ซ่อนรัก บทที่ 24 : ภาพประกวดของปารีส

ซ่อนรัก บทที่ 24 : ภาพประกวดของปารีส

โดย : โสภี พรรณราย

ซ่อนรัก โดย โสภี พรรณราย เมื่อความรักพังทลาย ปารีสจึงออกเดินทางด้วยหวังว่าโลกกว้างจะช่วยเยียวยาหัวใจ แต่สิ่งที่เธอคิดและตัดสินใจอาจไม่เป็นอย่างที่คาด เมื่อหนุ่มหล่อเข้มคนนี้เข้ามาในชีวิต และความหลังของหล่อนกับเขาเป็นความรักที่ต้องเก็บซ่อนเอาไว้ในส่วนลึก นวนิยายออนไลน์ที่อ่านเอาอยากให้คุณได้อ่านออนไลน์

“เฮ้ย…แกมองใครวะ?” บรมชักสงสัย

วิศว์เล่นมองแบบเบิกตากว้าง แบบไร้สติ แบบเหมือนไม่มีชีวิต นิ่งไปชั่วขณะ

อาจเพราะวิศว์ไม่อยากเชื่อสายตา เพราะเพื่อนถามถึงสองครั้งจึงได้มีคำตอบ

“ปารีส”

คราวนี้บรมเป็นฝ่ายเบิกตากว้าง

“หา! คุณปารีสของแกเรอะ?”

แล้วเห็นว่าทั้งหมดกำลังเดินเข้าไปที่ลิฟท์ ยกเว้นปารีสที่ไม่ได้ตามไป เธอกำลังจะไปหากาแฟดื่มคนเดียว

คนเดียวแยก…และเดินมาที่บริเวณล็อบบี้ที่วิศว์นั่งกับบรม

วิศว์ยืนขึ้น โดดเด่น

ผู้ชายสูง ผิวขาว หน้าตาหล่อเหลา จะเป็นใครไปไม่ได้ที่หญิงสาวจะไม่รู้จัก เบิกตากว้าง

“คุณวิศว์!”

ต่างจ้องมองกันแบบไม่เชื่อสายตา

วิศว์ได้สติก่อน แนะนำว่า

“บรม เป็นเพื่อนรักหุ้นส่วนการค้าของผม…และปารีส…” จะแนะนำอย่างไร…ภรรยา…เพื่อน…แฟน…คนรัก จะใช้คำไหนล่ะ

ไม่ทันพูดให้จบ บรมหัวเราะแห้งๆ

“ยินดีที่ได้รู้จักคุณปารีสนะครับ เพื่อนผมมันพูดถึงคุณทั้งเช้าทั้งเย็น”

หญิงสาวยิ้มแห้งๆ

“พูดในแง่ไหนคะ?”

“เอ้อ…แง่ดีมากๆ ครับ”

“หรือคะ?”

“ครับ ครับ แน่นอนครับ”

“งั้นฉันก็โชคดีนะคะ”

“เอ้อ…” บรมรู้หน้าที่ว่าต้องทำอย่างไรต่อไป “ผมขอตัวนะครับ ผมมีธุระ” อ้างธุระทั้งที่ทำธุระเสร็จแล้ว หันไปทางวิศว์ “กันกลับก่อนล่ะนะ แกตามสบาย”

บรมไปแล้ว…

บริเวณนี้เงียบ…ทั้งสองทรุดกายลงนั่งบนโซฟาในโรงแรม ดูเหมือนมีความห่างเหินเกิดขึ้น นั่งห่างกันเป็นฟุต

ไม่ใช่ภาพที่วิศว์อยากจะเห็น หรือเป็นเช่นนี้

การพบกันหลังจากจากกันร่วมเดือน

การพบกันควรจะยินดี ดีใจ และกอดกันสิ แต่นี่กลับห่างเหินเหลือเกิน แล้วชายหนุ่มเป็นฝ่ายเริ่ม

“กลับมาเมื่อไหร่ ทำไมไม่บอกผมไปรับ?”

คาดว่าจะได้รับคำตอบแบบชัดเจน กลับไม่ชัดเจน

“ฉันขอเวลาอยู่กับตัวเองไงคะ”

“ผมเคยขอว่าอยากไปรับคุณ วันที่คุณกลับ”

“ฉันก็ขอเวลาอยู่กับตัวเอง”

“ปา…คุณ” คำตอบนั้น เหมือนเริ่มต้นก็คุยกันไม่รู้เรื่องกับการอ้างของฝ่ายหญิง และยังยืนยันเช่นนั้น

“แล้วเมื่อไหร่คุณจะยอมบอกผมล่ะ?”

