แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฎิหาริย์ บทที่ 4 : คนหลอกลวงเลี้ยงไม่เชื่อง (1)
โดย : ณรัญชน์
แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฎิหาริย์ นวนิยายเรื่องล่าสุดจาก ณรัญชน์ ที่อ่านเอาคัดสรรมานำเสนอ กับเรื่องราวของกระจกโบราณที่สามารถทำนายอนาคตมนุษย์ทุกคนได้อย่างแม่นยำ ‘วิศรุต’ จึงใช้มันมาลิขิตชะตาชีวิตตัวเอง แม้นั่นจะหมายถึงการทำลายล้างคนรอบข้างอย่างโหดเหี้ยม ไม่เว้นแม้แต่ผู้หญิงที่เขารัก นวนิยายออนไลน์จาก www.anowl.co
ห้องทำงานของนายมงคลตั้งอยู่ชั้นบนสุดของอาคารหลังนั้น พอธิปกขึ้นไปถึง เลขาฯ ที่นั่งอยู่หน้าห้องก็ยิ้มให้
“คุณธิปกมาพบท่านหรือครับ รอสักครู่นะ ผมจะเข้าไปเรียนท่านก่อน” เขากระวีกระวาดเข้าไปรายงานเจ้านาย อึดใจต่อมาก็กลับมาเรียกชายหนุ่ม
จุดประสงค์ในการมาพบของธิปก คือมารายงานเรื่องการทุจริตในการก่อสร้างโรงงานผลิตเครื่องปรับอากาศให้นายมงคลได้รู้ เหตุการณ์นี้มีที่มาจากเมื่อสองปีก่อนเขาเคยเสนอให้นายมงคลสั่งเครื่องปรับอากาศขนาดเล็กแบบที่นิยมใช้ในต่างประเทศเข้ามาทดลองขายในเมืองไทย และถ้าขายดีก็ขอให้นายมงคลตั้งโรงงานผลิตขึ้นมาเอง เพื่อลดต้นทุนการนำเข้าจากเมืองนอก
ประเทศไทยเริ่มมีเครื่องปรับอากาศใช้มาตั้งแต่ก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง เมื่อเกิดสงครามเดินทางไม่สะดวก การนำเข้าเครื่องไฟฟ้าเหล่านี้ก็ต้องยุติไป จนกระทั่งสงครามเลิกถึงได้กลับมาใช้กันอีกครั้ง กระนั้นก็ยังเป็นเครื่องปรับอากาศที่มีขนาดใหญ่เทอะทะ
ต่อมาบริษัท ซันโย ยูนิเวอร์แซล อีเล็คทริค จำกัด เป็นเจ้าแรกที่ริเริ่มผลิตเครื่องปรับอากาศขายเองในประเทศไทย แต่ในช่วงต้นก็ยังมีขนาดใหญ่อยู่ดี ความคิดที่จะสั่งเครื่องปรับอากาศขนาดเล็กเข้ามาขายของธิปกจึงนับว่าล้ำสมัย ถูกใจนายมงคลยิ่งนัก
ตอนที่เขาเสนอโครงการนี้วิศรุตก็อยู่ในห้องทำงานด้วย นายมงคลเห็นว่าควรเก็บเรื่องที่คุยกันเป็นความลับจึงกำชับหลานชายว่า
‘ที่เราจะทดลองตลาดแอร์ขนาดเล็กและอาจจะตั้งโรงงานขึ้นในอนาคต จะสำเร็จหรือเปล่าก็ยังไม่แน่ ปู่ยังไม่อยากให้ใครรู้เรื่อง แกก็อย่าพูดไปล่ะวิศรุต’
