ลูกไม้เกี่ยวรัก บทที่ 12 : ความเหมือนที่ชวนแปลกใจ

ลูกไม้เกี่ยวรัก บทที่ 12 : ความเหมือนที่ชวนแปลกใจ

โดย : นวาภัส

Loading

ลูกไม้เกี่ยวรัก โดย นวาภัส นวนิยายโรแมนติกคอมเมดี้ (เล็กๆ) เรื่องราวของหญิงสาวสุดแกร่งที่ชีวิตนี้ขอมีลูก โดยไม่ต้องมีสามี แล้วใครเล่าจะเข้าใจเธอ พบกับความอลหม่านของสองแม่ลูกคู่ป่วนใน “ลูกไม้เกี่ยวรัก” ได้ในเพจอ่านเอา และ เว็บไซต์อ่านเอา anowl.co

ตีรณามึนงงเหมือนถูกตีกลางแสกหน้า เมื่อคู่หมั้นสุดหล่อดึงเธอมาอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นเพียงลำพัง ฟังจนจบเธอก็ยังไม่เข้าใจว่า เขามีเหตุผลอะไรที่รับอาสาเป็นพ่อให้กับลูกของปัณฑารีย์ ในเมื่อมีผู้ชายอีกมากมายที่น่าจะเต็มใจช่วย ทำไมต้องเป็นคู่หมั้นของเธอ คนที่พร่ำบอกมาตลอดหลายปีว่าไม่ชอบเด็ก แต่ตอนนี้กลับรับบทแดดดี้ที่เธอดูแล้วแนบเนียนสมจริงมากกว่าที่จะเชื่อว่าเขาทำเพราะความจำใจ

“แต่คุณบอกตี้เองนะคะว่าไม่ชอบเด็ก แต่เท่าที่เห็นคุณไม่มีปัญหากับเด็กคนนี้สักนิด” เธอมองนิ่งรอคำตอบจากปากคู่หมั้น

“ผมก็ไม่ได้ใกล้ชิดกับเขามากนี่ ส่วนใหญ่จะเป็นเจ้าเดย์ซะมากกว่าที่ไปไหนมาไหนด้วยกัน” คำแก้ตัวของอคิราห์ยิ่งทำให้เธอสับสน

“ถ้าอย่างนั้นทำไมไม่ให้คุณเดย์แสดงเป็นพ่อของเด็กคนนั้นล่ะคะ”

“ผมก็เล่าให้ฟังแล้วไงครับ ว่าเด็กเข้าใจไปแล้วว่าผมเป็นพ่อ ก็ต้องปล่อยไปตามสถานการณ์” ชายหนุ่มเริ่มรู้สึกไม่อยากอธิบายอะไรมากไปกว่านี้ เพราะเขาก็พูดทุกอย่างตามความเป็นจริงหมดแล้ว แต่ดูเหมือนตีรณาจะไม่ยอมเข้าใจเสียที มีแต่คำถามมากมายวนไปวนมา

“ถ้าคนอื่นเกิดเข้าใจผิดว่าคุณเป็นพ่อของเด็กคนนี้ขึ้นมาจริงๆ ตี้ไม่กลายเป็นมือที่สามแย่งสามีคนอื่นเหรอคะ” ในใจของเธอไม่ได้กลัวคนอื่นเข้าใจผิด แต่กำลังหวั่นเกรงว่าจะสูญเสียคนรักให้กับผู้หญิงที่เป็นคู่แข่งคนสำคัญ

ปัณฑารีย์แอบมองอคิราห์ที่กำลังคุยกับตีรณาอยู่ห่างๆ เธอรู้สึกลำบากใจที่เป็นต้นเหตุสร้างความเดือดร้อนให้กับอคิราห์ จากท่าทางที่เห็น ตีรณาน่าจะกำลังโกรธที่ต้องมาเจอสถานการณ์ไม่คาดคิด จู่ๆ คู่หมั้นก็มีลูกและเมียโผล่มา แถมไม่ใช่ใครอื่นไกล แต่เป็นคู่แข่งเรื่องงานที่ต้องมาขับเคี่ยวกันเพื่อชัยชนะ ถ้าเป็นเธอก็คงเดือดจนเส้นเลือดในสมองแตกเป็นแน่

“ไม่ต้องห่วงหรอกครับ พี่ซันเอาอยู่” น้ำเสียงที่ไร้ความวิตกของอชิระดังขึ้น

“แน่ใจเหรอคะ” เธอไม่มั่นใจว่าเขาจะเอาอยู่จริงๆ

“ร้อยเปอร์เซ็นต์” ชายหนุ่มยิ้มมั่นใจ ตีรณาไม่มีวันที่จะทำให้พี่ชายของเขาวิตกกังวลจนสูญเสียตัวตนได้ อคิราห์เย็นชาจนได้ชื่อว่าไร้หัวใจ แม้แต่กับคู่หมั้นก็ไม่สามารถละลายน้ำแข็งในใจของพี่ชายได้ และก็ไม่คิดว่าจะมีผู้หญิงคนไหนทำได้เหมือนกัน

