
ยามเสียงเพรียกหา บทที่ 16 : ความรักที่ซุกซ่อน
โดย : สิรี กวีผล
ยามเสียงเพรียกหา นวนิยายจากโครงการอ่านเอาก้าวแรกปี 4 โดย สิรี กวีผล เรื่องราวความหลงใหลในเสียงดนตรีและความเข้าใจผิดจนกลายเป็นแรงอาฆาตแค้น บทเพลงรักจะกลายเป็นบทเพลงแค้น ทำนองรักจะกลายเป็นเศร้าเคล้าน้ำตาอย่างไร ติดตามกันได้ในเว็บไซต์ anowl.co
สองข้างทางวันนี้สภาพการจราจรเคลื่อนตัวได้ดี ไม่หนาแน่นเท่าไร คีตะขับรถมาตามทางกำลังจะถึงบ้าน เขาขับผ่านสวนสาธารณะเห็นรถพี่ชายตัวเองจอดอยู่ไกลๆ คิดว่าน่าจะใช่ เขาชะลอรถเพื่อดูป้ายทะเบียน คีตะสงสัยว่าพี่ชายมาทำอะไรที่สวนสาธารณะ เขาจอดรถมองเข้าไปในสวนเห็นพี่ชายกำลังนั่งอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่ง กำลังกอดกันอยู่หญิงสาวหันหน้ามาพอดี สลิลทิพย์กำลังกอดกับพี่ชายของเขา
คีตะหัวร้อนขึ้นมาทันที ในใจว้าวุ่น หัวใจเต้นแรงแทบจะหลุดออกมา ความรู้สึกโกรธสะสมอยู่เต็มอก ความไม่เข้าใจปะทุขึ้น ความหุนหันพันแล่นของเขาเกินจะต้านทาน สลิลทิพย์ขอห่างจากเขา ไม่กล้าสู้หน้าครอบครัวเขา แต่ภาพที่เห็นตอนนี้คีตะไม่อยากจะคิดเป็นอย่างอื่น ไม่รอช้าเขาลงจากรถเดินเข้าไปหาทั้งสองคน เขาคว้าแขนคณณัฐที่กำลังสลบอยู่ให้ลุกขึ้น ทันใดนั้นร่างของคณณัฐก็ทรุดลงกับพื้น สลิลทิพย์ตกใจที่เห็นคีตะ
“นี่เหรอที่ขอห่างจากคีร์” คีตะหันไปถามสลิลทิพย์เสียงแข็ง
“คีร์หมายถึงอะไร” สลิลทิพย์ไม่ชอบความใจร้อนของคีตะ
“อย่าคิดว่าไม่มีใครเห็นสิทิพย์ กอดกันกลมขนาดนั้น” คีตะโมโหมาก
สลิลทิพย์ค่อยๆ พยุงคณณัฐให้นั่งดีๆ เขาค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นในสภาพสับสน จำอะไรไม่ได้อีกเช่นเคย เห็นสลิลทิพย์ก็รีบถาม
“พี่เป็นอย่างที่พี่บอกทิพย์ไหม” สลิลทิพย์พยักหน้า คณณัฐจับกระเป๋าเสื้อตัวเองเห็นจี้พระอยู่ข้างในก็เข้าใจได้ว่าสลิลทิพย์ได้เจอกับสิ่งที่เขาเล่าแล้ว “แล้วพี่ทำอะไรทิพย์หรือเปล่า” คณณัฐไม่ได้สังเกตว่าคีตะยืนอยู่ด้านหลัง
“ทำอะไร พี่กอดกันกลมขนาดนั้น” คีตะโผล่งออกมาอย่างโมโห คณณัฐตกใจหันไปเจอน้องชายตนเองยืนอยู่
“พี่ณัฐไม่ได้ทำอะไรทิพย์หรอกค่ะ สบายใจได้ ทิพย์ขอตัวนะคะ” สลิลทิพย์กำลังจะลุกเดินออกไป คีตะคว้าแขนเธอไว้ “ทิพย์คุยกันก่อน”
