ความรักที่ยิ่งใหญ่คืออะไร ‘พงศกร’ จะพาไปหาใน ‘หงสาพิศุทธิ์’ ผลงานลำดับที่สองจากซีรีส์ ‘เจ้าสาวต้องสาป’

ความรักที่ยิ่งใหญ่คืออะไร ‘พงศกร’ จะพาไปหาใน ‘หงสาพิศุทธิ์’ ผลงานลำดับที่สองจากซีรีส์ ‘เจ้าสาวต้องสาป’

โดย : กิ่งสุรางค์ อนุภาษ

Loading

อีกหนึ่งผลงานที่ FC ของ ‘พงศกร’ รอคอยกันมาหลายปี คือ ‘หงสาพิศุทธิ์’ ผลงานลำดับที่สองจากซีรีส์ชุด ‘เจ้าสาวต้องสาป’ ซึ่งก่อนหน้านี้คุณหมอโอ๊ต-พงศกร จินดาวัฒนะ ได้ทำให้ลดานิดา นางเอกผู้ได้เวลผ้าคลุมผมเจ้าสาวในเรื่อง ‘พรางพัสตรา‘ ผลงานชิ้นแรกที่เปิดร้านเจ้าสาวต้องสาปได้แจ้งเกิดมาแล้

“ผมเขียนซีรีส์เรื่องเจ้าสาวต้องสาปขึ้นมาเพราะได้เห็นเรื่องราว ข่าวคราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสังคมปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความรัก ชีวิตครอบครัว แล้วมีคำถามมากมายที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเหล่านี้ ทั้งจากประเด็นในสังคมที่เราเห็น และจากประสบการณ์ของคนรู้จักหรือคนไข้ที่เคยมาปรึกษา พูดคุยให้ฟัง บางคนพยายามตามหาความรักที่แท้จริง อยากรู้ว่าคืออะไร หรือความรักที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคืออะไร…มีประเด็นเยอะมากทำให้มาตั้งโจทย์กับตัวเองว่า ความรักนั้นไม่ได้มีแต่ความสุขเสมอไป บางทีก็มาพร้อมกับความทุกข์และความรู้สึกอื่นๆ ที่หลากหลายด้วยนั่นจึงทำให้ผมตั้งโจทย์ว่า การแต่งงาน การได้เป็นเจ้าสาวคือความสุขที่สุดจริงหรือเปล่า เพราะบางทีเจ้าสาวบางคนอาจเหมือนเป็นคำสาป นี่คือเหตุที่ทำให้เกิดเป็นซีรีส์เจ้าสาวต้องสาปขึ้นมา ซึ่งจะมีทั้งหมด ๓ เรื่อง ๓ แนวคิดหลัก

“เรื่องแรกเขียนไปแล้วชื่อพรางพัสตราก็เป็นเรื่องของ ’ลดานิดา‘ ที่ได้ ‘เวล’ ผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวโบราณ คำถามหลักของเธอก็คือ ‘ความรักที่แท้จริงนั้นคืออะไร’ พอมาถึงเจ้าสาวคนที่สองคือ ‘มุกจันทร์’ ในเรื่องนี้ซึ่งคือหงสาพิศุทธิ์ โดยมุกจันทร์มีโอกาสได้ไปสวมมงกุฎหงส์ของเจ้าสาวที่เป็นเจ้าสาวชาวจีนโดยบังเอิญ ทำให้เกิดเรื่องราวบางอย่างขึ้นกับชีวิต มุกจันทร์เป็นเด็กกำพร้า เธอเติบโตขึ้นมาเป็นนางพยาบาลและได้มีโอกาสไปดูแลคนไข้ของครอบครัวใหญ่ครอบครัวหนึ่ง คำถามหลักในใจของมุกจันทร์คือ ‘ความรักที่ยิ่งใหญ่ที่สุดนั้นคืออะไร’ เพราะว่ามุกจันทร์ขาดครอบครัว คำตอบก็จะอยู่ในเรื่องนี้ครับ

