แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฎิหาริย์ บทที่ 9 : เหตุเกิดในงานเลี้ยง (2)

แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฎิหาริย์ บทที่ 9 : เหตุเกิดในงานเลี้ยง (2)

โดย : ณรัญชน์

Loading

แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฎิหาริย์ นวนิยายเรื่องล่าสุดจาก ณรัญชน์ ที่อ่านเอาคัดสรรมานำเสนอ กับเรื่องราวของกระจกโบราณที่สามารถทำนายอนาคตมนุษย์ทุกคนได้อย่างแม่นยำ ‘วิศรุต’ จึงใช้มันมาลิขิตชะตาชีวิตตัวเอง แม้นั่นจะหมายถึงการทำลายล้างคนรอบข้างอย่างโหดเหี้ยม ไม่เว้นแม้แต่ผู้หญิงที่เขารัก นวนิยายออนไลน์จาก www.anowl.co

นารามองรพีพรรณและกมลเนตรเดินไปหากุลธิดา ทิ้งให้กันต์นั่งจิบเครื่องดื่มอยู่ตามลำพัง เป็นขณะที่กันต์ซึ่งนั่งดูคู่เต้นรำอย่างเพลิดเพลินมองกวาดมาพอดี พอเห็นธิปกเขาก็คลี่รอยยิ้มกึ่งขบขันกึ่งดูถูก ก่อนจะมองเลยต่อไปยังผู้หญิงในอ้อมแขนของอีกฝ่าย

ใบหน้ารูปหัวใจกับดวงตาดำขลับนั้นดูคุ้นตาอย่างไรชอบกล กันต์ต้องรื้อฟื้นความทรงจำอยู่อึดใจหนึ่งกว่าจะจำเด็กผู้หญิงที่เคยมาเล่นที่บ้านของเขาได้ แทบจะเป็นเวลาเดียวกับที่นาราก็จำอดีตว่าที่คู่หมั้นของตนได้เช่นกัน พอกันต์ก้มศีรษะเล็กน้อยเป็นเชิงทักทายเธอก็ยิ้มรับ ท่าทางไม่เดือดร้อนที่ได้พบเขา

ความสงบของนาราตรงกันข้ามกับอารมณ์คุกรุ่นของกุลธิดา เด็กสาวแทบจะสะบัดหน้าหนีเลยทีเดียวเมื่อรพีพรรณเข้ามาแนะนำตัวว่าเป็นพี่สาวคนละพ่อกับศัตรูหัวใจของเธอ แต่กมลเนตรรีบดักคอไว้ก่อน

“พวกเราก็เกลียดนาราเหมือนกับคุณนี่ละค่ะ”

กุลธิดาชะงัก ไม่แน่ใจว่าผู้หญิงสวยแต่งตัวหรูหราสองคนนี้จะมาไม้ไหน รพีพรรณนั่งลง เริ่มต้นสาธยายพฤติกรรมเลวร้ายน่ารังเกียจตั้งแต่เล็กจนโตของนาราให้อีกฝ่ายได้รู้ โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่นาราหนีการแต่งงานไปประกวดนางงามถูกระบายสีแต่งเติมมากเป็นพิเศษ

“ตอนแรกแม่นาราชอบพอกับอยู่กับคุณวิฑูรย์ หลอกให้เขายกขันหมากมาสู่ขอ แต่เกิดเปลี่ยนใจอยากโผมาจับคุณธิปกเลยทิ้งคุณวิฑูรย์กลางงานหมั้น แล้วแอบหนีไปประกวดนางงามจะได้ยกระดับตัวเองให้คู่ควรกับคุณธิปก น้องสาวคนนี้ฉันรู้จักดีค่ะ ชอบทำแต่เรื่องเลวทรามทำลายเกียรติของวงศ์ตระกูลมาตั้งแต่เล็กๆ แล้ว ใจดำก็เท่านั้น ไม่เคยสนใจว่าใครจะเดือดร้อน”

