กระบือสื่อรัก บทที่ 9 : ถูกล็อตเตอรี่สักงวด น่าจะดี (2)

กระบือสื่อรัก บทที่ 9 : ถูกล็อตเตอรี่สักงวด น่าจะดี (2)

โดย : พรรณสิริ

กระบือสื่อรัก นวนิยายรางวัลชนะเลิศจากโครงการช่องวันอ่านเอาปีที่ 4 โดย พรรณสิริ ที่อ่านได้ในเพจอ่านเอาและ anowl.co เรื่องราวของเอื้อมดาวที่ต้องกลายมาเป็นหัวหน้าครอบครัว เธอต้องทิ้งใบปริญญามาเป็นสาวโรงงาน ต้องขายควายเพื่อใช้หนี้ แล้วบททดสอบของชีวิตก็ทำให้รู้ว่าตัวเองแกร่งกว่าที่คิดและชีวิตไม่ต้องขึ้นอยู่กับใบปริญญาเสมอไป

——————-

“น้องทำงานไม่ถึงปีสามารถทำเรื่องกู้ได้ไม่เกินห้าเท่าของฐานเงินเดือนไม่รวมโอที ถ้าสนใจก็เอาแบบฟอร์มนี้ไปกรอก” เจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลชี้แจงแนวทางการกู้ยืมเงินจากสหกรณ์พนักงานให้

“ขอบคุณค่ะ”

เอื้อมดาวรับเอกสาร เดินคำนวณไปตลอดทางจนถึงตู้ล็อกเกอร์เก็บสัมภาระ เธอกำลังดิ้นรนหาเงินไถ่ควายคืนให้น้องชาย แม้จะลองรวบรวมจากบัตรกดเงินสดอีกสองสามใบที่มีไว้หมุนระหว่างเดือนก็ยังไม่พออีกอยู่ดี

เจ้าตัวเปิดตู้ล็อกเกอร์ มีคนสอดนามบัตรบริษัทปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยร้อยละสิบต่อเดือนเอาไว้ นับเป็นเรื่องธรรมดามากๆ ที่พนักงานในโรงงานจะชักหน้าไม่ถึงหลัง ต้องกู้จากเจ้าหนี้รายหนึ่งไปโปะอีกรายจนกลายเป็นดินพอกหางหมู แม้จะร้อนเงินแค่ไหน แต่เธอจะไม่ยอมหลุดเข้าสู่วังวนของเงินกู้นอกระบบเป็นอันขาด

หญิงสาวขยำนามบัตรทิ้ง พับเอกสารที่รับมาจากฝ่ายบุคคลใส่กระเป๋าสะพายก่อนรุดผ่านประตูออกไป

รถเวียนภายในนิคมอุตสาหกรรมส่งพนักงานลงที่ลานจอดรถขนาดใหญ่ด้านหน้า ทุกวันศุกร์ ลานแห่งนี้จะถูกใช้เป็นตลาดเปิดท้ายขายของ

เอื้อมดาวสาวเท้าไวๆ ลัดเลาะผ่านล็อกขายของลึกเข้าไปอีกมุมหนึ่งของลานจอด เป็นทำเลติดถนนอีกฝั่ง

รุ่งอรุณนั่งบนท้ายรถกระบะ กำลังจัดเรียงของกินทั้งคาวและหวานที่ไปกว้านรับมาจากร้านดังในตลาดย่านรังสิตใกล้มหาวิทยาลัยที่เจ้าตัวกำลังเรียนอยู่ปีสุดท้าย

“ได้หมูฝอยจากน้าสะอิ้งมายี่สิบกล่อง แกงเขียวหวานไก่ยอดมะพร้าวอีกยี่สิบถ้วย หวังว่าจะขายหมดนะ” เจ้าตัวก้มหน้าก้มตาจัดเรียงสินค้ามือเป็นพัลวัน

“ไม่ลองไม่รู้นะ พี่รุ่ง”

หลังหกโมงเย็น ตลาดเปิดท้ายคึกคัก แม้มีแผงขายของจำนวนมากแต่พนักงานในนิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ก็มีจำนวนมหาศาลไม่ต่างจากมดปลวก