“คุณอาคนสวยที่คุยกับพ่อ ใครเหรอคับ” เด็กน้อยถามอชิระด้วยความอยากรู้

“ออ…คือ…อาตี้เค้าเป็นเพื่อนกับพ่อของโอโซนน่ะครับ คงจะมาคุยเรื่องงานกันน่ะ” อชิระตัดสินใจโกหกออกไป จะให้เขาบอกกับโอโซนได้อย่างไร ว่าผู้หญิงคนนั้นคือคู่หมั้นของพ่อตัวเอง

“โอโซนกินข้าวต่อเถอะลูก ปู่ซื้อขนมที่เราชอบมาด้วยนะ กินข้าวเสร็จจะได้กินขนม” อมรรีบดึงความสนใจของเด็กน้อยไปที่อื่น

“โอโซนอิ่มแล้วคับ กินขนมได้เลยมั้ยคับคุณปู่” โอโซนดีใจที่จะได้กินขนมของโปรด

อมรรีบสั่งแม่ครัวให้ยกขนมมาให้โอโซนทันที เขามองดูเจ้าตัวเล็กกินขนมอย่างเอร็ดอร่อย ปัณฑารีย์หันมาสบตาผู้สูงวัยยิ้มให้เป็นเชิงขอบคุณ อมรถอนหายใจลึก กังวลใจลึกๆ ว่าเรื่องวุ่นวายจะไม่จบลงง่ายๆ แค่นี้

ตีรณายอมกลับไปพร้อมคำถามมากมายที่เก็บไว้กับตัวเอง ไม่กล้าที่จะเอ่ยปากถามอคิราห์ เพราะกลัวว่าเขาอาจจะไม่พอใจจนเมินเฉยใส่เธอเหมือนกับที่เคยทำมาแล้ว แต่ใช่ว่าเธอจะยอมนิ่งเฉย มองดูคู่หมั้นของตัวเองสวมบทบาทเป็นสามีของปัณฑารีย์โดยไม่คิดทำอะไร ดังนั้น ในวันหนึ่งเธอจึงไปถึงมหาวิทยาลัยที่หญิงสาวทำงาน เพื่อหาทางจบปัญหาไม่ให้ยืดเยื้อ

ปัณฑารีย์แปลกใจเมื่อรู้ว่าตีรณามาขอพบ แต่ก็เดาได้ไม่ยากว่ามาด้วยเหตุผลอะไร ถึงแม้จะเตรียมใจไว้แล้วแต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากันจริงๆ เธอกลับรู้สึกหวั่นเกรงขึ้นมา อาจจะเป็นเพราะตีรณาไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดาเช่นเธอ แต่เป็นถึงลูกสาวนักการเมืองใหญ่ โปรไฟล์ดีเยี่ยม คนอย่างเธอจะเทียบรัศมีได้อย่างไร

“ฉันจะไม่อ้อมค้อมนะคะ ฉันอยากให้คุณกับลูกเลิกวุ่นวายกับคู่หมั้นของฉัน ไม่ว่าทางใดก็ตาม ถือว่าเป็นคำขอร้องของลูกผู้หญิงด้วยกัน” สีหน้าและแววตาที่มุ่งมั่นแต่แฝงแววเจ็บปวดของตีรณา ทำให้ปัณฑารีย์รู้สึกละอายใจ

“ฉันขอโทษด้วยนะคะ ที่สร้างความไม่สบายใจให้กับคุณ ฉันรับปากค่ะว่าหลังจากวันเกิดโอโซน เราสองคนแม่ลูกจะไม่มาเจอพี่ซันอีกเลย” หญิงสาวอยากทำให้อีกฝ่ายมั่นใจว่าจะไม่สร้างปัญหาให้ความรักของพวกเขา เธอยินดีจะหายไปเมื่อถึงเวลาที่ตกลงกันเอาไว้

“ทำไมต้องยื้อเวลาด้วยล่ะคะ ในเมื่อยังไงคุณกับลูกก็ต้องออกจากชีวิตของคุณซันอยู่ดี จะไปวันนี้พรุ่งนี้ก็ค่าเท่ากัน หรือคุณหวังอะไรกันแน่” ริมฝีปากสวยที่ฉาบด้วยสีแดงส้มเฉิดฉายเม้มลงเพราะรู้สึกไม่พึงใจกับคำตอบที่ได้

“ไม่ใช่แบบนั้นนะคะ ฉันมีเหตุผลจริงๆ แต่คุณตีรณาสบายได้ค่ะ ฉันไม่เคยคิดแย่งชิงคนรักของคุณแน่นอน” หญิงสาวสบตาอีกฝ่ายเพื่อแสดงความจริงใจ

