อาคันตุกะ บทที่ 7 : ผนึกกำลัง

อาคันตุกะ บทที่ 7 : ผนึกกำลัง

โดย : ดารัช

Loading

อาคันตุกะ โดย ดารัช นิยายที่ผ่านการคัดเลือกประกวดพล็อตจากโครงการช่องวันอ่านเอา ครั้งที่ 3 กลุ่มนวนิยาย ‘รักร้าย’ แต่เขียนไม่ทัน โครงการอ่านเอาก้าวแรก รุ่น 4 จึงช่วยให้ดารัชปิดจบนิยายเรื่องนี้อย่างสมบูรณ์ และวันนี้ พร้อมให้นักอ่านได้เพลิดเพลินไปกับเรื่องราวนี้แล้ว

กลีบบัวเดินวนไปมาหน้าห้องพยาบาล เธอใช้อิทธิพลของพิสชาเพื่อให้เพื่อนรักได้พักห้องที่ดีที่สุด กระนั้นหญิงสาวก็ยังอดเป็นห่วงไม่ได้ ภาพรุจิดาโดนมีดแทงด้านหลังจนมิดด้าม เลือดสีแดงไหลอาบชุดกระโปรงสีขาวยังติดในความทรงจำ

หญิงสาวทำได้แค่ชะเง้อมองเข้าไปในห้องพัก ไม่กล้าเข้าไป แม้จะอยากเจอคนในห้องเหลือเกิน

พ่อแม่ของรุจิดากำลังเร่งกลับจากต่างจังหวัด สองคนแรกที่มาเยี่ยมเพื่อนรักของกลีบบัวจึงเป็นย่าจงกลและกฤต คนทั้งสองชะงักเมื่อเห็นเธอ ย่าจงกลรับไหว้แล้วรีบเดินเข้าห้อง กฤตที่ประคองย่าหันมามองกลีบบัวด้วยแววตาอ่านยาก อาจจะคิดว่าเธอเป็นตัวซวยกระมัง

ธีรดนย์วิ่งกระหืดกระหอบตามมาหลังจากนั้นไม่นาน ตอนมาถึงโรงพยาบาล เขาโทร.หากลีบบัวเพราะต้องไปลองชุดแต่งงาน พอหญิงสาวตอบว่าอยู่โรงพยาบาล เขาเพียงแต่ถามชื่อสถานที่และห้อง แล้วรีบรุดมา โดยมีพุฒิเมธกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามหลัง

“พิสชา เป็นอะไรไหม” ธีรดนย์มาหยุดยืนตรงหน้า เขาดูอิดโรย คงเพราะธุรกิจใหม่เป็นไปได้สวยจนต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำ

“พิสชาไม่เป็นไร คือ…” ยังไม่ทันได้อธิบายอะไร คู่หมั้นหนุ่มก็จับเธอหมุนไปหมุนมาเพื่อสำรวจหาแผลหรืออะไรก็ตาม จนกลีบบัวขำพรืด

“หัวเราะอะไรเนี่ย” เขาดุ

“เหมือนพี่ธีร์พลิกปลาย่างให้สุกอยู่เลย”

“หน้าสิ่วหน้าขวานยังจะนึกถึงของกินนะกลีบบัว”

ธีรดนย์ชะงัก หญิงสาวเองก็มองเขาตาค้าง เมื่อครู่เธอหูฝาด หรือเขาเรียกเธอว่ากลีบบัวจริงๆ กันแน่นะ

“ขอโทษ” ธีรดนย์ก้มหน้างุด “หลังๆ พิสชาทำให้พี่อดนึกถึงบัวไม่ได้” เขาถอนหายใจ “ขอโทษนะ คงรู้สึกแย่ใช่ไหม”

กลีบบัวไม่ได้รู้สึกแย่ เพราะคนตรงหน้าธีรดนย์ก็คือเธอจริงๆ หญิงสาวแค่ตกใจ ไม่รู้ว่าตัวเองเผลอแสดงตัวตนต่อหน้าธีรดนย์ไปขนาดไหน และตกใจที่ดูเหมือนอดีตสามีจะยังมีความรู้สึกลึกซึ้งกับเธอ…เธอน่ะหรือ…ทั้งที่ธีรดนย์มีคู่หมั้นที่สมบูรณ์แบบอย่างพิสชาอยู่ตรงหน้า