“ที่แท้พี่ธิปกก็ถูกแม่นี่หลอกให้คิดว่าเป็นคนดี” กุลธิดาเป็นเดือดเป็นแค้นขึ้นมาทันที “คอยดูนะพี่ธิปกรู้ความจริงวันไหน จะต้องผลักไสมันไปไกลร้อยโยชน์พันโยชน์”

“กลัวแต่ว่ากว่าคุณธิปกจะรู้ก็สายไปแล้วน่ะสิคะ นารากะล่อนยิ่งกว่าปลาไหล ใครอยู่ใกล้เป็นถูกหลอกทุกราย ฉันถึงอยากกระชากหน้ากากให้ทุกคนเห็นกันตั้งแต่คืนนี้เลย จะได้ไม่มีใครตกเป็นเหยื่ออีก”

“คุณรพีพรรณจะทำยังไงหรือคะ”

รพีพรรณสบตากมลเนตร ความสมคะเนฉาบอยู่บนดวงตาดำขลับเมื่อกระซิบบอกแผนการให้เด็กสาวฟัง กุลธิดาตื่นเต้น กระนั้นก็ไม่วายอิดออด

“จะดีหรือคะ ถ้ามีคนจับได้ล่ะ”

กมลเนตรกุมมืออีกฝ่ายไว้ บีบเบาๆ อย่างให้กำลังใจ “ไม่ต้องกลัวนะคะ ไม่มีทางที่ใครจะจับได้หรอก คิดถึงคุณธิปกไว้สิคะ ถ้าคุณทำให้คุณธิปกเลิกสนใจนาราได้ เขาจะต้องหันมามองคนใกล้ตัวที่ดีกับเขามากๆอย่างคุณกุลธิดาแน่ค่ะ”

ชื่อของธิปกที่อีกฝ่ายจงใจหยอดลงมาอย่างถูกจังหวะ บวกกับความหมั่นไส้ศัตรูหัวใจเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ทำให้กุลธิดาตัดสินใจพยักหน้า ขณะนั้นดนตรีเปลี่ยนเป็นจังหวะแทงโก้ที่นาราไม่ถนัด ธิปกจึงพาคู่เต้นรำของเขาไปนั่งพัก หยิบแก้วเครื่องดื่มจากถาดที่พนักงานถือผ่านมาส่งให้ แล้วนั่งคุยเรื่องสัพเพเหระกันเงียบๆ ครู่หนึ่งกุลธิดาก็เดินมาหา

“คุณนาราคะ ฉันขอคุยด้วยเป็นการส่วนตัวสักครู่ได้ไหม”

กุลธิดาไม่รอดูว่านาราจะมีปฏิกิริยาอย่างไร แต่ถือวิสาสะฉุดแขนอีกฝ่ายให้ลุกขึ้นยืน ความว่องไวจนตั้งตัวไม่ทันนั้น ทำให้กระเป๋าสำหรับออกงานราตรีที่นาราวางอยู่บนตักร่วงลงไปกองกับพื้น กุลธิดาก้มลงเก็บขึ้นมา แล้วออกเดินนำไปคล้ายจะยึดกระเป๋าใบนั้นเป็นหลักประกันไม่ให้เจ้าของปฏิเสธ

ฟลอร์ที่ใช้เต้นรำกันอันที่จริงเป็นเทอเรซกว้างด้านหน้าของตัวบ้าน ด้านข้างเป็นทางเดินทอดยาวไปถึงสนามหญ้า กลางสนามปลูกศาลาสีขาวมีเก้าอี้ตั้งไว้สำหรับนั่งรับลม นาราบอกธิปกให้รออยู่ที่เดิม ตัวเธอยอมเดินตามกุลธิดาเข้าไปในศาลาซึ่งเงียบสงัดปลอดคน

