
ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 4 : ฟางเส้นสุดท้าย
โดย : เอมอักษร
ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง นวนิยายรางวัลรองชนะเลิศกับนิยายดราม่าคอเมดี้จากโครงการอ่านเอาก้าวแรก ปี 5 โดย เอมอักษร เรื่องราววุ่นๆ ของหญิงสาวที่คิดว่าตัวเองโชคร้ายทุกด้านจนขอฆ่าตัวตายเพื่อเรียกร้องความสนใจ แต่ไหงแค่นอนหลับไปวิญญาณก็ออกจากร่าง เธอจึงต้องลุกขึ้นมาหาวิธีกลับเข้าร่าง หาฆาตกรให้ทันเวลาที่เหลือน้อยลงทุกที
“ยัยเจิด วันนี้ทำให้เต็มที่นะลูก” ภาคภูมิมองเจิดจันทร์เขม็ง สายตาคมปลาบไล่สำรวจตั้งแต่ใบหน้าสะลึมสะลือ ผมมัดไว้ลวกๆ เพราะตื่นสาย ยันรองเท้าคัตชูที่ไม่ได้ขัด “ไหวมั้ยเนี่ย ทำไมหน้าตาหัวหูมันเป็นอย่างนั้น พ่อบอกกี่ครั้งแล้วว่าความประทับใจแรกมันสำคัญ จะสอบเป็นพนักงานทั้งที สภาพยังกะมาถูพื้นห้องสอบ ใครเขาจะมาเชื่อถือเรา แล้วนี่ง่วงมากเหรอไง เมื่อคืนนอนกี่โมง”
“เจิดอ่านหนังสือถึงตีสามแน่ะค่ะพ่อ” เจิดจันทร์ตอบเสียงระโหย อันที่จริงก็หลับๆ ตื่นๆ ส่วนใหญ่หนังสือเป็นฝ่ายเฝ้าเจิดจันทร์ผล็อยหลับซะมากกว่า
สองอาทิตย์ที่ผ่านมา หญิงสาวยอมรับว่าเป็นเวลาที่เคร่งเครียดและกดดันที่สุดในชีวิต เพราะบิดาเฝ้าพูดกรอกหูทุกครั้งที่เจอหน้า ให้เธอขยันอ่านหนังสือเพื่อสอบคัดเลือกเป็นพนักงานรอบนี้ให้ได้ แต่เวลาสองอาทิตย์ช่างน้อยนิดสำหรับคนที่ไม่ได้เตรียมตัว ยิ่งเจิดจันทร์ได้ยินเพื่อนคนนั้นคนนี้พูดกันว่า ใครพร้อมแค่ไหน ใครซุ่มอ่านหนังสือมาเป็นปีแล้ว หรือจับกลุ่มติวกันทุกเย็น เธอก็ยิ่งขวัญบิน
หญิงสาวพยายามหนีตาย ด้วยการแอบไปปรึกษามารดาว่าหากสอบไม่ได้ จะขอเงินทุนสักก้อนไปเปิดกิจการแฟรนไชส์เล็กๆ ของตัวเอง แต่เรืองรุจี ผู้เป็นมารดาไม่เห็นด้วยนัก เพราะลูกสาวไม่มีประสบการณ์ด้านการค้าขาย จะกลายเป็นว่าเสียเงินไปเปล่าๆ หากล้มเหลวขึ้นมา
“ฉันไม่มีทางออกเลยว่ะหมูยอ”
เจิดจันทร์ซบไหล่เพื่อนสนิท ขณะนั่งรอหน้าห้องสอบ หมูยอแม้จะหน้าตายู่ยี่เพราะกังวลพอกัน แต่ก็มองเพื่อนอย่างเห็นใจ