หญิงสาวรู้สึกเหมือนตัวเองล่วงล้ำเข้าไปในใจของธีรดนย์ก้าวหนึ่ง และเธอลังเลที่จะก้าวขาอีกข้างเข้าไป ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ กลีบบัวคงดีใจมากๆ ที่ได้รู้ว่าธีรดนย์คิดถึงเธอแม้เพียงสักนิด แต่ตอนนี้หัวใจของเธอดูเหมือนจะไม่ได้เต้นเพื่อเขาอีกแล้ว

ตอนที่เลิกกันใหม่ๆ กลีบบัวรู้สึกราวกับความเจ็บปวดเหล่านั้นจะคงอยู่ตลอดไป จักรวาลทั้งหมดถูกย่อส่วน และรวมอยู่ในดวงตาของคนคนเดียว เมื่อจักรวาลตรงหน้าหายไป หญิงสาวรู้สึกเหมือนตัวเองถูกผลักลงไปในหลุมดำ ไร้แสงใดๆ ขอบฟ้าเหตุการณ์อันเป็นขอบเขตของปริภูมิ-เวลาโดยรอบหลุมดำดูห่างไกล

เธอไม่เคยกล้าฝันว่าพอถึงจุดหนึ่ง หัวใจจะค่อยๆ สงบลง และใครบางคนจะชี้ให้เธอเงี่ยหูฟังความสวยงามรอบตัว พอรู้ตัวอีกที แดนไทก็จูงมือเธอมายังจักรวาลอีกแห่ง หมู่ดาวระยิบระยับส่องแสง และกลีบบัวก็ได้ตกหลุมรักอีกครั้ง

“คุณพิสชาปลอดภัยดีใช่ไหมครับ” พุฒิเมธถาม น้ำเสียงห่วงใย ดึงกลีบบัวจากภวังค์

“ฉันปลอดภัยค่ะ” เธอตอบ “แต่รุ้ง…” หญิงสาวน้ำตาคลอ

“พิสชา” แดนไทวิ่งกระหืดกระหอบมาหยุดตรงหน้าเธอ ตอนรุจิดาโดนแทง เบอร์แรกที่กลีบบัวโทร.หาคือแดนไท เขาช่วยให้เธอใจเย็นลง บอกให้โทร.เรียกรถพยาบาล ช่วยติดต่อพ่อแม่รุจิดา รวมทั้งย่าจงกลกับกฤต ก่อนจะรีบตามมาสมทบ

“แดน รุ้งโดนแทง” กลีบบัวพูดพลางสะอื้น “เรากับรุ้งสลับเสื้อผ้ากันใส่ รุ้งโดนแทงแทนเรา…”

แดนไทจับมือเธอไว้ มองหญิงสาวด้วยแววตาหนักแน่น “ระหว่างมาเราโทรถามความคืบหน้ากับทางตำรวจ อาจจะเป็นเรื่องชิงทรัพย์ก็ได้”

กลีบบัวส่ายหน้า คำว่า ‘มีคนจะฆ่าพวกเรา’ บนกระดาษในห้องวาดภาพย้อนกลับมาในหัว ทำเอากลีบบัวขนลุกซู่

“นี่มันเรื่องอะไรกัน” ธีรดนย์ถาม “รุ้งโดนแทงเหรอ”

ประตูเปิดออก ย่าจงกลเดินออกมาโดยมีกฤตประคอง กลีบบัวยกมือไหว้หญิงสูงวัย คุณย่าของเธอดูแก่ชราเหลือเกิน ผมยาวที่มักเกล้าเป็นมวยเรียบร้อยกลับหลุดลุ่ย แถมยังแซมสีเทาเยอะกว่าที่กลีบบัวจำได้ ดวงตาหลังแว่นสายตาหรี่ซึม พี่ชายของเธอก็ดูอิดโรยไม่แพ้กัน ใบหน้าเริ่มมีหนวดเคราแซมเหมือนเจ้าตัวไม่ใส่ใจดูแลตัวเอง ทั้งที่ปกติพี่ชายของกลีบบัวเป็นคนเนี้ยบมาก ดูแลตัวเองดีกว่ากลีบบัวเสียอีก กฤตสบตาเธอ เอามือดันแว่นสายตาด้วยสีหน้าครุ่นคิด