“ทิพย์ไม่อยากคุยกับคนที่ไม่รู้จักฟังคนอื่น” สลิลทิพย์สะบัดแขนคีตะออก แล้วเดินออกจากสวนสาธารณะไปทันที ปล่อยให้ชายหนุ่มทั้งสองคนมองหน้ากันงงๆ
“อย่าบอกนะว่านายคิดว่าพี่กับทิพย์…” คณณัฐมองหน้าน้องชายตัวเอง ถอนหายใจ กลุ้มใจที่น้องชายของเขาไม่รู้จักโตสักที “ทำไมนายใจร้อนขนาดนี้ โตได้แล้วนะคีร์”
คีตะนั่งลง โกรธที่ตัวเองควบคุมอารมณ์ไม่อยู่จนทำให้เรื่องใหญ่โต คณณัฐกอดคอน้องชาย “พวกเราเคยสัญญากันไว้ว่าเราจะไม่แย่งผู้หญิงคนเดียวกัน นายจำได้ไหม” คณณัฐพูดพลางมองหน้าคีตะ “เพราะฉะนั้นพี่ไม่คิดจะแย่งผู้หญิงของนายเด็ดขาด และนายก็ห้ามแย่งผู้หญิงของพี่ด้วยเข้าใจไหม” คณณัฐจับหัวคีตะส่ายไปมา คีตะรู้สึกโง่มากที่วันนี้เขาไม่ไว้ใจทั้งสลิลทิพย์ทั้งพี่ชายตัวเอง
“ผมจะทำยังไงดี ทิพย์คงเกลียดผมมาก”
“พิสูจน์ตัวเอง นายต้องพยายามเป็นคนที่ดีขึ้นเพื่อตัวนายเองและเพื่อคนที่นายรัก” คณณัฐให้ข้อคิดน้องชาย ใจของเขาแม้จะรักสลิลทิพย์แค่ไหนแต่เมื่อผู้หญิงไม่มีใจ เขาเองก็ต้องยอมรับ ตอนที่เขาหลุดจากผีที่มาสิง คณณัฐสัมผัสได้ว่าริมฝีปากเขามีลิปสติกติดมา แต่เมื่อสลิลทิพย์บอกไม่มีอะไรนั่นก็คงหมายถึงสลิลทิพย์ไม่อยากจะให้คีตะเข้าใจผิดและมองหน้าพี่ชายไม่ติด แค่นี้คณณัฐก็รู้แล้วว่า สลิลทิพย์แคร์ความรู้สึกน้องชายเขามากกว่าใคร
“แล้วพี่ณัฐมาทำอะไรกับทิพย์ที่นี่เหรอครับ”
“พี่มาพิสูจน์ว่าผีเข้าสิงพี่จริงไหม แล้วพี่ก็ได้คำตอบว่า จริง” คีตะตกใจแทบไม่อยากเชื่อ
“จี้พระนี้ช่วยพี่เอาไว้” คณณัฐหยิบให้คีตะดู คีตะหยิบขึ้นมาดูพลิกไปพลิกมาก็ไม่รู้ว่าเป็นพระอะไร
“แล้วทำไมต้องให้ทิพย์มาด้วยล่ะครับ”
“หึงเหรอ” คณณัฐแซว
“ก็นิดนึง” คีตะหัวเราะเบาๆ
คณณัฐมองหน้าคีตะ “เพราะพี่เคยคิดกับทิพย์มากกว่าน้องสาว” คีตะหน้าเหวอ ไม่คิดว่าพี่ชายตัวเองจะพูดตรงๆ “ที่พี่บอกนายเพราะพี่ไม่ได้คิดอะไรกับทิพย์แล้ว และพี่อยากพิสูจน์ พี่เคยตั้งข้อสังเกตตัวเองว่าทำไมพี่ถึงจำอะไรไม่ได้ตอนที่ครอบครัวเรามีเรื่อง พี่คิดย้อนกลับไป พี่เคยคิดถึงทิพย์ว่า พี่อยากดูแลเขาและหลังจากนั้นพี่ก็จำอะไรไม่ได้เลย พี่ก็เลยคิดว่า เพราะวิญญาณที่สิงพี่ต้องมีอะไรที่ผูกพันกับทิพย์แน่ๆ หรือมีจุดประสงค์ที่ต้องการทำให้พี่กับนายเข้าใจผิดกัน” คณณัฐคาดคะเน