“ถ้าสอบไม่ผ่านจริงๆ พ่อเขาไม่ถึงกับฆ่าแกงแกหรอกเจิด อย่างดีก็ทนเขาบ่นนานหน่อย ส่วนแกก็ทำงานไปเรื่อยๆ รอสอบใหม่”
“แกไม่รู้หรอกว่า พ่อฉันตั้งความหวังไว้ขนาดไหน มันเกี่ยวกับหน้าตาเขาด้วย เขาอายคนที่ลูกสาวเป็นแค่ลูกจ้าง” เจิดจันทร์ถอนหายใจ ยิ่งมองรอบตัว เห็นคนนับร้อยกำลังก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือ บ้างก็เตรียมตัวจะเข้าห้องสอบด้วยท่าทีมั่นใจ เธอยิ่งประหวั่นพรั่นพรึง สารพัดวิชาที่พยายามยัดใส่สมองมาตลอดสองอาทิตย์ก็ไม่รู้หลบไปอยู่ซอกหลืบไหนหมด เจิดจันทร์นึกโกรธตัวเองที่สมองทื่อผิดพี่น้อง นี่ถ้าเปลี่ยนเป็นเจณิสตาหรือเจนนินทร์มาเป็นคนสอบ สองคนนั่นคงทำได้ฉลุย “ถ้าครั้งนี้สอบไม่ได้ ฉันตายซะดีกว่า พ่อจะได้ไม่ต้องอายคน”
“บ้าน่าเจิด คิดแบบนั้นก็ไม่ช่วยอะไร ตอนนี้เอาเรื่องสอบให้รอดก่อน” หมูยอฉุดเพื่อนสาวให้ลุกขึ้น เมื่อเจ้าหน้าที่เดินมาส่งสัญญาณให้เตรียมตัว
“เราทำให้เต็มที่ที่สุดละกัน ผลเป็นยังไงก็ช่างมันเถอะ” หมูยอบีบมือเพื่อน ก่อนเดินไปที่โต๊ะสอบของตัวเอง เจิดจันทร์เดินตามอย่างหงอยๆ และอดไม่ได้ที่จะเหลียวมองไปที่หน้าห้องสอบอีกครั้ง
แม้จะกลัวคำพูดกดดันของบิดานักหนา แต่เจิดจันทร์ก็ยังหวังว่า จะเห็นเขาแวะมาให้กำลังใจ
แต่หน้าห้องสอบว่างเปล่า มีเพียงเจ้าหน้าที่สองคนปิดประตูห้องสอบตามหลัง
หญิงสาวถอนหายใจอีกครั้ง เดินไปนั่งที่โต๊ะตามหมายเลขของตนเอง เมื่อเจ้าหน้าที่ขานเวลาเริ่มทำข้อสอบ เสียงพลิกกระดาษและเสียงปากกาขีดเขียนก็ดังอื้ออึงขึ้นอย่างไม่มีใครยอมใคร
เจิดจันทร์มองกระดาษข้อสอบด้วยสายตาพร่าพราย พยายามเค้นทุกอณูสมองเพื่อตอบคำถามตรงหน้า บอกตัวเองว่า ครั้งนี้เธอจะพลาดไม่ได้ ทั้งเพื่อตัวเอง และเพื่อบิดาด้วย
“โอ๊ย ทำไมยังไม่ออกสักทีนะ” หมูยอกดปุ่มรีเฟรชหน้าจอเป็นรอบที่ยี่สิบ นับจากวันสอบคัดเลือกลูกจ้างเพื่อบรรจุเป็นพนักงานเพียงหนึ่งสัปดาห์ ก็มีบันทึกเวียนมาว่า หน่วยงานกลางจะประกาศผลสอบวันนี้ ผ่านเว็บไซต์ภายในขององค์กร