“ขอบคุณที่ช่วยดูแลรุ้งนะจ๊ะ หนูพิสชา…ใช่ไหม” ย่าจงกลกล่าว ส่งยิ้มซีดเซียวมาให้

กลีบบัวพยักหน้าถี่รัว ต่อหน้าย่าที่เลี้ยงเธอมาตั้งแต่เด็ก หญิงสาวไม่อาจกลั้นน้ำตาได้อีก เธอถลันไปกอดย่าจงกล คิดถึงเหลือเกิน ยิ่งสูดกลิ่นน้ำอบจากย่ายิ่งคิดถึง

เธอผละตัวออกเมื่อนึกได้ว่าพิสชามีส่วนให้เธอเสียชีวิต สำหรับย่าจงกลและกฤต พิสชาคงเปรียบเหมือนฆาตกรที่ทั้งสองไม่อยากชายตามอง

“ย่าไม่ได้โกรธหนูหรอกนะจ๊ะ” หญิงชราเอ่ยเสียงอ่อนโยนราวล่วงรู้ความคิดของกลีบบัว “กลีบบัวคงมีวาสนาแค่นี้ และทุกอย่างเป็นอุบัติเหตุ อย่าเอาแต่โทษตัวเองเลยนะจ๊ะ ย่าอยากให้หนูพิสชามีความสุขเผื่อหลานของย่านะ”

กลีบบัวมองย่าจงกลที่ส่งยิ้มให้ มองตามกระทั่งกฤตประคองท่านลับสายตาไป

หญิงสาวหันกลับมามองห้องผู้ป่วยที่รุจิดาพักฟื้น เธอจะไม่ยอมเป็นเหยื่อที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ จนคนรอบข้างต้องมาบาดเจ็บแทนแบบนี้อีกแล้ว หญิงสาวต้องผนึกกำลังเพื่อเอาตัวรอดในฐานะพิสชา

แน่นอนว่าเธอต้องได้รับความช่วยเหลือจากทุกอัตลักษณ์ ทั้งรัดเกล้า ไปรยา ยาหยี นล รวมถึงพิสชาที่น่าจะยังหลับอยู่ในร่างนี้ด้วย

ได้เวลาทำความรู้จักตัวเองแล้ว

 

‘พวกเราต้องช่วยกัน เพื่อมีชีวิตรอดนะ’

รัดเกล้าจ้องมองข้อความบนกระดาษวาดภาพที่วางบนขาตั้งในห้องวาดภาพ เธอผุดรอยยิ้มพอใจ อัตลักษณ์ใหม่ของพิสชาไม่ใช่คนโง่

หญิงสาวเป็นอัตลักษณ์หลักของพิสชา เธอปรากฏตัวบ่อยที่สุด ทำให้ไม่รู้สึกว่าเวลาของตัวเองหายไปบ่อยนัก กระนั้น รัดเกล้าก็แปลกใจที่บางครั้งมีคนแปลกหน้าเข้ามาทักทายราวสนิทกับเธอเหลือเกิน หรือโผล่ไปในที่แปลกๆ

รัดเกล้าเริ่มเขียนบันทึก มองหาช่องโหว่ของเวลาที่หายไป ทวนสอบพฤติกรรมของตัวเองในช่วงนั้นกับเพื่อนสนิทอย่างแดนไท อธิน และชินดนัย จนรวบรวมบุคลิกต่างๆ ที่น่าจะอยู่ในร่างพิสชา

ไปรยา เจ้าของเสื้อผ้าสีดำแนวเซ็กซี่ เป็นคนประเภทที่รัดเกล้าเกลียด ไปรยามัก ‘ออกมา’ เวลามีงานสังสรรค์ สนุกไปกับการเต้นรำ ปาร์ตี้ และหว่านเสน่ห์ รัดเกล้าสงสัยว่าไปรยากำลังคบกับใครบางคน พอคิดว่าไปรยาใช้ร่างนี้ไปทำอะไรๆ กับคนที่รัดเกล้าไม่รู้จัก หญิงสาวก็รู้สึกกระอักกระอ่วน โชคดีที่ไปรยาออกมาไม่บ่อยนัก รัดเกล้าทำได้แค่พยายามไม่ดื่มแอลกอฮอล์ และคุมตัวเองให้มีสติตลอดเวลา

