ลูกไม้เกี่ยวรัก บทที่ 19 : โอ้ทะเลแสนเศร้า

ลูกไม้เกี่ยวรัก บทที่ 19 : โอ้ทะเลแสนเศร้า

โดย : นวาภัส

Loading

ลูกไม้เกี่ยวรัก โดย นวาภัส นวนิยายโรแมนติกคอมเมดี้ (เล็กๆ) เรื่องราวของหญิงสาวสุดแกร่งที่ชีวิตนี้ขอมีลูก โดยไม่ต้องมีสามี แล้วใครเล่าจะเข้าใจเธอ พบกับความอลหม่านของสองแม่ลูกคู่ป่วนใน “ลูกไม้เกี่ยวรัก” ได้ในเพจอ่านเอา และ เว็บไซต์อ่านเอา anowl.co

อชิระทำสวนไปร้องเพลงไปสบายใจ สีหน้าที่มีความสุขจนล้นสร้างความประหลาดให้อมร ตั้งแต่สองพี่น้องโตเป็นหนุ่ม ลูกชายทั้งสองคนก็ไม่เคยแตะต้องสวนอีกเลย ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพ่อกับคนสวน แล้วจู่ๆ ลูกชายคนเล็กกลับคึกขึ้นมา ลงมือทำสวนเปลี่ยนต้นไม้ใหม่ด้วยตัวเองตั้งแต่เช้า แล้วยังไม่มีทีท่าว่าจะเลิก จึงเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของคนเป็นพ่อ จนอดรนทนไม่ไหวเข้าไปถามเพื่อให้หายข้องใจ

“พรุ่งนี้โลกจะแตกหรือไง แกถึงมาขุดดินทำสวนเอง”

“โธ่พ่อครับ โลกของผมตอนนี้มีแต่สีชมพูเต็มไปหมด เอาอะไรมาโลกแตก” ลูกชายยิ้มให้พ่อ ก่อนจะยกถุงกุหลาบมาใส่หลุมที่ขุดเสร็จแล้ว

ชายสูงวัยมองดูต้นไม้จำนวนมากที่อชิระขนซื้อมา เขาเพิ่งสังเกตเห็นว่าดอกไม้ทุกกระถางมีดอกเป็นสีชมพูทั้งหมด ทั้งกุหลาบ ยี่โถ แพงพวย ไฮเดรนเยีย ไหนยังจะมีพวงชมพูอีก

“แกเป็นอะไรหรือเปล่าเจ้าเดย์ เมื่อวานล้มหัวกระแทกพื้นหรือเปล่า ไหนให้พ่อดูสิ” อมรเข้าไปจับหัวลูกชายแกล้งทำเป็นหาร่องรอยบาดแผล

อชิระจับมือพ่อออกแล้วยิ้มอย่างมีความสุข ดวงตาเป็นประกาย เป็นรอยยิ้มที่คนเป็นพ่อเห็นแล้วรู้สึกอยากยิ้มไปด้วย อมรเห็นแล้วรู้เลยว่าลูกชายคนเล็กกำลังมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้น

“พ่อครับ เดย์จะได้แต่งงานแล้วนะ” อชิระบีบมือพ่อแน่น ตื่นเต้นจนไม่อยากเก็บไว้คนเดียวอีกแล้ว

“จริงเหรอเจ้าเดย์ นี่หนูปันเขายอมแต่งงานกับแกแล้วเหรอ” อมรพลอยตื่นเต้นไปด้วย

“ครับ เมื่อวานปันโทรมาบอกว่ากลับจากหัวหินแล้ว จะบอกความจริงกับโอโซนเรื่องที่เดย์เป็นพ่อของเขา แล้วเราก็จะแต่งงานกันครับ” ชายหนุ่มดึงพ่อไปกอดแน่น ทั้งดีใจและปลื้มใจ ในที่สุดความปรารถนาของเขาก็เป็นจริงเสียที