“สำหรับเจ้าสาวคนที่สามชื่อ ‘คามิลลา’ เธอเป็นลูกครึ่งเปอรานากัน คือเชื้อชาติจีนกับมาลายูที่อยู่ในเรื่อง ‘มงกุฎดอกไม้ไหว’ ซึ่งถ้าทุกอย่างเป็นไปตามแผนก็น่าจะได้อ่านเรื่องของเธอในงานหนังสือเดือนตุลาคมครับ คำถามของคามิลล่าก็คือ ‘ความรักและความเสียสละนั้นจริงๆ แล้วคืออะไรกันแน่’

“สรุปว่าทั้งสามเรื่องจะมีคำถามของตัวเอกในเรื่องของความรัก และเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับพวกเธอได้ทำให้พวกเธอได้รับคำตอบในสิ่งที่สงสัยและเป็นความตั้งใจแรกเลยที่จะเขียนถึง ๓ คน ๓ เรื่อง ๓ คำถามเกี่ยวกับความรักเลยตั้งชื่อให้คล้องกันคือพรางพัสตรา หงสาพิศุทธิ์และมงกุฎดอกไม้ไหว

“ผมเขียนพรางพัสตราตั้งแต่ปี ๒๕๖๔ หลังจากนั้นก็ไปเขียนเรื่องอื่นก่อน จากนั่นจึงกลับมาเขียนต่อคนที่ ๒ และตามมาด้วยคนที่ ๓ เพื่อให้ครบซีรีส์ในปีนี้ แต่ซีรีส์นี้อ่านเรื่องไหนก่อนก็ได้ครับ เพราะทุกเรื่องจบในตัว มีจุดเชื่อมโยงที่เจ้าสาวทั้งสามคนมีโอกาสได้ไปเจอร้านลึกลับแห่งหนึ่งชื่อว่าร้านเจ้าสาวต้องสาปเท่านั้น ในร้านจะมีคุณป้าท่านหนึ่งซึ่งรูปร่างหน้าตาจะเปลี่ยนไปตามสถานที่จริงๆ เหมือนมีหลายคนมาก แต่ความจริงคือคนเดียวกัน พอไปปรากฏที่เวนิสจะมีลุคเป็นฝรั่ง แต่พอมาปรากฏในบทของหงสาพิศุทธิ์ลุคก็จะเป็นคนจีนครับ แต่ถ้าเขาไปปรากฏอยู่ที่เรื่องที่สามลุคของเธอจะต้องเป็นแบบหญิงเปอรานากัน”

หงสาพิศุทธิ์คือ ‘หงส์’ เป็นตัวแทนของผู้หญิงจีนที่สวยสง่า หงสาพิศุทธิ์จึงแปลว่าเป็นสายเลือดที่บริสุทธิ์ของหงส์ครับ”

เพราะอะไรถึงเป็นมงกุฎหงส์

“เหตุผลที่ครั้งนี้ผมเลือกเป็นมงกุฎหงส์เพราะรู้สึกชอบครับ สวยดี ถ้าเราดูหนัง ซีรีส์จีนจะเห็นว่าเจ้าสาวจีนเวลาเขาแต่งชุดแต่งงานจะมีเครื่องหัวมงกุฎที่ประดับชุดเจ้าสาว ทีนี้พอเราเขียนอะไรที่เกี่ยวกับเจ้าสาว แล้วทั้งสามเรื่องต่างเกี่ยวกับเครื่องสวมศีรษะของเจ้าสาวทั้งหมด เลยคิดว่าควรจะเลือกอะไรที่สวยงาม มีความลึกลับ มีเสน่ห์ น่าสนใจ สง่างาม เรื่องแรกจึงให้เป็นเวล ผ้าลูกไม้ของเวนิส ซึ่งเป็นผ้าโบราณ เรื่องที่สองเป็นมงกุฎหงส์ ซึ่งมงกุฎเจ้าสาวจีนมีหลายรูปแบบมาก แต่ละแคว้น แต่ละมณฑล แต่ละเมืองไม่เหมือนกัน บางทีเป็นผ้าคลุมอย่างเดียว บางทีเป็นมงกุฎ บางทีเป็นลักษณะเหมือนเทียราสวม ผมมองว่าเป็นเรื่องของวัฒนธรรม เป็นความละเอียดอ่อนที่ตั้งใจจะทำให้เจ้าสาวพิเศษที่สุด และสวยที่สุดในวันสำคัญ เลยมีการออกแบบ ตกแต่งอะไรต่างๆ เป็นพิเศษ ไม่ใช่ของวางขายทั่วไป

