ขุนเขาแมกไม้ บทที่ 19 :  ‘ดวง’ ของทั้งคู่

ขุนเขาแมกไม้ บทที่ 19 : ‘ดวง’ ของทั้งคู่

โดย :

Loading

“ขุนเขาแมกไม้” นวนิยายเรื่องเยี่ยมในชุดโหราศาสตร์ ผลงานเรื่องล่าสุดของ ’กฤษณา อโศกสิน‘ ศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลป์ประจำปีพุทธศักราช 2531 กับเรื่องราวของเดินดงและอิทธิพลของดาวเสาร์ที่มีต่อชีวิตของเขาได้ในอ่านเอา

เพียงครู่เดียว เสียงจักรยานยนต์ก็ดังขึ้น ใบจันปรากฏกายบนอานอย่างทะมัดทะแมงแข็งขัน หากแต่สายวันนี้ หล่อนไม่ดูเป็นหญิงกึ่งชายเหมือนในค่ำคืนที่ผ่านมา

เนื่องด้วยหล่อนสวมกางเกงขาพองผ้าเฉลียงสีน้ำเงินคราม สวมเสื้อป่านแขนพองเช่นกันสีเนื้อนวล ติดระบายเต็มอก ทาปากสีส้มอ่อน ทรงผมยาวรวบขึ้นพับซ้อนๆ กันบนศีรษะ เปิดให้เห็นหน้าผากโค้งมน ผิวขาวใสราวใยเสื้อเนื้อละเอียดที่สวมใส่ นัยน์ตาโตยาวรี มีแต่ประกายแห่งชีวาอันปรุงขึ้นมาเป็นชีวิต…เต็มแน่น แสนงาม

สายตาบุรุษเพศทุกดวงตั้งแต่นายจ้างถึงคนงาน จึงต่างก็ประสานกันจับจ้องที่เรือนกายวงหน้าของหญิงสาวเป็นตาเดียว

ท่าทางนายจังและนายจัดมีแต่ความภูมิใจ

รู้เลยว่าใบจันคือสาวสวยรวยทรัพย์ผู้ครองอันดับดาวเด่นในชุมชน

สาวอื่นคนใดที่ว่างามทั้งงามทั้งฐานะก็ยังไม่เคยได้ยินใครเอ่ยถึง

นายนวม นายเอี้ยง นายไว ที่นัยว่าคือไมโครโฟนประจำหมู่บ้าน ก็ยังไม่เคยปริปากเกี่ยวกับนางใดที่ควรสนใจถึงขนาดจับจองกันเป็นแถวยาว

“เชิญนั่งเลยครับ…เก้าอี้ยาวเสร็จพอดี”

เก่งจัดแจงเลื่อนเก้าอี้ 2 ตัวที่เพิ่งต่อใหม่หากก็ยาวเพียงพอที่จะนั่งหรือนอน ถ้านั่งเรียงกันก็ได้ตัวละห้าคน ถ้านอนก็นอนได้สองคนโดยหันทั้งสองตัวมาชนกันแล้วปูฟูก กางมุ้งครอบลงก็สบายๆ ภายใต้ใต้ถุนเรือน หรือจะยกขึ้นวางบนชานด้านหน้าก็ไม่ขัดข้องแต่อย่างใด

ดังนั้น ขณะนี้ อาคันตุกะทั้งห้าจึงต่างก็นั่งแยกกันบนไม้ยาวสองตัว

เดินดงก็เลยตัดสินใจนั่งลงตรงปลายสุดม้ายาวตัวที่มีนายโอกาสและนายอุกกา หันหน้าเข้าหานายจัง นายจัดและใบจัน

ฝ่ายเก่งหายเข้าไปหลังกระท่อมเตรียมทำอาหารกลางวันรับแขก

แต่นายจังเดินออกไปชะโงกหน้าบอกกล่าว

“ไม่ต้องทำอะไรเลี้ยงนะ ผมสั่งกับข้าวมากินกันแล้ว เดี๋ยวใกล้เที่ยง เขาจะเอามาส่ง…”

“อ้าว…ก็ผมจะเลี้ยงคุณไง” เดินดงก็เลยขัดจังหวะ

“ไว้วันหลัง รอให้คุณเข้าที่เรียบร้อยก่อน ผมให้คุณ ‘เลี้ยง’ แน่นอน” อีกฝ่ายดูจะทิ้งนัยแห่งถ้อยคำไว้ล่วงหน้าอย่างจงใจ

“ถ้างั้นก็ได้ฮะ” ชายหนุ่มก็เลยยินยอม

ที่จริง เขากับเก่งก็ยังไม่พร้อมดังว่า

“ตอนนี้ เราคุยกันก่อน” นายจังพยักพเยิดไปยังนายโอกาส “เอ้า…พี่ว่ามา…จะว่าไงเรื่องทองที่อุกเอามาให้หนูจัน”

