โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 4 : ซินที่แปลว่าหัวใจ (1)

โดย : ปีกดอกไม้

Loading

โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน นิยายโรแมนติกแฟนตาซีที่มีกลิ่นอายจีนโบราณ ผลงานรางวัลรองชนะเลิศโครงการอ่านเอาก้าวแรกปี 4 ของ ปีกดอกไม้ หรือ รสริน พระปริยัติ อ่านเอานำมาให้ทุกท่านได้เพลิดเพลินไปกับบรรยากาศของโรงน้ำชาและเรื่องราวของผู้คนที่นี่ รวมถึงปริศนาเบื้องหลังของน้ำชาความทรงจำนี้ อ่านได้แล้วที่เว็บไซต์อ่านเอา anowl.co

มโนชานอนอืดอยู่บนเตียงด้วยความรู้สึกอึมครึมคิดว่าจะเอายังไงกับชีวิตดี พลิกตัวกลับไปมาลืมตาโพลงมองเพดานไม้ที่บ้านเก่าของตาเล็กและอาม่าพลางถอนใจออกมาเป็นครั้งที่ร้อย

กำลังคิดว่าจะถอนใจครั้งที่ร้อยหนึ่งพอดีเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น แขนเรียวยืดเหยียดออกไปนอกผ้าห่มก่อนจะควานหาต้นตอของเสียงแล้วหยิบมันขึ้นมาอย่างเกียจคร้านพบว่าเป็นหมายเลขไม่คุ้นเคย

“สวัสดีค่ะ” เสียงหวานกรอกลงไปในสายอย่างเนือยๆ

ทว่าเสียงที่ตอบกลับมานั้นไม่ใช่ภาษาเดียวกันแต่กลับกลายเป็นภาษาจีนกลาง ฝั่งนั้นบอกว่าเป็นคนของโรงน้ำชาซึ่งเธอไปเยือนมาเมื่ออาทิตย์ก่อน แจ้งว่ามีเอกสารสำคัญจะให้แปล พร้อมทั้งนัดหมายวันเวลาและสถานที่

มโนชาดวงตาสว่างวาบดีดตัวผึงขึ้นมาจากเตียงทันที คิดในใจว่ารอดแล้ว!

 

ถัดมาอีกสองวันหลังจากที่ได้รับโทรศัพท์ ร่างบางก็พาตัวเองไปยังร้านอาหารจีนในโรงแรมแห่งหนึ่งย่านใจกลางเมืองเพื่อพบกับคนจากโรงน้ำชาซึ่งก็คือชายชราหน้าตาท่าทางสุขุมภูมิฐานนามว่าคุณจาง

คุณจางแนะนำตัวว่าเป็นพ่อบ้านของเจ้าของโรงน้ำชา เพราะวันนั้นลงมาช้าเลยไม่ได้พบกันแต่ก็ฟังเรื่องจากเซี่ยเหมยซีมาแล้ว

เขามองมโนชานิ่ง มือเหี่ยวย่นนั้นยื่นเอกสารมาให้ฉบับหนึ่ง หญิงสาวแกะซองพบว่ามันคือสาแหรกครอบครัวของตระกูลหนึ่งซึ่งต้นฉบับเป็นภาษาจีนกลาง

“อยากให้แปลเป็นภาษาไทยหรือคะ”

“ใช่ พอดีมีเอกสารจำเป็นต้องสืบค้นกับทางนี้ หากแปลเป็นไทยน่าจะสืบค้นได้ง่ายและอำนวยความสะดวกให้กับทางเจ้าหน้าที่ได้ดีกว่า” พ่อบ้านจางเอ่ยพลางมองสำรวจตรวจตราหญิงสาวตรงหน้า