มีคนงานในโรงงานเดียวกันมาเดินเที่ยวตลาดเป็นระยะ และช่วยอุดหนุนจนกับข้าวที่เอื้อมดาวให้นางสะอิ้งทำมาหมดลงในสองชั่วโมง

สามทุ่มเศษๆ ตลาดเริ่มวาย แผงขายของทยอยเก็บสินค้า สองสาวตัดสินใจว่าจะอยู่จนถึงสี่ทุ่ม ขายหมดหรือไม่หมดก็จะกลับ

ลูกค้าในชุดยูนิฟอร์มโรงงานเดียวกันผ่านมา ในมือหิ้วถุงพลาสติกหลายใบแล้วแต่ก็ยังแวะหยิบขนมปังนมสดเจ้าดังกับหมูฝอยอีกหนึ่งกล่อง

“หมูฝอยทำเองนะจ๊ะ ไม่ใส่สี ไม่ใส่สารกันบูด ไม่มีดินประสิว ฉันแถมขนมขาไก่ให้กระปุกหนึ่ง ขอบใจมากที่อุดหนุน” เอื้อมดาวเห็นว่าเป็นคนในโรงงานเดียวกันจึงแสดงน้ำใจ

“ขยันจังเลย เลิกงานแล้วยังมาขายของต่ออีก”

เอื้อมดาวยิ้มรับ แต่คำพูดต่อจากนั้นทำให้เจ้าตัวถึงกับยิ้มค้าง

“แต่ถ้าขยันจนหาเวลาว่างไม่ได้ ระวังผู้ชายเขาจะเบื่อแล้วไปหาคนอื่นที่มีเวลาให้นะ” หย่อนระเบิดลูกโตเสร็จ เพื่อนร่วมโรงงานผู้หวังดีประสงค์ร้ายก็สะบัดก้นจากไป

รุ่งอรุณที่นั่งขายของอยู่ข้างๆ หูผึ่ง พอลูกค้าคล้อยหลังไปก็รีบหันมาคาดคั้น “เพื่อนที่โรงงานเหรอ ทำไมพูดจาแปลกๆ”

“ไม่รู้สิ” แม้ปากบอกไม่มีอะไรแต่ในใจกลับนึกถึงวิศวกรหนุ่มรุ่นพี่

พักนี้ รุจน์ไม่ได้ตามรับส่งเธอเหมือนก่อน เขาอ้างว่าไม่ค่อยสะดวกเพราะรถยังไม่ออกจากอู่ซ่อม

ช่วงพักกลางวันเคยกินข้าวด้วยกัน เขาก็อ้างอีกว่างานยุ่ง กำลังเตรียมติดตั้งเครื่องจักรใหม่ ต้องประสานกับบริษัทจากญี่ปุ่น

เอื้อมดาวไม่ใช่คนเซ้าซี้มาแต่ไหนแต่ไร เธอเองก็ยุ่งๆ กับการเปิดท้ายขายของ เวลาที่จะได้เจอกันยิ่งน้อยลงอีก

“กลับบ้านเถอะ ลูกค้าหมดแล้ว” รุ่งอรุณชักชวนลูกพี่ลูกน้อง

“วันนี้ได้กำไรเท่าไหร่ พอจ่ายค่าเช่าแผงไหม” เอื้อมดาวพูดขำๆ แต่เห็นของที่เตรียมมาพร่องลงจนเกือบหมด จึงค่อนข้างแน่ใจว่ามีกำไรแน่นอน

รุ่งอรุณจิ้มเครื่องคิดเลขในโทรศัพท์ เงยหน้าขึ้นกระหยิ่มยิ้มย่อง “หักค่าเช่าแล้ว เหลือกำไรตั้งสองพันแน่ะ”

“เยี่ยมไปเลย ไหนล่ะ ส่วนแบ่งของฉัน” เอื้อมดาวยิ้มกว้าง ทำทีเป็นแบมือ พลางทำหน้าอ้อนๆ ใส่