“เมื่อพร้อมค่ะ”

“ถ้าวันนี้ผมไม่พบคุณ ก็ไม่รู้ว่าผมต้องรออีกนานแค่ไหน”

“เราเจอกันแล้วนี่คะ”

“คุณ…”

ทำไมเธอดูเย็นชาเช่นนี้?

ถ้าถามตรงๆ อาจไม่ได้คำตอบ สำหรับปารส เธอมีคำตอบกับตัวเองเสมอ

คุณรับงานให้อุเทน…คุณไม่ยอมบอกเลย

รับงานของอุเทนของคุณรัศมีทำไม?

พวกนั้นคือต้นเหตุแห่งการทรยศความรัก แห่งความเจ็บปวด แม้วันนี้จะไม่ค่อยรู้สึกเจ็บปวดแล้ว แต่กลับมีความเจ็บบ้างคือ เจ็บแค้น ซึ่งไม่ควรมีเลย ปารีสบอกกับตัวเองว่า เธอก็เป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดาที่ยังตัดกิเลสไม่ได้ และยังไม่อาจให้อภัย

“คุณรู้จักพวกเขาเรอะ?” วิศว์เลี่ยงจะไม่พูดถึงตัวเองกับเธอ ถามถึงเรื่องอื่น

“อ๋อ…ค่ะ รู้จักคุณดุสิตก่อน กับคนอื่นก็เพิ่งจะพบกันค่ะ”

“ดูเหมือนสนิทสนม?”

“คุณดุสิตเป็นกันเอง และน่ารักมากค่ะ”

“พวกคุณรู้จักกันได้อย่างไรครับ?”

“ไม่ซับซ้อนอะไรค่ะ บังเอิญเจอกันร้านกาแฟ คุณดุสิตลืมกระเป๋าเงิน และฉันเห็นก็เลยจ่ายแทน จุดเริ่มต้นค่ะ”

จุดเริ่มต้น…เธอจะเน้นไปทำไม ไม่จำเป็นเลย

“พ่อะคุณเป็นอย่างไรบ้าง?” วิศว์คงรู้สึกสินะ เปลี่ยนเรื่องทันที

“ดีขึ้นมากค่ะ ฉันถึงเดินทางกลับได้”

“คุณกลับมานานหรือยัง?”

“ก้อ…นานหลายวัน..”

“คุณไม่บอก ปล่อยให้ผมคิดถึง”

คิดถึง…ชายหนุ่มทอดเสียง…ใช่สิ…อาจทำให้หญิงสาวรู้สึกอะไรบางอย่างได้

คิดถึง…เธออาจรู้สึกเช่นเดียวกัน แต่อารมณ์ขุ่นมัวที่เขาทำงานให้อุเทน…วันที่เธอเห็นวันนั้น บดบังอารมณ์…เก็บกด…และไม่สบายใจ

“รู้ไหม…ผมคิดถึงคุณมาก” เขาเน้น

“หรือคะ?”

“ปา…ผม…ผมคิดถึงคุณมากจริงๆ”

ทำไมหรือ เธอทำเหมือนไม่เชื่อ

“ขอโทษค่ะ ฉันมีเรื่องต้องคิดมากจริงๆ”

“มีอะไรบอกผม ผมจะช่วยคุณแก้ปัญหา เราต้องช่วยกัน”

หล่อนโคลงศีรษะ

“เราหรือคะ บางทีบางเรื่องต้องเป็นเรื่องเฉพาะตัวค่ะ บางเรื่องก็พูดไม่ได้ เหมือนคุณที่บอกฉันไม่ได้และฉันก็บอกคุณไม่ได้”

วิศว์งง คำพูดของหญิงสาวเหมือนประชดประชัน มีความนัยแอบแฝงอยู่ เขาเริ่มสงสัย

“มีอะไรที่พูดกันไม่ได้ ในเมื่อเราแต่งงานกันแล้ว เราเป็นสามีภรรยากัน เราพูดกันได้ทุกเรื่อง”

“คุณพูดกับฉันทุกเรื่องหรือคะ?”

“แน่นอนครับ” เขาตอบทันที เหมือนกับมั่นใจมาก และบริสุทธิ์ใจมาก “ผมพูดกับคุณทุกเรื่องเสมอ ผมเคยบอกกับตัวเองว่า ถ้าผมแต่งงานกับใคร ผมรักใคร ผมจะซื่อสัตย์กับเธอคนนั้นชั่วชีวิต”

หญิงสาวโคลงศีรษะ

“ชั่วชีวิต?”