อีกอัตลักษณ์ที่หญิงสาวสัมผัสได้คือยาหยี เด็กหญิงวัยสิบสามปี ชอบวาดรูป โดยเฉพาะรูปผีเสื้อและดอกไม้ สมุดภาพของยาหยีน่าสนใจมากทีเดียว เด็กหญิงปรากฏตัวไม่บ่อยนัก และดูเหมือนจะ ‘ออกมา’ เวลาโดนทำร้าย รูปยักษ์ถือไม้เรียวน่าจะสื่อถึงนายภูวดล อันที่จริง รัดเกล้าชอบคุยกับพ่อ ภูวดลเป็นนักธุรกิจที่มองการณ์ไกล ฉลาด ทันเกม แต่โมโหร้าย เธอเคยเห็นภูวดลตบสาวใช้เพียงเพราะทำให้เสื้อของเขามีรอยยับ ถ้ามองจากวงสังคม พ่อของเธอมีมนุษยสัมพันธ์ดี ใส่ใจผู้อื่น แต่เห็นทีคงยกเว้นคนในครอบครัวกระมัง

สมุดวาดภาพของเด็กหญิงยาหยี ช่วยให้รัดเกล้าเดาได้ว่ารอยเข็มขัดตรงน่องของเธอมีที่มาจากไหน แถมไม่นานมานี้ สมุดวาดภาพของเด็กหญิงยังมีภาพน่าสนใจเสียจนรัดเกล้าคิดแผนอะไรดีๆ ออก

แถมเธอยังสัมผัสได้ถึงอีกอัตลักษณ์ แต่บอกไม่ถูกว่าอีกฝ่ายเป็นใคร และมีขึ้นเพื่ออะไร

โรคหลายบุคลิกเป็นกลไกที่ร่างกายสร้างตัวตนอื่นขึ้นมา เพื่อปกป้องตัวตนหลัก แยกความทรงจำ ความคิด ความรู้สึกของแต่ละอัตลักษณ์ออกจากกัน และอนุญาตให้บุคลิกที่จำเป็นต่อการดำรงอยู่ ณ ช่วงเวลานั้นปรากฏตัว ชื่อของแต่ละบุคลิก สื่อถึงบางอย่าง

ร่างนี้เลือกชื่อรัดเกล้าให้เธอ… ในพจนานุกรมไทย รัดเกล้าหมายถึงเครื่องประดับศีรษะสตรีสูงศักดิ์ในราชสำนักสมัยโบราณ มีสองแบบ คือรัดเกล้ายอดสำหรับกษัตรี และรัดเกล้าเปลวสำหรับพระสนม…ชื่อของเธอยังหมายถึงเครื่องประดับศีรษะตัวนางในการแสดงละคร ซึ่งแต่งเลียนแบบสตรีสูงศักดิ์ในราชสำนัก

ร่างนี้เลือกให้เธอเป็นอัตลักษณ์หลักในการกุมบังเหียน

อธินเป็นคนบอกชื่อบุคลิกไปรยาให้เธอรู้ ดูเหมือนไปรยาจะออกมาในงานเลี้ยงรุ่นครั้งหนึ่ง และโปรยเสน่ห์ใส่ผู้ประกาศข่าวหนุ่ม แถมยังบอกให้เขาเรียกเจ้าหล่อนว่าไปรยาเสียอีก

จะว่าไป รัดเกล้าไม่พอใจหน่อยๆ แม้จะรู้ว่าไปรยาเป็นพวกหว่านเสน่ห์ไม่เลือกก็ตาม เธอพอรู้ว่าลึกๆ แล้วอธินหวั่นไหวกับใบหน้าสวยซึ้งของพิสชา ยิ่งถ้ารวมกับการฉอเลาะของไปรยา เขาอาจเผลอหวั่นไหว ซึ่งรัดเกล้าไม่อยากให้เขาหวั่นไหวกับอัตลักษณ์อื่น