ตีรณามองผู้หญิงตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ปัณฑารีย์เป็นสาวสวยที่มาดมั่น ผู้ชายคนไหนได้รู้จักใกล้ชิดก็ต้องประทับใจ ขนาดเธอเองที่เป็นผู้หญิงด้วยกันยังทึ่งในความสามารถ ความฉลาดปราดเปรื่อง แม้จะมาจากครอบครัวชนบทแต่กลับผลักดันตัวเองจนประสบความสำเร็จเทียบเท่ากับเธอที่มาจากตระกูลร่ำรวยและมีชื่อเสียง ถ้าจะวัดกันเรื่องความสามารถ เธออาจจะเป็นรองด้วยซ้ำ ขนาดมีลูกแล้วยังไม่ทำให้เสน่ห์และความสวยลดลงสักนิด เพราะฉะนั้นจะให้วางใจได้อย่างไร ว่าอคิราห์จะไม่ไขว้เขวปันใจให้กับปัณฑารีย์

แต่เมื่ออาจารย์สาวรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับคู่หมั้นของเธอหลังจากจบบทบาทสมมติในอีกสามอาทิตย์ ตีรณาจึงพยายามทำใจไม่ให้คิดฟุ้งซ่านและกลับไปอยู่ในจุดของเธอ เฝ้ามองการแสดงของคนทั้งคู่จนกว่าจะถึงวันที่รูดม่านปิดฉาก รวมถึงเฝ้าระวังไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้นได้

หลังจากวันนั้น อคิราห์ขอร้องตีรณาไม่ให้เข้าไปที่บ้านอีกเพื่อไม่ให้เกิดความสับสนกับโอโซน ถ้าต้องการพบเขาก็ให้มาที่โรงพยาบาลหรือนัดพบกันที่อื่นตามสมควร ซึ่งก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะหญิงสาวเองก็ไม่อยากเข้าไปเห็นและรับรู้สิ่งที่จะทำให้ตัวเองเป็นทุกข์ ถึงแม้ว่าสิ่งนั้นจะเป็นเรื่องอุปโลกน์ขึ้นมาก็ตาม

เย็นวันหนึ่ง อชิระกลับจากทำงาน เขาชะงักเท้าหยุดนิ่งมองสิ่งแปลกปลอมในบ้านด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ ยางกันกระแทกนุ่มนิ่มสีครีมถูกติดไปทั่วบ้าน ขอบโต๊ะ ตู้ ประตู หน้าต่าง ทุกสิ่งอย่างที่มีขอบหรือมุมแหลมคมจะถูกหุ้มห่อด้วยยางจนหมด จนเขาเผลอมองรอบๆ เพราะคิดว่าเข้าบ้านผิดหลัง

“นี่พ่อเห่อหลาน จนคิดจะเปลี่ยนบ้านเป็นเนิร์สเซอรีเลยเหรอครับ” ลูกชายตัวแสบเอ่ยปากแซว เพราะคิดว่าเป็นฝีมือผู้เป็นพ่อ แต่คำตอบที่กลับมาทำให้เขาถึงกับอ้าปากค้าง

“ฝีมือเจ้าซันโน่น วันนี้ถึงกับหยุดงานมานั่งติดด้วยตัวเอง ตอนเห็นก็ช็อกเหมือนแกนี่แหละ” เขาเองก็แทบไม่เชื่อสายตาเมื่อเห็นลูกชายคนโตลงทุนนั่งติดยางกันกระแทกรอบบ้าน

“อาการหนัก ผมว่าเราต้องพาพี่ไปหาหมอแล้วละครับ นี่อาจจะเป็นอาการเริ่มต้นของโรคทางสมองก็ได้นะครับพ่อ” สองพ่อลูกมองหน้ากัน ถึงจะพูดประชดออกไปแบบนั้น แต่ทั้งคู่ก็พอจะเดาสาเหตุได้

เมื่อวานตอนที่โอโซนวิ่งเล่นไล่จับกับอชิระ เกิดลื่นเสียหลักหัวเกือบกระแทกกับขอบโต๊ะ ดีว่าอคิราห์เอามือมากันไว้ได้ทัน พี่ชายโวยวายลั่นบ้าน ต่อว่าน้องที่เล่นซุกซนเหมือนเด็กจนเกือบทำให้โอโซนบาดเจ็บ วันนี้อคิราห์ก็คงหาวิธีป้องกันด้วยการติดยางกันกระแทกซะเลย จะได้ไม่ต้องหวาดระแวงว่าจะเกิดอุบัติเหตุกับโอโซน แต่ไม่ใช่เพียงแค่นี้ อคิราห์ยังสั่งให้แม่บ้านแยกเสื้อผ้าของเด็กน้อยออกมาซักต่างหาก และกำชับให้ใช้ผลิตภัณฑ์ซักผ้าสำหรับเด็กเท่านั้น ห้ามซักปนกับของผู้ใหญ่เพราะเกรงว่าโอโซนจะเกิดอาการแพ้สารเคมี ทั้งที่ปากบอกว่าไม่สนใจ ไม่อยากเข้าใกล้เด็กน้อย แต่พฤติกรรมนั้นแสดงถึงความห่วงใยอย่างมากจนทุกคนในบ้านเริ่มจับตามอง

