเพื่อนแรงๆ

“ใช่…ใช่…ให้รู้ไว้นะ ผู้ชายไม่สำคัญกับชีวิตพวกเราหรอก พวกเราเป็นผู้หญิงแกร่ง ผู้หญิงจงเจริญ”

สามารถเรียกรอยยิ้มจากปารีสได้ในที่สุด

 

คณะกรรมการทำงานกันอย่างเคร่งเครียด แต่นิกรเป็นประธานตัดสินกับงานที่เลือกเข้ามาห้าภาพสุดท้าย ต้องเลือกเพียงสาม กับรางวัลที่หนึ่งเป็นล้าน และที่สำคัญทั้งสามจะได้เป็นแบบ ออกเป็นอัญมณีหรูจี้เพชรจำหน่ายจริงๆ ในเครือเพชรอนันต์

นิกรเลือกได้สามและมาพบกับพี่ชาย

“ผมเลือกสามในห้าผม เลือกไม่ผิดใช่ไหมครับ” ทั้งห้าภาพถูกวางไว้บนโต๊ะของพี่ชาย

ดุสิตเลื่อนภาพออกห่าง

“พี่จะไม่มีส่วนในการตัดสินใจของแกนะ”

“แต่ผมอยากได้คำวิจารณ์”

“ไม่มี”

“คำแนะนำล่ะครับ?”

“ไม่มี”

“ผมไม่มั่นใจตัวเอง”

“ต้องให้พี่พูดกี่ครั้ง แกถึงเข้าใจเสียที แกโตแล้ว ไม่ต้องมาซุกปีกพี่หรอก หัดทำเองบ้าง”

ในขณะนั้น คุณอนันต์กับคุณนาถก็ก้าวเข้ามาในห้องทำงานของดุสิต

“คุณพ่อ คุณแม่”

คุณอนันต์โบกมือ กล่าวว่า

“วันนี้ไม่ได้มาทำงาน ว่าจะพาแม่แกไปหาอะไรกินกัน จองร้านอาหารไว้แล้วในโรงแรม จะมาชวนแกสองคนไปกินด้วยกัน แต่ได้ยินเสียงแกคุยกับกร เสียงดังเชียว งานมีปัญหาเรอะ?”

ดุสิตยังไม่ทันตอบมารดา คุณนาถชิงพูดว่า

“สิต…อย่าแรงกับน้องมากนัก ค่อยเป็นค่อยไปนะ น้องต้องเรียนรู้จักแกอีกเยอะ” รักและห่วงลูกคนเล็กเสมอ

“ผมให้น้องคุมงานประกวดจี้เพชร ให้อำนาจตัดสินใจเบ็ดเสร็จ แต่มันก็ยังลังเล พูดกี่ครั้งก็ยังลังเล”

นิกรยิ้มแห้งๆ แก้ตัวว่า

“ผมก็ทำเต็มที่ครับ คัดเลือกแล้วสามภาพจากห้าภาพสุดท้ายครับ ผมแค่ถามพี่สิตว่าผมตัดสินใจผิดรึเปล่า”

“ดูตอนยอดขายสำคัญที่สุด หลังทำขายแล้วแ กไม่ต้องคิดมาก เราไม่สามารถรู้ได้ว่าแบบไหนจะขายได้ ขายดี มันขึ้นอยู่กับลูกค้า เรามีบทเรียนมาแล้ว บางแบบคิดว่าจะขายดีก็ขายไม่ได้ บางแบบธรรมดามาก แต่กลับขายดิบขายดี”

“ผมกลัวจะผิดหวัง”

“ยังไม่ทันเกิดก็คิดมาก”

คุณอานันท์มองภาพบนโต๊ะ แล้วพูดให้กำลังใจลูกชายคนเล็ก

“ก็ไม่เลวนี่ แกตัดสินใจได้ดีแล้ว”

นิกรจึงมีรอยยิ้ม แทนรอยกังวล

“คำพูดคุณพ่อช่วยผมได้มากเลยครับ”

นิกรก็แค่ขาดความมั่นใจ

“อย่าคิดมาก ก็แค่งาน ลองผิดลองถูกไปก่อนนะ แม่คอยให้กำลังใจแก่เสมอ” มารดารีบพูดให้กำลังใจลูกชายคนเล็ก

“อย่าพูดมากเลย ไปหาอะไรกินกันดีกว่า จองไว้แล้ว” บิดาว่า

“ชวนอานุชรึเปล่าครับ” ดุสิตถาม

“บอกสิ บอกแล้ว อานุชของแกว่าจะไปเจอกันที่ร้านเลย เพราะอานุชออกไปทำธุระข้างนอก เสร็จธุระจะไปแน่นอน”