เดินดงรีบมองหน้าหญิงสาวก็แลเห็นหล่อนบิดเรียวปากสีนิดๆ แววตาบ่งบอกความรำคาญมากกว่าจะสะท้านสะเทือนกับอาการคลั่งน้อยๆ ของฝ่ายชาย ผู้แลเห็นชัดว่าจับจ้องมองใบจันราวจะกลืนไว้ในอก

จึงได้แต่นึกขำ

“ก็มันอยากขอหนูจันแต่งงานไงจัง…ทองนั่นก็แค่ของขวัญเล็กน้อย” ฝ่ายบิดาอุกกาได้แต่สบายใจที่ราวกับวันนี้คือฤกษ์ยามอันดี ราวกับชายคนนี้…คนที่เพิ่งมาใหม่หาฤกษ์ให้

คิดได้อย่างไรที่เชิญมาคุยกันกินอาหารด้วยกัน…เออ…ใช่…นั่นน่าซี…คิดขึ้นมาได้ยังไงจึงลงตัวเหมาะเจาะถึงเช่นนี้

ที่เก่งสุดก็คือทำให้ใบจันตัดสินใจมา

ขณะที่นายอุกกาก็ดูเหมือนจะเก้อเขินอยู่นั่นแล้ว…คงพูดไม่ออกบอกไม่เป็น จนนายโอกาสเองก็ถอนใจ

“แกก็บอกอาไปสิว่าจะขอหนูจันแต่งงาน คิดสินสอดทองหมั้นเท่าไหร่…ถ้าไม่ถึงกะหมดตัว ก็กะว่าจะให้ทุกอย่างที่ขอมา”

“ใช่ครับอา” อุกกาแย้มปากเปล่งเสียงเนื่องด้วยมีคนนำ เลยหายเก้อกระดากลงไป “ผมรักน้องจันมาก มีอะไรก็อยากให้หมดเลย…สร้อยข้อมือนั่นแค่ของขวัญเล็กๆ แค่นั้นฮะ”

อ้าว…เอ…นายนี่…ก็พูดได้เรื่องได้ราวเหมือนกันนี่นา…ชายหนุ่มจากกรุงเทพฯ นึกในใจ

แต่ใบจันก็ไม่ปริปากตอบคำใดอันเกี่ยวกับเรื่องสู่ขอ นอกจาก

“ขอบคุณนะคะ”

 

ในที่สุด เดินดงก็นึกขึ้นมาได้ถึง ‘ดวง’ ของทั้งคู่ เพราะดวงเขาเองกับคำอธิบายจากท่านพระครูที่เขียนไว้ให้ก็ยังอยู่ในกระเป๋าสตางค์ของเขา

ดังนั้นจึงเอ่ยขึ้น แม้จะรู้สึกว่า ตนเองเป็นธุระให้หนุ่มอุกมากไปก็ตาม

“แล้วท่านพระครูท่านว่ายังไงมั่งล่ะฮะ…ผมหมายถึงท่านเคยดูดวงให้ไหมว่า น่าจะแต่งงานกันได้เมื่อไหร่”

ทันใดนั้น ใบจันก็หันขวับมาทำตาดุใส่เขาโดยไม่ปริปากว่ากระไร ชวนให้เขากลับรู้สึกคึกคักสนุกสนานขึ้นมาพร้อมๆ กับนายโอกาสผู้พ่อ

“อ้อ…คุณก็รู้เรื่องดวงเหมือนกัน”

“ไม่ถึงยังงั้นหรอกฮะ…แต่เห็นว่าท่านก็น่าจะสนใจดูดวงให้คนสำคัญของชุมชนที่ท่านสนิทด้วยทุกคน อย่างผม ถึงอยู่ไกล ท่านก็ยังดูให้นี่ครับ”

“ท่านดู” ในที่สุดโอกาสก็บอกกล่าว “ดูให้ทุกคน เพราะท่านก็อยู่นี่มานาน รู้จักหมด สนิทหมด ใครมาขอให้ดู ก็ดูให้ จดให้เสร็จสรรพ” แต่คนเล่าก็มิได้ดึงเอกสารที่ว่าออกมา คล้ายๆ รู้ถึงการมิควรที่ท่านพระครูคงสั่งไว้ “แต่ก็แค่คร่าวๆ คือถ้าจะให้เจาะถามอย่างพิเศษว่าเดือนนี้ปีนี้เป็นยังไง ก็คงต้องมีเรื่องสำคัญพอที่จะไปถามท่าน ไม่งั้นก็เกรงใจเพราะแขกท่านก็เยอะ คนขึ้นท่านมาก”