พอเข้าไปถึงเด็กสาวก็ระเบิดประโยคแรกออกมาทันที

“ฉันอยากให้คุณเลิกมายุ่งกับพี่ธิปก เขาเป็นคนดี ไม่เหมาะกับผู้หญิงหลอกลวงอย่างคุณ” กุลธิดาเชิดหน้า “อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะว่าคุณหลอกผู้ชายให้ยกขันหมากมาสู่ขอ แล้วพอถึงวันแต่งงานก็ทิ้งเขา หนีไปประกวดนางงามเพื่อจะยกฐานะตัวเอง ถ้าฉันไปบอกความจริงกับพี่ธิปกละก็ เขาจะต้องรังเกียจคุณแน่ๆ”

ไปคุยกับพี่รพี่แค่ไม่นาทีก็แล่นมาเล่นงานฉันซะแล้ว…นารารำพึง ตัดสินใจไม่ถูกว่ารพีพรรณมีความสามารถในการเป่าหูระดับเซียนเหยียบเมฆ หรือกุลธิดาเป็นคนหูเบากันแน่

“ถ้าคุณอยากบอกคุณธิปกก็บอกเถอะค่ะ” เธอยิ้มให้ “แต่เขาคงไม่ตกใจกับข่าวนี้หรอก เพราะคุณธิปกนั่นละที่ช่วยขับรถพาฉันหนีออกมาจากงานแต่งงาน”

เทียบกับตอนที่รู้ประวัติของนารา ความอัศจรรย์ใจของกุลธิดาในเวลานี้เปรียบได้ดังฟ้าผ่าลงมากลางวันแสกๆ เลยทีเดียว เด็กสาวตะลึงไปอึดใจหนึ่งก่อนจะร้องกรี๊ด

“ไม่จริง สุภาพบุรุษอย่างพี่ธิปกน่ะหรือจะแย่งเจ้าสาวของคนอื่น เธอมันคนโกหกหลอกลวง กล้าดียังไงมาใส่ร้ายพี่ธิปกของฉัน”

นาราต้องกลั้นหัวเราะสุดความสามารถเพราะไม่อยากยั่วโมโหเด็กสาวไปมากกว่านั้น

“เรื่องใส่ร้ายน่ะฉันไม่ถนัดเท่าไรหรอกค่ะ ถ้าคุณไม่เชื่อก็ไปถามพี่ธิปกของคุณดูก็ได้ แต่ว่า…” นาราชี้ไปที่กระเป๋าผ้าต่วนปักเลื่อมเงินในมือกุลธิดา “เอากระเป๋าฉันคืนมาก่อน ฉันไม่ชอบให้คนอื่นมายุ่งกับข้าวของของฉัน”

กุลธิดาฮึดฮัดหน้าแดงก่ำ ปากระเป๋าใส่นาราแล้วสะบัดหน้าจ้ำพรวดๆ ไปอีกทางหนึ่ง นาราก้มลงหยิบกระเป๋าขึ้นมาปัดฝุ่นอย่างทะนุถนอม ไม่คิดจะถือสาอารมณ์ของเด็กสาว ระหว่างนั้นมีเสียงหัวร่อต่อกระซิกแว่วมาตามลม ก่อนที่ผู้หญิงกลุ่มหนึ่งจะก้าวเข้ามาในศาลา คนที่เดินนำหน้าคือจารุมน ลูกสาวเจ้าของบ้าน มีรพีพรรณและกมลเนตรอยู่รั้งท้าย

จารุมนร้องทักอย่างดีใจ “คุณนารามาอยู่ที่นี่เอง ฉันตามหาตั้งนาน”

นาราได้พบและทำความรู้จักหญิงสาวหน้าตาคมเข้มคนนี้ตั้งแต่มาถึงงานแล้ว หลังจากได้รู้จากธิปกว่าจารุมนขอให้พ่อเชิญเธอมาร่วมงานเป็นพิเศษ จึงยิ้มรับ ขณะที่อีกฝ่ายบอกด้วยเสียงร่าเริง