ไม่กี่วันต่อมา โอโซนถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลด่วน เพราะไปกินขนมที่มีส่วนผสมของถั่วปากอ้าที่ได้มาจากเพื่อน อาการแพ้ไม่รุนแรงมากนักเพราะกินในปริมาณไม่มาก แต่ก็ทำให้ปัณฑารีย์แทบหัวใจวาย ทิ้งทุกอย่างมาเฝ้าลูก ส่วนอคิราห์เป็นห่วงจนอดรนทนไม่ไหว วนเวียนมาดูเกือบทุกชั่วโมง คอยสอบถามอาการและเซ้าซี้ให้หมอตรวจทุกอย่างให้ละเอียด แม้จะอธิบายไปแล้วว่าโอโซนปลอดภัยไม่ได้เป็นอะไรมาก มีแค่ผื่นแพ้ขึ้นตามตัวและใบหน้านิดหน่อย อีกไม่กี่วันก็หายไปเอง แต่ชายหนุ่มก็ยังไม่วางใจเจ้ากี้เจ้าการให้หมอตรวจทุกอย่างอีกครั้ง ตอนนี้นายแพทย์อคิราห์ที่แสนเย็นชา กลายร่างเป็นคุณพ่อจอมจุ้นจ้านอย่างเต็มตัว จนหมอเจ้าของไข้ต้องบอกให้ใจเย็นๆ ไม่อย่างนั้นจะสั่งยาระงับประสาทให้กิน

เมื่อไม่สามารถควบคุมการรักษาของเพื่อนหมอในโรงพยาบาลได้ เขาก็กลับมาจัดระเบียบใหม่ในบ้านแทน ชายหนุ่มสั่งรื้อทุกอย่างในครัวออกมา ตรวจหาด้วยตัวเองว่าวัตถุดิบในการปรุงอาหารมีสิ่งใดบ้างที่อาจกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้ของโอโซนได้ ถ้าอะไรที่เขาไม่มั่นใจก็จะถูกทิ้งทันที และกำชับกับคนในบ้านทุกคนว่าห้ามนำถั่วปากอ้าเข้ามาในบ้านเด็ดขาด ถ้าใครอยากกินให้ไปกินนอกบ้าน

อชิระเองก็ห่วงใยโอโซนไม่น้อยไปกว่ากัน แต่ไม่แสดงอาการลนลานเท่าพี่ชาย ก่อนหน้าที่อคิราห์จะมาตรวจสอบภายในห้องครัว เขาเข้ามาจัดการเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มคนน้องเฝ้ามองพี่ชายด้วยความหวั่นใจว่าที่อคิราห์ร้อนรนเป็นไฟอยู่ในขณะนี้เกิดจากหน้าที่ความรับผิดชอบในฐานะผู้ดูแลเด็กโดยตรง หรือเกิดจากความรักความผูกพันกันแน่ เพราะถ้าเป็นอย่างหลัง พายุของความวุ่นวายก็กำลังก่อตัวขึ้นแล้ว และตัวเขาเองก็ต้องตกอยู่ในวังวนพายุนั้นโดยไม่อาจหลีกเลี่ยงได้เช่นกัน

ปัณฑารีย์กับอชิระพาโอโซนกลับมาบ้านเมื่ออาการหายเป็นปกติ อคิราห์ที่กำลังจัดแจงดูแลความเรียบร้อยของบ้านรีบออกมารับ เขาดีใจและโล่งใจที่เห็นเจ้าตัวเล็กหายดีกลับมาสดใสเหมือนเดิม ทีแรกเขาตั้งใจว่าจะเป็นคนไปรับโอโซนกลับบ้านเอง แต่หลังจากที่พยายามไปจู้จี้กับหมอเจ้าของไข้ให้ตรวจเช็กอีกรอบ เลยโดนปัณฑารีย์ไล่ให้กลับมารอที่บ้าน

“ต่อไปนี้ห้ามกินขนมหรืออาหารของคนอื่นเด็ดขาด เข้าใจมั้ยครับโอโซน” อคิราห์นั่งลงจับไหล่เล็กๆ ทั้งสองข้างของเด็กน้อยแล้วสั่งเสียงเข้ม