แอร์ที่สั่งเข้ามาขายดีดังคาด นายมงคลจึงให้ธิปกตั้งโรงงานขึ้นบนที่ดินที่เขาซื้อไว้นานแล้ว บัดนี้ผ่านไปหนึ่งปี การก่อสร้างคืบหน้าไปจนเกือบจะแล้วเสร็จ แต่ธิปกตรวจพบว่าเผด็จ ลูกน้องที่เขามอบหมายให้ควบคุมการจัดซื้อและสร้างโรงงานแอบทุจริตโกยเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง
วีรกรรมของเผด็จมีตั้งแต่โกงค่าแรงคนงาน ค่าปูนค่าสี ค่าอุปกรณ์ก่อสร้าง และยังซื้ออุปกรณ์มือสองที่เกือบหมดสภาพมาใช้จนเคยเกิดอุบัติเหตุมาแล้ว เมื่อสืบได้ความจริงครบถ้วน ธิปกจึงตั้งใจจะมารายงานนายมงคลไว้ขั้นหนึ่งก่อน ก่อนจะลงมือจัดการกับเผด็จเป็นลำดับถัดไป
นายมงคลรออยู่บนเก้าอี้ทำงานตัวใหญ่ ด้านหลังของเขาเป็นผนังติดกระจกสูงจรดเพดาน เปิดโล่งเห็นทิวทิศน์ของพระนครไกลออกไปจนสุดสายตา ธิปกแจกแจงการทุจริตของเผด็จอย่างละเอียด แล้วตบท้ายว่า
“พรุ่งนี้ผมจะเรียกเผด็จมาพูดกัน คงต้องไล่ออกสถานเดียว น่าเสียดายนะครับ เขาทำงานดีมาตลอด ถ้าไม่โกงเสียอย่างน่าจะช่วยงานบริษัทได้อีกมาก”
“ไล่ออกอย่างเดียวไม่ได้ พรุ่งนี้แกเรียกตำรวจมารอไว้ด้วย ฉันจะจับมันเข้าคุก” นายมงคลตอบอย่างเย็นชา “จะได้เป็นตัวอย่างให้คนอื่นเห็นว่ารักจะทำงานกับฉันจะต้องซื่อสัตย์ ฉันเกลียดนักละพวกกินบนเรือนขี้รดบนหลังคา”
นี่ละเจ้านายของเขา…
ถ้าจะมีสิ่งใดในโลกที่นายมงคลเกลียดมากที่สุดก็เห็นจะเป็นการถูกทรยศหักหลังนี่เอง ธิปกตระหนักด้วยความเข้าใจอีกฝ่ายอย่างลึกซึ้งจึงไม่ได้ช่วยพูดให้เผด็จอีก นั่งคุยต่ออีกครู่หนึ่งเขาก็อำลาจากมา
เผด็จถูกเรียกมาพบที่ห้องทำงานของธิปกในตอนสายของวันรุ่งขึ้น แต่ชายหนุ่มยังไม่ทันเริ่มสาธยายความผิดของลูกน้อง นายมงคลก็เดินนำวิศรุตและคนอื่นๆ อีกสามคนเข้ามา หนึ่งในนั้นคือชัชวาล เพื่อนของธิปกซึ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทของนายมงคลเลยแม้แต่น้อย
ธิปกสะดุดใจที่ทุกคนดูเคร่งขรึมผิดปกติ โดยเฉพาะนายมงคลไม่ยอมมองหน้าเจ้าของห้องแม้แต่แวบเดียวเมื่อตรงไปกระแทกตัวนั่งลงบนเก้าอี้บุนวมตัวใหญ่ พยักหน้าเป็นสัญญาณให้หลานชายของเขา
วิศรุตเข้าเรื่องทันทีโดยไม่อ้อมค้อม “เราตรวจพบว่าโครงการก่อสร้างโรงงานผลิตแอร์มีการโกงเกิดขึ้นหลายรายการ โดยมีเผด็จเป็นคนลงมือ”
ธิปกแปลกใจที่นายมงคลให้หลานชายรับหน้าที่เปิดโปงการทุจริตแทนที่จะเป็นเขา แต่ก็ตอบโดยดี
“ใช่ครับ นี่ผมก็กำลังจะคุยกับเผด็จอยู่ทีเดียว”