บรรยากาศรอบตัวคล้ายวันหวยออก ด้วยมีกลุ่มคนเล็กใหญ่เกาะกลุ่มกันอยู่หน้าจอ สีหน้าลุ้นสุดขีด และถอนหายใจพร้อมกันเฮือกใหญ่เป็นระยะ เมื่อรีเฟรชหน้าจอแล้วพบว่าประกาศผลสอบยังไม่อัปโหลด
เจิดจันทร์นั่งหน้าตาซีดเซียวอยู่ข้างเพื่อนสนิท อยากให้เป็นการลุ้นหวยจริงๆ เสียมากกว่า เพราะถึงเลขที่ออกจะทำให้เธอจะโดนกินเรียบหมดกระเป๋า ก็ยังไม่เครียดจนหัวแทบระเบิดเหมือนการลุ้นผลสอบขณะนี้
“กรี๊ดดดด” เสียงร้องลั่นฉับพลันทำเอาเจิดจันทร์สะดุ้งเฮือก หมูยอชี้มือไม้สั่นไปที่หน้าจอ “มาแล้วๆๆ”
“เอาไงดี เปิดเลยมั้ย” หญิงสาวหันไปถามเพื่อนร่วมชะตากรรมสี่ห้าคนที่เกาะหน้าจออยู่ด้วยกัน “โอ๊ย ตื่นเต้นอะ ฉันไม่กล้าเปิด นังติ๊ก แกมาคลิกเปิดไฟล์ที”
หนุ่มน้อยหน้ามนเจ้าของชื่อค้อนขวับ “โอ๊ย ดัดจริตเกินไปละหมูยอ แค่นี้ไม่กล้าเปิด สอบตกมากี่หนล่ะ ยังไม่ชินอีกเหรอแก”
“ติ๊กกก นังปากเสีย” หมูยอวี้ดลั่น “เดี๋ยวเหอะ แกเองก็นกมากี่ทีแล้วล่ะยะ”
“โอ๊ย หยุดทะเลาะกัน” เพื่อนอีกคนรีบห้าม แล้วพยักพเยิดไปทางเจิดจันทร์ “ให้เจิดเขาเปิดแน่ะ เขามี ออร่าสุดแล้วงานนี้ คุณปะป๊ารอจะใส่ชื่อบรรจุอยู่แล้วเห็นๆ หรือไงเจิด”
เจิดจันทร์ไม่มีแรงจะตอบโต้ ด้วยท้องไส้บิดเขม็งเป็นเกลียว จนรู้สึกว่าอาจจะอ้วกออกมาถ้าอ้าปากพูด
“เออ มัวแต่เกี่ยงกันก็เลยไม่รู้ผลสักที” ติ๊กบ่น คว้าเมาส์ไปจากหมูยอ แล้วกดดับเบิลคลิกที่หน้าจอทันทีอย่างอาจหาญ
เสียงกรี๊ดของเพื่อนทั้งกลุ่มดังประสานกันเซ็งแซ่ ยกเว้นเจิดจันทร์ที่ปิดปากเงียบ
“ว้าย ตาพัดยศได้ มีชื่อคนแรกเลย โอ๊ย ไม่อยากจะเชื่อ ท่าทางเป็นฤๅษีแบบนั้น นั่งทางในทำข้อสอบหรือไงนะ แล้วใครคนต่อมา ฮ่าฮ่า นางสาวรุจิราค่ะ ไม่ใช่รุจิเรข” ติ๊กหันไปยิ้มเย้ยเพื่อนนามรุจิเรข ที่ทำท่าเสียอกเสียใจแบบเกินจริง “แล้วใครอีกล่ะ โอ๊ย คนนี้ไม่รู้จัก ค่อยๆ เลื่อนดูทีละชื่อนะ ตื่นเต้นเป็นบ้าเลยว่ะ”
เจิดจันทร์เขม้นมองตัวอักษรเล็กๆ ที่เลื่อนผ่านตา มีทั้งรู้จักและไม่รู้จัก แต่ยิ่งมองก็ยิ่งใจหาย เพราะชื่อที่สิบ สิบเอ็ด สิบสอง ผ่านไป…ก็ยังไม่มีชื่อเธอ
เหลือจำนวนผู้สอบผ่านอีกไม่กี่คนแล้ว
