ซ่อนรัก บทที่ 42 : พวงกุญแจดาวกลับมาอีกแล้ว

ซ่อนรัก บทที่ 42 : พวงกุญแจดาวกลับมาอีกแล้ว

โดย : โสภี พรรณราย

ซ่อนรัก โดย โสภี พรรณราย เมื่อความรักพังทลาย ปารีสจึงออกเดินทางด้วยหวังว่าโลกกว้างจะช่วยเยียวยาหัวใจ แต่สิ่งที่เธอคิดและตัดสินใจอาจไม่เป็นอย่างที่คาด เมื่อหนุ่มหล่อเข้มคนนี้เข้ามาในชีวิต และความหลังของหล่อนกับเขาเป็นความรักที่ต้องเก็บซ่อนเอาไว้ในส่วนลึก นวนิยายออนไลน์ที่อ่านเอาอยากให้คุณได้อ่านออนไลน์

ดึกแล้ว

วิศว์คงจะเพลียเหนื่อยมาก ปารีสอาบน้ำออกจากห้องน้ำก็เห็นเขาหลับบนเตียง

หญิงสาวจึงเดินไปที่โต๊ะเครื่องแป้ง เพื่อทาครีมบำรุง

มี ‘อะไร’ โดดเด่นอยู่บนโต๊ะ

อะไรที่เคยคุ้น เคยเห็น และเคยสะดุดตา ไม่ชอบ

พวงกุญแจรูปดาว มีคริสตัน ผลึกแก้วคล้ายเพชรติดเต็มแฉกดาวทุกแฉก อัญมณีใสสวยราวกับเพชรจริง

งอะไรที่เคยเห็นแล้ว…

ที่ยุโรป…ที่วิศว์เคยวางไว้บนมือตน และตนก็ตกใจ และ…และ…โยนทิ้งทันที

‘ของ’ ที่วิศว์อุตส่าห์ซื้อมาให้ ที่ตนไม่ต้องการ เพราะเหตุผลงี่เง่าของตัวเอง

คล้ายของชำรวยที่งานแต่งงานของอุเทนกับรัศมี

จะบังเอิญอะไรขนาดนี้

ดาวคริสตัลที่ประทับใจวิศว์ตั้งแต่เด็ก จะถูกเลือกให้เป็นของชำร่วยงานแต่งของอดีตคนรักของปารีส

เคยโยนทิ้ง เพราะตอนนั้นบาดแผลยังสด ตนหนีออกจากงานแต่งอุเทนและบินมายุโรป

ตอนนี้บาดแผลหายสนิท จึงหยิบขึ้นมาพิจารณา เป็นพวงกุญแจที่งานดีมาก งานละเอียด ประณีต ไม่ใช่พวงกุญแจราคาถูกๆ ที่วางขายทั่วไป

วิศว์เลือกจากร้านที่มีชื่อเสียง งานดี ราคาแพง และตอนนั้นเพราะตนโยนอย่างแรงกระแทกบนพื้นหินบนถนนที่ฝรั่งเศส เพิ่งสังเกตเห็นว่าคริสตัลเม็ดหนึ่งหลุดหาย ตรงแฉกดาวแฉกหนึ่ง หลุดตรงเกือบจุดแหลมบนแฉก ทำให้เห็นชัดเจน

อยู่ๆ ก็รู้สึกเจ็บปวด เพราะตนเองที่ทำให้พวงกุญแจเสียหาย ไม่สมบูรณ์แบบ ตอนนี้มอง…พิจารณา เพ่งจอง ช่างสวยงามอะไรขนาดนี้ มองอย่างเป็นอัญมณีล้ำค่า เพิ่งเห็นคุณค่าของชิ้นนี้หรือ

ของที่ระลึกที่เขาตั้งใจมอบให้

ทำไมอยู่อยู่ว่างบนโต๊ะเครื่องแป้งล่ะ

วิศว์ตั้งใจ!

เขามุ่งมั่นจะมอบให้ เลยวางไว้แบบลองใจตนใช่ไหม?

น่าจะใช่…หญิงสาวหยิบพวงกุญแจ และก้าวขึ้นบนเตียง มองหน้าชายหนุ่มที่หลับ

หลับ?

