แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฎิหาริย์ บทที่ 5 : ไขฟู่… กระจกพยากรณ์ (2)

แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฎิหาริย์ บทที่ 5 : ไขฟู่… กระจกพยากรณ์ (2)

โดย : ณรัญชน์

Loading

แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฎิหาริย์ นวนิยายเรื่องล่าสุดจาก ณรัญชน์ ที่อ่านเอาคัดสรรมานำเสนอ กับเรื่องราวของกระจกโบราณที่สามารถทำนายอนาคตมนุษย์ทุกคนได้อย่างแม่นยำ ‘วิศรุต’ จึงใช้มันมาลิขิตชะตาชีวิตตัวเอง แม้นั่นจะหมายถึงการทำลายล้างคนรอบข้างอย่างโหดเหี้ยม ไม่เว้นแม้แต่ผู้หญิงที่เขารัก นวนิยายออนไลน์จาก www.anowl.co

 

เพราะเคยเห็นภาพอนาคตของวิศรุตมาแล้ว กันต์จึงรู้ว่าการได้แต่งงานกับรพีพรรณ จรัสวงศ์ เป็นก้าวย่างสำคัญที่สุดที่ช่วยเกื้อหนุนให้วิศรุตประสบความสำเร็จ กลายเป็นเศรษฐีผู้มั่งคั่งยิ่งกว่าที่ตัวของชายหนุ่มเองจะจินตนาการได้เสียอีก

รพีพรรณมีเลือดกรุ๊ปเอเนกาทีฟซึ่งเป็นกรุ๊ปเดียวกับหม่อมภรณี เศรษฐินีคนสำคัญของพระนคร ครั้งหนึ่งเมื่อหม่อมประสบอุบัติเหตุ รพีพรรณได้บริจาคเลือดช่วยชีวิตเธอไว้ หม่อมจึงตอบแทนด้วยการใช้เส้นสายที่มีอยู่อย่างกว้างขวางช่วยให้วิศรุตได้รับผลประโยชน์ทางธุรกิจมากมาย ชนิดที่จับอะไรก็เป็นเงินเป็นทอง

เมื่อสวมรอยมาเป็นหลานชายของนายมงคล กันต์จึงมุ่งมั่นว่าจะต้องแต่งงานกับรพีพรรณให้จงได้

แต่ในเบื้องต้นโชคชะตาเหมือนจะเล่นตลกกับเขา เพราะผู้หญิงที่นายมงคลตั้งใจจะหมั้นหมายให้หลานชายก็คือนารา น้องสาวคนละแม่ของรพีพรรณ ทั้งๆ ที่ในเวลานั้นนารายังเป็นเพียงเด็กหญิงวัยสิบเอ็ดปี

หากจะถามถึงจุดเริ่มต้นของความคิดนี้ ต้องย้อนกลับไปสมัยที่นายมงคลยังเด็ก เขาเป็นลูกโทนของครอบครัวชั้นกลางพอมีพอกิน ไม่ใช่คหบดีร่ำรวยอย่างในปัจจุบัน เวลานั้นเพื่อนสนิทที่สุดของเขาคือเด็กหญิงขิม ลูกสาวแม่ค้าร้านของชำที่เขาต้องเดินผ่านอยู่ทุกวัน

พอทั้งคู่เติบโตขึ้นความผูกพันฉันเพื่อนในวัยเยาว์ก็พัฒนาไปเป็นความรัก แต่แล้วแม่ของขิมกลับจับลูกสาวไปแต่งงานกับนายตำรวจนายหนึ่ง ที่ดูท่าว่าจะมีอนาคตไกลกว่านายมงคล ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จึงขาดสะบั้นลงท่ามกลางความอาลัยแทบจะขาดใจของทั้งสองฝ่าย

ก่อนจากกันนายมงคลกับขิมสัญญากันไว้ว่าในอนาคตถ้าต่างฝ่ายต่างมีลูก จะให้ลูกของทั้งคู่แต่งงานกันเพื่อสานฝันแทนพ่อแม่ที่ไม่มีโอกาสครองคู่ไปจนแก่เฒ่า

สามีของขิมเป็นคนขี้หึงและแสดงออกอย่างโจ่งแจ้งว่าไม่ต้อนรับเพื่อนเก่าของภรรยา หลังฝ่ายหญิงวิวาห์ไปแล้วนายมงคลจึงไม่ได้พบขิมอีกเลย เขาฮึดสู้ยกเอาความเจ็บช้ำมาเป็นแรงใจในการสร้างเนื้อสร้างตัวจนร่ำรวยเป็นปึกแผ่น จากนั้นอีกหลายสิบปีทีเดียวกว่าเส้นทางชีวิตของนายมงคลกับอดีตคนรักจะโคจรมาบรรจบกันอีกครั้ง