อมรกอดตอบลูก รู้สึกตื่นเต้นดีใจไปด้วย ที่ลูกชายคนเล็กจะได้เป็นฝั่งเป็นฝาไปกับผู้หญิงที่เขารัก เหลือเพียงลูกชายคนโตเท่านั้น เมื่อคิดถึงอคิราห์ คนเป็นพ่อก็อดหวั่นใจไม่ได้ ถ้าอคิราห์รู้ว่าน้องชายกำลังจะแต่งงานกับปัณฑารีย์ ผู้ชายที่ใครๆ คิดว่าไม่มีหัวใจ จะทนได้ไหมที่ต้องสูญเสียผู้หญิงอันเป็นที่รัก

คนเป็นพ่อรู้ดีว่าอคิราห์คือคนที่อ่อนไหวมาก เขาซ่อนทุกอย่างไว้เบื้องหลังใบหน้าเย็นชา ชอบเก็บความรู้สึกไว้เพียงลำพัง ไม่เคยเอ่ยปากบอกใครไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ อมรยังจำได้ดีหลังจากที่วรรณวิภา แม่ของอคิราห์ทิ้งไป ลูกชายที่เคยเป็นเด็กร่าเริง พูดเก่ง ก็กลายเป็นคนเงียบขรึม เก็บตัว ไม่พูดไม่จา ตั้งแต่วันนั้นเขาไม่เคยเห็นรอยยิ้มของลูกชายอีกเลย จนกระทั่งอยู่มหาวิทยาลัย อคิราห์ถึงเริ่มมีรอยยิ้มอีกครั้ง ซึ่งเขาเดาได้ว่า ลูกชายน่าจะกำลังมีความรักครั้งแรก และไม่นานรอยยิ้มนั้นก็เลือนหายไปอีกรอบ

 

“อาจารย์ปันคะ คืนนี้ทางทีมงานมีเลี้ยงขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ห้องอาหารริมทะเลนะคะ สองทุ่มเจอกันค่ะ ตอนนี้เชิญอาจารย์ไปพักผ่อนก่อนได้เลยค่ะ” ทีมงานสาวหล่อเดินมาบอกปัณฑารีย์ ก่อนที่จะไปบอกกับตีรณาซึ่งกำลังนั่งเคลียร์เอกสารอีกมุมหนึ่งของห้องสัมมนา

หญิงสาวเดินกลับไปที่ห้องพัก คิดว่าจะนอนพักสักชั่วโมงแล้วค่อยลุกมาอาบน้ำเตรียมไปงานเลี้ยง แต่เมื่อเดินมาถึงหน้าห้องพัก ก็เห็นอคิราห์นั่งรออยู่

“พี่ซัน มีอะไรหรือเปล่าคะ หรือว่ามาผิดห้อง” หญิงสาวไม่รู้ตัวเองเลยว่ากำลังพูดประชดออกมาด้วยความน้อยใจ

“ไม่ผิดหรอก พี่มารอปัน” รอยยิ้มละมุนบนใบหน้าหล่อราวเทพบุตร ทำให้หัวใจน้อยๆ ของหญิงสาวแทบละลาย ทั้งที่ตั้งใจแล้วว่าจะลบเขาออกจากหัวใจ

“แต่ถ้าคุณตีรณามาเห็นเข้า เธอจะเข้าใจผิดนะคะ เดี๋ยวพี่ซันไปรอปันที่สระว่ายน้ำดีกว่าค่ะ ปันเปลี่ยนเสื้อผ้าแป๊บนึง แล้วจะตามไปค่ะ” พูดจบก็ไขกุญแจเปิดประตูเข้าห้องไป โดยไม่รอให้เขาตอบรับหรือปฏิเสธ

ชายหนุ่มมองหญิงสาวสายตาละห้อย เขาแค่หาเรื่องมาคุยกับเธอเพราะอยากอยู่ใกล้ๆ แต่เมื่อเธอมีเหตุผล เขาก็ต้องทำตามที่เธอต้องการ อคิราห์จึงต้องเดินไปรอที่สระว่ายน้ำ ซึ่งตอนนี้มีแขกมาใช้บริการไม่มาก เพราะเป็นวันธรรมดาไม่ใช่วันหยุด

