ซ่อนรัก บทที่ 48 : เผชิญหน้า

ซ่อนรัก บทที่ 48 : เผชิญหน้า

โดย : โสภี พรรณราย

ซ่อนรัก โดย โสภี พรรณราย เมื่อความรักพังทลาย ปารีสจึงออกเดินทางด้วยหวังว่าโลกกว้างจะช่วยเยียวยาหัวใจ แต่สิ่งที่เธอคิดและตัดสินใจอาจไม่เป็นอย่างที่คาด เมื่อหนุ่มหล่อเข้มคนนี้เข้ามาในชีวิต และความหลังของหล่อนกับเขาเป็นความรักที่ต้องเก็บซ่อนเอาไว้ในส่วนลึก นวนิยายออนไลน์ที่อ่านเอาอยากให้คุณได้อ่านออนไลน์

“น่าเบื่อจริง ต้องมาโรงพยาบาลบ่อยๆ” โสภาบ่นกับนงและมองวิศว์ที่กำลังเดินมา หลังจากรับบัตรคิวให้ป้าโสภา

“ต้องตรวจนี่ครับ” วิศว์ได้ยินที่บ่น

“เอะอะก็ตรวจ ต้องเจาะเลือด”

“จำเป็นครับ”

“เดือนที่แล้วก็เพิ่งตรวจ เพิ่งเจาะเลือด”

“แต่หมอสงสัยครับ ต้องตรวจเพิ่มเติม หมอตามตัวมาตรวจเร็วดีกว่าตรวจช้านะครับ”

โสภาขมวดคิ้ว

“แบบนี้จะดีได้อย่างไง เรียกตรวจเพิ่ม นี่…นี่…ป้าเป็นโรคร้ายแรงหรือเปล่าล่ะ”

วิศว์ชะงัก

“เปล่าครับ”

“บอกมาเถอะ…ถ้าใช่ เพราะป้าไม่ได้กลัวตายเลยนะ บอกมา”

“ไม่ใช่ครับ แค่มาเจาะเลือดตรวจ ก็เป็นตุเป็นตะ คิดอะไรครับ”

“หมอเร่งมาตรวจอะไรเพิ่มเติม ก็น่าสงสัย”

“โอ๊ย…อายุอย่างคุณป้า ต้องตรวจทุกอย่างล่ะครับ”

“ไม่ล่ะ ความจริงอายุก็ห้าสิบกว่าแล้ว ไม่อยากตรวจ”

“ป้าผมยังสวย ยังสาวอยู่ครับ”

“ถ้าเป็นโรคร้ายอะไร ก็บอกป้านะ อย่าหลอกกัน”

นงรีบแทรกโวยวายว่า

“วันนี้พี่โสภาพูดเหลวไหลจนนงกลัวนะเนี่ย อย่าพูดเลย นงกลัวจริงๆ”

โสภากลับหัวเราะ

“เออ…คนไม่ตรวจ กลัวยิ่งกว่าคนตรวจ”

“เอาเถอะครับ ตรวจๆ เถอะครับ” วิศว์พูดขำๆ

“แค่เจาะเลือดนะ” โสภาต่อรอง

“ตรวจอย่างอื่นค่อยคุยกันอีกทีครับ”

คราวนี้ผู้เป็นป้าตาโต

“หา! ยังมีอย่างอื่นอีก”

“ใจเย็นครับ อะไรจำเป็นก็ต้องทำ แต่วันนี้แค่ตรวจเลือดเพิ่มเองครับ”

“มาทีก็เสียเวลา” ไม่วายบ่น

“เดี๋ยวผมไปซื้อกาแฟมาให้ป้านะครับ ของป้านงเป็นโกโก้ เดี๋ยวมาครับ”

ขืนนั่งอยู่ใกล้ป้า ก็ต้องฟังป้าบ่นต่อแน่ๆ เลี่ยงไปร้านค้าในบริเวณโรงพยาบาลซื้อเครื่องดื่มดีกว่า อย่างไงหลังเจาะเลือดก็ต้องรอผล ตอนรอผลค่อยไปร้านอาหารหาของกินทีหลัง

อีกวันที่จิรานุชก็นัดพบแพทย์ ช่วงนี้ความดันสูง และจิรานุชก็รับยาและปรับยาเป็นระยะๆ

คาดหวังจะพบ…โสภา

ได้พบแล้ว…อีกครั้ง

โสภาก็มาโรงพยาบาล เมื่อก่อนไม่เคยสังเกต แต่ระยะหลังต้องมองหา

ก็รักษามาหลายปี ทำไมไม่เจอกัน เพิ่งมาเจอ?