ทว่าคราวนี้ฝ่ายหญิงไม่ใช่แม่ขิม สาวน้อยร่างเล็กผู้มีรอยยิ้มหวานเศร้าในความทรงจำของเขาอีกต่อไปแล้ว หากแต่เป็นผู้หญิงวัยห้าสิบปลาย ดูร่วงโรยและผ่ายผอมอันเป็นผลจากการหาเช้ากินค่ำมานานปี ใบหน้าที่เกลื่อนไปด้วยริ้วรอยนั้นฉายแววปีติเมื่อเห็นคนรักเก่าที่หล่อนให้คนไปเชิญมาพบถึงโรงพยาบาล

“หมอเขาว่าฉันเป็นมะเร็ง เห็นทีจะอยู่ได้ไม่เกินสิ้นเดือนนี้ละ” แม่ขิมบอก หลังจากสนทนารื้อฟื้นความหลังกันอยู่ครู่หนึ่ง “มงคล เธอยังจำได้ไหมว่าเราเคยสัญญาว่าจะให้ลูกๆ แต่งงานกัน ตอนนี้ถ้าฉันขอร้องให้เธอรักษาสัญญาเพื่อเห็นแก่คนใกล้ตาย เธอจะทำได้ไหม”

ในหัวใจของนายมงคลภาพอดีตยังคงงดงามอยู่เสมอ เขาระลึกถึงแม่ขิมในฐานะสาวน้อยผู้เป็นรักแรกมาตลอด คำว่า ‘คนใกล้ตาย’ ที่หล่อนย้ำจึงสั่นสะเทือนหัวใจผู้ฟังจนอดน้ำตาซึมไม่ได้ แม่ขิมเองก็รู้จักจุดอ่อนของเพื่อนเก่า ที่ผ่านมาหล่อนไม่ยอมพบนายมงคล แต่ยื้อเวลาไว้จนถึงตอนนี้ก็เพื่อให้ได้จังหวะสุกงอมที่สุด

“ลูกสาวเธอไม่ใช่คนตัวเปล่าไม่ใช่หรือ ฉันได้ยินว่าเขาออกเรือนมีลูกไปแล้ว” นายมงคลถาม

แม่ขิมยิ้มอย่างอ่อนเพลีย “ใช่ ลูกสาวฉันมันไม่มีวาสนาถึงเป็นได้แค่เมียรองเขา แต่ฉันหมายถึงนาราหลานฉันต่างหากล่ะ หลานสาวฉันเป็นกุลสตรีว่านอนสอนง่าย เทือกเถาเหล่ากอทางพ่อเขาก็เป็นผู้ดีเก่า ใครได้เป็นสะใภ้ก็ไม่ขายหน้า หากว่าเธอยังคิดถึงความหลังของเราอยู่บ้าง ก็ขอให้นาราเป็นตัวแทนของฉันแต่งงานกับหลานชายของเธอได้ไหมล่ะ”

หล่อนยื่นมือสั่นระริกมากุมมือคนรักเก่าไว้ นายมงคลรับรู้ได้ถึงความสากระคายของมือเรียวเล็กนั้น บ่งบอกความทุกข์ยากที่แม่ขิมต้องประสบตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา เพียงแค่คิดหัวใจของเขาก็อ่อนยวบ

“เราสองคนเคยรักกันมากไม่ใช่หรือ ในเมื่อเราไม่ได้อยู่ด้วยกันก็ให้หลานของเราเป็นคู่กันแทนตัวเราเถอะนะ มงคล ฉันขอแค่นี้ก่อนที่ฉันจะตาย เธอรับปากฉันได้ไหม” คนป่วยวิงวอนเสียงแหบพร่า

นายมงคลไตร่ตรองดูก็เห็นว่าคุณสมบัติของนาราไม่มีอะไรเสียหาย จริงอยู่ตวงพรเป็นเพียงเมียรอง หากนามสกุลจรัสวงศ์ของนายสุพจน์สามีเธอนั้นเป็นสกุลผู้ดีเก่า จัดว่ามีหน้ามีตาพอสมควร และตัวสุพจน์เองก็เป็นข้าราชการอยู่ในกระทรวงการต่างประเทศ ลูกสาวจึงนับได้ว่าไม่มีสิ่งใดบกพร่อง