“จัดไป” รุ่งอรุณควักธนบัตรจากกระเป๋าสตางค์ขึ้นมาตวัด ก่อนจะตบลงไปบนมือของแม่ค้ามือใหม่ “รอบหน้า บอกให้น้าสะอิ้งทำมาเพิ่มอีกอย่างละสิบกล่อง ขายแป๊บเดียวก็หมดแล้ว”

“เดี๋ยวจะให้แม่ลองทำหมูแผ่นหวาน สลับๆ กันไป ลูกค้าจะได้ไม่เบื่อ” เอื้อมดาวคิดถึงเมนูอื่นๆ ที่มารดาทำให้กินเป็นประจำ เริ่มติดใจการขายของเพราะเห็นเงินเร็วไม่ต้องรอสิ้นเดือน

“ถ้าขายดี ฉันจะจ้างร้านออกแบบสติกเกอร์ติดกล่องอาหาร ทำแบรนด์เป็นของตัวเอง ดีไหมพี่รุ่ง”

“ดี อยากทำอะไรทำเลย ฉันเชียร์เต็มที่” รุ่งอรุณตบไหล่คนอายุน้อยกว่า ทั้งเห็นใจและเอาใจช่วยไปในเวลาเดียวกัน

เอื้อมดาวกำลังพยายามทุกวิถีทางที่จะหาเงินมาซื้อควายคืนให้น้องชาย คนที่คอยเชียร์อยู่ข้างๆ อย่างเธอหวังว่าจะทันเวลา

 

โรงอาหารพนักงานในช่วงเที่ยงวันแน่นขนัดจนแทบไม่มีเก้าอี้ว่าง หลังอ่านข้อความตอบกลับจากวิศวกรรุ่นพี่ เอื้อมดาวก็ก้าวเข้าสู่ด้านในตามลำพัง

พี่ฝากน้องที่ฝ่ายซื้ออะไรขึ้นมาให้แล้ว ยังประชุมทางไกลกับพวกญี่ปุ่นไม่เสร็จ

รุจน์ตอบกลับมาเช่นนั้น เธอจึงตั้งใจจะซื้ออะไรง่ายๆ ไปนั่งกินในสวนหย่อมด้านหลังซึ่งเป็นจุดพักผ่อนหย่อนใจของพนักงานในช่วงพักเบรกแทน

หญิงสาวหิ้วถุงซาลาเปาพร้อมน้ำเก๊กฮวยเย็น นั่งหลบมุมที่เก้าอี้ม้าหินอ่อนใต้ร่มไม้ใหญ่ ค่อนข้างลับสายตาคน ควักโทรศัพท์ออกมาเล่นฆ่าเวลา

เธอไล่ดูอินสตาแกรมของอรลดา ถึงกับต้องนิ่วหน้า น้องสาวของเธอสวมใส่เสื้อผ้าแฟชั่นดูดีมีสไตล์ โพสต์ข้อความอวดรวยราวกับตัวเองเป็นลูกคุณหนู มีผู้ติดตามเข้าไปกดไลก์เป็นจำนวนมาก

ในฐานะพี่สาว เอื้อมดาวไม่ชอบใจเอาเสียเลย เคยเตือนหลายครั้งว่าอย่าโพสต์อะไรที่ทำให้คนเข้าใจผิดแต่ถูกน้องสาวตอกกลับเล่นเอาจุก

‘คนเล่นโซเชียลมีเดีย เขาก็สร้างภาพกันทั้งนั้นแหละ ขืนโพสต์ชีวิตจริงอันแสนรันทด ผู้ติดตามก็หายหมดพอดี’

ในขณะที่โปรไฟล์ส่วนตัวของน้องชายแตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง โอบบุญพิมพ์ข้อความสั้นๆ แชร์คำพูดหม่นหมองราวกับคนเบื่อโลก ยิ่งอ่านก็ยิ่งรู้สึกหมดกำลังใจ ทำเอาเธอประสาทเสีย กลัวว่าน้องชายจะเป็นโรคซึมเศร้า