“คิดว่าผมทำไม่ได้?”

“คนรักกันมากมายก็เลิกรักได้ เกลียดกันได้ คนแต่งงานกันแล้วก็หย่ากันได้ หมดรักกันได้ ต่อให้มีลูกกี่คน…กี่คนก็เลิกกันได้ง่ายๆ”

“ในเมื่อผมแต่งงานกับคุณ ผมไม่ได้คิดไกลถึงขนาดจะเลิกรักหรือเกลียดกันเลย ผมคิดแต่ว่าเราจะอยู่ด้วยกันตลอดชีวิต”

เธอแค่นหัวเราะ

“คุณมองโลกสวยนะคะ”

“ไม่ถึงขนาดนั้น แต่กับคุณผมมองในแง่ดีเสมอ”

“อย่ามองดีเกินไปเลยค่ะ”

“คุณเป็นอะไร?”

“อาจเป็นเพราะฉันเหนื่อย…เหนื่อยใจเหลือเกิน”

“คุณยังทำใจไม่ได้ใช่ไหมครับ?”

“ขอเวลาก่อนนะคะ”

“ในเมื่อคุณกลับมาแล้ว เราควรต้องคุยกันจะย้ายไปอยู่กันที่ไหน คุณบอกว่ามีคอนโดส่วนตัว ผมพร้อมจะย้าย ผมมีแค่กระเป๋าเสื้อผ้าใบเดียวก็พอ”

“ยังนะคะ…ยัง…”

“ทำไมล่ะครับ?”

หญิงสาวอยากหัวเราะดังๆ อย่างสมเพช คุณยังไม่รู้ตัวอีก เขาทำอะไรไว้ ปกปิดอย่างไร

“ยังค่ะ!” เสียงแข็ง

“คุณโกรธผม คุณไม่พอใจอะไรผม?”

หญิงสาวลุกขึ้นยืน

“คุณลองคิดเองนะคะ ฉันต้องไปแล้ว” พอจะขยับตัวก็ถูกเขาคว้าแขน

“คุณปา…”

“ปล่อยค่ะ”

ถ้าไม่ติดอยู่ในบริเวณล็อบบี้โรงแรมที่มีคนเดินผ่านไปมา วิศว์คงจะคว้าร่างเธอเข้ามากอด

“ผมจะพบคุณได้ที่ไหน?”

“เรามีเบอร์ติดต่อกันแล้ว แต่ถ้าไม่จำเป็นก็ขอให้ฉันใช้เวลาอยู่กับตัวเองก่อนเถอะค่ะ” ความเย็นชาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนวิศว์ก็รู้สึกใจเย็นเยือกไปทั้งตัว จนต้องปล่อยแขนเธอ และปล่อยให้เธอเดินจากไปอย่างเงียบๆ

 

นิกรเลือกภาพประกวดออกแบบจี้เพชรในรอบสุดท้ายแล้วเหลือสามภาพที่ชนะ และต้องตัดสินใจเลือกอันดับหนึ่ง สอง สาม

กุลวดียกกาแฟเข้ามาให้เจ้านาย พอวางลงบนโต๊ะก็เห็นภาพทั้งสาม ชัดเจน จนต้องเบิกตากว้าง ตื่นเต้นแต่ระงับไว้อย่างสงบ

“ตัดสินใจแล้วหรือคะ?” เอ่ยปากถาม เสียงสั่นเล็กน้อย แต่คนฟังไม่ทันสังเกต

“สามภาพสุดท้าย ต้องตัดสินหนึ่ง สอง และที่สาม ยากมากนะ เพราะดีทั้งหมด”

“ยังไงก็ต้องเลือกนะคะ”

“ผมกลัวจะทำพลาด”

“คุณดุสิตมอบหน้าที่ให้คุณกร แสดงว่าเชื่อฝีมือคุณกรนะคะ แค่คุณกรต้องมั่นใจในตัวเอง”

นิกรหัวเราะเบาๆ

“ผมเป็นคนขาดความมั่นใจในตัวเองเสมอเลย เลขาอย่างคุณเข้าใจผมมากที่สุด”

“ขอโทษที่พูดออกไป คุณกรอย่าถือสาวดีเลยนะคะ”

“ผมชอบที่คุณพูดตรงๆ”

“คุณกรทำได้ค่ะ”

“แน่ล่ะ…ผมต้องทำได้”

“เลือกและตัดสินใจเองนะคะ”

“ดีทั้งสามภาพเลย ผมอยากเห็นออกมาเป็นอัญมณีจี้เพชรสวยงามแล้วล่ะ”

“หลังประกาศออกมาแล้ว พวกเราจะได้เห็นผลงานดีๆ เหล่านี้ค่ะ”

“ท่าทางคุณตื่นเต้น มีอะไรหรือเปล่า?”