นายมงคลเคยเจ็บใจจากการถูกเหยียดหยามเรื่องฐานะมาก่อน จึงไม่คิดจะใช้กฎเกณฑ์เดียวกันนี้มาตัดสินคนอื่นอีก หลานสะใภ้ของเขาไม่จำเป็นต้องมีเงินถุงเงินถัง ขอแค่มาจากตระกูลดีมีความประพฤติเรียบร้อย สามารถพาออกงานสังคมได้โดยไม่ขัดเขินก็นับว่าใช้ได้แล้ว

ด้วยเหตุนี้เอง ในวัยสิบเอ็ดปีนาราก็กลายเป็นว่าที่คู่หมั้นของ ‘คุณวิศรุต’ โดยที่ฝ่ายชายหาได้ยินดีไม่ แต่กันต์ไม่คิดจะขัดแย้งกับปู่ให้ตำแหน่งหลานรักต้องสั่นคลอนโดยไม่จำเป็น เขาเฝ้าเก็บงำความไม่พอใจไว้ ขณะรอคอยโอกาสทำลายว่าที่คู่หมั่นให้ป่นปี้ลงไปทุกขณะจิต

งานหมั้นจะยังไม่มีขึ้นจนกว่าทั้งคู่จะเติบโตเป็นหนุ่มสาวเสียก่อน ระหว่างนั้นทุกวันเสาร์อาทิตย์นายมงคลจะส่งรถมารับตวงพรกับนาราไปที่บ้านของเขา เพื่อเปิดโอกาสให้เด็กๆ สนิทสนมคุ้นเคยกันไว้ แรกๆความสัมพันธ์ของทั้งสองฝ่ายดำเนินไปด้วยดี จนกระทั่งวันหนึ่งเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น

เช้าวันนั้นตวงพรกับแม่องุ่นออกไปซื้อของใช้ที่เทเวศร์ ขณะกำลังยืนรอรถรางชายคนหนึ่งซึ่งเดินเตร่อยู่แถวนั้นก็เข้ามากระซิบ

“แม่ตวงพร ฉันเป็นตำรวจ อย่าเอะอะไป…” เขาบอกเมื่อตวงพรเหลียวมองไปรอบๆ อย่างตื่นกลัว “ฉันมีเรื่องจะถาม เธอไปที่บ้านคุณมงคลบ่อยๆ สังเกตเห็นความผิดปกติอะไรบ้างไหม”

ความผิดปกติอย่างนั้นหรือ…อันที่จริงก็มีอยู่บ้าง…ตวงพรจำได้ว่าที่บ้านหลังนั้นมีเรือนอยู่หลังหนึ่งตั้งอยู่โดดเดี่ยวห่างจากตึกใหญ่ นัยว่าเป็นเรือนที่ย่าของนายมงคลซึ่งป่วยเป็นฝีในท้องเคยนอนรักษาตัว หลังจากนางเสียชีวิตไปเรือนนั้นก็ร้าง เจ้าของบ้านจึงประยุกต์ให้เป็นห้องเก็บของ ใช้สำหรับเก็บของชิ้นใหญ่ๆจำพวกโต๊ะตู้เตียงที่ไม่ใช้แล้ว

แต่ตวงพรสังเกตว่าคนรับใช้ประจำตัวนายมงคลมักจะถือปิ่นโตใส่อาหารเดินเข้าไปที่นั่นในตอนเที่ยง ผ่านไปอีกราวหนึ่งชั่วโมงก็ถือปิ่นโตเดินแอบๆ ออกมา ราวกับนำของกินไปให้ใครบางคนที่น่าจะเร้นกายอยู่ที่นั่น

แต่เรื่องนี้ไม่ใช่ธุระที่คนนอกจะเข้าไปยุ่งเกี่ยว…ตวงพรส่ายหน้าปฏิเสธทันที รีบขยับตัวออกห่างโดยอัตโนมัติ

“ถ้าเห็นอะไรแปลกๆ ที่บ้านนั้นเธอต้องมาแจ้งตำรวจ เข้าใจไหม ถ้าขืนปกปิดไว้ละก็ตัวเธอเองจะมีความผิดไปด้วย” ชายคนนั้นคาดคั้นก่อนจะผละจากไป

ตวงพรลูบอกอย่างเสียขวัญ แม่องุ่นเองก็หน้าซีดเผือดไม่แพ้เจ้านาย พอดีรถรางมาถึงทั้งคู่จึงรีบขึ้นไปนั่ง ใจเต้นระทึกไปตลอดทาง จนถึงบ้านตวงพรก็กำชับแม่องุ่นไม่ให้ปริปากพูดเรื่องนี้อีกเพื่อไม่ให้มีภัยมาถึงตัว