อคิราห์เลือกนั่งห่างจากผู้คน เป็นโต๊ะที่อยู่ใต้ต้นลีลาวดีใหญ่ ร่มรื่น เย็นสบาย ดอกลีลาวดีสีขาวร่วงหล่นมาบนโต๊ะ ชายหนุ่มมองดอกไม้นั้นด้วยใจหดหู่ แม้จะถูกเปลี่ยนชื่อใหม่ให้ไพเราะและเป็นมงคล แต่อย่างไรเสียในความทรงจำของผู้คน ดอกไม้นี้ก็คือดอกลั่นทม ดอกไม้แห่งความเศร้าที่เหมือนกับตัวเขาในยามนี้

ตีรณาที่กำลังแหวกว่ายอยู่ในสระว่ายน้ำ เห็นอคิราห์นั่งเหงาๆ อยู่ที่ริมสระ เธอดีใจคิดว่าเขามานั่งรอ แต่ตอนนั้นเองที่สายตาเหลือบไปเห็นปัณฑารีย์กำลังเดินมาทางสระว่ายน้ำ เธอจึงรู้ว่าทั้งสองคนคงนัดกันไว้ หญิงสาวอยากปั่นหัวคู่แข่งเล่น จึงรีบขึ้นจากสระว่ายน้ำตรงเข้าไปหาหนุ่มหล่อทันที

“ซันมารอตี้เหรอคะ น่ารักจังเลย คิดว่าแอบไปนอนหลับแล้วซะอีก” หญิงสาวในชุดว่ายน้ำทูพีชเซ็กซี่ถือเสื้อคลุมของโรงแรมมานั่งลงข้างเขา

ชายหนุ่มอึ้ง ถ้าบอกว่าไม่ได้รอเธอ แต่กำลังรอผู้หญิงอีกคน ก็จะทำให้ตีรณาเสียหน้าและอาจทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นได้ เพราะเขารู้ดีว่าคนอย่างตีรณาเสียอะไรก็ได้แต่ต้องไม่ใช่เสียหน้า

“เปล่าหรอกผมแค่มานั่งเล่น” เขาพูดเลี่ยงๆ ไม่ให้กระทบใจ

“แหม จะพูดเอาใจกันหน่อยก็ไม่ได้ พูดตรงแบบนี้ตี้เสียใจนะ” หญิงสาวขยับตัวจนชิดและกอดแขนชายหนุ่มไว้ ร่างกายที่แทบไร้อาภรณ์เบียดแนบกับตัวชายหนุ่ม

อคิราห์รู้สึกตะขิดตะขวงใจ จึงดึงมือตีรณาออกและลุกขึ้น หญิงสาวรีบลุกตามสวมเสื้อคลุม กันประเจิดประเจ้อต่อหน้าคนอื่น

“ผมไปพักผ่อนก่อนนะ แล้วเย็นๆ ค่อยเจอกัน”

“ตี้ก็ว่ายน้ำจนเหนื่อยแล้ว ว่าจะไปนอนพักสักหน่อยเหมือนกันค่ะ ไปค่ะ” สาวสวยกอดแขนชายหนุ่มแน่น แล้วดึงตัวเขาไปด้วยกัน อคิราห์จำใจเดินตามไป คิดว่าเดี๋ยวค่อยออกมาหาปัณฑารีย์ แต่เขากลับเห็นหญิงสาวยืนมองอยู่ไกลๆ และเธอก็สะบัดหน้าเดินหนีไปทางเดิม อคิราห์ใจวูบ อยากจะเข้าไปปรับความเข้าใจว่าไม่ใช่อย่างที่เธอเห็น แต่ก็สลัดตีรณาไม่ออก

เมื่อส่งตีรณาไปที่ห้องพัก เขาก็รีบพุ่งไปหาปัณฑารีย์ที่ห้องทันที แต่เรียกเท่าไรเธอก็ไม่ยอมออกจากห้อง ชายหนุ่มนั่งรออยู่สักพัก เมื่อมั่นใจว่าต่อให้รอนานแค่ไหนหญิงสาวก็ไม่มีวันออกมาพบหน้าเขา อคิราห์จึงเดินคอตกกลับห้องของตัวเอง