“โห พี่ณัฐ ผมเพิ่งรู้ว่าพี่ณัฐเป็นคนละเอียด ช่างสังเกตมาก ต่างจากผมเลย” คีตะมองหน้าคณณัฐเหมือนพี่ชายเป็นไอดอลที่มีออร่าความฉลาดเปล่งประกายอยู่รอบๆ ตัว
“นี่มองพี่เป็นยอดนักสืบหรือยังไง พอเลยๆ มาช่วยกันคิดว่าจะทำยังไงต่อ” คณณัฐเครียดไม่อยากให้ผีสิงตัวเองอีก
“กลับบ้านกันพี่ณัฐ พ่อบอกว่ามีของเก่าโบราณเกี่ยวกับปู่นพ เก็บอยู่ในห้องเก็บเครื่องดนตรีเก่าใต้ตู้เก็บซอด้วง” คณณัฐกับคีตะรีบลุกออกจากสวนสาธารณะและขับรถออกไปทันที
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นภายในห้องพักผู้ป่วย คณินทร์นอนหลับหลังจากกินยา คีตกานต์ได้ยินเสียงโทรศัพท์ก็รีบลุกขึ้นไปรับเพื่อไม่ให้สามีตื่น เธอเห็นเบอร์ที่แสดงบนหน้าจอก็ลังเลขึ้นมาทันที ระบบสั่นของมือถือถูกเปิดขึ้น เจ้าของเครื่องยังไม่ได้ตัดสินใจรับสาย ปลายสายก็ยังไม่วาง
“รับสายช้าจังเลยนะกานต์” เสียงปลายสายคุ้นหูจนเธอไม่กล้าจะตอบ
“ภัทรมีธุระอะไร”
“เย็นชาจัง ภัทรอยากคุยกับกานต์ ออกมาเจอกันหน่อยสิ” คีตกานต์จับเสียงสุทธิภัทรได้ว่าเขาน่าจะดื่มมา น้ำเสียงคล้ายคนกำลังเมา
“มีอะไรก็พูดมาในนี้ กานต์ไม่สะดวก” คีตกานต์ไม่อยากไปพบ
“ผมจะมาลา ฝากกานต์ดูทิพย์ให้ผมด้วยนะ” น้ำเสียงสุทธิภัทรเหมือนคนกำลังคิดสั้น
“อย่ามาพูดอะไรแปลกๆ เธออยู่ที่ไหน” สุทธิภัทรยิ้มเข้าทาง เขารู้ว่าคีตกานต์ต้องใจอ่อนเป็นห่วงเขา คีตกานต์ไม่อยากบอกคณินทร์ให้เป็นห่วง เธอฝากให้พยาบาลบอกสามีของเธอว่าเธอกำลังกลับบ้านไปหาลูกๆ ทันทีที่เขาตื่นขึ้น
ดาดฟ้าของตึกคณะที่คีตกานต์ คณินทร์ สุทธิภัทรเรียนจบมาด้วยกันเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก จากที่เคยเป็นลานกว้างที่นักศึกษาขึ้นมาเล่นดนตรีกันได้ในตอนกลางคืน สุมไฟกัน นั่งคุยกันหยอกล้อสไตล์หนุ่มสาว บัดนี้กลายเป็นลานที่มีของที่ไม่ใช้แล้ววางเก็บกันอยู่หลายมุม ท่อน้ำ แท็งก์น้ำใหญ่ได้ถูกนำขึ้นมาติดตั้งเพิ่มเติม แถมประตูทางออกยังมีป้ายติดห้ามคนนอกเข้าในส่วนที่ไม่ได้รับอนุญาต สุทธิภัทรไม่ได้สนใจป้าย เขาฉีกทิ้งพร้อมทั้งเปิดประตูขึ้นมานั่งสูบบุหรี่ ดื่มเบียร์ อยู่บนลานกว้างคนเดียว เวลาใกล้พลบค่ำ แสงสีส้มประดับประดาเต็มไปทั่วฟ้า ลมหายใจสุดท้ายของพระอาทิตย์กำลังจะดับลง สุทธิภัทรได้ยินเสียงเหมือนคนกำลังขึ้นบันไดมา เขารีบเขี่ยขวดเบียร์ไปไกลๆ ดับบุหรี่ลงทันที