ที่แท้โสภาเคยรักษาที่อื่น แต่พอหมอประจำย้ายมาที่นี่ โสภาก็เลยตามมาด้วย

เสียงโสภาบ่น และจิรานุชก็ได้ยิน เพราะแอบนั่งอยู่ไม่ไกลกันนัก

“เมื่อก่อนไม่เห็นต้องง้อหมอนานขนาดนี้เลยนะ” บ่นกับนง

“โรงพยาบาลเก่าเล็กๆ ที่นี่เราย้ายมาโรงพยาบาลใหญ่ในเมือง คนก็เยอะมากขึ้นค่ะพี่โสภา”

“หมอไม่น่าย้ายมาเลย”

“พี่อยากย้ายตามหมอเองนี่”

“ก็…รักษากันมานานเป็นสิบๆ ปี จะเปลี่ยนหมอก็ไม่คุ้น”

“อ่านหนังสือพิมพ์ฆ่าเวลานะพี่โสภา” นงลุกขึ้นเดินจากไปหยิบหนังสือพิมพ์ที่วางอยู่เป็นระยะๆ ในโรงพยาบาล

จังหวะนั้นมีพยาบาลเรียกคิวเจาะเลือดจิรานุช

จิรานุชจึงรีบเดิน นงมัวแต่จ้องเป้าไปที่หนังสือพิมพ์ประกอบกับเห็นวิศว์เดินมาแต่ไกล จึงมองซ้ายมองขวาแต่ไม่มองคน…

ชนกับจิรานุช

“อุ๊ย! ขอโทษ” นงรีบบอก

จิรานุชเองก็ตกใจ แต่อยู่ใกล้กับโสภา

“เดินระวังหน่อยสิ นง ชนคุณเข้าแล้ว” โสภาตำหนิคนของตัวเอง

“ไม่…ไม่เป็นไรค่ะ”

แต่ต้องสบตากัน และจิรานุชก็อยากรู้ว่าโสภาจะจำตนได้ไหม จิรานุชอายุน้อยกว่าโสภากว่าสิบปี ตอนจากกันตนยังรุ่นๆ อยู่เลย ในขณะที่โสภาเป็นสาวงาม

จำเป็นต้องสบตาจริงๆ เดินชนขนาดนี้แล้ว

ใช่สิ…โสภาจำตนได้แน่นอน เพราะเบิกตากว้าง

“คุณนุช?”

“พี่โสภา” ให้เกียรติเป็นพี่ เพราะเป็นเมียพี่ชาย

“คุณนุชจริงๆ” แล้วโสภาก็ถอนใจยาว และสงบสติอารมณ์กับการเจอกะทันหัน

“โลกกลมนะพี่”

“อือม์…โลกกลม”

ขณะนั้นพยาบาลเดินมาตาม แต่แค่จิรานุชก็บอกกับพยาบาลว่า จะขอเลื่อนเจาะเลือดไปอีกสิบนาที เพราะอยากคุยกับโสภาต่อ อยากรู้มากว่าสิ่งที่ตนเห็น และพร้อมเผชิญหน้ากับทุกคน รวมทั้งวิศว์ที่ถือแก้วกาแฟเดินมาถึง และรู้สึกแปลกใจที่เห็นจิรานุชคุยกับป้าโสภา

“คุณนุช…” วิศว์เลิกคิ้ว “รู้จักกับป้าโสภาหรือครับ?”

จิรานุชต้องทำเป็นสงสัย

“ป้าโสภา…ป้าคุณวิศว์หรือคะ?”

“ครับ ป้าผมเอง ป้าที่ผมรักมากที่สุดในโลก” ส่งกาแฟให้นงถือ แล้วจับมือป้าที่นั่งอยู่บนรถเข็น

“เอ้อ…เรารู้จักกัน”

“ที่ไหนครับ เมื่อไหร่ครับ ยังไงครับ ทำไมผมไม่รู้เลย”

จิรานุชกำลังจะเอ่ยปากตอบ โสภาก็ชิงตอบก่อน

“เมื่อก่อนป้าเคยทำงานในวงการอัญมณี เลยรู้จักกับเพชรอนันต์ คนเมืองการเดียวกันล่ะนะ”

“อ๋อ…ใช่…ป้าผมเก่งเรื่องอัญมณี”

“เก่งมาก” จิรานุชพยักหน้า “มีพรสวรรค์ มีความสามารถโดดเด่น”

โดดเด่นจนพี่อนันต์ชื่นชมและชื่นชอบ

โสภายังไม่พูดว่าเคยทำงานกับเพชรอนันต์ โสภาโกหกทำไม วิศว์เป็นใครกันแน่

โกหกเพื่อ…ชายคนนี้หรือ?