“ส่วนเรื่องที่สาม ผมชอบวัฒนธรรมเปอรานากันอยู่แล้ว เลยเลือกเล่าเป็นเครื่องสวมศีรษะของเจ้าสาวเปอรานากัน ซึ่งตรงตัวเลยก็คือมงกุฎดอกไม้ไหว และใช้เป็นชื่อเรื่องด้วยครับ”

ความรักและความศรัทธา

“แก่นหลักของหงสาพิศุทธิ์คือความรักที่ยิ่งใหญ่ที่สุดนั้นคืออะไรกันแน่ ผมมีความรู้สึกว่าคนเราบางทีไขว่คว้าหาความรัก อยากได้ความรักที่ดีที่สุด แต่จริงๆ แล้วความรักอะไรกันแน่ที่เป็นความรักที่ยิ่งใหญ่ที่สุด และทำให้มนุษยชาติมีความสงบสุข มีความสุขในการใช้ชีวิต ซึ่งจะขมวดเล่าเอาไว้แบบเนียนๆ ในเรื่อง แล้วแต่ใครอ่านแล้วจะตีความยังไง

“นอกจากนี้ยังมีเรื่องของความเชื่อ ความศรัทธาแทรกอยู่ในเรื่องด้วย ซึ่งความศรัทธาเป็นเรื่องที่อยู่คู่กับมนุษย์ แต่ผมยังเชื่อในเรื่องทางสายกลางที่พระพุทธเจ้าสอน ผมไม่ได้บอกว่าอะไรถูกอะไรผิดนะครับ แต่ว่าในเรื่องนี้จะมีตัวละครที่ทั้งที่เชื่อ ไม่เชื่อ และเชื่อมากๆ ลองดูครับว่าแต่ละคนเขาจะมีเส้นทางอย่างไร”

นกฟีนิกซ์ สัญลักษณ์แห่งความอมตะ

“ในเรื่องนี้มีสัตว์มงคลอีกหนึ่งอย่างนั่นคือ นกฟีนิกซ์ หรือ เฟิ่งหวงซึ่งเป็นสัตว์มงคลของจีนได้ถูกนำมาเล่าถึงไว้ด้วยครับ ในวัฒนธรรมบางที่ เฟิ่งหวงหรือว่าฟีนิกซ์กับหงส์แยกจากกันแทบไม่ออก แต่เรื่องหนึ่งที่เป็นคอนเซ็ปต์ของฟีนิกซ์ไม่ว่าจะเป็นกรีก ยุโรป เอเชีย จีน คือเป็นนกในตำนานที่จะเผาไหม้ตัวเองเพื่อเกิดใหม่ ถือว่าเป็นสัตว์มงคล เป็นสัตว์ที่อมตะ และที่เลือกเฟิ่งหวงมาใช้ในเรื่องเพราะอยากเปรียบเทียบกับนางเอกที่มีชีวิตที่เหมือนเกิดใหม่หลายครั้ง อีกอย่างผมมีความรู้สึกว่า ความรักในเรื่องนี้เป็นความรักที่ไม่มีวันตาย ฉะนั้นในเมื่อเป็นแบบนี้เลยเลือกหยิบเอาเฟิ่งหวงหรือว่านกฟีนิกซ์มาใช้ เพราะไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของสัตว์มงคลของจีน คอนเซ็ปต์ของตัวเรื่องราวความเป็นมา ตำนานของนก ล้วนตอบโจทย์สิ่งที่นักเขียนอยากจะบอกคนอ่านครับ”