เธอไพล่นึกถึงเพื่อนสนิทของน้องชาย ครั้งหนึ่งเธออ่านโพสต์ของโอบบุญแล้วกังวลจนนอนไม่หลับ อดรนทนไม่ได้ต้องส่งข้อความถึงดินแดนในเวลาตีหนึ่ง โดยลืมไปว่าเขาเป็นพวกตื่นก่อนไก่นอนพร้อมพระ

ชั่วอึดใจ เขาส่งสติกเกอร์การ์ตูนทำหน้าเหนื่อยใจกลับมาพร้อมข้อความสั้นๆ

นอนดึก ตื่นเช้ามาหน้าเหี่ยวไม่รู้ด้วยนะ

เช้าวันรุ่งขึ้น ขณะนั่งอยู่บนรถประจำทาง ชายหนุ่มส่งสติกเกอร์รูปควายยืนสองขา คาดผ้าไว้รอบศีรษะพร้อมตัวอักษร Fighting เรียกรอยยิ้มแรกของวันให้เธอ พร้อมข้อความที่ทำให้เบาใจลง

โอบมันไม่ยอมตายง่ายๆ หรอก ตราบใดที่ภารกิจพาควายกลับบ้านยังไม่สำเร็จ

ซาลาเปาคำสุดท้ายถูกส่งเข้าปาก เอื้อมดาวอมยิ้มน้อยๆ ภาพถ่ายและวิดีโอในบัญชีโซเชียลมีเดียของดินแดนกลายเป็นเครื่องผ่อนคลายความเครียดที่ดีที่สุด ภาพถ่ายทุ่งหญ้าสีเขียวชอุ่ม ควายกำลังเล่นน้ำยามแดดร่มลมตก ลูกควายตัวน้อยในปลักโคลน และรูปล่าสุดซึ่งมีคนกดไลก์ถล่มถลายคือรูปลุงติ๊กยืนยิ้มเผล่อยู่ข้างควายตัวสูงท่วมหัว ในคอมเมนต์มีคนสอบถามชื่อเสียงเรียงนามของควายตัวโตเป็นจำนวนมาก

ท้องเริ่มอิ่ม หญิงสาวเงยหน้าขึ้นจากหน้าจอโทรศัพท์ หรี่ตามองเปลวแดดเบื้องหน้า เก๊กฮวยเย็นในแก้วพลาสติกปะทะความร้อนในอากาศกลั่นตัวออกมาเป็นหยดน้ำเกาะพราว อีกไม่ถึงสิบนาที เวลาหย่อนใจของเธอจะจบลง

ขณะเตรียมตัวลุกขึ้นถึงกับชะงัก เมื่อเห็นวิศวกรรุ่นพี่เดินถือแก้วกาแฟออกจากโรงอาหารพร้อมกับหญิงสาวคนหนึ่ง

สาวหน้าใหม่สวมชุดกระโปรงสูทครึ่งท่อน บ่งบอกให้รู้ว่าไม่ใช่คนงานในสายการผลิต ผมสีน้ำตาลเข้มเปล่งประกายเงางามภายใต้แสงแดด รูปร่างค่อนข้างเล็กแต่รองเท้าส้นสูงที่สวมอยู่ทำให้ช่วงขาดูเพรียวยาว รุจน์แตะข้อศอกขาวผ่องอย่างสุภาพ ท่าทางดูสนิทสนมเป็นกันเอง ทำให้เอื้อมดาวรู้สึกแปลบปลาบ

เธอไพล่คิดถึงคำพูดของเพื่อนร่วมงานที่ตลาดเปิดท้าย

เอื้อมดาวส่งข้อความถึงรุจน์อีกครั้ง ชวนเขาไปเดินเล่นที่ห้างสรรพสินค้าและหาอะไรกินหลังเลิกงาน

วันนี้ไม่รู้ว่าจะได้เลิกกี่โมง เอื้อมอย่ารอดีกว่า

หญิงสาวจ้องมองสติกเกอร์รูปหัวใจที่เขาส่งกลับมาสลับกับภาพเจ้าตัวที่อี๋อ๋อกับสาวคนใหม่ตรงหน้า หัวใจหนักอึ้งราวกับถูกถ่วงด้วยก้อนหิน

 



Don`t copy text!