สายตาของวิศรุตมีนัยประหลาดที่ธิปกมักไม่สบายใจทุกครั้งที่ได้เห็น ยามนี้ความรู้สึกนั้นยิ่งเพิ่มพูนขึ้นเพราะมันมาพร้อมกับน้ำเสียงเยือกเย็นเกือบจะเป็นกระด้าง
“เผด็จโกงค่าแรง ค่าอุปกรณ์ก่อสร้าง ซื้อของมือสองมาใช้แต่รายงานว่าเป็นมือหนึ่ง ตรงตามที่นายรายงานคุณปู่ทุกอย่าง แต่ที่นายไม่ได้บอกคุณปู่คือมีคนชักใยอยู่เบื้องหลังอีกทีหนึ่ง และตอนนี้เผด็จก็ยอมรับสารภาพแล้วว่าคนคนนั้นก็คือนาย…ธิปก”
ผู้ฟังรู้สึกเหมือนถูกตะลุมพุกฟาดเปรี้ยงลงมากลางกระหม่อม ได้แต่ยืนตะลึงไปครู่หนึ่ง วิศรุตพูดต่อโดยไม่รอให้อีกฝ่ายโต้แย้ง
“นายให้ชัชวาลเพื่อนของนายตั้งร้านขายอุปกรณ์ก่อสร้างขึ้นมาแล้วสั่งให้เผด็จไปซื้อ ของที่ซื้อมาราคาแพงกว่าที่อื่นเกือบเท่าตัว แต่นายสั่งให้แต่งบัญชีให้ราคาถูกลงเพื่อตบตาคุณปู่ เรื่องนี้เมตตาเป็นคนบอกฉันเอง”
สายตาดุจัดของธิปกมองปราดไปที่พนักงานบัญชีสาวผู้ยืนกระสับกระส่ายอยู่ข้างชัชวาล เมตตารีบโวยวายทันที
“คุณธิปกคงไม่คิดจะโยนความผิดให้ตาใช่ไหมคะ คุณสั่งพี่เผด็จมาบังคับตาให้ปลอมบัญชีที่จะส่งให้คุณมงคลตรวจ ไม่อย่างนั้นจะไล่ตาออก ตาเลยต้องทำตาม คุณจะมาโทษตาไม่ได้นะ ตาไม่ได้อยากจะโกงอย่างคุณ เงินค่าจ้างที่พี่เผด็จให้มาตาก็ไม่เคยใช้”
เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ เมตตาเก็บใบสั่งซื้อและใบเสร็จรับเงินราคาจริงแยกไว้อีกบัญชีหนึ่ง หล่อนนำมาแสดงให้วิศรุตดูทันทีที่ถูกถาม วิศรุตยังตามไปตรวจสอบถึงร้านขายอุปกรณ์ก่อสร้างของชัชวาล จนรู้ความจริงว่าชัชวาลเป็นเพื่อนของธิปก และธิปกยังเป็นหุ้นส่วนใหญ่ของร้านอีกด้วย อุปกรณ์ก่อสร้างที่สั่งซื้อมาในราคาแพงจึงเท่ากับมาเพิ่มความร่ำรวยให้เขาโดยตรง
“ไม่จริง วัสดุก่อสร้างที่เราสั่งมาทั้งหมดราคาสมเหตุสมผล และสั่งจากร้านสมานการช่าง ถึงเผด็จจะเป็นคนไปสั่งของแต่ผมเป็นคนเซ็นอนุมัติจ่ายเงินเองกับมือ ชื่อในใบสั่งของก็เป็นชื่อสมานการช่าง ผมไม่เคยสั่งจากร้านของชัชวาลเลย” ธิปกอธิบาย
วิศรุตส่ายหน้าอย่างระอาคนเถียงข้างๆ คูๆ “สมานการช่างก็คือร้านของชัชวาลเพื่อนนาย อย่าทำเป็นไม่รู้หน่อยเลย”
ธิปกมึนงงไปหมด เขากวาดสายตามองไล่ไปทุกดวงหน้า ก่อนจะไปหยุดที่ใบหน้าสี่เหลี่ยมของผู้ชายร่างสันทัด อายุไล่เลี่ยกับเขา ดวงตาโตใต้คิ้วเข้มหนานั้นมองธิปกอย่างขออภัย