“ขอโทษคับพ่อ โอโซนจะไม่กินอีกแล้ว” โอโซนน้ำตาคลอ โทษตัวเองว่าเป็นต้นเหตุทำให้ทุกคนตกใจและเป็นกังวล วันแรกที่เข้าโรงพยาบาลเขายังแอบเห็นแม่ร้องไห้ด้วยความเป็นห่วง จึงรู้สึกผิดและบอกตัวเองว่าจะไม่ทำให้แม่ร้องไห้อีกแล้ว

หนุ่มหล่อใจวูบเมื่อเห็นน้ำตาของโอโซน นึกโกรธตัวเองที่ทำให้เด็กน้อยร้องไห้ทั้งที่ควรจะทำให้กลับมาหัวเราะได้เหมือนเดิม เขาดึงร่างเล็กป้อมมากอดไว้แน่น มือใหญ่ลูบผมนุ่มนิ่มเป็นลอนเบาๆ อย่างอ่อนโยน ปัณฑารีย์กับอชิระชะงักอึ้งกับภาพตรงหน้า อคิราห์ผู้เย็นชาและมีปัญหากับเด็ก ตอนนี้กลับกอดโอโซนแนบแน่น อารมณ์ความรู้สึกเหมือนพ่อที่กำลังกอดลูกน้อยปลอบใจ กลิ่นอายของความรักอบอวลโดยไม่ต้องมีคำพูดออกมา

“พ่อขอโทษ เราเข้าบ้านกัน วันนี้พ่อสั่งให้ป้านงค์ทำของโปรดของโอโซนเพียบเลยนะ” หนุ่มหล่อจูงมือลูกชายเข้าไปในบ้าน ลืมไปว่ายังมีผู้ใหญ่อีกสองคนอยู่ตรงนั้น และกำลังมองตามด้วยความรู้สึกฉงนใจ

“นี่เราไม่ได้ตาฝาดใช่มั้ยครับ พี่ซันกอดโอโซนจริงๆ ใช่มั้ย หรือว่าผมฝันไป” อชิระพึมพำ สองตายังจับจ้องไปที่สองพ่อลูก ปัณฑารีย์นึกสนุกจึงแกล้งหยิกแขนของชายหนุ่มแรงๆ เพื่อยืนยันว่าไม่ใช่ความฝันแต่เป็นเรื่องจริง อชิระร้องลั่นด้วยความเจ็บ แต่เมื่อเห็นหญิงสาวหัวเราะชอบใจ เขาก็หัวใจพองฟูจนเผลอไผลเอื้อมไปจับมือของเธอเอาไว้

“เห็นปันหัวเราะได้แบบนี้ผมก็ใจชื้นขึ้นมาเลย ตอนที่โอโซนเข้าโรงพยาบาล คุณเอาแต่นั่งเศร้าน้ำตาซึมทั้งวัน ผมไม่อยากเห็นภาพแบบนั้นอีก” เขาพูดออกมาจากหัวใจ

“ขอบคุณนะคะคุณเดย์ ที่คุณและทุกคนในบ้านรักและเมตตาโอโซน ฉันไม่รู้จะตอบแทนพวกคุณยังไงดี” หญิงสาวปลื้มใจที่เห็นทุกคนรักและห่วงใยลูกชายของเธอเหมือนกับเป็นลูกหลานจริงๆ แล้วยังเผื่อแผ่ความใจดีนั้นมาถึงตัวเธอด้วย ทุกครั้งที่ก้าวเข้ามาในบ้านหลังนี้ปัณฑารีย์รู้สึกได้ถึงความรักที่อบอวลไปทั่วบ้าน แม้จะมีแต่ผู้ชายแต่กลับเป็นบ้านที่อบอุ่นจนน่าอิจฉา หญิงสาวมองสบตาอชิระ บีบมือเขากลับเบาๆ เป็นการขอบคุณสำหรับไมตรีที่มีให้เธอสองแม่ลูก

เมื่อเห็นว่าปัณฑารีย์ยังไม่เข้ามาในบ้าน อคิราห์จึงเดินออกมาดูว่าเธอต้องการให้ช่วยยกสัมภาระของโอโซนหรือไม่ แต่กลับมาเจอภาพที่ทำให้หัวใจเจ็บแปลบเหมือนถูกเข็มพันเล่มทิ่มแทง ความเจ็บปวดนั้นทำให้เขาสงสัยว่าเป็นความผิดปกติทางกายภาพที่ต้องหาทางเยียวยารักษา หรือเกิดจากเหตุผลด้านอารมณ์และความรู้สึกที่อ่อนไหว จนส่งผลต่อหัวใจอันเย็นชาของเขากันแน่ ตอนนี้น้ำแข็งที่เคยเกาะกุมห่อหุ้มหัวใจของชายหนุ่มจนด้านชา กำลังละลายออกอย่างช้าๆ จนรับรู้ถึงความรู้สึกที่หลากหลายได้ โดยที่เจ้าของหัวใจไม่ทันระวังตัว