มีสำนวนที่ว่าชะตาต้องกัน พ่อบ้านจางเมื่อแรกพบพลันรู้สึกได้ รอยยิ้มสว่างเจิดจ้า ความงดงามของเพศหญิงบวกกับความสดใสและดวงตาที่มีประกายเต็มไปด้วยความหวัง ทำให้อดจะสงสัยไม่ได้อยู่ครามครันว่าหากเซี่ยเหมยซีไม่มีเรื่องร้ายผ่านเข้ามา หากเพียงแต่เธอจะเลือกรับน้ำชาเพื่อจำหน่ายความทรงจำนั้นทิ้งไปเสีย เธออาจจะสดใสและดวงตาเต็มไปด้วยประกายความหวังเหมือนอย่างเด็กคนนี้ก็เป็นได้

“พอจะแปลได้ไหม” พ่อบ้านสูงวัยเอ่ยถาม แววตาปรานี

“ได้ค่ะ จริงๆ วันสองวันก็น่าจะเสร็จ แต่เพื่อความรอบคอบซินขอห้าวันนะคะ”

“รวดเร็วทันใจดีจริง เห็นเซี่ยเหมยซีว่าเธอทำงานประจำไม่ใช่หรือ คุณภาทิศที่มาด้วยกันวันนั้นไม่ใช่เจ้านายเธอหรอกหรือ” ผู้สูงวัยเริ่มเกริ่นนำมาก่อน ลอบถอนใจแล้วถอนใจอีกเรื่องที่ว่าให้ดึงคนออกมา

บริษัทของภาทิศไม่ใช่บริษัทเล็กๆ เลย เรียกได้ว่ามีทั้งชื่อเสียงและความมั่นคง สวัสดิการและเงินเดือนก็ไม่น้อย ‘ดึงตัวคนออกมา’ พูดง่ายแต่ทำยาก แต่ในเมื่อเป็นความประสงค์ของคุณเฉินก็คงต้องเป็นไปตามนั้น

มโนชาดูนิ่งไป ก่อนจะขยับตัวเล็กน้อยด้วยความอึดอัด สุดท้ายก็ส่งยิ้มแหยออกมา

“งานประจำไม่ได้ทำแล้วค่ะ” ตอบเสียงอ่อยออกไปพร้อมกับในใจที่กำลังก่นด่าเจ้านายเก่า “คือซินลาออกแล้วค่ะ เพราะฉะนั้นเรื่องเอกสารคุณจางไม่ต้องเป็นห่วงเลย ลองดูผลงานก่อนก็ได้ ถ้ามีโอกาสหน้าอีกก็กรุณามอบหมายมาให้ซินได้เลย รับรองว่าถูกต้องรวดเร็วเชื่อถือได้แน่นอน หรือถ้าอยากได้ล่ามซินก็เตรียมพร้อมทุกสถานการณ์”

ตอนแรกอยากเอ่ยเลี่ยงภายหลังกลับกลายเป็นโฆษณาตัวเองไปเสียได้ หลังจากประกาศกร้าวออกไป มโนชาถึงนึกขึ้นมาได้ว่าสิ่งที่ทำไปมันแสดงออกชัดเจนไปหรือเปล่าเพราะมันคล้ายคนกำลังจนตรอก แถมคุณจางที่ว่าก็ยังเป็นผู้สูงวัยที่บางทีอาจจะคิดว่าเธอทะเล่อทะล่าพูดจาไม่ถูกกาละเทศะเอาก็ได้ ก็เล่นอวดอ้างประกาศขายสรรพคุณออกขนาดนี้

แต่ตรงกันข้ามเพราะชายชรากลับยิ้มออกมา เพียงครู่ก็หัวเราะอย่างชอบใจ

“ดี ดีทีเดียว ค่อยพูดจากันง่ายหน่อย” พ่อบ้านจางเอ่ยก่อนจะกระแอมให้คอโล่ง “ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่าเธอกำลังว่างอยู่ สนใจอยากเข้าไปทำงานที่โรงน้ำชาไหม”

แม้จะค่อนข้างแปลกใจแต่สีหน้าท่าทางของอีกฝั่งกลับบ่งบอกว่านี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น