“ฉันขอโทษด้วยไอ้ปก แต่ฉันเก็บความลับไว้ไม่ได้แล้ว พวกนี้จะเอาฉันเข้าคุกฉันก็เลยต้องบอกความจริงไปว่าแกเป็นหุ้นส่วนของร้าน และที่ร้านเราได้กำไรงามก็เพราะแกสั่งสินค้าไปสร้างโรงงานผลิตแอร์ ฉันเคยเตือนแกแล้วว่าระวังสักวันจะเดือดร้อน แต่แกมั่นใจว่าไม่มีใครจับผิดได้ ฉันถึงต้องยอมทำตาม”
เพื่อนของเขาพูดตะกุกตะกัก ท่าทางประหม่าเกรงกลัว แต่ยังผลให้คนฟังร้อนผ่าวไปยิ่งกว่าพลัดตกลงไปในหล่มเพลิง
ชัชวาลเป็นเพื่อนที่เรียนชั้นมัธยมมาด้วยกันกับธิปก บ้านของอีกฝ่ายมีฐานะไม่สู้ดีนัก พอเพื่อนบากหน้ามาขอร้องว่าอยากจะเปิดร้านขายอุปกรณ์ก่อสร้างแถวบ้านของเขาซึ่งอยู่ไกลลิบถึงพระโขนง แต่เงินเก็บที่มีอยู่ยังไม่พอ ธิปกก็ยอมร่วมลงทุนด้วย แล้วปล่อยให้ชัชวาลบริหารร้านตามสบายโดยไม่เข้าไปก้าวก่าย ประกอบกับความรับผิดชอบที่หนักหน่วงขึ้นมากในระยะหลัง ทำให้เขามีโอกาสไปเยี่ยมชมกิจการของเพื่อนเพียงครั้งเดียวเท่านั้นในวันเปิดร้าน
กระนั้นไม่ว่าจะทบทวนความจำสักกี่ครั้ง ชื่อร้านของชัชวาลก็คือ ‘ชัชวาลพาณิชย์’ ไม่ใช่ ‘สมานการช่าง’ อย่างแน่นอน ธิปกยังไม่ฟั่นเฟือนถึงขนาดจะจำผิดไปได้
เหตุการณ์ที่กำลังโถมเข้ามาสรุปได้เพียงอย่างเดียวว่าเขากำลังถูกใส่ร้าย โดยมีชัชวาลเป็นตัวละครสำคัญ ธิปกกล้ำกลืนความแค้นลงคอไปอย่างยากเย็น ขณะเรียบเรียงคำพูดที่ตรงกับความรู้สึกมากที่สุด
“ชัชวาล แกก็รู้อยู่แก่ใจว่าฉันไม่ได้โกงบริษัททำไมแกถึงใส่ร้ายฉัน ตอนที่แกลำบากมาขอให้ฉันออกทุนเปิดร้านให้ ฉันก็ช่วยด้วยความเต็มใจ แต่แกกลับตอบแทนฉันด้วยวิธีนี้หรือ”
ชัชวาลงอตัวเหมือนกลัวจะถูกทำร้าย พลางตอบกลับมาอย่างขลาดๆ
“ฉันจนใจจริงๆ ขอร้องละ อย่าให้ฉันต้องทำผิดไปกับแกอีกเลย”
ดูก็รู้ว่าไม่อาจจะโน้มน้าวเพื่อนให้พูดความจริงได้แล้ว ธิปกจึงหันไปพูดกับบุคคลเดียวที่คิดว่าน่าเชื่อใจกันพอจะยอมรับฟังเขาบ้าง
“คุณท่านครับ ผมไม่เคยทำตัวเนรคุณอย่างที่ถูกกล่าวหา คุณท่านได้โปรดเชื่อผม ให้เวลาผมได้พิสูจน์ความจริงเถอะ”
วิศรุตไม่รอให้ปู่ของเขาเอ่ยปาก เขายื่นบัญชีสั่งซื้อราคาจริงและใบเสร็จรับเงินที่ได้มาจากเมตตาให้ธิปกดู
