ซ่อนรัก บทที่ 54 : ปารีสขอเวลาครึ่งเดือน

ซ่อนรัก บทที่ 54 : ปารีสขอเวลาครึ่งเดือน

โดย : โสภี พรรณราย

ซ่อนรัก โดย โสภี พรรณราย เมื่อความรักพังทลาย ปารีสจึงออกเดินทางด้วยหวังว่าโลกกว้างจะช่วยเยียวยาหัวใจ แต่สิ่งที่เธอคิดและตัดสินใจอาจไม่เป็นอย่างที่คาด เมื่อหนุ่มหล่อเข้มคนนี้เข้ามาในชีวิต และความหลังของหล่อนกับเขาเป็นความรักที่ต้องเก็บซ่อนเอาไว้ในส่วนลึก นวนิยายออนไลน์ที่อ่านเอาอยากให้คุณได้อ่านออนไลน์

สองหนุ่มที่เสมือน ‘คู่แข่ง’ ความรัก โดยมีปารีสอยู่กลางอย่างอึดอัด

ปารีสต้องเลือกจะไปกับใคร ใจจริงแทบไม่ต้องเลือกเลยด้วยซ้ำต้องไปกับวิศว์ เขามารับและอยู่บ้านเดียวกัน กำลังจะบอกดุสิตก็มีคนเข้ามา ทำให้ไม่ต้องพูดขัดใจดุสิตเปล่าๆ มีคนมาช่วยพูดแทนแล้ว

กุลวดีนั่นเองที่ก้าวเข้ามาอย่างรีบเร่ง และมองในห้องและมองคนในห้องอย่างรู้สถานการณ์ดี จึงรีบพูดกับดุสิตว่า

“อุ๊ย…เจ้านายก็มา วันนี้วดีลางานครึ่งวันค่ะ จะมารับยัยป้ากับที่พัก”

ดุสิตพยักหน้าอย่างเข้าใจ

“ปามีเพื่อนที่ดีนะครับ”

ปารีสจึงพูดกับดุสิตว่า

“มีทั้งคุณวิศว์กับยัยวดีมารับแล้ว คุณสิตกลับไปเถอะนะคะ ฉันลางานวันเดียว พรุ่งนี้จะรีบกลับไปทำงานค่ะ”

“คุณพักก่อนก็ได้”

“มีงานออกแบบที่ใกล้ถึงกำหนดแล้ว ฉันจะกลับไปทำงานพรุ่งนี้แน่นอนค่ะ”

ดุสิตจำต้องพยักหน้า ปล่อยให้ปารีสไปกับวิศว์และกุลวดี

ทว่าเมื่อกุลวดีส่งปารีสถึงที่พักแล้วก็ปล่อยให้สองสามีภรรยาได้พูดคุยกัน ตนรีบกลับลงมาจากคอนโดหรู เพื่อกลับที่ทำงาน ก็พบว่ามีรถของดุสิตจอดอยู่ที่บริเวณด้านหน้า

“คุณสิต?” แปลกใจมากที่เขายังอยู่บริเวณนี้

“ผมจะกลับบริษัท คุณก็จะกลับ ไปด้วยกันสิ”

“แต่ว่า…”

“ขึ้นมาเถอะ”

“ค่ะ…ค่ะ” กุลวดีรีบเดินอ้อมมาก้าวขึ้นรถ เขาไม่ได้ลงมาเปิดให้ แต่ไม่เป็นไร เขาไม่เหมือนนิกร…เจ้านายที่แสนดีรายนั้น ไม่ว่าจะไปไหน ไปงานด้วยกัน นิกรจะเป็นสุภาพบุรุษ เปิดประตูรถให้หล่อนเสมอ

“ผมขับรถตามมา” ดุสิตว่า “ผมอยากเห็นกับตาว่า คุณปาสนิทกับคุณวิศว์มากแค่ไหน”

“เอ้อ…ค่ะ”

“สนิทมาก?”

“ก้อ…ก้อ…มาก…มากค่ะ”

“ผมอยากเป็นหนึ่งเดียวของคุณปานะ คุณช่วยได้ไหม?”