เปล่า…เขายังไม่หลับแน่ๆ เธอดูออก จึงเอ่ยว่า

“อย่าแกล้งหลับเลยค่ะ” ชะโงกหน้าไปกระซิบข้างๆ หู

วิศว์ลืมตาทันที

“นั่นสิ แกล้งหลับผมว่าไม่สบายตัวเลย” ว่าแล้วก็ขยับขึ้นนั่งพิงพนักเตียงข้างๆ ภรรยาสาว ที่เธอกำลังมองพวงกุญแจในมือ “สวยนะครับ”

ปารีสพยักหน้าเฉยๆ

“สวยมากครับ สวยจริงๆ” เขายังเน้น

“คุณเข้าใจเลือก”

“เพราะผมนึกถึงเด็กผู้หญิงอายุเจ็ดขวบที่กำลังตกใจ ร้องไห้หลงทาง เธอตกใจอยู่ในอ้อมกอดของพี่ชายตัวโตสิบเอ็ดขวบ ผมปลอบ ผมห่วงใย รู้ว่าเธอกลัว ผมจำได้แม่นภาพติดกิ๊ฟติดผมรูปดาวเด่นบนผมดำขลับ กิ๊บรูปดาว ผมจำได้ว่าพูดปลอบเด็กคนนั้น…ดาวเพชรจะคุ้มครองเธอให้ปลอดภัย ผมเชื่อว่าต่อไปเธอจะไม่หลงทางอีก”

ปารีสพยักหน้าช้าๆ กล่าวต่อ

“แล้วเธอก็หลงทางอีก  หลงทางกับความรัก หลงทางกับคนทรยศ หลงทางในวังวนความรัก แล้วเธอก็พบคนที่นำทางเธอให้ปลอดภัยอีกครั้ง…คนเดิม”

“นั่นสิ เพราะอะไร เพราะเราเป็นเนื้อคู่กันไง”

หญิงสาวค้อน

“พูดเอง เออเอง”

“เราอยู่ด้วยกันแล้ว ยังไม่ใช่เนื้อคู่เรอะ?”

“ขอบคุณที่เวลาฉันหลงทาง จะต้องพบคุณเสมอ”

“ต่อไปจะไม่มีวันหลงทางแล้วครับ”

“เพราะ?”

“ดาวนำทางอยู่ในมือคุณไง”

“พวงกุญแจนี่สวยมากนะคะ” หล่อนยอมชม

“แต่คุณก็เคยโยนทิ้ง”

“เพชรหายไปเม็ดหนึ่ง ฝีมือฉันแน่ๆ”

“คงกระเด็นหลุดตอนคุณโยนกระแทกพื้นหินอย่างแรง”

“หินแข็งกว่าเพชร?”

“เปล่าเลย เพราะกระเด็นหลุด ไม่ได้แตกหักละเอียด”

หญิงสาวถอนใจยาว

“ตอนนั้นฉันนึกถึงของชำร่วยงานแต่งงานของอุเทน”

“ผมรู้ คุณต้องการหนี อะไรที่จะกระตุ้นความรู้สึกของคุณ คุณก็จะหนีทันที ตอนนั้นผมเข้าใจ คุณมีบาดแผล มีความรู้สึกเจ็บปวด แต่วันนี้ผมเชื่อว่าคุณก้าวเดินต่อไปแล้ว อดีตทำร้ายคุณไม่ได้หรอก อย่างน้อยคุณยังมีผมเป็นเกาะกำบัง”

ปารีสถอนใจยาว

“ฉันใช้คุณเป็นเกาะกำบังตลอดไปไม่ได้หรอกค่ะ”

“ผมยินดี”

“ฉันปารีส…ต้องเข้มแข็งด้วยตัวเอง” ว่าพลางมองพวงกุญแจในมือ “ฉันไม่รู้สึกอะไรกับอดีตแล้ว ถึงของชำร่วยงานแต่งจะเป็นพวงกุญแจดาว แต่ก็ไม่ใช่แบบนี้ ไม่เหมือนแบบนี้ เป็นคนละแบบ แค่ได้ชื่อว่ารูปทรงดาวเท่านั้น ขนาด สี วัสดุก็ไม่ใช่อันนี้ อันนี้สวยกว่าตั้งเยอะ”

ชายหนุ่มอมยิ้ม

“งั้นคุณจะรับไว้แล้วสิ”

“วางไว้บนโต๊ะเครื่องแป้ง ฉันก็รู้ความหมายของคุณ”

“ผมอยากมอบให้จริงๆ ทั้งที่ไม่ได้มีค่าอะไร ค่าที่เป็นตัวเงิน ผมหมายถึงราคา แต่มันมีค่าทางจิตใจ ทำให้ผมนึกถึงเมื่อเราพบกันตอนเด็ก มันเป็นความทรงจำที่ผมไม่เคยลืมเลย”

“ค่ะ…ฉันจะรับไว้ จะเก็บติดตัวไว้ตลอด”

เท่านี้ วิศว์ก็ดึงร่างของภรรยาแสนสวยมากอด

“ผมรู้ว่าคุณเข้มแข็งแล้ว”

“ค่ะ…ฉันกล้าเผชิญหน้ากับอุเทนและคุณรัศมีแบบไม่รู้สึกเจ็บปวดเลย แต่แปลกใจว่าทำไมพวกเขาสองคนไม่รู้สึกตะขิดตะขวงในใจบ้างเหรอ”

“ถ้ารู้สึกพวกเขาจะแต่งงานกันทำไม อย่างน้อยต้องมีความรักบ้างล่ะ”

“ความรัก…จริงหรือคะ?”