“ถ้านายไม่ได้โกง ฉันขอถามหน่อยว่านี่ลายเซ็นของนายใช่ไหม นายเซ็นสั่งซื้อสินค้าจากสมานการช่างราคาแพงกว่าตลาดทุกครั้ง แล้วให้เมตตาแต่งบัญชีใหม่ให้ราคาถูกลง ถ้าบริสุทธิ์ใจนายจะเซ็นสั่งซื้อของแพงขนาดนี้ทำไม อย่าพูดอีกเลยธิปก นายจะพูดจาแก้ตัวอย่างไรก็ได้แต่หลักฐานที่ฉันได้มา มันฟ้องอยู่เห็นๆ”
เส้นคดโค้งจากปากกาดำที่ปรากฏอยู่บนกระดาษแผ่นนั้นเหมือนลายเซ็นของเขาทุกกระเบียดนิ้ว ไม่เว้นแม้แต่การตวัดลายเส้นและลงน้ำหนัก ธิปกอยากจะแย้งว่ามันเป็นลายเซ็นปลอม แต่เมื่อเห็นสายตาเย็นชาของทุกคนในห้องก็รู้ว่าไม่มีใครเชื่อคำพูดของเขา
ตลอดเวลานายมงคลนั่งฟังเงียบๆ ภายนอกเขาดูนิ่งเฉยก็จริงแต่ก็เป็นการสงบนิ่งของมหาสมุทรที่มีคลื่นยักษ์ปั่นป่วนอยู่ด้านล่าง เพียงรอเวลาที่จะคลุ้มคลั่งขึ้นมาเท่านั้น พอหลานชายพูดจบผู้เป็นปู่ก็ตบโต๊ะทำงานดังปัง ชี้หน้าธิปกอย่างโกรธจัด
“ไอ้เนรคุณ ฉันอุตส่าห์เอ็นดูแกถึงยอมส่งเสียให้เรียนหนังสือ สนับสนุนให้แกได้ดิบได้ดี ไม่เคยคิดเลยว่าแกจะหักหลังฉันได้ลงคอ ในชีวิตฉันเกลียดที่สุดก็คนหลอกลวงเลี้ยงไม่เชื่องอย่างแกนี่ละ”
ดวงตาของชายหนุ่มแดงก่ำด้วยความสะเทือนใจ เขารู้จักนิสัยนายมงคลดีจนไม่คิดจะวิงวอนอีก เจ้านายของเขาเป็นคนรักแรงเกลียดแรงมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เวลานี้หลักฐานที่มีมัดตัวธิปกเหนียวแน่นจนไม่อาจคิดเป็นอื่น ฉะนั้นยิ่งนายมงคลเคยเอ็นดูเขาเท่าไร ความชิงชังก็ยิ่งเข้มข้นร้อนแรงมากขึ้นเท่านั้น
ไม่มีทางเลยที่ชายชราจะยอมรับฟังคำอธิบายของเขา อย่างน้อยก็ในขณะที่อารมณ์กำลังระอุพล่านอย่างเวลานี้
นับเป็นโชคดีที่นายมงคลยังเห็นแก่ย่าแหวนซึ่งดูแลธงชัยอยู่ จึงไม่ทำรุนแรงถึงขั้นจับธิปกส่งตำรวจ แต่เขาก็ประกาศิตให้ไล่ชายหนุ่มออกจากงานทันที และให้เวลาหนึ่งชั่วโมงสำหรับเก็บข้าวของส่วนตัวออกจากบ้านของเขา รวมถึงกล่าวอำลาย่าแหวนซึ่งนายมงคลเชื่อว่าไม่มีส่วนรู้เห็นกับหลานชาย จึงยังให้ทำหน้าที่และอาศัยอยู่ในบ้านต่อไปตามเดิม
สมบัติในห้องพักของธิปกมีไม่มากนัก เขาเลือกเก็บเท่าที่จำเป็นใส่กระเป๋าเดินทาง ชายหนุ่มมัวแต่หมุกมุ่นกับความคิดที่วนเวียนอยู่ในสมอง จึงไม่เห็นว่าวิศรุตมายืนกอดอกพิงกรอบประตูอย่างสบายอารมณ์ตั้งแต่เมื่อไร จนกระทั่งอีกฝ่ายทักขึ้น