“ฉันกำลังจะไปราตรีสวัสดิ์คุณยายเล็ก พวกเพื่อนๆ ก็อยากจะไปกราบท่านด้วยเลยมาด้วยกัน คุณยายฉันชอบคุณมากตั้งแต่เห็นข่าวจากหนังสือพิมพ์แล้วค่ะ คุณนาราไปพบท่านกับฉันนะคะ”

จบคำจารุมนก็ปรี่เข้ามาคล้องแขนหญิงสาว พาเดินออกจากศาลาด้วยอาการสนิทสนม ปากก็เล่าว่าคุณยายเล็กที่พูดถึงชื่อว่าคุณประเทียบ เป็นน้องสาวคุณยายแท้ๆ ของจารุมน และเป็นผู้เลี้ยงดูหลานสาวมาตั้งแต่เด็ก เธอมีเรือนส่วนตัวปลูกอยู่อีกด้านหนึ่งของบ้าน จารุมนจึงถือเป็นกิจวัตรที่จะต้องไปกล่าวราตรีสวัสดิ์คุณยายเล็กทุกคืน ก่อนที่อีกฝ่ายจะเข้านอน

ทั้งกลุ่มเดินตามกันไปจนถึงตึกชั้นเดียวสีขาวขนาดกะทัดรัด ตั้งอยู่ใกล้สระบัว ในยามวิกาล ปลาทองหลายสิบตัวกำลังเข้าสู่นิทรารมณ์ มันกระพือครีบเนิบช้าเพื่อพยุงตัวให้ลอยปริ่มผิวน้ำ เกล็ดสีทองทอประกายเรืองเรื่ออยู่ใต้แสงโคมที่ติดไว้ข้างสระ

คืนนี้หลานสาวขอมาเป็นพิเศษว่าอยากชมเครื่องเพชรที่คุณยายสะสมไว้ คุณประเทียบเลยให้สาวใช้ขนกล่องกำมะหยี่บรรจุเครื่องถนิมพิมพาภรณ์หลายกล่องออกมาวางบนโต๊ะ ระหว่างรอจารุมนเธอก็ใช้ผ้าเนื้อนุ่มเช็ดจี้ทับทิมชิ้นหนึ่งไปพลางๆ กล่องใบอื่นๆ เปิดฝาอ้าไว้เพื่อรอหยิบขึ้นมาทำความสะอาดเช่นเดียวกัน

คุณประเทียบแปลกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นจารุมนเข้าไปในห้อง โดยมีเพื่อนสาวๆ ทั้งกลุ่มตามเข้าไปด้วย แต่ก็วางงานในมือหันมารับไหว้ พูดคุยทักทายทุกคนอย่างเป็นกันเอง

นาราทำความเคารพเมื่อจารุมนแนะนำตัวเธอ ว่าเป็นรองนางงามเพชรยอดพธูประจำปีนี้ อีกฝ่ายยิ้มรับ แต่สายตาและรอยยิ้มดูเฉยชาไม่มีความชื่นชมสมกับที่หลานสาวเน้นนักหนาว่า ‘คุณยายฉันชอบคุณนารามาก’ เอาเสียเลย

ใช้เวลาคุยกันไม่นานเท่าไรจารุมนก็พาเพื่อนๆ กลับไปเต้นรำกันต่อ เพื่อให้คุณประเทียบได้พักผ่อน

ธิปกกำลังมองหานาราอยู่พอดีเมื่อกลุ่มผู้หญิงกลับมาถึงฟลอร์เต้นรำ เขาส่งแก้วน้ำเย็นให้ ชำเลืองมองไปทางรพีพรรณนิดหนึ่งก่อนจะถามอย่างเป็นห่วง

“พี่สาวคุณต่อว่าอะไรหรือเปล่า เรากลับกันเลยก็ได้นะถ้าคุณไม่อยากพบเขา”