มโนชานิ่งคิดใคร่ครวญถึงผลได้ผลเสีย หลังจากผ่านมาหนึ่งอาทิตย์ตั้งแต่เกิดเรื่องวันนั้นเธอก็ได้ลองร่อนใบสมัครงานออกไปบ้างแล้ว แต่เธอคิดว่าเรื่องราวคงไม่ง่ายอย่างนั้น

บริษัทของภาทิศนั้นมีชื่อเสียง ต้องมีคนถามว่าทำไมเธอถึงลาออก เธอจะตอบคำถามนั้นว่ายังไง แล้วยิ่งหากมีการถามประวัติไปยังที่ทำงานเก่า มโนชาคิดว่าประวัติงานเธออาจไม่ค่อยสวยนัก เพราะในตอนที่จากมาก็เรียกได้ว่าโดนคาดโทษเอาเสียด้วย อันที่จริงเรียกว่าเป็นการตะโกนข่มขู่ไล่หลังมาก็น่าจะถูกเสียกว่า ก็เล่นไปเตะเอากล่องดวงใจของเจ้านายขนาดนั้น เธอยังจะหวังอะไร

 

หลังจากกลับจากโรงน้ำชาวันนั้นกว่าจะมาถึงกรุงเทพฯ ก็มืดแล้ว นั่งถ่างตาอยู่ตั้งนานเผลอหลับไปเพียงแป๊บเดียวเท่านั้นรถหรูที่โดยสารมากลับไปจอดลงที่บ้านหลังหนึ่งของเขาที่ชานเมือง ภาทิศบอกว่าเขาต้องการจะหยิบของ

เจ้านายเก่าของเธอให้เข้ามานั่งรอที่ห้องรับแขกก่อน เพราะว่ายังเกรงใจเลยทำให้มโนชาไม่กล้าปฏิเสธออกไป ถึงอย่างนั้นก็พยายามหาทางหนีทีไล่เอาไว้ให้ตัวเองอยู่บ้างพร้อมทั้งซักซ้อมวิธีรับมือในสมอง ‘ยื่นน้ำมาต้องไม่กิน พูดจาหว่านล้อมต้องไม่เชื่อ อุบายหลอกล่อให้เข้าไปในห้องต้องไม่ฟัง’ แต่เธอไม่คิดเลยว่าเขาจะเล่นแบบทื่อๆ ง่ายๆ ไร้ชั้นเชิงหรือลูกไม้อะไรอย่างที่เธอจินตนาการเอาไว้

ภาทิศที่กลับลงมาจากด้านบนทั้งที่เคยรอมานานประหนึ่งราชสีห์ที่เฝ้ามองเหยื่อ จู่ๆ ก็เดินตรงเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้า มโนชากะพริบตาสงสัยเขาก็เข้ามายืนประชิดตัวแล้ว ขณะตะลึงงันยังไม่ทันได้สติวงแขนหนาก็รวบเธอไปกอดไว้

พอย้อนนึกกลับไป มันช่างเป็นสัมผัสที่น่าขนลุก ไม่มีแม้กระทั่งวี่แววหรือการเกริ่นนำใดๆ ทั้งสิ้น หากกินเหล้ามามโนชาก็พอจะโยนความผิดไปที่เหล้าได้ แต่นี่อยู่ดีๆ ก็กลายเป็นแบบนี้ก็คงต้องโทษไปที่นิสัยส่วนตัวแล้วล่ะ

มโนชาไม่ได้พูดดี ความโมโหโกรธาบังตาจนเห็นช้างตัวเท่ามด

นาทีนั้นไม่ว่าเธอจะสบถออกมาพร้อมกับสะบัดตัวออกยังไงเขาก็ยังไม่หยุด ตรงกันข้ามเพราะแทนที่จะหยุดเขากลับหมายจะจูบเธอแทน คนเตรียมพร้อมก็เลยหยิบที่ชอร์ตไฟฟ้าออกจากกระเป๋าแล้วจัดการเจ้านายหลงตัวเองบ้าตัณหาที่มีภรรยาและลูกแล้วแต่ก็ยังมาหาเศษหาเลยกับคนไม่เต็มใจ แบบนี้ก็ไม่ต้องมีความเกรงใจแล้ว