“ตอนนี้ผมรับงานออกแบบห้องประชุมเพชรอนันต์อยู่ครับ…ป้า…คุณนุชเจาะจงใช้ผม ให้เกียรติผมมากเลยครับ” วิศว์พูดกับป้าโสภา

“ดีแล้ว ตั้งใจทำงานนะ”

“สุดฝีมือครับ”

“จะงานไหน ที่ไหน ของใคร ก็ต้องตั้งใจทุกคน” ป้าโสภาพูดเรียบๆ แต่คำว่า ‘ของใคร’ ดูเหมือนจะเผลอเน้นอย่างลืมตัว

จิรานุชพูดกับโสภาว่า

“พี่โสภาเลี้ยงหลานได้เก่งนะคะ นอกจากเก่งแล้ว ยังกตัญญู…หลานชายรูปหล่อ หน้าตาเหมือน…เหมือน…” แกล้งพูดและหยุด

โสภาสุดลมหายใจลึกๆ

“โชคดีมีวิศว์ดูแล กตัญญูจริงๆ อย่างคุณว่า ถ้าไม่มีหลานคนนี้คงแย่ค่ะ”

“หลานชาย?”

“หลานชายจริงๆ ค่ะ รู้สึกคุณพยาบาลจะรอเรียกไปเจาะเลือด คุณนุชตามสบายนะคะ” โสภาตัดบท

จิรานุชจึงพยักหน้า

“อายุเยอะกันแล้ว รักษาสุขภาพนะคะ ขอให้แข็งแรงค่ะ” แล้วหันมาพูดกับวิศว์ “เจอกันที่บริษัทค่ะ”

พอจิรานุชผละไป วิศว์ก็พูดกับป้าว่า

“สนิทกันมากหรือครับ เรียกป้าโสภาเป็นพี่ ทั้งที่ปกติ คุณนุชดูเป็รนคนหยิ่งจะตาย ไม่ยกย่องใครง่ายๆ หรอกครับ นี่ก็ชมป้าว่ามีหลานดีอย่างผม” พูดไปยิ้มกริ่มไป

โสภาค้อนชายหนุ่ม

“ดีตลอดไปจริงๆ เถอะ อย่าดีแต่ก็แล้วกัน หมู่นี้ไม่ค่อยเห็นหน้าเห็นตา ถ้าไม่นัดหมอคงไม่มาให้เห็นหรอก หลงตัวเองเหลือเกินนะ ลับบ้านกลับช่องให้ถี่ขึ้นหน่อย เมื่อก่อนยังได้เห็นหน้าเกือบทุกอาทิตย์ เดี๋ยวนี้เดือนละครั้งสองครั้ง”

“ป้าโสภาก็พูดเกินไป เดือนหนึ่งผมกลับบ้านตั้งหลายครั้ง”

“แต่ไม่ค้างเลย”

“ผมมีงานครับ”

“นี่ถ้าไม่รู้นึกว่ามีเมียเสียอีก” โสภาพยายามเบี่ยงเบนไม่ให้พูดถึงจิรานุช และสบตากับนงที่รู้เรื่องอดีตของตน นงกำลังรู้สึกอึดอัดกับการพบจิรานุช และรู้สึกเห็นใจพี่โสภา พูดกับวิศว์ว่า

“ที่แน่ๆ มีสาวแน่ค่ะ พี่โสภา แอบถักไหมพรมผ้าพันคอ เป็นผู้ชายอุตส่าห์ทำงานถัก สาวคนนั้นต้องพิเศษที่สุด”

“อ้าว…อ้าว…กินกาแฟดีกว่าครับ” วิศว์เปลี่ยนเรื่อง

วิศว์มีพิรุธเห็นๆ โสภาพูดกับหลานชาย

“พาสาวมาให้ป้ารู้จักหน่อยสิ โตๆ กันแล้วไม่เห็นต้องปกต้องปิด”

“ครับ ครับ”

 

ที่โต๊ะอาหารคอนโดของสามสาว

หฤทัยกับกุลวดีจ้องมองเพื่อนที่กำลังจะเริ่มทานอาหารค่ำอย่างเงียบๆ และยังไม่ทันได้ตักอาหารเข้าปาก ก็ต้องมองกลับ

“อะไรกัน?” ปารีสวางส้อมกับมีดแล้วถาม “มองสายตาแปลกๆ นะ?”

“ถามหน่อยเถอะ” กุลวดีเริ่ม “ไม่ค่อยสบายใจแทนเพื่อนเลย”

“ถามอะไร?”