“ภัทรจะทำอะไรน่ะ” คีตกานต์เห็นสุทธิภัทรยืนอยู่บนขอบตึก กำแพงสูงประมาณเอวเป็นที่กั้นสุทธิภัทรเอาไว้ คีตกานต์คิดว่าภัทรจะกระโดดตึกฆ่าตัวตายก็รีบวิ่งเข้าไปกอดเขาจากด้านหลังเพื่อดึงเขาให้ออกห่างจากขอบตึก สุทธิภัทรเล่นใหญ่โวยวายพยายามดิ้นออกจากแรงรั้งของคีตกานต์
“ภัทรไม่เหลือใครแล้ว” สุทธิภัทรดิ้นหลุดจากคีตกานต์ เขาวิ่งไปที่กำแพงและทำท่าเหมือนกำลังจะโดดลงไป คีตกานต์ไม่ยอมแพ้ เธอพุ่งตัวเขาไปคว้าเขาไว้ จนทั้งสองล้มลงที่พื้นไปด้วยกัน สุทธิภัทรทับอยู่บนตัวคีตกานต์พอดี
“ภัทรจะไม่ยอมให้กานต์ไปเป็นของคนอื่นอีกแล้ว” สุทธิภัทรมองหน้าคีตกานต์อย่างหมายมาด
“คิดอะไรอย่างนั้นภัทร ปล่อยกานต์นะ” คีตกานต์ถูกสุทธิภัทรตรึงตัวเองไว้กับพื้น เขาซุกไซ้เธอหมายจะทำให้เธอเป็นของเขา คีตกานต์ร้องให้ปล่อยยังไงเขาก็ไม่ยอม สุทธิภัทรจูบคีตกานต์ด้วยความอยากเอาชนะ มือไม้เริ่มอยู่ไม่สุข เรือนร่างของเธอคือความต้องการของเขาในตอนนี้ คีตกานต์นอนนิ่งร้องไห้ เธอไม่ห้ามสุทธิภัทรแม้แต่น้อย เธอไม่คิดว่าสุทธิภัทรจะทำกับเธอขนาดนี้ เมื่อครั้งก่อนเธอก็เกือบพลาดพลั้ง แต่คณินทร์มาช่วยเธอทัน
“ทำให้มันจบๆ ไปเลยนะภัทร” คีตกานต์พูดทั้งน้ำตา สุทธิภัทรชะงักมองหน้าคีตกานต์
“หยุดทำไมล่ะ อยากได้กานต์มาตลอดเลยไม่ใช่เหรอ ทำต่อสิ” สุทธิภัทรไม่คิดว่าคีตกานต์จะยอมให้เขาได้ง่ายๆ “แล้วให้มันจบวันนี้นะเรื่องระหว่างเรา หลังจากวันนี้ชีวิตกานต์จะไม่มีเพื่อนชื่อภัทรอีก และภัทรก็ไม่ต้องมีเพื่อนอย่างกานต์อีกเลย”
สุทธิภัทรหยุด เขามองหน้าคีตกานต์ สายตาของเธอเอาจริง เธอผลักสุทธิภัทรออกจากตัว จัดแจงเสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทางให้เรียบร้อย สุทธิภัทรนั่งร้องไห้หมดอาลัยตายอยาก เขาพิงกำแพงนั่งทุบหัวตัวเอง ต่อยตัวเอง คีตกานต์เข้าไปนั่งข้างๆ จับมือสุทธิภัทรเอาไว้ ตัวของเขาสั่นระริก
“ภัทรขอโทษนะกานต์ ภัทรทำบ้าอะไรลงไป” สุทธิภัทรร้องไห้หนักมาก “ภัทรส่งกุญแจรถให้ภาไปตาย ภัทรฆ่าคนที่รักภัทรที่สุด” คีตกานต์ดึงตัวสุทธิภัทรเข้ามาปลอบเหมือนเด็กๆ