“มีอะไรให้ช่วยก็บอกนะธิปก ไหนๆ นายกับฉันก็อยู่บ้านเดียวกันมาตั้งนาน แต่ฉันอยากจะขอเตือนนายสักหน่อยว่าการคดโกงไม่ทำให้ใครเจริญหรอก ยังดีที่คุณปู่เมตตา ไม่อย่างนั้นอนาคตนายคงย่อยยับกว่านี้”
ธิปกก้มหน้าก้มตาพับเสื้อ บอกเรียบๆ “ในเมื่อเราอยู่บ้านเดียวกันมานาน คุณวิศรุตก็น่าจะรู้ว่าผมไม่ใช่คนขี้โกง”
คนที่รอจะเฉลยความจริงอยู่แล้วคลี่ยิ้มสมใจ กังวานเสียงบอกความลำพองแจ่มชัด
“นายจะโกงหรือไม่โกงไม่ใช่เรื่องสำคัญ เพราะฉันเชื่อเลยละว่าถ้าปล่อยให้ทำงานต่อไป นายจะต้องกอบโกยเงินทองจากครอบครัวฉันแล้วก้าวขึ้นมากุมอำนาจในบริษัท ทั้งๆ ที่เป็นแค่คนนอก ไม่มีสิทธิ์สักนิด”
ธิปกเก็บของเสร็จแล้วกำลังรูดซิปกระเป๋าเป็นขั้นตอนสุดท้าย มือที่จับห่วงซิปชะงักค้าง ย่าแหวนมักจะอบรมหลานชายอยู่เสมอให้เป็นคนเอื้ออารีไม่มองคนในแง่ร้าย แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าธิปกจะเป็นคนโง่ ครั้งนี้เพราะถูกจู่โจมเข้ามาอย่างฉุกละหุกต่างหากเล่า ทำให้เขามืดแปดด้านไปในตอนแรก แต่พอมาเก็บของ ได้มีเวลาสงบสติอารมณ์ตามลำพังครู่หนึ่ง ชายหนุ่มก็พอจะปะติดปะต่อประเด็นสำคัญที่มองข้ามไปได้
เหตุการณ์นี้หากมองอย่างผิวเผินจะสรุปได้เพียงว่าเผด็จกับชัชวาลร่วมมือกันโกงเงิน โดยใช้ธิปกเป็นแพะรับบาป แรกสุดชัชวาลมาขอร้องให้ธิปกร่วมหุ้นเปิดร้าน หลอกว่าชื่อ ‘ชัชวาลพาณิชย์’ แต่ในความจริงกลับจดทะเบียนในชื่อ ‘สมานการช่าง’
จากนั้นเผด็จก็สั่งซื้ออุปกรณ์ก่อสร้างจากชัชวาลในราคาแพง ปลอมลายเซ็นธิปกในใบสั่งซื้อนำไปให้เมตตา บังคับให้แต่งบัญชีใหม่ให้มีราคาถูกลง เมตตาซึ่งไม่รู้อีโหน่อีเหน่จึงปักใจเชื่อว่าธิปกโกงบริษัทและพร้อมจะเป็นพยานเมื่อถูกตรวจสอบ
ในด้านของธิปก เผด็จได้ทำใบสั่งซื้อขึ้นอีกฉบับหนึ่ง ระบุราคาสมเหตุสมผลแล้วนำมาให้เขาดู เขาจึงไม่เคยรู้ตัวเลยว่ากำลังถูกลูกน้องแทงข้างหลังเข้าแล้ว
แต่เรื่องทั้งหมดนี้มีเงื่อนงำน่าสงสัยหลายข้อ เป็นต้นว่าทำไมเผด็จกับชัชวาลซึ่งมีเส้นทางชีวิตห่างไกลกันลิบลับ ถึงมาสนิทสนมถึงขั้นล่มหัวจมท้ายกันได้ ที่สำคัญมีเรื่องหนึ่งที่สะกิดใจเขาอย่างรุนแรง
ตอนที่ธิปกเสนอให้ทดลองสั่งเครื่องปรับอากาศขนาดเล็กจากเมืองนอกมาขาย เขากับนายมงคลตกลงกันว่าหากขายดี นายมงคลจะตั้งโรงงานผลิตแอร์ขึ้นเองในประเทศไทย นายมงคลยังกำชับวิศรุตด้วยว่า