แววหัวเราะพริบพราวอยู่ในดวงตาของหญิงสาว นารายิ้มกว้าง “อย่าเพิ่งกลับเลย ฉันกำลังสนุก” เธอวางแก้วน้ำ จูงมือธิปกให้เดินไปที่ฟลอร์เต้นรำ “มาเต้นรำกันสักเพลงเถอะ เราคงไม่มีโอกาสได้สนุกกันอย่างนี้บ่อยๆ หรอก”

ธิปกไม่เข้าใจสถานการณ์นัก แต่ก็ยอมประคองร่างเพรียวบางไว้ในอ้อมแขน พาลอยละล่องเนิบช้า ไปตามจังหวะวอลตซ์ ระหว่างนั้นนาราก็เล่าเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นให้เขาฟัง จนเกือบจบเพลงจารุมนก็เดินหลบหลีกคู่เต้นรำคู่อื่นๆ ตรงมาหา สีหน้าแจ่มใสไม่บอกเลยว่ามีเหตุผิดปกติเกิดขึ้น

“คุณนารา ขอโทษด้วยที่ฉันมาขัดจังหวะ พอดีคุณยายเล็กอยากพบพวกเราอีกสักครั้ง ไปกับฉันหน่อยนะคะ”

“นาราเพิ่งกลับจากเรือนคุณยายคุณไม่ใช่หรือครับ ทำไมถึงต้องไปอีก หรือว่ามีเรื่องอะไร” ธิปกถาม หน้าจารุมนเจื่อนไปแวบหนึ่งก่อนจะคลี่ยิ้มออกมาอย่างว่องไว

“จะมีอะไรได้ละค่ะ คุณยายเล็กท่านชื่นชมคุณนารามาก เลยอาจจะอยากพบอีกครั้งเท่านั้นเอง” ลูกสาวเจ้าของบ้านยืนยัน แต่ชะรอยคิ้วขมวดของธิปกคงจะเผยความคลางแคลงออกมาอย่างแจ่มชัด จารุมนก็เลยชวนว่า

“เอาอย่างนี้ดีกว่า คุณธิปกเดินไปด้วยกันดีไหมคะ จะได้ไปสวัสดีคุณยายด้วยเสียเลย”

ธิปกไม่ปฏิเสธข้อเสนอนั้น จารุมนพาทั้งสองมารวมกับเพื่อนๆ ของเธอที่รออยู่ข้างฟลอร์เต้นรำ นอกจากสาวๆ กลุ่มเดิมแล้วคราวนี้มีคนหน้าใหม่ คือกุลธิดา สราวุธ และ ‘คุณวิศรุต’ ซึ่งควงแขนอยู่กับรพีพรรณเพิ่มขึ้นมาด้วย

ธิปกวางหน้าเฉยใส่หลานชายนายมงคล ขณะที่อีกฝ่ายคลี่รอยยิ้มเย้ยหยันแต่ก็ไม่ได้ปริปากทักทายเช่นกัน

ทั้งกลุ่มเดินเงียบๆ ไปจนถึงตึกขาวริมสระบัวหลังเดิม คุณยายเล็กของจารุมนรออยู่แล้วในห้องรับแขก สีหน้าของผู้สูงวัยเฉยชาไม่อบอุ่นเหมือนเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน พอจารุมนพาเพื่อนๆ เข้าไปนั่งเรียบร้อย คุณประเทียบก็บอกเสียงเย็น

“หลังจากที่ทุกคนกลับออกไป แหวนเพชรของยายหายไปวงหนึ่ง ยายไม่ได้จะกล่าวโทษใครหรอกนะ แต่ก็ไม่อยากมองข้ามความเป็นไปได้ว่าสิ่งล่อตาล่อใจอาจทำให้คนเราลืมตัว”

สายตาคมกริบ มีแววดุอยู่ในทีมองกวาดไปบนใบหน้าอ่อนเยาว์อย่างเอาเรื่อง เธอไม่ได้กล่าวหาออกมาตรงๆ ก็จริง แต่คำพูดนั้นไม่อาจตีความเป็นอื่นได้อีก นอกจากมีใครบางคนในเด็กกลุ่มนี้ได้แอบหยิบเครื่องถนิมพิมพาภรณ์ของเธอไป