กุลวดีโบกมือทันที

“คือว่า…ไม่นะคะ วดีเป็นเพื่อนรักของปาก็จริง แต่ความรักเป็นเรื่องส่วนตัวมากๆ”

“อ๋อ…ผมเข้าใจนะ แค่เรื่องช่วยพูด ช่วยเชียร์หน่อย ไม่ได้ลำบากหรือเกินกำลังเลยนี่”

“เอ้อ…ค่ะ”

“ผมต้องชนะใจคุณปาให้ได้ เมื่อก่อนไม่เคยคิดว่าจะมีคู่แข่ง แต่ก็มีจนได้”

“ปาน่ารักมากค่ะ ใครๆ เห็นก็ต้องรักเธอ”

“แต่เท่าที่รู้ อุเทนแฟนเก่าของเธอก็ทรยศไปแต่งงานกับเจ้านายเสียนี่”

“เรื่องนั้น…วดีว่าอุเทนคิดผิดมากๆ แต่พวกเราก็ต้องยอมรับการตัดสินใจของเขา ในสิ่งที่เขาเลือก”

“นั่นสินะ ก็ดูสุขสบายดี คุณรัศมีร่ำรวยมีทุกอย่างให้ผู้ชายได้ ส่วนคุณปา เธอน่าจะเลือกผู้ชายดีกว่าอุเทนหลายเท่า ผมอาจแพ้ตรงที่ว่าพวกเขารู้จักกันตั้งแต่เด็กแล้ว มีความหลังที่ลืมไม่ลงร่วมกัน”

กุลวดีเผลออมยิ้ม

“ค่ะ…ฟังแล้วโรแมนติกนะคะ ตอนเด็กเคยช่วยกัน โตแล้วก็มาเจอกัน เหมือนเป็นเนื้อคู่กัน…อุ้ย…ขอ…ขอโทษค่ะ” พูดตรงใจเกินไปแล้ว

ดุสิตยักไหล ไม่ถือสาคำพูดของกุลวดี

“ก็ยังไม่แน่ว่าใครเป็นเนื้อคู่ใครนะ…ว่าจะให้คุณช่วยพูดกับคุณปา แต่ดูท่าทางคุณโอนเอียนไปทางคุณวิศว์ซะงั้น”

“เอ้อ…เอ้อ…ไม่นะคะ เพราะเป็นเรื่องส่วนตัว”

“ก็เหมือนคุณกับน้องชายผมใช่มั้ย?”

“ค่ะ?” ตกใจเสียงหลง

“ได้ยินในบริษัทซุบซิบกันว่า พวกคุณชอบกัน แอบคบกัน”

“ไม่จริงนะคะ” รีบปฏิเสธ

“ไอ้กร น้องชายผมเป็นพวกเงียบ ไม่ค่อยมีปากเสียง ไม่ชอบแสดงออก แต่ผมว่าลึกๆ มันก็ชอบคุณนะ คุณเป็นเลขาคนสนิทมาก ใกล้ชิดกับเขามาก ผมพออดูออก คุณก็ดีต่อน้องผม ดูแลดีมาก ถ้าคุณสามารถทำให้น้องผมมีความสุขได้ ผมก็ไม่ขัดข้อง”

แค่พูดถึง กุลวดีก็หน้าแดง ปฏิเสธเสียงสั่น

“กับคุณกร…เราเป็นลูกน้องกับเจ้านายเองนะคะ

“ผมไม่รังเกียจคุณหรอกนะ ถ้าเป็นน้องสะใภ้ แต่กับคุณแม่อาจผ่านด่านยากๆ หน่อย”

“ไม่นะคะ ไม่ใช่”

“ก็รอดูต่อไป ใครจะโชคดีได้เป็นเจ้าสาวของน้องชายผม”

กุลวดีเงียบกริบ เรื่องของเรื่องดุสิตคงต้องการให้หล่อนเชียร์เขากับปารีสนั่นเอง จะหาพวกนั้นเอง ถ้าช่วยเขา เขาก็จะช่วยหล่อน

ทางด้านปารีสกับวิศว์ เมื่อเขาประคองร่างหญิงสาวให้ทรุดกายนั่งบนเก้าอี้โซฟา จึงถาม

“คุณอยากเข้าไปนอนไหมครับ?”