 

เสียงเพลงบลูส์ของนักร้องไทยที่เคยโด่งดังในอดีตดังหวานแว่วมาจากวงดนตรีที่ทางโรงแรมจ้างมาเป็นพิเศษสำหรับค่ำคืนปาร์ตี้ริมหาด เจ้าหน้าที่เกือบสามสิบคนแต่งตัวสบายๆ มาร่วมกินดื่มสังสรรค์อย่างสนุกสนาน อาหารจำนวนมากตั้งไว้บนโต๊ะบุฟเฟต์ แล้วยังมีบาร์บิคิวที่ตอนนี้มีคนอาสายืนย่างอยู่สองสามคน

ปัณฑารีย์ในเสื้อเชิ้ตตัวยาวสีขาวผ้าพลิ้วกับกางเกงขาสั้นสีดำ เดินเข้าไปในงานเลี้ยง เจ้าหน้าที่สาวหล่อคนเดิมรีบวิ่งมาต้อนรับและกุลีกุจอหาที่นั่งให้เธอ

“อาจารย์ปันตามสบายเลยนะคะ ถ้าอยากได้อะไรเป็นพิเศษบอกโอ๋นะคะ เดี๋ยวโอ๋จัดการให้” สาวหล่อวางน้ำส้มตรงหน้าหญิงสาว พร้อมส่งยิ้มกรุ้มกริ่มให้อาจารย์สาว

“ขอบคุณนะคะ” เธอขอบคุณพร้อมรอยยิ้มตามมารยาท

“ผมขอเบียร์สักแก้วได้มั้ยครับ” เสียงนุ่มทุ้มของอคิราห์นำหน้ามาก่อนตัว

สาวหล่อหันมามอง ยิ้มให้ชายหนุ่มน้อยๆ รู้สึกขัดใจที่มีก้างขวางคอ

“ได้ค่ะ เดี๋ยวโอ๋ไปเอามาให้นะคะ” พูดจบก็เดินออกไปเอาเบียร์มาให้หนุ่มหล่อ และปลีกตัวไปย่างบาร์บิคิวกับสาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มแทน

“คุณตี้ยังไม่มาเหรอคะ” ปัณฑารีย์ชะเง้อมองด้านหลังของอคิราห์ ซึ่งมีแต่ความว่างเปล่า

“พี่ก็ยังไม่เจอเลย แล้วจะถามถึงเขาทำไม อยากเจอเขาเหรอ” หนุ่มหล่อยกแก้วเบียร์ขึ้นจิบ รสขมเฝื่อนของเบียร์เย็นๆ ทำให้เขาสดชื่นขึ้น คนขมขื่นอย่างเขาก็ต้องดื่มเบียร์นี่แหละถึงจะเข้ากับอารมณ์ในตอนนี้

“แล้วเมื่อเย็นทำไมไม่เปิดประตูให้พี่ ปล่อยให้เรียกตั้งนาน” เขาตัดพ้อ

“ปันหลับไปแล้วค่ะ ขี้เกียจลุกมาเปิด” เธอโกหกออกไป

“กินอะไรหรือยัง พี่ไปเอาให้นะ” เขาลุกขึ้นไปตักอาหารสำหรับสองคน โดยไม่ต้องถามว่าเธออยากกินอะไร

“นี่กุ้งอบวุ้นเส้น ยำไข่แมงดา หอยหวาน” เขาวางจานอาหารลงตรงหน้าเธอ หญิงสาวแปลกใจเมื่อสิ่งที่เขามาวางไว้ให้ คือของโปรดของเธอทุกอย่าง

“พี่รู้ได้ยังไงคะว่าปันชอบกินของพวกนี้”

“พี่ก็แค่สังเกตตั้งแต่ตอนเรียนแล้ว ว่าปันชอบอะไรไม่ชอบอะไร” เขายิ้มเศร้าขณะที่ใช้ช้อนเขี่ยใบตั้งโอ๋ออกจากจานยำ และกุ้งอบวุ้นเส้น