‘เรื่องที่เราจะทดลองตลาดแอร์ขนาดเล็กและอาจจะตั้งโรงงานในอนาคต จะสำเร็จหรือเปล่าก็ยังไม่แน่ ปู่ยังไม่อยากให้ใครรู้เรื่อง แกก็อย่าพูดไปล่ะวิศรุต’
หลังจากนั้นไม่มีการเอ่ยถึงเรื่องนี้อีกเลย เพื่อจะรอดูผลตอบรับก่อนว่าความคิดของธิปกจะผลิดอกออกผลอย่างไร แต่ชัชวาลกลับมาขอให้ธิปกเข้าหุ้นเปิดร้านอุปกรณ์ก่อสร้าง ก่อนที่นายมงคลจะมอบหมายให้เขาตั้งโรงงานผลิตแอร์เสียอีก และชัชวาลยังหลอกธิปกว่าจะใช้ชื่อร้านว่า ‘ชัชวาลพาณิชย์’ มาตั้งแต่ต้น
เตรียมแผนการมาพร้อมสรรพราวกับรู้ล่วงหน้าว่าธิปกจะได้คุมการสร้างโรงงานอย่างแน่นอน
จะต้องมีคนบอกเรื่องนี้กับชัชวาล และคนนอกเพียงคนเดียวที่ได้ยินคำสนทนาระหว่างนายมงคลกับธิปก ก็คือวิศรุตที่อยู่ในห้องทำงานขณะนั้น…
อีกทั้งวิศรุตยังสามารถตรวจสอบเรื่องภายในของบริษัทได้อย่างง่ายดาย เขาสามารถเช็กผลตอบรับของเครื่องปรับอากาศที่ธิปกสั่งมาจำหน่าย เมื่อรู้ว่าขายดี ก็คาดการณ์ได้ว่ามงคลจะต้องให้ธิปกสร้างโรงงานขึ้น
วิศรุตยังมีอำนาจพอจะบงการเผด็จกับชัชวาลให้หักหลังธิปก โดยเอาเงินก้อนใหญ่เข้าล่อและรับรองว่าจะช่วยไม่ให้ติดคุก
การคาดคะเนทั้งหมดนี้มีความเป็นไปได้อย่างสูง เมื่อคำนึงถึงว่าวิศรุตไม่ชอบธิปกมานานแล้ว ทั้งๆ ที่คนถูกชิงชังก็ไม่รู้ตัวว่าเคยทำผิดคิดร้ายต่ออีกฝ่ายตั้งแต่เมื่อไร
ธิปกหันไปเผชิญหน้ากับหลานชายของนายมงคล มองใบหน้าคมสันนั้นนิ่งอยู่อึดใจหนึ่งก่อนจะเริ่มพูด
“คุณวิศรุตคงเข้าใจผมผิดไป ผมรู้ตัวมาตลอดว่าเป็นแค่คนที่มาพึ่งใบบุญคุณท่าน ผมถึงได้ตั้งใจทำงาน ใช้ความสามารถตอบแทนพระคุณ ที่คุณคิดว่าผมจะมากอบโกยสมบัติหรือไม่เจียมตัวหวังจะกุมอำนาจในบริษัทน่ะ ไม่เป็นความจริงหรอกครับ”
รอยยิ้มของวิศรุตเต็มไปด้วยความดูแคลน “นายจะให้ฉันเชื่อหรือว่าคนจนๆ อย่างนาย พอมีโอกาสมาถึงมือจะไม่คิดไขว่คว้าหาประโยชน์เข้าตัว” เขาแค่นเสียงเยาะ “อีกอย่างหนึ่งต่อให้นายไม่ต้องการอะไร แต่คุณปู่ก็พร้อมจะประเคนความยิ่งใหญ่ให้นายอยู่แล้ว แล้วฉันล่ะ ฉันเป็นหลานคุณปู่แท้ๆ แต่ลูกน้องในบริษัทพากันชื่นชมนาย มีใครบ้างที่เห็นหัวฉัน”
“เพราะอย่างนี้คุณวิศรุตเลยต้องกำจัดผมออกไป ขนาดลงทุนวางแผนใส่ร้ายอย่างวันนี้”
อีกฝ่ายไม่ตอบ แต่อาการเย้ยหยันทั้งสีหน้าและท่าทางก็เป็นคำตอบในตัวเองอยู่แล้ว