“ไม่ค่ะ ขอนั่งดีกว่า”

“รอสักครู่ ใกล้เที่ยงแล้ว เดี๋ยวผมหาอาหารกลางวันให้ครับ”

อาหารกลางวันของเธอก็คือ โจ๊กร้อนๆ เป็นโจ๊กสำเร็จรูป แต่วิศว์เติมหมูสับละเอียดและตอกไข่อีกฟอง เคี่ยวจนเข้ากัน

“กินตรงโซฟานี่แหละ ไม่ต้องไปที่โต๊ะอาหาร” เขาบอก

“ฉันไม่ค่อยชอบโจ๊ก”

“แต่ตอนนี้คุณกินอาหารอ่อนๆ ครับ โจ๊กหรือข้าวต้มไปก่อน”

“จะเป็นหมอหรือคะ?”

“เปล่า…แต่เป็นเรื่องง่ายๆ รู้ๆ กัน คุณเป็นโรคกระเพาะกินไม่ลงหรอก งดรสจัดๆ ชั่วคราว จะไม่ได้ต้องเข้าโรงพยาบาลอีก  มาผมป้อนนะ”

“ฉันกินเองได้ค่ะ”

พอเห็นเธอตักกินเอง มือหนึ่งถือจานรองชามโจ๊ก อีกมือก็ตักอาหารเข้าปาก เขาก็ไปเตรียมจัดยามารอไว้ หลังอาหารจะได้กินยาเลย

รอเธอกินอาหารเงียบๆ เขาเดินไปเดินมาเหมือนยุ่งมาก หากว่าปารีสจับกริยาบางอย่างได้

“หลังอาหาร คุณต้องพักผ่อนแล้ว” เขาบอก

“พรุ่งนี้ฉันก็ไปทำงานค่ะ”

“ตามใจคุณ ถ้าคุณไหว”

“ไหวค่ะ ร่างกายฉัน รู้ตัวดีว่าไม่เป็นอะไรมาก”

“ครับ…ถึงห้ามคุณก็จะไปอยู่ดี”

“แล้วงานคุณ?”

“สบายมาก เดี๋ยวผมค่อยไป ไปสายกี่โมงก็ได้ อยากดูแลคุณก่อน”

“เหมือนคุณมีอะไรจะพูดกับฉันนะคะ”

“คิดมาก ไม่มีอะไรด่วนหรอก คุณเพิ่งออกจากโรงพยาบาล ทำใจสบายๆ ครับ”

“ไม่ด่วนก็พูดเถอะค่ะ ฉันอ่านคุณออก อย่าเก็บไว้เลย ฉันขอให้คุณพูด ฉันอยากรู้จริงๆ” เธอเดาว่าเขาจะพูดอะไร และก็จริงเลย…เธอเดาถูก

“ถ้าให้พูดเลย ผมจะพูดตรงๆ ผมว่าทิ้งไว้แบบนี้ เอ้อ…แบบว่าปกปิดต่อไป จะไม่เป็นผลดีต่อคุณและผม และโดยเฉพาะคุณกับคุณสิต เขาเป็นบุคคลที่สามที่ไม่ควรมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยซ้ำ ผมไม่อยากให้อะไร…อะไรต้องบานปลายจนกลายเป็นเรื่องใหญ่โต

“ฉันไม่อยากให้เป็นแบบนั้น”

“คุณรู้ว่าต้องทำอย่างไร”

“แต่…”

“ผมเคยบอกไม่บังคับคุณ ให้คุณสมัครใจ ผมก็ยังยืนยันว่าไม่บังคับ รอคุณพร้อม และผมเชื่อว่าคุณมีระยะเวลาความพร้อมได้ คุณคิดได้แล้ว”

หญิงสาวรู้ว่าสักวันก็ต้องเปิดเผย ใช่แล้ว ปกปิดต่อไปทุกคนจะอึดอัด ตัวเอง..วิศว์และดุสิต