มือเธอสั่นเป็นเจ้าเข้า บอกไม่ได้ว่าเพราะตกใจหรือโมโหมากกว่ากัน คนหลงตัวเองคนนี้คงคิดว่าตัวเองดีกว่าใครหล่อกว่าใคร เป็นหนุ่มใหญ่พราวเสน่ห์มีเงินแล้วผู้หญิงทุกคนต้องวิ่งเข้าหา

ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น หญิงสาวที่ควรจะเป็นเหยื่ออย่างเธอถึงเตะเป้ากางเกงคนที่ลงไปกองที่พื้นซ้ำอีกครั้งก่อนจะวิ่งออกมา มีเสียงตะโกนไล่หลังมาแต่เธอหูอื้อไปหมด วิ่งผ่านคนขับก็ชี้หน้าคาดโทษเอาไว้ด้วย ไม่รู้ว่ารู้เห็นเป็นใจด้วยหรือเปล่า ก่อนสุดท้ายจะหามอเตอร์ไซค์ได้ และจากมาอย่างรวดเร็วพร้อมกับหัวใจที่เต้นตึกตักจวนระเบิด

จนเมื่ออะดรีนาลีนเริ่มกลับมาเป็นปกติเธอถึงเพิ่งระลึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองทำอะไรลงไป!

แต่พอคิดได้ว่านี่เป็นสัญญาณเตือนอันตรายก็ได้แต่คิดว่าโชคดีที่รอดออกมาได้ เพราะถึงแม้จะประนีประนอมกันได้ เธอก็คิดว่าตัวเองคงไม่กลับไปอยู่ใกล้ผู้ชายคนนั้นอย่างแน่นอน แค่คิดว่าต้องเจอหน้ากันอีกก็ขนลุกรอแล้ว ยังไงผลลัพธ์ก็คือเธอต้องลาออกเหมือนกัน เพียงแต่วิธีการมันออกจะสุดโต่งเกินไปหน่อยเท่านั้น

 

พ่อบ้านจางจ้องมองหญิงสาวตรงหน้าที่คล้ายกำลังคิดอะไรอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะใช้นิ้วมือเคาะกับโต๊ะเพียงเบาๆ พอรูม่านตาสีดำสนิทที่ขยายตัวเมื่อครู่หดตัวแคบลงมโนชาก็คล้ายจะรู้สึกตัวขึ้นมาจากภวังค์เลื่อนลอย ชายชราเลยเอ่ยซ้ำอีกครั้ง

“ว่ายังไงที่ถามไปเมื่อครู่ สนใจมาทำงานที่โรงน้ำชาด้วยกันไหม”

ครั้งนี้คนฟังไร้ความลังเล

“ซินสนใจค่ะ ต้องทำอะไรยังไงบ้างคะ”

พ่อบ้านจางเอ่ยเรื่องรายละเอียดเกี่ยวกับงาน พบว่าหน้าที่นี้ก็คือต้องอยู่หน้าร้านเป็นผู้ช่วยของพี่สาวคนสวยคนนั้นซึ่งเธอได้รู้วันนี้ว่าอีกฝั่งชื่อเซี่ยเหมยซี นอกจากนี้ยังต้องคอยต้อนรับลูกค้าทั้งไทยและจีน ซึ่งทักษะทางภาษาของเธอก็เข้าทางพอดี โรงน้ำชายังมีสวัสดิการที่พักและอาหารฟรีเพราะเรียกได้ว่าเป็นพื้นที่กันดารห่างไกล ส่วนเงินเดือนก็ทำเอาคนฟังต้องแปลกใจเพราะคิดว่ายังไงก็ไม่มีทางสู้บริษัทของภาทิศได้ แต่ผิดคาด