“ร้องออกมาให้หมดเลยนะภัทร กานต์จะอยู่ตรงนี้ฟังภัทรเอง” คีตกานต์กอดเขา ความอบอุ่นของเธอทำให้เขารู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก “ภาไม่ได้หายไปไหนสักหน่อย ตัวแทนของภาอย่างหนูทิพย์ยังอยู่กับภัทรนะ” สุทธิภัทรนึกถึงหน้าลูกสาวยิ่งรู้สึกผิดเสียใจ
“วันนั้นมันเป็นอุบัติเหตุ กานต์เชื่อนะว่าภารู้และให้อภัยภัทร”
“จริงเหรอกานต์ ภาจะให้อภัยภัทรจริงๆ เหรอ”
“ภารักภัทรจะตาย ผู้หญิงถ้าเขาไม่รักมาก ไม่หึงมากหรอกนะ” คีตกานต์ยิ้มให้สุทธิภัทร เขาเช็ดน้ำตา สะอึกสะอื้นอยู่บ้างเล็กน้อย สุทธิภัทรจับมือคีตกานต์พูดอย่างจริงจัง
“กานต์ ภัทรขอโทษ ภัทรทำเรื่องแย่ๆ ลงไปเยอะมาก ทั้งต่อกานต์และต่อลูก”
“กานต์ไม่โกรธภัทรเลย ถ้าภัทรสัญญาว่าจะไม่ทำแบบนี้กับกานต์อีก และที่สำคัญภัทรต้องไปขอโทษลูกด้วย” คีตกานต์โมโหแทนสลิลทิพย์ที่มีพ่อทำตัวไม่น่ารัก
“ครับแม่” สุทธิภัทรยิ้มได้
“กานต์ขอพูดอะไรกับภัทรสักอย่างนะ กานต์สังเกตพฤติกรรมของภัทรที่เป็นมาตลอดหลายปีเวลามีเรื่องแบบนี้ทีไร ภัทรจะควบคุมตัวเองไม่ได้ กานต์อยากให้ภัทรเปิดใจลองไปปรึกษาคุณหมอดูสักหน่อยเผื่อจะช่วยให้ภัทรเป็นภัทรที่ดีของเพื่อนและพ่อที่ดีของลูกตลอดไป” สุทธิภัทรไม่เถียง เขายอมรับในสิ่งที่เขาเป็น และเขายินดีเปิดใจที่จะรับความช่วยเหลือของทุกคน
“ครับแม่” สุทธิภัทรแซว ทั้งสองคนจับมือประคองกันลุกขึ้นเดินออกจากดาดฟ้า สุทธิภัทรรู้สึกเหมือนร่างที่สองของเขาได้กระโดดลงจากตึกหายไปอย่างราบคาบ เขาได้ลืมตาตื่นขึ้นมองดูท้องฟ้าอย่างชัดเจนอีกครั้ง ไม่มีอะไรมาบังตาเขาได้อีก
“พรุ่งนี้กานต์ไปเยี่ยมณินไหม” สุทธิภัทรถามขึ้นก่อนที่จะขึ้นรถ
“ไปสิ”
“ภัทรขอไปด้วยนะ อยากไปขอโทษมัน แล้วก็จะไปหาหมอด้วยเลย”
“งั้นพรุ่งนี้สายๆ เดี๋ยวกานต์ไปเรียกที่หน้าบ้าน” คีตกานต์กำลังจะขึ้นรถกลับ
“ขอบคุณนะกานต์ ที่ดีกับภัทรมาตลอด” สุทธิภัทรน้ำตาคลอ
“เราเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ ขับรถกลับบ้านดีๆ นะภัทร กานต์จะขับตามภัทรจนถึงบ้านเลย อย่าหวังจะหลบหน้าลูกได้อีก” คีตกานต์หัวเราะชอบใจ สุทธิภัทรยิ้มออก เขาทำท่าวันทยหัตถ์ทำความเคารพคีตกานต์ ทั้งสองหัวเราะกันก่อนจะแยกย้ายกันขับรถกลับบ้าน