“รู้ด้วยเหรอคะว่าปันไม่ชอบใบตั้งโอ๋” หญิงสาวถามด้วยความสงสัย

“รู้สิ เพราะพี่เห็นปันเขี่ยออกทุกครั้งที่กินยำ” เขาจ้องเข้าไปในดวงตาสวยเหมือนจะให้ทะลุเข้าไปถึงหัวใจของเธอ

ปัณฑารีย์รู้สึกอุ่นวาบในหัวใจที่รู้ว่าอคิราห์ใส่ใจเธอมากถึงเพียงนี้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยแสดงออกมาเลยสักครั้ง

“ซันคะ ทำไมไม่เรียกตี้มาพร้อมกันล่ะ อุตส่าห์แต่งตัวรอตั้งนาน” ตีรณาในชุดเดรสยาวสายเดี่ยวผ้าพลิ้ว ลายโบฮีเมียนสวยเก๋ เดินทำหน้ากระเง้ากระงอดเข้ามานั่งข้างๆ อคิราห์ แล้วเหลือบมองหญิงสาวฝั่งตรงข้ามด้วยสีหน้าไม่พอใจ

อคิราห์ไม่ตอบแต่ขยับเก้าอี้ออกห่างจากตีรณา เพราะกลัวหญิงสาวจะเอาแต่เกาะแกะเขาจนปัณฑารีย์เข้าใจผิดอีก แต่ยิ่งชายหนุ่มทำท่าเหมือนไม่อยากอยู่ใกล้ ตีรณาก็ยิ่งขัดเคืองใจ อยากเอาชนะทั้งสองคน

คืนนั้นตีรณาจึงไม่ยอมออกห่างจากอดีตคู่หมั้น คอยเอาอกเอาใจดูแลใกล้ชิด จนอคิราห์เองยังแปลกใจ ปกติตีรณาเป็นคนที่ดูแลเอาใจใครไม่เป็น เพราะเธอเป็นผู้หญิงยุคใหม่ที่มุ่งมั่นทำงานมากกว่าให้เวลากับผู้ชาย แม้แต่ตอนที่เป็นคู่หมั้นกัน หญิงสาวก็ไม่เคยเอาใจ ซึ่งถือเป็นข้อดีที่ทำให้ชายหนุ่มไม่รู้สึกอึดอัดมากเวลาที่ต้องออกงานร่วมกัน ต่างคนต่างดูแลตัวเอง แต่ตอนนี้ตีรณาทำตัวเหมือนผู้หญิงส่วนใหญ่ที่เกาะติดผู้ชายแจจนน่ารำคาญ

“นี่คุณ ผมว่าเลิกทำตัวประหลาดแบบนี้ได้แล้วนะ ผมอึดอัด” พอมีโอกาส อคิราห์ก็กระซิบบอกกับตีรณาตรงๆ เพราะรู้ว่าเจตนาของหญิงสาวคือต้องการสร้างความเข้าใจผิดให้ปัณฑารีย์

“ประหลาดตรงไหนคะ ตี้ก็แค่ผู้หญิงขี้เหงาที่อยากอยู่ใกล้ใครสักคน ถือซะว่าสานฝันให้ตี้ครั้งสุดท้ายก็แล้วกันนะคะ” เธอแกล้งยียวนกวนประสาทเขา

“ผมรู้นะว่าคุณต้องการอะไร”

“รู้แล้วก็ดีสิคะ ร่วมมือกันหน่อยนะ จะได้จบไวๆ” สาวสวยยิ้มหวาน แต่แฝงความร้ายกาจไว้

อคิราห์ไม่รู้ว่าจะต้องพูดอะไรอีกเพื่อให้อดีตคู่หมั้นปล่อยเขาเสียที แต่ยิ่งพูดก็ยิ่งเหนื่อยใจ เพราะยังไงเธอก็ไม่ให้ความร่วมมือ ยังคงทำทุกอย่างเพื่อทำร้ายจิตใจฝ่ายตรงข้าม จนในที่สุดเป็นปัณฑารีย์ที่ทนไม่ไหวแอบออกไปจากงานเลี้ยงเงียบๆ

เสียงคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่งกลบเสียงสะอื้นของปัณฑารีย์ หัวใจของเธอกำลังเจ็บปวดร้าวราน สิ่งที่เธอตั้งใจไว้เมื่อคืนว่าจะร้องไห้เป็นวันสุดท้าย พอเจอภาพบาดตาบาดใจ น้ำตากลับไหลรินออกมาไม่ยอมหยุด เธอทรุดตัวลงนั่งบนผืนทราย เสียงสะอื้นหายไปเหลือเพียงหยาดน้ำตาที่ยังคงไหลอาบแก้ม ดวงตาสวยบวมช้ำ

“มาอยู่นี่เอง พี่ตามหาแทบแย่” อคิราห์เดินตามหาปัณฑารีย์เกือบทั่วทั้งโรงแรม คิดว่าเธออาจกลับไปที่ห้องพักแล้ว แต่เมื่อไปถึงก็เห็นไฟมืดสนิท เครื่องปรับอากาศยังไม่ทำงาน เขาจึงออกมาตามหาเธอตามชายหาด จนในที่สุดก็เจอหญิงสาวนั่งปล่อยใจอยู่เพียงลำพังในความมืด

“มานั่งมืดๆ คนเดียวแบบนี้มันอันตรายนะ” เขาถือวิสาสะนั่งลงเคียงข้างหญิงสาว แต่เธอกลับผุดลุกจะเดินหนี ชายหนุ่มจึงรีบจับแขนของเธอรั้งไว้

“โกรธพี่เรื่องคุณตี้เหรอ” นิสัยที่ไม่ชอบพูดอ้อมค้อมบวกกับฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปพอสมควร ทำให้เขากล้าถามออกมาตรงๆ

“เปล่าค่ะ ปันง่วงนอน ขอตัวนะคะ” หญิงสาวเบือนหน้าหลบเพราะไม่อยากให้เขาเห็นร่องรอยน้ำตาที่มาจากความอ่อนแอ

แต่ก็ไม่อาจหลบซ่อนจากคนตาดีได้ อคิราห์จับใบหน้าหญิงสาวให้หันมาเผชิญหน้ากับเขา คราบน้ำตาบนดวงหน้าสวยของเธอทำให้ชายหนุ่มขมขื่น เพราะรู้ดีว่าสาเหตุมาจากตัวเอง

“ปันร้องไห้…เพราะพี่เหรอ” เขาเสียงอ่อนลง รู้สึกผิดที่ทำให้ผู้หญิงที่ตัวเองรักเสียใจ

“ไม่ใช่ค่ะ ปันร้องไห้เพราะแค่อยากระบายสิ่งแย่ๆ ในใจทิ้งไป” เธอพยายามดึงตัวเองให้หลุดจากอุ้งมือแข็งแกร่งของชายหนุ่ม แต่ไม่สำเร็จ

“ปัน พี่ขอโทษนะที่ทำให้ปันเสียใจ แต่พี่ไม่ได้มีอะไรกับคุณตี้จริงๆ นะ เธอก็แค่อยากปั่นหัวพวกเราเล่น” อคิราห์พยายามอธิบาย แต่ดูเหมือนปัณฑารีย์จะไม่สนใจเหตุผลของเขา

“คุณตีรณาไม่ได้ทำให้ปันเข้าใจพี่ผิดหรอกค่ะ เพราะเราสองคนไม่เคยเป็นอะไรกัน และจะไม่มีวันเป็น”

“ถึงปันจะพยายามพูดให้พี่เสียใจ แต่พี่รู้ว่าเราสองคนใจตรงกัน ในใจของพี่มีแค่ปันเท่านั้น ไม่ว่าจะผ่านมานานแค่ไหน ผู้หญิงที่พี่รักมีแค่คนเดียว…คือปัน” ชายหนุ่มสารภาพรักออกมาทั้งที่ไม่เคยคิดว่าจะพูดคำนี้กับใครได้ แต่เมื่อกาลเวลาพิสูจน์แล้วว่าหัวใจของเขามีเพียงปัณฑารีย์เท่านั้น และเขาก็กำลังจะเสียเธอไปให้น้องชาย ถ้าไม่ชิงสารภาพตอนนี้ก็คงไม่มีโอกาสอีกต่อไป