สองวันต่อมาเป็นวันหยุด นายมงคลส่งรถมารับตวงพรกับลูกสาวไปเที่ยวที่บ้านตามปกติ เวลานั้นอากาศสดชื่นสมกับเป็นต้นฤดูหนาว นายมงคลกับเด็กๆ กำลังรับประทานขนมปังที่ตวงพรอบมาฝากอยู่ในห้องนั่งเล่น บรรยากาศแช่มชื่นเป็นสุข ไม่มีเค้าลางเลยว่าจะเกิดเหตุร้าย

แต่แล้วจู่ๆ ตำรวจกลุ่มหนึ่งก็มากดกริ่งหน้าประตูใหญ่ พอคนรับใช้ไปเปิดรับก็กรูกันเข้ามาโดยไม่รั้งรอ ตวงพรสังเกตเห็นผู้ชายที่เธอพบที่เทเวศร์รวมอยู่ในกลุ่มผู้พิทักษ์สันติราษฎร์เหล่านี้ด้วย

นายตำรวจผู้เป็นหัวหน้าคณะแจ้งต่อนายมงคลว่าจะมาจับคนร้าย จากนั้นลูกน้องของเขาก็กระจายกำลังค้นหาไปทั้งบ้าน จนไปถึงเรือนเล็กทางด้านหลังก็กระชากตัวชายที่ซ่อนอยู่ข้างในออกมา จับใส่กุญแจมือแล้วพาเดินอ้อมกลับมาที่ห้องโถง

ทันทีที่เห็นภาพนั้นนายมงคลก็หน้าเผือดสี น้ำตารื้นขึ้นมาเต็มสองตาแดงก่ำ เขากำมือแน่นอย่างเจ็บปวด

ตวงพรกอดนาราไว้แน่นขณะมองดูความโกลาหลตรงหน้าอย่างพรั่นพรึง เธอไม่ทันตั้งตัวเลยเมื่อจู่ๆนายตำรวจรายเดิมที่เคยมาถามเบาะแสจากเธอก็เดินเข้ามากระซิบ เสียงของเขาเหมือนจะแผ่วเบาหากก็ดังพอที่นายมงคลจะได้ยินทุกคำโดยไม่พลาด

“ขอบคุณนะคุณตวงพรที่ช่วยเหลือทางราชการ”

ท่ามกลางความงงงันของตวงพร เธอเห็นนายมงคลหันขวับมาทันที ไฟโทสะและความชิงชังลุกโชนอยู่ในดวงตาแข็งกร้าวที่จ้องมองมาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ

ตวงพรมารู้ภายหลังว่าผู้ชายที่ถูกจับตัวไปชื่ออนุชิต เป็นเพื่อนที่นายมงคลรักมากเพราะเคยมีบุญคุณเกื้อกูลกันมาในสมัยที่นายมงคลกำลังสร้างเนื้อสร้างตัว อนุชิตโชคร้ายถูกญาติโกงเงินไปนับแสนบาท เขาบันดาลโทสะยิงญาติคนนั้นตายจึงหนีมาหลบอยู่ในบ้านของนายมงคล ตั้งใจจะกบดานสักพักรอให้ตำรวจเลิกติดตาม แล้วจะหาทางหนีออกไปทางชายแดนเพื่อไปยังประเทศอื่นต่อไป

คนที่ถูกจับในวันนั้นไม่ได้มีแต่นายอนุชิตเพียงคนเดียว แม้แต่นายมงคลเองก็ถูกคุมตัวไปด้วยในฐานะเจ้าของบ้านผู้ให้ที่หลบซ่อนแก่คนร้าย แต่เศรษฐีอย่างเขารออยู่ในห้องขังไม่กี่ชั่วโมง ทนายความที่รีบบึ่งรถตามมาก็นำหลักทรัพย์มาประกันตัวเจ้านายออกไป มีเพียงนายอนุชิตที่ถูกจับส่งเข้าเรือนจำและต้องโทษติดคุกนานหลายปี

พอออกจากห้องขังมาได้ วันรุ่งขึ้นนายมงคลก็มาพบสุพจน์ที่บ้าน เปิดฉากบรรยายเหตุการณ์ทั้งหมดด้วยน้ำเสียงเจ็บแค้น ก่อนจะขอยกเลิกการทาบทามนารามาเป็นเจ้าสาวของหลานชายเขา