“เอาเป็นว่าให้เท่ากันกับที่เก่าก็แล้วกัน” หญิงสาวได้ฟังก็ดวงตาเป็นประกาย พ่อบ้านจางนึกในใจว่าช่างเป็นคนที่ดูง่ายและไม่ซับซ้อนเอาเสียเลย “ว่าแต่ทำไมถึงออกจากที่เก่าล่ะ เพิ่งจะผ่านมาแค่สัปดาห์เดียวเท่านั้นเอง”

มโนชานิ่งไป คำตอบในหัวที่เคยซักซ้อมไว้เผื่อต้องไปสัมภาษณ์งานไม่รู้ว่ากระเด็นกระดอนหลุดหายไปอยู่ที่ไหน ก็เลยตอบออกไปแบบข้างๆ คูๆ ถูๆ ไถๆ

“มีปัญหากับ ‘คน’ นิดหน่อยค่ะ แต่ซินไม่ใช่คนเรื่องเยอะนะคะแต่บางปัญหาเราก็แก้ไม่ได้ใช่ไหมคะ เอ่อ…ซินขอถามอะไรอย่างได้ไหมคะ ทำไมถึงรับซินหรือคะ”

“พอดีกำลังหาคนที่สื่อสารภาษาจีนได้” พ่อบ้านจางกระแอมหนึ่งครั้งก่อนตอบออกไป อันที่จริงสื่อสารได้ก็ดี แต่ประเด็นหลักอยู่ตรงที่มีคนสั่งมา “เอาเป็นว่าถ้าพร้อมเริ่มงานเมื่อไหร่ก็ถือประวัติสมัครงานกับหลักฐานทะเบียนบ้านและบัตรประชาชนติดมาด้วยก็แล้วกัน”

“ซินพร้อมเริ่มงานได้เลยค่ะ นี่ค่ะเรซูเม”

ชายสูงวัยมีท่าทีตกใจในความรวดเร็วทันใจนี้ พ่อบ้านจางขยับตัวก่อนจะปรับแว่นตา เพ่งดูใบสมัครงานที่ยื่นมาสลับกับดวงหน้าของหญิงสาว ฝั่งคนที่ถูกมองเหมือนจะรู้ตัวว่ากำลังถูกสำรวจถึงได้ยื่นหน้าออกมาเล็กน้อยเพื่อจะให้เจ้าของสายตาฝ้าฟางนั้นมองดูได้ถนัด ดวงตาสดใสกะพริบเป็นจังหวะและรอยยิ้มก็ระบายทั่วใบหน้า

‘โหงวเฮ้งดี’ พ่อบ้านจางสรุป ‘หน้าผากเปิดกว้าง ดวงตาวาวใสเหมือนตากวาง แก้มกลมมนนั้นมีสีเลือดฝาดซับอยู่จางๆ ส่วนริมฝีปากก็อิ่มเต็มสีระเรื่อ’

ก่อนจะเริ่มจะวิเคราะห์ไปที่นิสัย ‘ดูท่าจะเป็นคนมั่นใจ ทำอะไรปรูดปราดรวดเร็วทันใจ เป็นคนพูดตรง มีอิสระไม่ขึ้นกับใคร ก็เรียกได้ว่าเป็นข้อดี แต่ข้อเสียก็ยังมีเพราะดูเปิดเผยตรงไปตรงมา’

มันควรจะเป็นข้อดีหากอยู่ที่อื่น ทว่าเมื่อมาอยู่ยังโรงน้ำชาที่เต็มไปด้วยความลับอันมากมาย ทั้งกับตัวน้ำชาความทรงจำและกับตัวคนชงชาเองด้วย พ่อบ้านจางยังสงสัยว่ามันอาจไม่ใช่เรื่องดีนัก

แต่ถึงอย่างไรนี่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาจะค้าดค้านหรือยับยั้งได้



Don`t copy text!