อาจเป็นเพราะบุคลิกไปรยาที่ออกมา ‘หว่านเสน่ห์’ ใส่อธินในบางครั้ง ทำให้มุกตาภา แฟนของชายหนุ่มดูจะเขม่นเธอเหลือเกิน แต่รัดเกล้าสนใจเสียเมื่อไหร่ ผู้หญิงคนนั้นเอาแต่มองเธอด้วยแววตาริษยา แต่กลับแต่งตัวและใช้ของเลียนแบบเธอทุกระเบียดนิ้ว แค่มองก็รู้ว่าอยากเกิดเป็นคุณหนูพิสชาผู้สูงศักดิ์จนตัวสั่น

ไปรยาหมายถึงเป็นที่รัก

ชื่อยาหยีเองก็หมายถึงเป็นที่รัก ซึ่งเป็นชื่อที่สมตัวกับเด็กหญิงวัยสิบสามที่มองโลกอย่างไร้เดียงสา ติดจะขี้อาย และมักซ่อนตัวหลังสมุดวาดภาพกับสีไม้ เด็กหญิงน่าจะสบายใจเวลาอยู่กับแดนไท เพราะชายหนุ่มมักมาแซวรัดเกล้าบ่อยๆ เรื่องที่เธอเอาแต่นั่งฮัมเพลงวาดรูปด้วยลายเส้นแบบเด็กๆ เวลาอยู่ต่อหน้าเขา

รัดเกล้าหายไปช่วงหนึ่ง พอกลับมาคุมร่างอีกครั้ง ก็มาพบว่าตัวเองเกิดอุบัติเหตุ ขับรถไปชนรถกลีบบัว ภรรยาเก่าของธีรดนย์ จนอีกฝ่ายเสียชีวิต รัดเกล้าคิดไม่ออกว่าการกระทำดังกล่าวมาจากอัตลักษณ์ไหน เพราะมีเพียงเธอและไปรยาที่ขับรถเป็น แต่ไปรยาจะทำแบบนั้นเพื่ออะไร ทั้งหมดคงเกิดจากอุบัติเหตุจริงๆ แต่ใครคือคนคุมร่างตอนเกิดเรื่อง จนทำให้ทุกอย่างบานปลายขนาดนี้ รัดเกล้าเองก็ไม่รู้

ใครบางคนที่มาคุมร่างช่วงรักษาตัวน่าจะเป็นบุคลิกใหม่ ดูจากสไตล์เสื้อผ้าแนวสาวหวานเรียบร้อย ชุดนอนลายการ์ตูน (ให้ตายเถอะ โดราเอมอนเนี่ยนะ) รวมทั้งหนังสือเมนูอาหาร และรอบเอวของรัดเกล้าที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย (ให้ตายเถอะ!)

เธอรู้มาว่าอัตลักษณ์ใหม่สามารถเกิดขึ้นได้หากผู้ป่วยได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจอย่างรุนแรง เช่น แผ่นดินไหว หรือหลังประสบเหตุการณ์รุนแรงต่างๆ

สิ่งที่ทำให้รัดเกล้าทึ่งคือบุคลิกใหม่รับรู้การมีอยู่ของอัตลักษณ์อื่นๆ ได้อย่างรวดเร็ว รัดเกล้าเจอสมุดจดในห้องนอนที่อีกฝ่ายไล่เรียงข้อมูล และเขียนถึงเธอ ไปรยา และยาหยีไว้ ไหนจะแอบมาติดตั้งกล้องวงจรปิดในห้องวาดภาพ รัดเกล้าคิดว่าบุคลิกใหม่อาจพอมีประโยชน์ จึงเขียนข้อความ ‘เธอเป็นใคร’ และ ‘ช่วยด้วย มีคนจะฆ่าพวกเรา’ ออกไป

‘พวกเราต้องช่วยกัน เพื่อมีชีวิตรอดนะ’ คือคำตอบ พร้อมสมุดจดที่บันทึกเหตุการณ์ต่างๆ ในมุมมองของ ‘กลีบบัว’

รัดเกล้าขมวดคิ้วเมื่อเห็นชื่อภรรยาเก่าของธีรดนย์ เธอไม่ได้นึกรักอะไรทายาทนักธุรกิจพันล้านที่เป็นคู่หมั้นของตัวเองหรอก แต่การแต่งงานกับธีรดนย์ทำให้ชีวิตเธอง่าย หญิงสาวเลือกความมั่งคั่งสะดวกสบายมากกว่าความรักอยู่แล้ว คู่หมั้นของเธอเองก็คงไม่ต่างกัน ไม่อย่างนั้นคงไม่เลิกกับผู้หญิงที่ตัวเองบอกว่ารักนักรักหนา เพื่อกลับมารับช่วงธุรกิจของครอบครัวหรอกกระมัง เธอเข้าใจและเห็นใจเขา รัดเกล้ามองว่าความรักคือคำสาป เป็นจุดอ่อนที่ทำให้เราอ่อนแอ