“น่าเสียดายนะคุณสุพจน์ ผมเคยคิดว่าคุณโชคดีได้เพชรอย่างตวงพรมาเป็นคู่ ถึงจะเป็นแค่เมียรองก็เถอะ นึกไม่ถึงว่าไอ้ที่คิดว่าเป็นเพชรที่แท้ก็เป็นแค่พลอยหุง ยังดีที่ผมได้เห็นธาตุแท้เสียก่อนว่าปากพล่อยไว้ใจไม่ได้แค่ไหน ไม่อย่างนั้นถ้าเผลอมาเกี่ยวดองเป็นญาติกันละก็ ตระกูลผมคงได้ฉิบหายเข้าสักวัน” เขาทิ้งท้าย สายตาที่มองสามีของตวงพรเหมือนมองคนโง่ๆ สักคนที่จะต้องวิบัติไม่ช้าก็เร็ว

สุพจน์แทบล้มทั้งยืนด้วยความเสียดายโชคลาภที่หลุดลอยไป ก่อนหน้านี้เขาวาดฝันถึงอนาคตที่จะมาพร้อมฐานะพ่อตาของ ‘คุณวิศรุต’ ไว้อย่างสวยหรู ซ้ำยังเที่ยวได้คุยอวดเพื่อนฝูงจนรู้กันทั่วหมดแล้ว ความผิดหวังบวกกับเสียหน้าครั้งยิ่งใหญ่ทำให้เขาโกรธตวงพรอย่างหนัก ยิ่งเห็นหน้าก็ยิ่งอารมณ์เสีย จึงหมางเมินไม่ยอมไปหาเธอกับลูกสาวที่เรือนเล็กอีกเลย

ตวงพรตรอมใจอยู่หนึ่งปีก็เสียชีวิตไป เส้นทางระหว่างนารากับวิศรุตจึงแยกขาดจากกันโดยสิ้นเชิง

มีเพียงกันต์เท่านั้นที่รู้ว่าเขานี่ละคือคนที่นำข่าวไปแจ้งตำรวจ ก็ตัวเขาเองกินนอนอยู่ในบ้านนี้แท้ๆ ซ้ำยังมีนิสัยช่างสังเกตสังกาสิ่งรอบด้านตามประสาเด็กข้างถนนที่ต้องเอาตัวรอด มีหรือจะไม่เห็นพิรุธว่ามีคนมาหลบซ่อนอยู่ในห้องเก็บของ

คนคนนั้นจะเป็นใคร ทำความผิดอุกฉกรรจ์แค่ไหนไม่ใช่เรื่องสำคัญ เพียงแค่นายมงคลให้ความช่วยเหลือคนร้ายรายนี้ก็เพียงพอจะนำมาใช้ประโยชน์ได้แล้ว

เดิมทีกันต์ว่าจ้างตำรวจนายหนึ่งให้ไปหลอกล่อตวงพรให้เปิดเผยความลับออกมาเอง แต่มารดาของนาราไม่ใช่คนปากสว่าง เขาจึงต้องวางอุบายใหม่ ให้ตำรวจนายนั้นเข้ามากระซิบกระซาบทำเหมือนตวงพรเป็นผู้แพร่งพรายเบาะแสให้รู้ เพียงเท่านี้การหมั้นที่เขาไม่เต็มใจก็ต้องล้มเลิกไปสมดังประสงค์

แน่นอนว่าเมื่อนายมงคลชิงชังตวงพร ความสัมพันธ์อันดีกับครอบครัวของสุพจน์ก็เป็นอันจบสิ้นไปด้วย แต่กันต์ไม่ยอมปล่อยให้รพีพรรณ ผู้หญิงที่มีเลือดกรุ๊ปเอเนกาทีฟหลุดมือไปเป็นอันขาด เขาทอดเวลาไปอีกสองปี จนกระทั่งรพีพรรณอยู่ชั้นมัธยมปลาย กันต์ก็เข้าไปทำความรู้จักสาวน้อยแสนสวย งามผุดผ่องราวกับกุหลาบแรกแย้มคนนี้

รูปร่างหน้าตาและฐานะทางสังคมของเขาเป็นใบเบิกทางชั้นยอด ให้สามารถเอาชนะชายหนุ่มคนอื่นๆที่มาติดพันรพีพรรณได้อย่างไม่ยากเย็น แม้เมื่อกันต์ต้องไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษ เขาก็หมั่นส่งจดหมายและของขวัญราคาแพงมากำนัลหญิงสาวไม่ขาดระยะ ร้อยรัดหญิงคนรักไว้ด้วยคำมั่นสัญญาว่าจะกลับมาหาทันทีที่เรียนจบ

จนรพีพรรณเคลิบเคลิ้ม มองเห็นตัวเองในฐานะหลานสะใภ้ของนายมงคลมาตั้งแต่รุ่นสาวเลยทีเดียว

 



Don`t copy text!