คัดเลือกข้อมูลที่หลากหลาย

“ก่อนเขียนเรื่องนี้ผมหาข้อมูลเยอะมากครับ อาจใช้น้อย แต่ข้อมูลได้ใช้หมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเซี่ยงไฮ้ที่พอดีเมื่อตอนกลางปีที่ผ่านมาผมได้มีโอกาสไปที่นั่นจึงได้ไปสัมผัสบรรยากาศหรือสถานที่ต่างๆ ผมว่าเสน่ห์ของที่นี่ก็คือ ความผสมผสานระหว่างความเก่ากับความใหม่ได้อย่างลงตัว แต่สำหรับเรื่องนี้ผมไม่อยากให้คาดหวังเรื่องการท่องเที่ยวมากนัก เพราะว่าเราใช้เป็นฉากหลังของเรื่องเท่านั้น มีแตะๆ เรื่องท่องเที่ยวบ้างเล็กน้อย แต่หลักๆ เป็นเรื่องราวของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตระกูลหยางกับตระกูลหลี่มากกว่า หรืออย่างตอนบรรยายโบสถ์ก็ต้องรู้ว่าในโบสถ์มีอะไร ไม่ใช่แค่ไปเปิดรูปดู เพราะฉะนั้นในเรื่องของโลเคชั่นต้องมีการเตรียมเรื่องของข้อมูล

“ในเรื่องของวัฒนธรรม ความเชื่อ เรื่องของภูตผีปีศาจวิญญาณนี้ก็ต้องค้นเยอะพอสมควร เรื่องของพิธีแต่งงาน เครื่องประดับ ค้นแทบจะทุกจุด และอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เขียนช้าทำให้ทิ้งห่างจากพรางพัสตรานานพอสมควร เพราะรอจังหวะข้อมูลให้เหมาะสม เรื่องที่สามเป็นมะละกาครับ เหล่านี้เป็นสถานที่ที่ผมไปมาหมดแล้ว บางที่ไปมาหลายรอบด้วย ทำให้ได้เก็บเกี่ยวบรรยากาศตรงนั้นแล้วนำมาถ่ายทอดซึ่งเชื่อว่าคนอ่านก็น่าจะรู้สึกได้ และตอนเขียนเรื่องหงสาพิศุทธิ์ผมก็ปรึกษากับอาจารย์ที่อยู่คณะศิลปศาสตร์ของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบังเป็นช่วงๆ ด้วยครับ”

เป้าหมายของนักเขียน

“อย่างแรกเลยก็คืออยากให้อ่านแล้วสนุก มีความสุขกับการอ่าน เพราะว่าปัจจุบันสื่อต่างๆ มีเยอะ แย่งเวลาเราไปจากการอ่านหนังสือ ไม่ว่าจะเป็นซีรีส์ ภาพยนตร์ สตรีมมิ่ง คนเลยใช้เวลากับการอ่านน้อยลง เพราะฉะนั้นเมื่อหยิบเล่มนี้ขึ้นมาอ่านแล้ว ก็อยากให้ได้รับความบันเทิงเลย อย่างที่สองคือจะมีข้อคิดเล็กๆ น้อยๆ ทิ้งไว้ ให้คนได้คิดต่อ ซึ่งถ้าคนอ่านได้สองเรื่องนี้จากหงสาพิศุทธิ์ ก็ถือว่านิยายเรื่องนี้ได้ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างสมบูรณ์แล้วในความเห็นของผู้เขียนครับ

“ผมขอฝากหงสาพิศุทธิ์ด้วยครับ ตั้งใจเขียนมากๆ และผลงานชิ้นต่อไปเป็นเจ้าสาวคนที่สามที่มาปิดซีรีส์นี้ คือมงกุฎดอกไม้ไหว เป็นเรื่องราวของคามิลลา หญิงสาวชาวเปอรานากัน กับมงกุฎดอกไม้ไหวที่จะพาเธอไปพบกับอะไรบางอย่างที่ลดานิดาและมุกจันทร์ได้พบมาครับ”

 

Don`t copy text!