ธิปกไม่เสียเวลาพูดกับวิศรุตเช่นกัน เขาหิ้วกระเป๋าเดินตัวตรงออกจากห้องพัก ไปอำลาย่าแหวนที่ยังงุนงงจับต้นชนปลายไม่ถูก บอกเบาๆ เพียงว่า
“คุณท่านเข้าใจผมผิดเท่านั้น แต่ย่าไม่ต้องเป็นห่วง ผมจะต้องหาทางลบล้างมลทินให้ได้ ตอนนี้ผมต้องไปก่อน ย่ารักษาตัวให้ดีรอผมกลับมาก็แล้วกัน”
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฎิหาริย์ บทที่ 9 : เหตุเกิดในงานเลี้ยง (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฎิหาริย์ บทที่ 8 : ขวากหนามของวิศรุต (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฎิหาริย์ บทที่ 8 : ขวากหนามของวิศรุต (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฎิหาริย์ บทที่ 7 : เจ้าสาวอยู่ไหน (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฎิหาริย์ บทที่ 7 : เจ้าสาวอยู่ไหน (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฎิหาริย์ บทที่ 6 : ไว้ใจได้ไหมนายหน้าหนวด (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฎิหาริย์ บทที่ 6 : ไว้ใจได้ไหมนายหน้าหนวด (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฎิหาริย์ บทที่ 5 : ไขฟู่... กระจกพยากรณ์ (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฎิหาริย์ บทที่ 5 : ไขฟู่... กระจกพยากรณ์ (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฎิหาริย์ บทที่ 4 : คนหลอกลวงเลี้ยงไม่เชื่อง (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฎิหาริย์ บทที่ 4 : คนหลอกลวงเลี้ยงไม่เชื่อง (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฎิหาริย์ บทที่ 3 : ที่แท้ก็สิบแปดมงกุฎดีๆ นี่เอง (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฎิหาริย์ บทที่ 3 : ที่แท้ก็สิบแปดมงกุฎดีๆ นี่เอง (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฎิหาริย์ บทที่ 2 : วิศรุตและธิปก (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฎิหาริย์ บทที่ 2 : วิศรุตและธิปก (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฎิหาริย์ บทที่ 1 : โลกใบเล็กของนารา (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฎิหาริย์ บทที่ 1 : โลกใบเล็กของนารา (1)