“คุณสงสัยอะไร?”

“อุเทนแต่งเพราะรักหรือคะ?”

“บางเรื่องพูดยาก แต่เราต้องมองในแง่ดี”

“ฉันมองในแง่ดีไม่ออกเลย”

“เอ้อ…ผมมีเรื่องจะบอกคุณ”

“คะ?” เอียงหน้ามองเขา ก็ถูกเขาจูบแก้มฟอดใหญ่ ก่อนตอบว่า

“บรมรับงานให้ผม งานใหม่เป็นงานปรับปรุงห้องในโรงแรมของคุณเทวี”

ปารีสเลิกคิ้วเล็กน้อย

“เรื่องงานไม่เห็นต้องบอกฉันนี่คะ”

“ที่ผมต้องบอกเพราะในช่วงเวลาหนึ่งผมเคยสนิทกับคุณเทวีเป็นพิเศษ…”

“แฟนเก่า”

“ผมไม่อยากให้คุณเข้าใจผิด ผู้หญิงจะคิดมาก โดยเฉพาะคุณ ผมว่าคุณเป็นคนคิดมาก”

“ฉันเชื่อใจคุณค่ะ”

“ไม่ว่าอะไรนะ”

“ปกติฉันไม่ค่อยหึงหวงใคร”

“โอ้โห…รวมทั้งไม่สนใจจะหวงผมด้วย”

“ก็คุณเป็นเด็กดีนี่คะ”

“ไม่รู้สึกเลยเรอะถ้าผมใกล้ชิดผู้หญิง โดยเฉพาะแฟนเก่า”

“แฟนเก่าคืออดีตนะคะ”

“พูดแบบนี้สงสัยผมต้องพิจารณาตัวเอง ผมคงใจกว้างไม่พอ เเพราะเวลาคุณอยู่กับคนอื่น ผมยอมรับ ผมรู้สึกนะ”

หญิงสาวอมยิ้ม ค่ำคืนนี้อารมณ์ดี และปลอดโปร่ง สบายใจ และเธอต้องการความรู้สึกแบบนี้ตลอดไป

“แสดงว่าคุณคิดมากไปเอง”

“ปกติผมเป็นคนไม่คิดมาก ผมใจกว้างมากด้วย ไม่จุกจิกด้วย ไม่จู้จี้ชวนรำคาญ เอ๊ะ…หรือผมเป็น” เพราะเห็นหญิงสาวยังอมยิ้มไม่ยอมหยุด แถมยังส่งสายตากวนๆ อีก

สายตากวนของปารีสน่ารักจะตาย นี่ถ้าเธอแสดงตัวตนแท้จริงได้ตลอด เธอจะเป็นคนสดใส ร่าเริงมาก…มาก…มาก

เพราะเธอมีอดีต…เพราะเธอยังไม่มั่นใจ บางบุคลิกจึงดูเงียบขรึม เก็บกด

บดบังความสดใส น่ารัก…อย่างน่าเสียดาย

 

วันนี้นิกรออกมาทานข้าวกลางวันกับเลขาสาว

ไม่ใช่วันพิเศษอะไร นิกรไปติดต่อลูกค้า พอติดเที่ยงก็แวะทานอาหารก่อนเข้าบริษัท

กุลวดีรู้สึกตื่นเต้นทุกครั้งถ้ามีโอกาสทานกับเจ้านายหนุ่ม จะว่าไปเพราะใจของตนไม่บริสุทธิ์กับเขา แอบรักก็ต้องเก็บความรู้สึกละนะ

เจ้านายหนุ่มเป็นผู้ชายที่ดี เป็นคนซื่อจะอ่านตนออกหรือไม่ กุลวดีไม่แน่ใจ

“อย่ากินน้อยนะคุณ ออกมาทำธุระกับผมต้องกินเยอะๆ ตัวเล็กนิดเดียว เดี๋ยวคนจะว่าบริษัทเราเลี้ยงไม่ดี เลี้ยงไม่อิ่ม”

“วดีกินเก่งคุณก็รู้”

“แต่เห็นคุณสั่งนิดเดียว”

“ราคาแอบแพงค่ะ”

นิกรหัวเราะ

“ไม่ต้องช่วยผมประหยัดหรอก” รู้ว่าหญิงสาวนิสัยดีเสมอ และรู้ประวัติของเธอ เคยคุยกันตั้งแต่สมัครงานวันแรก