ทุกคนในบ้านต่างรุมเอาอกเอาใจโอโซน ไม่เว้นแม้แต่ชายสูงวัยเจ้าของบ้าน ที่ลงทุนสั่งรถไฟฟ้าโมเดลยี่ห้อหรูสำหรับเด็กมาจากต่างประเทศ เพื่อเอาใจหลานรัก โอโซนดีใจมากรีบกระโดดขึ้นขับไปทั่วบ้าน โดยมีอชิระวิ่งตามดูแลความปลอดภัย อคิราห์ยืนมองด้วยความเป็นห่วง กลัวจะเกิดอุบัติเหตุที่ทำให้เด็กน้อยบาดเจ็บ

“พ่อครับ โอโซนยังเด็กเกินกว่าจะเล่นรถไฟฟ้านะครับ” เขาพูดกับพ่ออย่างกังวล

“พ่อรู้ว่าแกเป็นห่วง แต่นี่แค่ของเล่น ดูสิวิ่งได้แค่ไม่เกินยี่สิบ แกจะแพนิคอะไรนักหนา” พ่อบ่นลูกชายคนโตที่ใกล้จะกลายเป็นโรคประสาท

“แต่ปันเกรงใจค่ะ คุณอาไม่น่าต้องเสียเงินซื้อของเล่นแพงๆ แค่ทุกคนเอ็นดูโอโซน แกก็มีความสุขมากแล้วค่ะ” หญิงสาวรู้สึกเกรงใจที่เหมือนพาลูกมารบกวน ทำให้เจ้าของบ้านต้องเสียเวลาแถมยังต้องเสียเงินอีกมากมาย

“ไม่ต้องเกรงอกเกรงใจไปหรอก พออยู่กันไปนานๆ อาก็รู้สึกเหมือนโอโซนเป็นลูกเป็นหลานจริงๆ ไปแล้ว ช่วงที่โอโซนไปนอนโรงพยาบาล บ้านนี้เงียบเหงาไปถนัดใจเลยนะ”

อคิราห์เองก็รู้สึกเหมือนพ่อ ตั้งแต่ได้ใกล้ชิดกับเด็กน้อย เขาเองก็รู้สึกถึงความสดชื่นสดใสในแต่ละวัน จากวันที่น่าเบื่อ เงียบเหงา ต่างคนต่างอยู่ ทุกวันนี้เมื่อกลับมาถึงบ้านได้เจอโอโซนวิ่งมากอดขา ได้ยินเสียงหัวเราะที่สดใส ได้ฟังเรื่องราวสนุกๆ ที่โรงเรียน แถมยังต้องทำหน้าที่อ่านนิทานให้ฟังทุกค่ำคืน ทำให้ชีวิตที่เคยเรียบง่ายธรรมดา กลายเป็นมีชีวิตชีวาในทุกๆ วัน

“คุณยาย!” โอโซนเมื่อเห็นยายก็ดีใจกระโดดกอดด้วยความคิดถึง

อารีย์กอดหลานชายตัวน้อยเอาไว้แน่น หอมแก้มซ้ายขวาให้สมกับความคิดถึง ตอนที่รู้ว่าโอโซนเข้าโรงพยาบาล เธอเป็นห่วงหลานใจจะขาด แต่ไม่สามารถเดินทางมาเยี่ยมได้ เพราะต้องนอนให้น้ำเกลือด้วยอาการอาหารเป็นพิษเหมือนกัน ปัณฑารีย์โทร.ไปบอกให้ญาติสนิทคนหนึ่งมาดูแลแม่แทนเธอ เพราะตัวเองต้องเฝ้าลูกชาย โดยจ่ายเงินค่าตอบแทนให้ญาติเป็นจำนวนมาก จนอารีย์ออกปากเสียดายเงิน เมื่อหายดีอารีย์จึงรีบเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าและเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ทันที แต่เมื่อมาถึงบ้านกลับไม่พบวี่แววของหลานชาย เจอแต่ป้าวรรณีแม่บ้านที่มาทำความสะอาด จึงได้รู้ว่าโอโซนไปอยู่ที่บ้านของอคิราห์หลายวันแล้ว สร้างความแปลกใจให้กับหญิงสูงวัยมาก เธอเข้าใจว่าบทบาทพ่อจอมปลอมนั้นจบลงไปแล้ว แต่เมื่อรู้ว่าถูกต่อสัญญาขึ้นมาอีกหนึ่งเดือนและหลานก็ต้องย้ายไปอยู่ที่บ้านหลังนั้น ด้วยความเป็นห่วงกังวล กลัวว่าหลานจะถูกคนอื่นรังแก อารีย์จึงรีบขอที่อยู่แล้วพุ่งไปที่บ้านของอคิราห์ทันที