ปัณฑารีย์ตะลึง แทบไม่เชื่อหูตัวเองว่าจะได้ยินคำว่ารักจากปากชายหนุ่มผู้แสนเย็นชา คนที่เคยหักอกเธอจนยับเยิน ทั้งที่เคยคิดว่ามีใจตรงกัน

“แล้วทำไมวันนั้น พี่ซันถึงปฏิเสธปันล่ะคะ ทั้งที่ปันคิดว่าพี่เองก็ชอบปัน” เธอมองตาคมกริบของเขา รอคำตอบที่ติดค้างอยู่ในใจมาหลายปี

“ตอนนั้นพี่กำลังสับสน ทั้งเรื่องเรียนและเรื่องปัน พี่กำลังจะเป็นหมออินเทิร์นต้องไปอยู่โรงพยาบาลที่ต่างจังหวัด เลยคิดว่าตัวเองยังไม่พร้อมที่จะดูแลใคร กลัวว่าจะทำให้ปันเสียใจ ตอนนั้นพี่มันโง่เองที่ปฏิเสธความรักของปันโดยไม่อธิบายอะไรเลย ก็สมควรแล้วถ้าวันนี้ปันจะเกลียดพี่” เขาเสียงสั่นเครือ ทั้งเสียใจและทรมานใจกับเรื่องผิดพลาดที่ทำลงไปในอดีต ทำลายความรักทั้งของตัวเองและคนที่รักที่สุด

“ปันไม่เคยเกลียดพี่ซันเลย แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันสายเกินไปแล้วค่ะ” น้ำตาเจ้ากรรมไหลออกมาอีกครั้ง

“ไม่สิ ต้องไม่สาย พี่พร้อมทำทุกอย่างเพื่อปันกับโอโซน ให้โอกาสพี่นะปัน” เขาดึงร่างบางของเธอมากอดไว้แนบอก ไออุ่นของชายหนุ่มส่งต่อไปที่ปัณฑารีย์ แต่แทนที่อ้อมกอดของเขาจะช่วยเยียวยาหัวใจเธอ กลับทำให้ยิ่งเจ็บช้ำทรมานมากขึ้น

“มันสายไปแล้วค่ะ ปันตกลงแต่งงานกับคุณเดย์แล้ว” พูดจบเธอก็ร้องไห้โฮออกมาในอ้อมอกแข็งแกร่งของเขา ทำไมถึงมาบอกเธอเอาป่านนี้ ทั้งที่เธอรอเขามาตลอด

อคิราห์ชะงักนิ่ง มึนงงเหมือนถูกก้อนหินทุบหัว เมื่อได้ยินว่าหญิงสาวตอบรับคำขอแต่งงานของน้องชายไปแล้ว เพราะมัวแต่อ้ำอึ้งลังเล ไม่กล้าที่จะบอกความรู้สึกของตัวเองออกไป ทำให้ทุกอย่างพังทลาย ชายหนุ่มยิ้มเยาะให้กับความขลาดเขลาของตัวเอง

“ปัน จะแต่งงานกับเดย์เหรอ” เสียงของเขาเบาหวิวเหมือนปุยนุ่นที่ล่องลอยไปแสนไกล

“ค่ะ…” หญิงสาวตอบได้แค่นั้น เธอพูดอะไรไม่ออกอีกต่อไป ในใจเจ็บปวดจนเกินทน

หญิงสาวผละเดินจากไป หนุ่มหล่อหมดเรี่ยวแรงทรุดตัวลงกองกับผืนทรายเย็นเฉียบ แต่ก็ไม่เท่ากับหัวใจที่แสนเหน็บหนาวของเขาในตอนนี้ น้ำตาลูกผู้ชายไหลลงมา สังเวยความทุกข์ระทมที่ต้องสูญเสียความรัก และไม่มีวันได้กลับคืนมาอีกแล้ว



Don`t copy text!