ห้องเก็บเครื่องดนตรีเก่าในบ้านคณินทร์เปิดไฟสว่างไสว เครื่องดนตรีเกือบทุกชิ้นยังไม่ได้ถูกจัดเรียงให้เป็นระเบียบตั้งแต่นำไปออกงาน มีบางส่วนถูกประมูลไปบ้าง คณินทร์ตั้งราคาสูงไว้ก่อน เพราะลึกๆ เขาไม่ค่อยอยากให้ใครได้ไป เครื่องดนตรีที่ประมูลไปเป็นตัวที่มีมูลค่ามากกว่ามีคุณค่าทางจิตใจ ส่วนที่มีคุณค่าทางจิตใจยังอยู่ในห้องเก็บเครื่องดนตรีครบ สองพี่น้องรีบกลับมาพุ่งตัวเข้ามาที่ห้องนี้จนป้าแก้วเรียกกินข้าวไม่ทัน สองหนุ่มช่วยกันดูตู้ที่วางเรียงรายกันอยู่ เพราะซอด้วงโบราณถูกเคลื่อนที่ออกไปเฉพาะตู้กระจก ทีนี้เลยไม่รู้ว่าตู้ไหนคือตู้เก็บของปู่นพ
“เจออะไรบ้างไหมพี่ณัฐ” คีตะเงยหน้าขึ้นมาฝุ่นเปื้อนไปทั้งหน้า คณณัฐหัวเราะชอบใจ “ขำอะไรพี่ณัฐ”
“ฝุ่นเปื้อนไปหมดทั้งหน้าแล้ว” คีตะได้ยินก็ยิ่งเช็ด ยิ่งเช็ดก็ยิ่งดำ คณณัฐหัวเราะร่วนจนคีตะรำคาญเอามือไปป้ายหน้าพี่ชายจนเปื้อนไปด้วยกัน ทั้งคู่หัวเราะกันอย่างสนุกสนานเล่นกันเหมือนเด็กๆ ป้าแก้วเอาน้ำเอาขนมมาให้สองพี่น้อง
“ทำอะไรกันคะคุณหนู เปื้อนไปหมดแล้ว” ป้าแก้วรีบเอาผ้าเข้าไปเช็ดหน้าคณณัฐ
“ก็คุณหนูคนเล็กของป้าน่ะสิครับ แกล้งผมอีกแล้ว”
“คุณหนูโตกันหมดแล้ว เล่นอะไรเหมือนเด็กๆ” ป้าแก้วเอ็นดูสองพี่น้อง “ทานอะไรกันก่อนนะคะ เดี๋ยวจะหิวจนไม่มีแรงกันก่อน”
“ครับผม” พี่น้องทั้งสองประสานเสียงตอบป้าแก้ว ไม่ทันไรคณณัฐ คีตะต่างเอาแก้มเลอะๆ ไปชนแก้มป้าแก้วทั้งสองข้าง
“เล่นอะไรกันคะเนี่ยคุณหนู ป้าไม่อยู่แล้วค่ะ” ป้าแก้วยิ้ม แล้วเดินออกจากห้องไป
คีตกานต์กลับเข้ามาถึงบ้านพอดี สุทธิภัทรก็ถึงบ้านเช่นกัน ทั้งสองต่างแยกกันกลับเข้าบ้านของตน คีตกานต์เดินเข้ามาในห้องโถง ป้าแก้วกำลังเดินบ่นลงมาจากบันไดชั้นสอง
“ป้าแก้วคะ เด็กๆ อยู่ไหนกันคะ” คีตกานต์หันมาถามป้าแก้ว
“ว้าย!” คีตกานต์ตกใจหน้าป้าแก้ว ป้าแก้วทำหน้าเซ็งแต่ยังยิ้มสนุก
“คุณหนูๆ สิคะ กำลังรื้อของในห้องเก็บเครื่องดนตรีกันอยู่ค่ะ” คีตกานต์พอจะเข้าใจว่าทำไมป้าแก้วถึงมอมแมมขนาดนี้
“โดนสองแสบแกล้งมาอีกแล้วใช่ไหมคะ” คีตกานต์ขำชอบใจ
“คุณผู้หญิงยังจะขำป้าอีก” ป้าแก้วงอน คีตกานต์กอดป้าแก้วแหย่เล่น “ป้าไปล้างตัวก่อนดีกว่าค่ะ เดี๋ยวสักพักจะจัดโต๊ะอาหารให้นะคะ”
“ขอบคุณนะคะ” คีตกานต์รักป้าแก้วเหมือนญาติสนิท ถ้าบ้านนี้ไม่มีป้าแก้วสักคนคงวุ่นวายน่าดู