ถ้าคุณเกลียดใครมากๆ ให้ลงโทษอีกฝ่ายด้วยการจินตนาการว่าเขาตกหลุมรัก

หญิงสาวนั่งอ่านรายละเอียดในสมุดที่กลีบบัวสรุปไว้ รุจิดาโดนแทงตอนสลับชุดกับกลีบบัว รัดเกล้าเห็นด้วยว่าจริงๆ แล้วคนร้ายน่าจะต้องการฆ่าพวกเธอมากกว่า

เรื่องบริกรเสิร์ฟเค้กที่มีถั่วผสมเป็นเรื่องกึ่งจริงกึ่งฝันสำหรับรัดเกล้า แต่บันทึกของกลีบบัวช่วยยืนยันว่ามันคือเรื่องจริง ตอนนั้นรัดเกล้ากึ่งหลับกึ่งตื่น เหมือนเธออยู่ระหว่างการ ‘ออกไป’ หรือ ‘ไม่ออกไป’ หญิงสาวรู้สึกว่าท่าทางของบริกรที่นำขนมมาเสิร์ฟดูลุกลี้ลุกลน จึงส่งเสียงเตือน

พอนึกถึงเหตุการณ์ตอนนั้น รัดเกล้าอดตัวสั่นไม่ได้ ถ้าเธอช้ากว่านั้นแม้แต่นิดเดียวละก็…

รัดเกล้าหยิบปากกามาเขียนโน้ตลงในสมุดบันทึกของกลีบบัว

‘ฉันสงสัยบางคน และกำลังเตรียมการเพื่อปกป้องพวกเราอยู่’

หญิงสาวกัดริมฝีปากอย่างครุ่นคิด สมุดวาดภาพของยาหยีเล่มหนึ่งน่าสนใจเสียจนเธอแอบเอาไปซ่อนไว้ สมุดเล่มจะนี้เป็นหลักประกันบางอย่าง

เธอหยิบโทรศัพท์ กดโทร.ไปยังเบอร์ที่ตัวเองเลือกจะท่องจำ แทนที่จะบันทึกในโทรศัพท์ เพื่อความปลอดภัย หญิงสาวไม่นิยามตัวเองเป็นคนดีหรือคนเลว เธอเพียงแค่พยายามมีชีวิตรอดอย่างสุดกำลัง

มีเสียงเรียกสายดังสักพัก แล้วอีกฝ่ายก็รับสาย รัดเกล้ารีบตรงเข้าประเด็น “ความคืบหน้าของนิทรรศการเป็นยังไงบ้าง คุณนาถนพินเองก็รู้เรื่องนี้สินะ ดีแล้ว ฉันอยากให้ท่านรู้ว่ากำลังจะมีนิทรรศการ แต่อย่าให้รูปที่จะจัดแสดงรั่วไหลเด็ดขาด!”

เธอรู้ดีว่าปลายสายจะทำตามที่สั่ง การค้นพบอัตลักษณ์นลมีประโยชน์กว่าที่คิด เด็กหนุ่มเป็นตัวประกันชั้นดี แม้บางครั้งรัดเกล้าจะพบว่าจู่ๆ ตัวเองมาโผล่ที่โรงยิม สวมถุงมือต่อยมวยและเหงื่อท่วมตัวก็ตาม

กระนั้น แค่คนคนนี้อาจยังไม่พอ หญิงสาวต้องการคนที่ไว้ใจได้เพิ่ม รัดเกล้าเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ ประสานมือสองข้างที่ปลายคาง หลับตาครุ่นคิด เธอนึกถึงรุจิดา เพื่อนรักของกลีบบัวที่ต่อว่าเธอเสียๆ หายๆ ตอนที่เธอขอซื้อข้อมูลเกี่ยวกับกลีบบัว ตอนสืบประวัติคนรักเก่าของธีรดนย์

 



Don`t copy text!