ใชแล้ว…เสมือนว่าตัวเองผิดแน่นอน คิดว่าเพราะตนเป็นต้นเหตุที่ทำให้ทุกคนไม่สบายใจ

ไม่ได้ดีใจเลยที่หล่อนเสน่ห์แรงจนมีผู้ชายมาหลงใหลและจริงจังด้วย

“ค่ะ…ฉันจะพูดความจริงกับคุณสิต เรื่องของเรา ฉันพร้อมจะบอกแล้ว ปล่อยให้รอต่อไปไม่ดีกับทุกคน เพราะฉันเป็นต้นเหตุ ฉันเห็นแก่ตัวเกินไป”

วิศว์ยิ้มกว้าง เขารอเธอพูดเช่นนี้มานาน

“เมื่อไหร่ดีครับ?”

“ตอนนี้คุณสิตกำลังเครียดเรื่องแข่งขันออกแบบกับคุณนุช รอให้ผ่านการตัดสินไปก่อนนะคะ ไม่เกินครึ่งเดือนหรอกค่ะ”

วิศว์โอบกอดผู้หญิงที่ตนรัก

“อีกครึ่งเดือน ผมรอได้ครับ”

ปารีสหยิบกระเป๋าถือที่วางไว้บนโต๊ะในห้องรับแขกและหยิบพวงกุญแจดาวออกมา ทั้งที่ยังอยู่ในอ้อมแขนของชายหนุ่มขึ้นมาอย่างชื่นชม พลางกล่าวว่า

“ฉันจะทะนุถนอมความรักครั้งนี้ จะทะนุถนอมดวงดาวแห่งความรักของเรา…ความรักที่คุณมอบผ่านดวงดาวนี้ค่ะ”

 

วิศว์ก้าวเข้ามาในสำนักงานของเพชรอนันต์ วันนี้นอกจากจะมาตรวจงานและความคืบหน้าของการปรับปรุงห้องประชุมใหญ่ เขายังมีนัดคุยกับจิรานุชด้วยความคุ้นเคยจึงเดินมาที่ห้องทำงานของจิรานุเลย

เกือบถึงแล้วก็ได้ยินเสียงรินทร์กำลังดุญาติผู้พี่อย่างอารมณ์เสีย

“พี่ทรัพย์…ให้พี่มาทำงานนะ เพราะพี่ทรัพย์มีพรสวรรค์ด้านออกแบบ รินทร์ผลักดันจนพี่ทรัพย์มีงานทำมั่นคง แทนที่จะว่างงานและลอยไปลอยมา พี่ทรัพย์เก่งมากเลย เก่งเรื่องจีบผู้หญิง!”

รินทร์เห็นว่าทรัพย์จีบศิรินภาอีกแล้ว ไม่มีวันไหนเลย พี่ทรัพย์จะไม่มานั่งข้างๆ ศิรินภา และคุยอย่างสนิทสนมเกินความเป็นเพื่อน

ทรัพย์เด้งตัวออกห่างศิรินภา ในขณะที่ศิรินภาเองก็รีบก้มหน้าทำงานแทนจะหัวเราะระริกระรี้เหมือนเมื่อครู่

“เฮ้ย…เบาหน่อยสิวะ ไอ้รินทร์” ทรัพย์ปราม

“ฉันเบื่อกับพฤติกรรมของพี่ทรัพย์เต็มทน ไม่ขยันเสียเลย”

“จะเอาอะไรมากมาย งานก็ไม่ค่อยมี”

“จะมีหรือไม่ ถ้าพี่ทรัพย์จะเอาดี ก็ต้องใช้สมองทำงาน การแข่งขันกับแผนกของคุณนุช ผ่านมาหลายวันแล้ว อาทิตย์หน้าจะส่งงานแล้ว พี่ทรัพย์ก็ยังทำไม่เสร็จ”

“โอ๊ย…มีเวลาสิบวัน เยอะอยู่”

“สิบวัน…แป๊บๆ ก็ห้าวันแล้วนะ”

“วันนี้ก็เรียบร้อยได้ ถ้าทำจริงๆ ง่ายว่ะ”

“แต่รินทร์ดูแล้ว ผลงานยังธรรมดามาก ไม่สวยเลย”

“งั้นปรับอีกหน่อย”