“โธ่ หลานยาย ดูสิผอมลงไปตั้งเยอะ โอโซนคงไม่ได้กินขนมอร่อยๆ เลยสินะ” อารีย์น้ำตาซึม กอดหลาน ทำเป็นบ่นเสียงดังๆ ให้เจ้าของบ้านได้ยิน อมรยืนฟังด้วยความขัดหูแต่ไม่อยากต่อปากต่อคำกับคนที่ตัวเองไม่รู้จัก

“ไม่คับ คุณปู่ใจดีซื้อขนมอร่อยๆ มาให้โอโซนกินทุกวันเลยคับคุณยาย” เมื่อได้รู้ว่าหลานชายอยู่สุขสบายคนแก่ก็โล่งอก

อารีย์เดินดูรอบบ้านใหญ่โตโอ่โถงของอมร เธอทึ่งกับความร่ำรวยหรูหราที่เคยเห็นแต่ในทีวี เมื่อมาสัมผัสกับของจริงก็ทำให้ตื่นตาตื่นใจได้ไม่เบา แต่ก็พยายามวางท่าไม่ให้ดูตื่นเต้นจนเกินไป เดี๋ยวจะถูกจับได้ว่ามาจากชนบท

“บ้านคุณยายมีต้นไม้เยอะแยะเลยคับคุณปู่ เป็นบ้านไม้หลังเล็กๆ แต่เย้นเย็น ไม่ต้องเปิดแอร์เลย มีโอ่งใส่น้ำด้วยคับ โอโซนชอบเอาปลาตัวเล็กไปใส่เล่น คุณปู่อยากไปเที่ยวมั้ยคับ” เสียงเจื้อยแจ้วของโอโซนที่ชักชวนอมรให้ไปเที่ยวบ้านหลังเล็กของอารีย์ ทำให้คุณยายรู้สึกเสียหน้าเล็กน้อย อุตส่าห์ไม่บอกว่ามาจากไหน ตอนนี้คนที่นี่คงคิดว่าเธอมาจากชนบทอันไกลโพ้น

“เอาสิ ปิดเทอมเมื่อไหร่โอโซนพาปู่ไปเที่ยวด้วยนะ ปู่อยากไปเลี้ยงปลาในโอ่งดูบ้าง” อมรนึกสนุกไปด้วย เขาเองก็ไม่ได้เดินทางไปเที่ยวต่างจังหวัดหลายปีแล้ว เพราะต้องดูแลงานในบริษัทฯ ด้วยตัวเอง เคยคิดหวังไว้ว่าจะให้ลูกชายคนใดคนหนึ่งมาสืบทอดธุรกิจที่มีมูลค่ามหาศาลแทน แต่จากที่เห็นในตอนนี้ คงไม่มีคนไหนอยากรับช่วงต่อ คนหนึ่งก็เป็นหมอ อีกคนก็เป็นครู มีอุดมการณ์ด้วยกันทั้งคู่ อมรจึงต้องตั้งหน้าตั้งตาทำงานต่อไปจนกว่าจะถึงวันที่ลูกชายยอมเปลี่ยนใจมาสืบสานงานต่อ

อารีย์อยู่รอพบอคิราห์ผู้สวมบทพ่อของโอโซน และก็เห็นว่าเขาเป็นชายหนุ่มหน้าตาดี หน้าที่การงานเยี่ยม แต่ค่อนข้างเย็นชา ถือตัว ไม่ค่อยมีรอยยิ้ม แถมยังบังอาจดุหลานสุดที่รักของเธอด้วย ต่างจากอชิระผู้เป็นน้องชาย คนนั้นเมื่อรู้ว่าเธอเป็นแม่ของปัณฑารีย์ก็กุลีกุจอต้อนรับ พูดจาน่ารักนุ่มนวล อัธยาศัยดี ประจบเอาใจ ที่สำคัญคือตามใจโอโซนทุกอย่าง จนเธอรู้สึกว่าถ้าชายหนุ่มคนนี้เป็นพ่อของโอโซนก็คงดีไม่น้อย

เมื่อกลับถึงบ้านลูกสาว อารีย์ชื่นชมอชิระให้ฟังไม่หยุดปาก จนหญิงสาวต้องเดินหนีแต่ไม่วายที่แม่จะตามไปพูดกรอกหู หวังว่าลูกสาวจะมีใจโอนเอียงมาหาหนุ่มคนน้อง

“พ่อเดย์น่ารัก แถมดูรักลูกของแกมากด้วย ตามใจทุกอย่างต่างกับคนพี่ ดุหลานฉันจนหงอ เห็นแล้วฉันละหมั่นไส้ พ่อหรือก็ไม่ใช่ กล้ามาดุหลานฉัน” อารีย์ทำหน้าขึงขังจริงจัง