คีตกานต์เดินขึ้นไปบนห้องเก็บเครื่องดนตรีเก่า ได้ยินเสียงรื้อของกันโครมคราม สองพี่น้องคล้ายจะโวยวาย เล่นอะไรกันสักอย่าง มีหนังสือนิตยสารเก่ากระเด็นออกมาจากห้อง คีตกานต์ส่ายหน้ายิ้มๆ
“รื้ออะไรกันสองคนพี่น้อง” คณณัฐ คีตะเงยหน้าขึ้นมา คีตกานต์เห็นหน้าลูกๆ ทั้งสองคนก็หัวเราะ ขำหนักมาก เดินเข้าไปจับแก้มทั้งสองคน “เล่นอะไรกันเป็นเด็กๆ ดูสิเปื้อนหมดแล้ว” มือของแม่อบอุ่นสำหรับลูกๆ เสมอ พี่น้องกำลังนั่งดื่มน้ำหวานกับขนมกันอย่างเอร็ดอร่อย หยอกล้อกันเหมือนเด็กๆ
“แม่ไม่เห็นภาพนี้มานานเท่าไรแล้วนะ” คีตะเข้ามาอ้อนแม่ หอมแก้มแม่ คณณัฐไม่ยอมเข้ามากอดคีตกานต์อีกข้างหนึ่ง แถมหอมแก้มอีกสองที
“พี่ชนะ” คณณัฐหัวเราะใส่คีตะ สองพี่น้องอารมณ์ดีเหมือนทั้งสองได้เปิดใจคุยกันและคอยช่วยเหลือซึ่งกันและกันอีกครั้ง
“แล้วนี่ค้นกันไปถึงไหนแล้ว เจอบ้างหรือยัง” คีตกานต์มองสภาพห้องแล้วปวดหัว
“ยังเลยครับแม่ พวกเราไม่รู้ว่าตู้เดิมที่เคยวางซอด้วงคือตู้ไหน”
“พวกเราเลยกำลังนั่งไล่ค้นทีละตู้ครับ” คีตะเสริมต่อจากคณณัฐ
“งั้นเดี๋ยวแม่ช่วยอีกแรง” ทั้งสามคนต่างช่วยกันค้นตู้ไปเรื่อยๆ คีตกานต์ค้นของไปมองลูกๆ ไป เธอรู้สึกแอบขอบคุณสถานการณ์ร้ายๆ ที่ทำให้ครอบครัวของเธอกลับมาใกล้ชิด กลับมามีเสียงหัวเราะกันอีกครั้ง และถ้าพ่อลูกได้เปิดใจคุยกันอีกสักนิด เธอคงจะดีใจมาก
- READ ยามเสียงเพรียกหา บทที่ 16 : ความรักที่ซุกซ่อน
- READ ยามเสียงเพรียกหา บทที่ 15 : แรงอาฆาตหวนคืน
- READ ยามเสียงเพรียกหา บทที่ 14 : กลับบ้าน
- READ ยามเสียงเพรียกหา บทที่ 13 : ม่านบังตา
- READ ยามเสียงเพรียกหา บทที่ 12 : กงล้อแห่งกาลคำสาป
- READ ยามเสียงเพรียกหา บทที่ 11 : จิตใต้สำนึก
- READ ยามเสียงเพรียกหา บทที่ 10 : บทเพลงท่อนสุดท้าย
- READ ยามเสียงเพรียกหา บทที่ 9 : ร้องบรรเลงเพลงประสาน
- READ ยามเสียงเพรียกหา บทที่ 8 : ตัวโน้ตที่เปลี่ยนแปลง
- READ ยามเสียงเพรียกหา บทที่ 7 : ความลับต่างภพ
- READ ยามเสียงเพรียกหา บทที่ 6 : เรือนการเวก
- READ ยามเสียงเพรียกหา บทที่ 5 : เรื่องเร้นที่ซ่อนลับ
- READ ยามเสียงเพรียกหา บทที่ 4 : บทเพลงแห่งรัก
- READ ยามเสียงเพรียกหา บทที่ 3 : อัฏฐกรเมธา
- READ ยามเสียงเพรียกหา บทที่ 2 : เสียงเพรียกจากอดีต
- READ ยามเสียงเพรียกหา บทที่ 1 : ซอสะอื้น