“เอ้อ…ถามว่า…ต้องตอบตามตรงนะ แกอย่าโกหกนะ”

หฤทัยโพล่ง

“ถามๆ ไปเถอะ วัยรุ่นใจร้อน แกกับคุณวิศว์มีปัญหากันเรอะ”

“ไม่มี” ปารีสตอบทันที

“โกหกชัดๆ”

“ก็ไม่มีอะไรนี่”

“มันผิดปกตินะ เมื่อคืนนัดกินสุกี้กัน มีแต่แกมา แต่คุณวิศว์ไม่มา อ้างว่าอิ่มแล้ว ก็ได้คืนนี้อุตส่าห์นัดล่วงหน้าว่าจะทำอาหารฝรั่งให้กิน ซื้อเนื้อแกะมาเผื่อด้วย ก็อ้างว่าเหนื่อย ปวดหัว มันไม่ใช่แล้วนะ คุณวิศว์ไม่เคยปฏิเสธมาร่วมกินอาหารเย็นกับเราสักครั้ง และเราก็ไม่ได้นัดบ่อยๆ นานๆนัดที อาทิตย์ละวันสองวัน ไม่เยอะเลย จะว่าอยากกินกับแกสองต่อสองก็คงไม่ใช่ รู้ว่าข้าวใหม่ปลามัน แต่มันไม่ได้ ต้องมีสังคมมีเพื่อน รู้สึกว่าคุณวิศว์เงียบๆ ไปนะ แสดงว่าต้องมีปัญหา บอกมาเลย…ใช่ไหม?”

ปารีสยักไหล่

ปัญหา…เขาเงียบกับเธอมาหลายคืนแล้ว เคยถาม แต่เขาไม่ตอบและดูจะเย็นชา

หลายคืนที่ไม่แตะต้องตัวเธอ ข้าวใหม่ปลามันจริงหรือ ไม่จริง มีปัญหาแต่เธอไม่รู้ปัญหา

“เขาอาจจะมีนะ แต่เขาไม่บอก”

“แกรู้สึกใช่ไหม?”

“ต้องยอมรับ…ใช่”

“เห็นไหม กับพวกเรา แกไม่เห็นต้องปกปิดเลยนี่หว่า”

“ไม่รู้สิ ทำไมคุณวิศว์ดูแปลกๆ”

“นานแค่ไหน?”

“ก็หลายคืน”

“แล้วมี…กุ๊กกิ๊ก ทำการบ้านไหม ถามเฉยๆ ล่ะ?”

“เฮ้ย! กุลวดีเป็นฝ่ายร้องแทนปารีส “ตรงเกินไป”

“ก็มีอะไรกันน่ะ แหม…โตๆ กันไม่ใช่เด็กนะยะ ฉันยังอยากมีผู้ชายมากอดมาจูบมา…เลย อยากมีผัวจนตัวสั่น พูดอย่างไม่อายเลย”

ปารีสไม่ตอบ หฤทัยรู้ทันพูดว่า

“เห็นไหมๆ ยัยปลาสวยขนาดไหน ฉันเป็นผู้หญิงยังอยากนอนกอดไม่ปล่อยเลย คุณวิศว์จะทนได้ยังไง”

“ยัยปาสวยขนาดไหน…คุณอุเทนยังไปแต่งงานกับคนอื่น” กุลวดีว่า

“โอ๊ย…นั่นมันกรณีพิเศษ มันเพราะเงิน เพราะโลภมาก บูชาเงินเป็นพระเจ้ายิ่งกว่าความรัก ให้ตายเถอะ ฉันกล้าพูดว่าอุเทนยังรักยัยปาของเราอยู่ แต่ข้อเสนอคุณรัศมีมันยั่วยวนต่อมกิเลสจะตาย ต้องยอมรับนะ ถ้าเป็นฉันฉันก็อาจตบะแตกเหมือนอุเทนล่ะ” พูดแล้วก็หัวเราะกับตัวเอง

กุลวดีค้อนเพื่อน

“นั่นปากนะ”

“เออ…เออ…พูดจากใจจริง ไม่ดัดจริตย่ะ”

“ถ้าคนเราทนยั่วยวนกิเลสไม่ได้ ก็ควรพูดกันตรงๆ กับยัยปาใช่ไหม ปา…นะ…ใช่ไหม อยู่ๆก็ตัดสินใจแต่งงานเลย แอบคบ แอบตกลงกันไม่บอกไม่กล่าว มันเจ็บตรงนี้ล่ะ”

กุลวดีกับหฤทัยพูดดไปพูดมา เห็นปารีสเงียบ เจ็บกับอุเทนเรอะ ปารีสกำลังคิด ตอนนี้กำลังคิดถึง ‘วิศว์’ มากกว่า

วิศว์…ที่เปลี่ยนไป

เรอะ…ทำไมอยู่ๆ ก็อยากได้วิศว์คนเก่ากลับมาล่ะ

แค่สองสามวันนี้ ปารีสก็รู้สึกทรมานแล้ว เพราะไม่เคยชิน

และแล้วก็มีเสียงกดกริ่งหน้าประตู หฤทัยเดินไปจ้องผ่านช่องมองลอดสายตาเห็นก็ลองลั่นว่า “คุณวิศว์มา!”



Don`t copy text!