ดุสิตเผลอเบ้ปาก ทั้งที่ปกติเป็นคนเก็บอารมณ์เก่ง

บิดาโคลงศีรษะ

“อะไรวะ คนครอบครัวเดียวกัน อานุชเป็นน้องสาวแท้ๆ คนเดียวของพ่อนะ พ่อไม่มีญาติที่ไหนเลย นอกจากน้องสาวคนเดียวที่ช่วยกันทำงานมากับพ่อ ตั้งแต่พวกแกยังเป็นเด็กอยู่เลย”

“ผมไม่ได้ว่าอะไรครับ กินข้าวที่บ้านก็เจออานุชอยู่แล้ว จะกินที่ไหนไม่มีผลอะไรหรอกครับ”

“ไปรถคันเดียวกันเลย รถของพ่อ”

เป็นรถตู้ของคุณอนันต์ เมื่อรู้ว่าต้องนั่งหลายคน จากรถเก๋งก็จะใช้รถตู้

รถมาจอดหน้าโรงแรม คนขับรถวิ่งลงมาเปิด คุณอนันต์เดินลงคนแรก ตามด้วยคุณนาถ และดุสิตกับนิกร

พอลงจากรถก็เห็นรถเก๋งจอดพอดี เป็นรถของจรานุชที่ลงมาพร้อมรินทร์เลขาคู่ใจ

“อ้าว! มาพร้อมกันเลย” คุณอนันต์พูดกับน้องสาวที่เดินมาทางพี่ชาย

“รถติดนิดหน่อยค่ะ ไม่งั้นนุชคงมาก่อนพี่อนันต์แล้ว”

“ไป…ไป…ยังไม่สาย”

แต่ก็ต้องหยุดเพราะเห็นดุสิตหยุดเดิน เงียบงัน

ดุสิตเห็นใคร?

ใครที่ทำให้ลูกชายคนโตของเพชรอนันต์มีอาการเช่นนี้…หยุดเบิกตากว้างเล็กน้อย และมีแววตาปริศนานิดๆ

ดุสิตเห็น…เธอ…

ผู้หญิงสวย เก๋ หน้าหวาน ไม่ได้สวยจัดๆ แต่สวยแบบเย็นๆ ชวนมอง

ผู้หญิงที่เคยอยู่ข้างกายเขา ปกติจะสวยมาก สวยจัดๆ แต่นั่นมันทำให้น่าเบื่อในบางเวลา

ทุกคนจึงมองตามดุสิต เขารี่เข้าไปทัก

“คุณ…” ใช่ ไม่รู้จักชื่อหล่อนด้วยซ้ำ

“อ้าว…คุณ…” ปารีสเลิกคิ้ว

“โลกกลมนะครับ”

“ค่ะ…เจอกันอีกแล้ว”

“โรงแรมนี้อยู่ไกลบริษัทผม ผมกับคุณพ่อมาทานข้าวกันบ่อยๆ คุณล่ะ?”

“ฉันจะแวะมาดื่มกาแฟค่ะ”

“ผมจะแนะนำคุณกับครอบครัว แต่ผมยังไม่รู้จักชื่อคุณเลย”

ปารีสเลิกคิ้วอีกครั้ง เพราะมองไปเบื้องหลังจากชายหนุ่ม มีคนอยู่ด้านหลังเขาสี่ห้าคนที่ต่างก็จ้องมองเธอเป็นตาเดียวอย่างสนใจ

“ไม่เป็นไรมั้งคะ ฉัน…”

“ผมชื่อดุสิตครับ”

“เอ้อ…ปารีสค่ะ”

ได้ชื่อเธอแล้ว ดุสิตจึงแนะนำกับครอบครัว

“คุณปารีสครับ ผมเจอเธอโดยบังเอิญ ตลกครับ ผมไม่มีเงินจ่ายค่ากาแฟในร้าน ลืมกระเป๋าเงิน เธอช่วยจ่ายแทน ทั้งที่เราไม่รู้จักกันเลย” และพูดกับปารีสว่า “คุณพ่อผม คุณแม่ อาจิรานุชน้องพ่อ กับน้องชายผม นิกร”