สาวๆ ทั้งกลุ่มทำหน้าตื่น เหลียวมองกันเลิ่กลั่ก ยกเว้นจารุมนที่หัวเราะเสียงใส รีบเดินเข้าไปกอดคุณยายเล็กของเธอ

“โอ๊ย! ตายจริง! คุณยายขา เพื่อนๆ จาเป็นลูกคนรวยกันทั้งนั้น กับอีแค่แหวนเพชรวงเดียวคงไม่มีใครทำตัวมือไวหยิบไปหรอกค่ะ”

“ก็เพราะเห็นว่าเป็นลูกผู้ดีกันทั้งนั้นน่ะสิ ยายถึงไว้ใจ ไม่ได้เก็บข้าวของให้มิดชิด”

คุณประเทียบไม่ยอมผ่อนคลายความตึงเครียดในน้ำเสียง แต่ไม่ได้พูดต่อว่าอันที่จริงขณะที่เพื่อนๆ ของหลานสาวเดินเข้ามาในห้องที่มีกล่องเครื่องประดับเปิดอ้าอยู่ เธอก็ค่อยๆ ปิดฝาแต่ละกล่องด้วยกิริยานุ่มนวลแล้ว แต่จารุมนต่างหากที่เปิดกล่องหยิบแหวนบ้างต่างหูบ้างขึ้นมาชื่นชม คุณยายเล็กจะตามตะครุบปิดกล่องตลอดเวลาก็เกรงเพื่อนๆ ของหลานจะคิดว่าไม่ไว้ใจ จึงต้องปล่อยเลยตามเลยจนเกิดเรื่องขึ้น

“แหวนของคุณยายมีตั้งเป็นกุรุส จาว่าคุณยายเอาใส่กล่องสลับกันจนจำผิดจำถูกเองมากกว่า”

จารุมนช่วยแก้สถานการณ์ น้ำเสียงร่าเริงนั้นช่วยผ่อนคลายบรรยากาศอึมครึมไปได้มาก เพื่อนๆ ของเธอรีบพยักหน้าให้กันอย่างเห็นด้วย ไม่มีใครทันสังเกตว่ามีเพียงรพีพรรณกับกมลเนตรที่ไม่ได้มีสีหน้าวิตกทุกข์ร้อนเหมือนคนอื่นๆ

ไม่เพียงเท่านี้ทั้งคู่ยังลอบสบตากัน ระบายยิ้มด้วยความรู้สึกของคนที่กำลังจะได้เห็นความปราชัยของศัตรู!

จารุมนเป็นนักศึกษารุ่นน้องที่มหาวิทยาลัยของรพีพรรณนั่นเอง ถึงแม้จะเรียนจบกันมาแล้วแต่สองสาวก็ยังติดต่อกันอยู่เสมอ และเป็นคนหนึ่งที่รพีพรรณเคยเอ่ยถึงนาราให้ฟัง ทุกครั้งที่เล่าภาพของน้องสาวจะถูกแต่งแต้มสีสันให้ดำมืดน่าชิงชังจนคนฟังพลอยตั้งแง่รังเกียจนาราไปด้วย

ในครั้งนี้พอรพีพรรณรู้ว่างานเลี้ยงต้อนรับพี่ชายของจารุมนจะมีนักธุรกิจมากหน้าหลายตามาเป็นแขก และหนึ่งในนั้นคือธิปก เธอก็คิดแผนแก้เผ็ดน้องสาวขึ้นมาได้

จะเกิดอะไรขึ้นหากของมีค่าของเจ้าของบ้านหายไปแล้วถูกพบอยู่ที่ตัวนารา ในคืนที่มีผู้คนในสังคมมารวมตัวกันมากมายอย่างนี้ รองนางงามที่หนังสือพิมพ์ชื่นชมว่าเป็นตัวอย่างของคนกตัญญู สู้ชีวิต จะกลายเป็นหัวขโมยที่ถูกจับได้คาหนังคาเขา งามหน้านักละ!