กุลวดีเปิดเผยถึงฐานะค่อนข้างขัดสนแต่วัยเยาว์ ลำบากแค่ไหน บางวันแทบไม่มีกิน สาวต่างจังหวัดที่ขวนขวายมาเรียนและทำงานไปด้วยในเมือง ต้องช่วยเหลือตัวเอง ต้องดูแลตัวเองอย่างเข้มแข็ง อย่างมีวินัยและประหยัดอดออม

ที่สำคัญ…เธอประหยัดและอดออมจนมีเงินเก็บก้อนใหญ่ และโชคดีมีเพื่อนอย่างปารีสกับหฤทัยที่ดูแลกันมาตั้งแต่เรียนด้วยกัน

จริงๆ แล้วสามสาวนิสัยค่อนข้างแตกต่างกันมากเหลือเกิน แต่มารวมกลุ่มและอยู่ด้วยกันได้อย่างลงตัวได้อย่างไร กับความแตกต่าง และทั้งสามสาวก็ถือว่าประสบความสำเร็จ มีบ้าน มีงานการทำอย่างมั่นคง ไม่เดือดร้อน

“วันนี้วดีไม่ค่อยหิวค่ะ”

“ไม่ค่อย…ก็ถือว่าหิว”

“คือว่า”

“สั่งเพิ่มเถอะครับ ผมเอาบิลไปเบิกค่ารับรองที่บริษัทได้ ผมไม่ต้องใช้เงินตัวเอง เพราะวันนี้เราออกมาทำงานด้วยกัน งานราบรื่นเพราะได้เลขาอย่างคุณช่วยประสานงาน ติดต่อ เอกสารพร้อม ไม่งั้นผมก็คงไม่สำเร็จหรอก”

“คุณก่อนก็มีความสามารถ”

เขารีบโบกมือ

“เราต่างรู้กันกับความสามารถของผม ทั้งบริษัทรู้ๆ กันอยู่”

“อย่าพูดแบบนั้นสิคะ”

“พี่สิตเก่งมาก อานุชก็ยอดเยี่ยม”

“ถ้าเปรียบเทียบคุณจะรู้สึกด้อย แต่ละคนมีดีไม่เหมือนกันค่ะ ไม่ว่าคุณสิตหรือคุณนุชก็ไม่มีบางอย่างที่คุณมีไม่ได้”

เขาเลิกคิ้ว

“มีด้วยหรือครับ”

“แน่นอนค่ะ อย่างน้อยก็เหนือกว่าด้านความละเอียด ความใส่ใจ ความสุภาพ เป็นกันเอง ลูกค้าจะชอบคุณมากกว่าคุณสิตแน่นอนค่ะ”

นิกรยิ้มกว้างขึ้น

“คุณพูดซะดูเป็นคุณสมบัติพิเศษขึ้นมาเลยครับ ทั้งที่มันเป็นนิสัยส่วนตัว”

“ทุกคนมีข้อดีของตัวเองนะคะ ส่วนข้อด้อยก็ใช่จะเลวร้าย เพราะบางอย่างก็สามารถฝึกฝนและเรียนรู้จนเปลี่ยนเป็นดีได้ในที่สุด”

“วันนี้คุณพูดแปลกๆ”

หญิงสาวหน้าเข้มเล็กน้อย

“ฉันพูดมากไป ใช่ไหมคะ?”

“คุณไม่กล้าพูดความจริงทั้งหมด ผมรู้ตัวตั้งแต่เด็กแล้วว่านิสัยผมเป็นคนอ่อนแอ ขี้ขลาด ตอนเด็กพ่อเคยพูดด้วยซ้ำว่า ผมน่าจะเกิดมาเป็นผู้หญิง ไม่ใช่ผู้ชาย ผมไม่เข้มแข็ง…ผม…”

ปมความในใจของนิกร ซึ่งหญิงสาวเข้าใจและเห็นใจมากๆ เขากล้าจะพูดกับเธอ แสดงถึงความไว้ใจระดับดีทีเดียว

“อย่าคิดมากสิคะ”

เขายิ้มแห้งๆ

“นั่นสินะ พูดไปก็ไม่มีประโยชน์ มันเป็นความจริง ต้องยอมรับให้ได้”

และเมื่อทานอาหารจนอิ่มแล้ว ทั้งสองต้องเดินไปที่จอดรถอีกด้านหนึ่งของถนน วันนี้นิกรขับรถมาเองกับเลขาสาว จึงไม่มีคนขับรถเอารถมารอหน้าตึก

เดินผ่านที่หนึ่งที่มีชายสองคนยืนสูบบุหรี่และมีท่าทางจะมึนเมา กุลวดีกับเจ้านายพยายามจะเดินเลี่ยงลงไปเดินบนถนน แต่ก็ถูกชายสองคนเดินมาประกบกุลวดีและพูดว่า

“สวยนี่หว่า แถวนี้ไม่ค่อยมีคนสวยเดินผ่านซะด้วย”

 



Don`t copy text!