ปารีสยังงงๆ เพราะไม่คิดว่าเขาจะดูตื่นเต้น อยากแนะนำตนกับคนในครอบครัวขนาดนี้

ตื่นเต้นและกระตือรือร้นจนคนในครอบครัวทุกคนก็รู้สึกได้

กับ…ผู้หญิงคนหนึ่ง ดูแสนธรรมดา สวย…ก็จริง ก็ไม่ได้สวยไปมากกว่าผู้หญิงที่ดุสิตเคยควงออกงานด้วย แต่ละคนสวยเฉียบ เด็ดขาด ไร้ที่ติ แบบศัลยกรรมเต็มทุกรูปแบบ

“เรากำลังจะไปทานข้าว ไปด้วยกันสิ” คุณนาถเอ่ยชวนโดยเฉพาะ เพราะเห็นลูกชายคนโตสนใจในตัวเธอขนาดนี้

“ไ่ม่คะ…ขอบคุณค่ะ” ปฏิเสธแทบไม่ทัน

“ไปด้วยกันก็ได้นะ” คุณอนันต์ก็เอ่ยปาก

จิรานุชเสริมว่า

“ใช่นะ… ไปกินข้าวกัน ก็แค่กินข้าวด้วยกันสักครั้ง ไปสิจ๊ะ”

ทั้งพ่อ ทั้งแม่ ทั้งอา ต่างก็ทำเพื่อดุสิต

ดุสิตพยักหน้ากับหญิงสาว

“นะครับ อย่าปฏิเสธพวกเราเลย”

ได้อย่างไร ปารีสสับสน เพราะเพิ่งรู้จักดุสิตไม่นาน เพิ่งเจอกันสองครั้งพอเจอคนในครอบครัวที่โรงแรมก็ชวนทานข้าวแล้ว

กับ…คนในครอบครัว…ทุกคน

ไม่ใช่นะ…ไม่ใช่หรอก

จากหน้าโรงแรม ทั้งหมดคุยกันในโรงแรม เลื่อนตัวเข้ามาในบริเวณแอร์ที่เย็น

ปารีสยังคงส่ายศีรษะ

“ขอบคุณที่ชวนนะคะ ขอบคุณค่ ะแต่ดิฉันมีธุระค่ะ ไม่สะดวกค่ะ”

“กินข้าวตอนเที่ยง คงไม่เสียเวลามากหรอกครับ” ดุสิตว่า

“ขอโทษจริงๆ ค่ะ”

“แต่ว่า…” ดุสิตยังไม่ยอมแพ้ แต่คุณอนันต์เอ่ยว่า

“ไม่สะดวกก็ไม่เป็นไร โอกาสหน้ายังมี สิต”

“งั้นผมขอเบอร์มือถือคุณ” ดุสิตยังมีหวังบางอย่าง กับผู้หญิงที่เขาสนใจตั้งแต่แรกพบ

ในขณะที่กำลังแลกเบอร์

ในตอนนั้น บริเวณล็อบบี้

บรมกำลังคุยกับวิศว์ ตอนแรกนัดคุยกับลูกค้า แล้วพอลูกค้ากลับไป ก็เหลือบรมกับวิศว์

โรงแรมหรูกลางเมือง บรมกับวิศว์มาบ่อย คุยงานบ้าง นัดเลี้ยงลูกค้าบ้าง นัดเพื่อนบ้าง

คนกลุ่มใหญ่ที่กำลังคุยกันบริเวณทางเข้าโรงแรม เป็นจุดสายตาของคนที่ผ่านไปมาเห็น

และวิศว์ก็เห็น

กลุ่มคนที่แต่งตัวดี แบรนด์เนมราคาแพง แค่เห็นห่างๆ ยังรู้สึกได้

ที่สำคัญและเป็นจุดเด่นสายตาของวิศว์ กลับเป็น…หญิงสาวที่สะดุดตา สะดุดใจเสมอ

ปารีส…เธอกลับมาจากฝรั่งเศสแล้ว

ปารีส…ใช่เธอจริงๆ ทำไมเขาไม่รู้เลย

ปารีส…ขอเวลาสำหรับตัวเอง

เขายังนึกว่าเธออยู่ฝรั่งเศสกับพ่อแม่ แต่ที่เห็นชัดๆ เธอแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นกิริยา ท่าทาง แม้แต่บรมยังเอ่ยปาก

“เฮ้ย…แกมองอะไรวะ ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครวะ ทำไมอยู่ท่ามกลางครอบครัวเพชรอนันต์ หรือเป็นสาวคู่ควงคนใหม่ของนายดุสิต ดูแล้วไม่ใช่ดารา นางแบบหรือไฮโซที่ไหนเลยว่ะ”



Don`t copy text!