“ที่สำคัญก็คือ” นายจังเอ่ยขึ้นบ้าง “เจ้าตัวเขาห้ามขาดไม่ให้เอาวันเดือนปีเกิดเขาไปให้ท่าน”

“อ้อ” เดินดงครางเบาๆ แววตาเขาคงวับขึ้นมาด้วยความชื่นชมหญิงนี้เป็นครั้งแรก นับแต่พบเจอแล้วนึกเขม่นหมั่นไส้ตลอดมา “แปลกดีนะฮะ…มีแต่ใครต่อใครเขาอยากดูดวงกันทั้งนั้น”

“แต่จันไม่อยาก” นายจัดโปรดปรานน้องของตนเองจนออกนอกหน้า

มิน่า…ตอนที่น้องสาวโทร.มาตาม เขาทำท่ารำคาญก็จริง…หากก็เอ็นดูตลอดเวลา

“ไม่อยากทราบมั่งหรือฮะว่าต่อไปจะเป็นยังไง ดวงจะสมพงศ์กับคุณอุกไหม” เดินดงแกมยั่วกลายๆ

ทันใดนั้น นัยน์ตาแม่เสือก็หันขวับมาอีก

ทั้งนายจัง นายจัด นายโอกาสต่างก็หัวเราะกันครึกครื้น กลายเป็นวงการศัตรูคู่มิตรอย่างไม่น่าเชื่อ

มีนายอุกกาคนเดียวที่ผิวหน้าซีดเผือด

เฮ้อ…เดินดงมีแต่เวทนา

ผู้ชายที่ไม่มีโรแมนติกแบบนี้ อีกชาติก็หาคู่ไม่ได้ เพราะดูจะไม่ทันการไม่ทันกินไปเสียทั้งสิ้น

นี่เขาเรียกว่าจีบผู้หญิงไม่เป็น

เขาก็เลยช่วยสานให้

“แล้วดวงคุณอุกมีไหมฮะ ท่านผูกไว้ให้ไหม”

“มีซีคุณ” นายโอกาสตอบแทนเจ้าตัว “ก็ถามท่านเหมือนกันว่า…”

ยังมิทันจะจบประโยค ใบจันก็ลุกขึ้น เดินไปยืนดูคนงานกำลังเรียงไม้ไผ่แห้งด้วยทีท่าเฉยสนิท

อือ…เล่นกับหล่อนนี่ยากมาก

นายอุกกาที่ดูทื่อๆ ไม่มีเสน่ห์คนนี้น่ะหรือ อาจหาญเข้ามาสู่ขอหล่อน

เมื่อมาถึงชั่วโมงนี้ ก็เพิ่งรู้ว่าทั้งบิดาและพี่ชาย ไม่มีอำนาจใดๆ บังคับหล่อนได้เลย

เดินดงผ่านผู้หญิงมามาก หลายฐานะหลายบุคลิกหลายชั้นเชิง ช่วยให้เขาได้เรียนรู้ใจหญิงว่าคิดอย่างไร ยากง่ายต่างกันแค่ไหน สลับซับซ้อนเกินกว่าจะตามทันทั้งดีและร้ายอย่างไร

ชายอ่อนโลกีย์ย่อมไม่มีทางรู้ทันหญิงและพร่องพวกนั้น

ทุกสายตาจึงได้แค่แลตามหญิงสาว…จนกระทั่งเสียงมอเตอร์ไซค์ใกล้เข้ามา ร้านกับข้าวเจ้าประจำของนายจังมาถึง เจ้าตัวจึงลุกไปจ่ายเงินแล้วรับถุงอาหารขนาดใหญ่เดินไปส่งให้เก่งผู้เพิ่งหุงข้าวเสร็จ กลิ่นข้าวสุกใหม่หอมตลบไปทั่วกระท่อม

“น่าจะมีเก้าอี้อีกสักสิบตัว” นายจังเอ่ยขึ้น เพราะเพิ่งนึกออก พลอยให้เดินดงนึกขึ้นได้

นั่นก็เนื่องด้วยลืมไปว่า ต่อจากนี้…น่าจะมีคนมาเป็นแขกบ้านนี้มากขึ้น

แต่ทั้งกระท่อมก็ยังไม่มีโต๊ะเก้าอี้แทนนั่งกับพื้นชานด้านหน้า กับม้ายาวสองสามตัวนี้

เลยเท่ากับเปลี่ยนบรรยากาศเรื่องดวงมาเป็นเรื่องที่อาศัย

หากภาพที่ชวนให้แปลกใจก็เกิดขึ้น

นั่นก็คือนายอุกกาเดินไปจับแขนใบจันพลางกล่าว

“น้องจ๊ะ…มาทานข้าวได้แล้ว”

 

 

 

 



Don`t copy text!