จารุมนเต็มใจร่วมมือกับพรีพรรณโดยไม่เกี่ยงงอน เริ่มจากไปรบเร้าบิดาให้เชิญนารามางานพร้อมธิปก อ้างว่าชื่นชมหญิงสาว อยากจะพบตัวจริงสักครั้ง

จากนั้นไม่ถึงชั่วโมงก่อนงานเลี้ยงจะเริ่มต้น จารุมนก็แอบขโมยแหวนเพชรวงหนึ่งไปจากกล่องเครื่องประดับของคุณประเทียบ แล้วนำมาให้รพีพรรณเก็บไว้

รพีพรรณตั้งใจจะหย่อนหินมีค่าวงนั้นลงในกระเป๋าราตรีของนารา ติดที่ยังหาวิธีที่แนบเนียนไม่ได้ ครั้นเห็นเหตุการณ์ว่ากุลธิดาก็ขวางหูขวางตาน้องสาวของเธอเช่นกัน รพีพรรณก็ได้ความคิด…

นาราย่อมไม่เชื่อใจพี่สาวพอจะยอมให้รพีพรรณเข้าถึงตัวได้อยู่แล้ว แต่ถ้าหากเปลี่ยนเป็นกุลธิดาหนทางจะสะดวกและง่ายดายกว่ามาก

การทำให้กระเป๋าราตรีของนาราร่วงลงพื้นเป็นความตั้งใจของกุลธิดาเอง ระหว่างที่ถือกระเป๋าใบนั้นเดินนำนาราไปที่ศาลากลางสนาม เด็กสาวก็แอบหย่อนแหวนเพชรของคุณประเทียบลงไป แล้วรอให้จารุมนรับช่วงต่อ พานารามาที่ตึกขาวริมสระบัวหลังนี้ เพื่อสร้างสถานการณ์ให้เหมือนนาราทนความเย้ายวนของอัญมณีสูงค่าไม่ไหว เลยแอบหยิบแหวนเพชรของคุณประเทียบไปด้วยวิสัยหัวขโมย

“ยายรู้ว่าเพื่อนๆ ของจาเป็นลูกผู้ดีทุกคน ที่จริงก็ไม่อยากเอาเรื่อง แต่ก็ไม่อยากให้ใครหัวเราะเยาะลับหลังได้ว่ายายแก่อาบน้ำร้อนมาก่อนตั้งห้าหกสิบปี ยังเสียท่ารู้ไม่ทันเด็กรุ่นหลาน” คุณประเทียบเปรยลอยๆ ไม่เจาะจงว่าหมายถึงใคร

จารุมนหันมายิ้มให้เพื่อนๆ ทำเสียงเหมือนกำลังหยอกล้อกันตามประสาสาวๆ เพื่อผ่อนคลายบรรยากาศ

“คุณยายฉันขี้น้อยใจเสียด้วย เอาอย่างนี้ดีไหม พวกเธอเปิดกระเป๋าให้คุณยายเล็กดูสักหน่อย คุณยายฉันอยากจะเล่นบทตำรวจสืบหาของที่หายไปก่อนเข้านอน” เธอหันไปหอมแก้มยายตัวเองฟอดใหญ่ “คืนนี้คุณยายต้องหลับสบายแน่ๆ เลยค่ะ มีอะไรสนุกๆ ทำก่อนนอนอย่างนี้”

กมลเนตรรอเวลาอยู่แล้วจึงรีบเปิดกระเป๋าราตรีของตัวเอง อ้าปากกระเป๋าให้กว้างแล้วยื่นไปตรงหน้าจารุมน

“ในฐานะที่คุณจาเป็นหลานคุณยาย ฉันว่าให้คุณจาเป็นคนตรวจก็แล้วกันค่ะ”