“ก็ดีแล้วนี่แม่ที่เขากล้าดุ ถ้าโอโซนทำผิดแล้วไม่มีใครดุว่า เอาแต่ตามใจ โอโซนก็จะไม่ได้เรียนรู้ว่าสิ่งไหนผิดสิ่งไหนถูก แม่ควรจะดีใจนะคะที่พี่ซันทำตัวเป็นพ่อ ไม่ใช่ทำตัวเป็นเพื่อน” หญิงสาวพูดเข้าข้างอคิราห์ และแอบแขวะหนุ่มอีกคนที่แม่ปลื้มนักหนา

“แต่เขาก็ไม่ใช่พ่อจริงๆ สักหน่อย ไม่ต้องจริงจังขนาดนั้นก็ได้” คำพูดของแม่ทำให้ปัณฑารีย์ชะงัก เธอกำลังลืมไปแล้วว่าเขาไม่ใช่พ่อแท้ๆ ของลูก แล้วยังออกหน้าปกป้องเขาจนทำให้แม่หมั่นไส้

หลังจากวันนั้นอารีย์ก็เอาแต่เป่าหูเธอเรื่องความน่ารักของอชิระ แถมหนุ่มตัวแสบยังเดินหน้าทำคะแนนด้วยการซื้อข้าวของมาฝากแม่ของเธอแทบทุกวัน จนต้องออกปากห้าม แต่ชายหนุ่มก็ไม่สนใจยังทำหน้าที่เพื่อนลูกสาวที่แสนดี พาแม่ปัณฑารีย์ไปเที่ยวก่อนกลับต่างจังหวัด ยิ่งทำให้อารีย์ประทับใจปลาบปลื้มมากกว่าเดิม ก่อนกลับยังฝากฝังให้เขาช่วยดูแลลูกสาวและหลานชายสุดที่รักแทนด้วย

“ไม่ต้องห่วงนะครับคุณแม่ ผมจะดูแลโอโซนเหมือนลูกชายของตัวเองเลยครับ” หนุ่มหล่อรับปากแข็งขัน ทำให้คนแก่สบายใจ ในขณะที่ตัวลูกสาวหนักใจอย่างบอกไม่ถูก

 

“ฝากตรวจสอบหน่อยนะ ถ้ารู้เรื่องเมื่อไหร่รีบโทรมาบอกด้วยล่ะ ขอบใจนะ…” ตีรณากดวางสายก่อนจะวางมือถือลงบนโต๊ะ สีหน้าของเธอเคร่งเครียดจนเห็นได้ชัด

นับตั้งแต่วันที่เจอว่าคู่หมั้นต้องรับบทบาทหน้าที่เป็นพ่อจำเป็นให้กับลูกชายของปัณฑารีย์ เธอก็ส่งคนมาแอบสอดส่องที่บ้านของอคิราห์ ภาพความสุขสนุกสนานในบ้านหลังนี้ที่มีปัณฑารีย์และลูกร่วมอยู่ด้วย ทำให้เธอปวดใจ แม้จะเป็นคู่หมั้นของลูกชายคนโตของบ้าน แต่เธอก็ไม่มีความใกล้ชิดสนิทสนมกับคนในบ้านแม้แต่น้อย ทุกครั้งที่เข้ามาเยี่ยมเยือน หญิงสาวจะได้รับการดูแลเหมือนกับเป็นแขกคนหนึ่ง ไม่ใช่ว่าที่ลูกสะใภ้ที่สามารถเข้านอกออกในได้อย่างไม่ขัดเขิน ผิดกับปัณฑารีย์ที่เพิ่งรู้จักกับครอบครัวของอคิราห์ได้ไม่นาน แต่กลับคุ้นเคยกับทุกคนในบ้านมากกว่าเธอ แม้แต่กับแม่บ้านหรือคนสวน แม่ของโอโซนก็สนิทสนมเป็นอย่างดี

และไม่ใช่แค่เพียงความสัมพันธ์ของปัณฑารีย์กับคนในบ้านเท่านั้นที่ทำให้เธอกังวลใจ แต่ความเหมือนหลายๆ อย่างของโอโซนกับผู้ชายในบ้านนี้ ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจ วันที่เด็กน้อยเข้าโรงพยาบาลเพราะมีอาการแพ้ถั่วปากอ้า เธอขอให้เพื่อนช่วยเช็กประวัติของโอโซนว่าพ่อของเด็กเป็นใคร แต่ข้อมูลที่ได้กลับมาทำให้หญิงสาวหวั่นไหว มีบางเรื่องที่สะดุดใจจนทำให้เธอหมกมุ่นครุ่นคิดอยู่หลายวัน ในที่สุดก็ตัดสินใจให้เพื่อนที่ทำงานในโรงพยาบาลต่างประเทศ ช่วยตรวจสอบข้อมูลบางอย่างที่อาจเปลี่ยนชีวิตของใครหลายคนไปตลอดกาล



Don`t copy text!