“จะให้รินทร์กราบก็ยอมล่ะ เลิกคิดถึงเรื่องผู้หญิงเสียที ตั้งใจทำงานเพื่อรินทร์ เพื่ออนาคตตัวเองบ้าง”

“งานส่วนงาน เรื่องส่วนตัวขอนะ…ขอ…”

“จะทำอะไรก็ไปทำที่อื่น จีบกันที่อื่น อย่าให้รินทร์เห็น”

ทรัพย์กระซิบหูญาติห่างๆ ผู้น้องเบาๆ

“เรื่องความรักมันห้ามกันไม่ได้ พี่ชอบคุณนภาจริงๆ นะโว้ย ขอเถอะ…ขอจีบต่อ”

“โอ๊ย…จะบ้าตาย” แล้วหันมาเห็นวิศว์ รินทร์จึงรีบปรับสีหน้า ทั้งที่ไม่พอใจวิศว์เป็นการส่วนตัว

“อ๋อ…คุณวิศว์ เชิญรอคุณนุชที่ห้องได้เลยฮะ คุณนุชสั่งไว้ ถ้าคุณมาก็ให้รอเลยฮะ คุณนุชเดินไปแผนกอื่นฮะ เดี๋ยวก็กลับมาฮะ”

วิศว์พยักหน้า

“ขอบคุณ” เขาเข้าไปรอที่โต๊ะทำงานของจิรานุช นั่งเก้าอี้ที่อยู่เบื้องหน้า

โต๊ะทำงานของจิรานุชใหญ่เป็นพิเศษ แต่กลับวางของน้อย และจัดเป็นระเบียบ สักครู่หนึ่งรินทร์ยกกาแฟเข้ามา และจ้องมองชายหนุ่มจนเขาถาม

“มีอะไรหรือครับ?”

มี…อัดอั้นอยู่เต็มอก หนุ่มหล่อคนนี้ เป็นจุดสนใจของคุณนุชที่ไม่น่าเป็นไปได้ เพราะคุณนุชไม่เคยชอบผู้ชายมาก่อนเลยคนคนนี้มาแย่งความสนใจแทนที่ตนทุกอย่าง คุณหนูสนใจเกินหน้าเกินตา จนตนไร้ความหมายเสียแล้ว

“รินทร์ได้แต่หวังว่า ถ้าเสร็จงานปรับปรุงห้องประชุมแล้ว คุณจะหายไปจากชีวิตคุณนุชฮะ!” ถือว่าเป็นคนจริง พูดตรง ด้วยดวงตาแข็งกร้าวเหมือนจะข่มฝ่ายชาย เพราะรินทร์ก็ถือว่า เป็นผู้ชายคนหนึ่งเช่นเดียวกับเขา

วิศว์เลิกคิ้ว รู้ทั้งรู้ฝ่ายตรงข้ามไม่ชอบเขาแต่ไหนแต่ไร ก็เจอ แต่ดวงตาที่แข็งกร้าวและเสียงพูดที่กระด้าง

“คุณคงไม่ถูกชะตากับผม แต่เมื่อเสร็จงานจริงๆ แล้ว ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ผมจะมาที่นี่ นอกจากมีเรื่องที่ต้องมา”

รินทร์สูดลมหายใจลึกๆ ตอบแบบนี้ก็เท่ากับปฏิเสธ…เขาคงต้องมา ถ้าคุณนุชติดต่อ ตนคงห้ามคุณนุชยาก เพราะช่วงนี้เจ้านายสาวเปลี่ยนไปเยอะมาก ทุ่มเทความสนใจกับผู้ชายจนเสมือนสาวหลงหนุ่ม หรือสาวตกอยู่ในอารมณ์รักและหวง

เลขาของจิรานุพยายามระงับอารมณ์ และเดินออกมา ขืนอยู่ต่ออาจมีเรื่องแน่ๆ เพราะมองวิศว์เหมือนเป็นคู่แข่งหัวใจ คิดว่าตอนท้ายจะจบอย่างไร เพราะรินทร์คงไม่ยอมแน่ๆ ที่ต้องสูญเสียจิรานุชให้กับนายวิศว์คนนี้

 



Don`t copy text!