จารุมนชะโงกมองเข้าไปในกระเป๋าสีฟ้าอ่อนใบนั้น ส่ายหน้าเป็นทำนองว่าไม่พบสิ่งผิดปกติ ต่อจากกมลเนตรรพีพรรณก็ทำอย่างเดียวกัน ตามด้วยกุลธิดา เมื่อมีคนเริ่มต้นคนอื่นๆ ก็ทยอยทำตามบ้าง รพีพรรณอาศัยจังหวะที่ทุกคนกำลังสาละวนเปิดกระเป๋า กระซิบบอกนาราเสียงเหี้ยม

“คิดหรือว่าแกทำฉันกับแม่เดือดร้อนแล้วจะลอยนวลไปได้ เตรียมตัวตกสวรรค์ไว้เถอะ”

นาราตะลึงงัน รู้ตัวว่าตกหลุมพรางของพี่สาวเสียแล้ว แต่จะแก้ไขสถานการณ์ในตอนนี้ก็คงทำได้ยาก และอย่างไรเสียรพีพรรณก็ต้องรุกไล่ตัดทางถอยของเธอทุกวิถีทาง ไม่ยอมให้น้องสาวมีโอกาสเอาตัวรอดไปได้

หญิงสาวได้แต่ยืนกระสับกระส่ายกำกระเป๋าราตรีของตัวเองแน่น จนกระทั่งจารุมนเดินมาถึง

“คุณนารา ช่วยเปิดกระเป๋าคุณให้ฉันดูหน่อยนะคะ” จารุมนบอกยิ้มๆ

ธิปกนิ่วหน้า มองออกจากท่าทางว่านารากำลังเสียขวัญ ตรงกันข้ามกับกมลเนตรที่ยิ้มกริ่มบอกความลำพองใจเต็มที่

“อึกอักอยู่ทำไมล่ะนารา ทำไมยังไม่เปิดกระเป๋าอีก ทำตัวอย่างกับคนมีพิรุธอย่างนั้นละ”

หลายคนในห้องนั้นรู้สึกว่าคำพูดทีเล่นทีจริงของกมลเนตรออกจะผิดกาลเทศะอยู่สักหน่อย แต่เมื่อมองใบหน้าฝาดเฝื่อนกับอาการอิดเอื้อนของนารา แม้แต่คนที่เคยชื่นชมหญิงสาวก็ยังอดระแวงขึ้นมาไม่ได้

ความระแวงนั้นส่งต่อไปถึงกันต์ที่กำลังนั่งพิงพนักเก้าอี้ ด้วยอารมณ์เหมือนกำลังชมละครสนุกๆ สักเรื่อง ชายหนุ่มเคยได้ยินรพีพรรณเล่าพฤติกรรมเลวร้ายของน้องสาวมาหลายครั้ง วันนี้พอเห็นท่าทางเหมือนวัวสันหลังหวะของนาราเข้า เขาก็ปลงใจเชื่อไปกว่าครึ่งว่าชะรอยหญิงสาวจะเป็นขโมยจริงๆ เสียแล้ว

กันต์ปรายตามองธิปก ถ้าหากนารากลายเป็นหัวขโมย ลูกค้าที่มาซื้อของจากห้างเรืองอำพันจะคิดอย่างไรหนอ…

ครั้งหน้าใบปลิวที่เขาจะส่งรถไปโปรยหน้าห้างของธิปกควรพาดหัวว่าอะไรดีนะ…

ประชาสัมพันธ์ของห้างขี้ขโมย ผู้จัดการห้างก็ขี้โกงพอๆ กัน ส่วนข้อความด้านล่างบรรยายเหตุการณ์คืนนี้ลงไป เอาให้ละเอียดยิบจนคนอ่านด่าทอทั้งเมืองไปเลย

สนุกแน่งานละนี้! ถ้ายอดขายจะตกฮวบฮาบจนต้องปิดกิจการก็ช่วยไม่ได้ละนะนายธิปก!

 

 



Don`t copy text!