กุลวดีเองก็เก็บความรู้สึกไม่มิดตื่นเต้น เพราะหนึ่งในสามภาพที่นิกรเลือกไว้เป็นผลงานของปารีส

ปารีสชอบออกแบบอัญมณี เพราะตอนทำงานกับเพชรรัศมีของคุณรัศมี ปารีสก็ออกแบบเสมอ

ธอมีเวลาว่างเมื่อไหร่ก็ออกแบบทิ้งไว้ เพราะเป็น…งาน

พอดีว่าเพชรอนันต์มีโครงการประกวดจี้เพชรอัญมณีใต้ทะเล และภาพของปารีสมีรูปออกแบบพอดี จี้เพชรปลาดาว ในขณะที่เธออยู่ต่างประเทศ กุลวดีกับหฤทัยก็หยิบภาพและส่งประกวดแทนเสียอย่างงั้น โดยไม่ได้บอกปารีสก่อน

เพื่อนกัน…ตัดสินใจแทนกันเลยอย่างมั่นใจ เพราะเชื่อมั่นและรู้ใจกันเสมอ และต้องแน่ใจว่าเรื่องที่ทำเป็นเรื่องดีแน่นอน

“ไม่ค่ะ…ไม่..”

“แต่ผมว่าคุณแปลกๆ”

“ตื่นเต้นค่ะ”

“เรื่อง?”

“ลุ้นการตัดสินใจของคุณกรณ์น่ะค่ะ” กุลวดีไม่ได้โกหก ลุ้นผลของปารีส แต่พูดไม่หมด ไม่พูดดีกว่า เพราะ จะไม่ให้เกิดครหานินทาว่าเธอใช้เส้นเพื่อนรักกับเจ้านาย

“ผมจะทำงานนี้ด้วยตัวเอง!” นิกรพูดอย่างหนักแน่น

“ค่ะ วดีเชื่อในสายตาคุณค่ะ”

“ผมก็จะทำให้ดีที่สุด ไม่ทำให้พี่สิต คุณพ่อคุณแม่ผิดหวัง”

กุลวดีออกจากห้องอย่างตื่นเต้น ภาพออกแบบของเพื่อนรักได้เข้ารอบสุดท้าย อดจะรีบไปบอกหฤทัยไม่ได้ที่เคาน์เตอร์หน้าบริษัทที่ คนสวยเปรี้ยวอย่างหฤทัยต้องประจำตำแหน่งในฐานะพนักงานต้อนรับด่านหน้า ต้องอาศัยคนสวยและคนคล่องแคล่วพูดเก่ง ซึ่งเธอก็มีคุณสมบัติครบถ้วนเหมาะสม

“เข้ารอบแล้ว เข้ารอบแล้ว” กุลวดีพูดละล่ำละลักกับหฤทัย

“ใครเข้ารอบ นางสาวไทยรุ่นไหน?” หฤทัยพูดอย่างขำๆ ในท่าทางตื่นเต้นของเพื่อน

“ภาพ…ภาพ…ของไอ้ปารีสมัน”

หฤทัยแค่เบิกตากว้างนิดเดียว

“อ๋อ…มันเก่ง รู้อยู่แล้ว ควรจะได้เข้ารอบ”

“ใช่…ใช่…มันเก่งจริงๆ”

“ไอ้ปามีฝีมือมาตั้งแต่ไหนแต่ไร รางวัลไหนล่ะ?”

“โอ๊ย…ยังไม่รู้ แค่เข้ารอบหนึ่งในสามก็ดีใจแล้ว วันนี้เลิกงานรีบกลับบ้านเลยนะ ต้องไปบอกปา เพราะเราส่งรูปวาดของมันเข้าประกวดยังไม่บอกเจ้าตัวเลย

หฤทัยหัวเราะ

“อยากรู้ ไอ้ปาจะทำหน้ายังไงนะ”

คนอยากรู้สองคน เมื่อกลับมาถึงคอนโดที่พักอย่างตื่นเต้น อย่างจะบอกข่าวดี ทว่าเมื่อกลับมาก็รีบพูดกับปารีสที่นั่งในห้องรับแขก

“ข่าวดี…ข่าวดี…ปา…เรามีอะไรจะสารภาพ” กุลวดีพูดเสียงสั่น

 



Don`t copy text!