หมูยอเอื้อมมาจับมือเจิดจันทร์ไว้ แล้วก็สะดุ้งเพราะสัมผัสมือแข็งเกร็งเย็นเฉียบ พอเหลือบมองก็เห็นใบหน้าที่ซีดคล้ำกว่าปกติ ท่าทางเจิดจันทร์เหมือนจะช็อกจนเป็นลมได้ทุกเมื่อ
ฉับพลัน เสียงกรี๊ดก็ดังอีกระลอก คราวนี้ดังก้องจนเพื่อนแผนกข้างเคียงเดินมาเมียงมอง
“ฉันได้ๆๆ นั่นชื่อฉัน ลำดับที่ยี่สิบพอดีเลย นายณวัฒน์ แก่นเชื้อชาญไชย” ติ๊กตะโกนลั่นห้องอย่างลืมตัว “พวกแก๊ๆๆ ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย ฉันสอบได้ โอ๊ย ต้องลางานไปแก้บนแล้ว บนเอาไว้ตั้งยี่สิบที่”
เสียงหัวเราะเฮฮาและเสียงแซวดังสนั่นขึ้นทันที เพื่อนจากแผนกอื่นที่ได้ยินเสียง รีบเดินมาแสดงความยินดีล้อมรอบติ๊ก สีหน้าหนุ่มน้อยเต็มไปด้วยความเปล่งปลั่งปราโมทย์ หมูยอเองก็พลอยกรี๊ดยินดีไปกับเพื่อนด้วย
ไม่มีใครสนใจหญิงสาวที่นั่งหน้าซีดเผือดอยู่กับที่ ไม่มีแรงแม้แต่จะพูดคำใดๆ ออกมา
เจิดจันทร์ลุกจากเก้าอี้ แม้สมองยังมึนงงและไม่อยากเชื่อ แต่เธอก็ทนอยู่ในบรรยากาศแห่งความสำเร็จที่เป็นของคนอื่นไม่ไหว
ไม่น่าเชื่อเลย ฉันพลาดอีกแล้ว ทั้งๆ ที่ตั้งใจทำข้อสอบเต็มที่ขนาดนั้น แล้วพ่อบอกว่าไงนะ ถ้าพลาดครั้งนี้ต้องรอไปอีกสิบปีใช่ไหม…พ่อคงไม่รอลูกสาวคนนี้อีกต่อไปแล้ว
หมูยอวิ่งกระหืดกระหอบตามหลังเจิดจันทร์มา
“เจิด จะไปไหน” หมูยอตะโกนเรียก ชักตกใจที่เพื่อนเดินลิ่วออกมาจากห้องไม่พูดไม่จา
“หมูยอ ฉันสอบตก” เจิดจันทร์ปากสั่น น้ำตาคลอ “พ่อต้องผิดหวังมากๆ เลย ฉันไม่รู้จะทำไง”
“เจิดดด” หมูยอเขย่าแขนเพื่อนเพื่อเรียกสติ “แกตกคนเดียวที่ไหน ฉันก็ตก แถมคนอีกเป็นพันก็ตก แกลืมไปแล้วเหรอว่า คนมีสิทธิ์สอบพันสองร้อยคน แต่รับแค่ยี่สิบ ถ้าใครสอบได้สิปาฏิหาริย์”
“มันไม่เหมือนกัน” เจิดจันทร์ส่ายหน้า “คนอื่นไม่ได้มีพ่อที่ตั้งความหวังมากๆ อย่างฉัน ไม่มีพี่น้องที่ทั้งสวยทั้งฉลาด ทำอะไรก็ประสบความสำเร็จไปหมด ส่วนแม่ก็รักแต่คนที่เชิดหน้าชูตา การสอบครั้งนี้เป็นฟางเส้นสุดท้ายของครอบครัวฉัน พอมันขาดก็ไม่มีที่ยืนสำหรับฉันแล้วหมูยอ”
“โฮ้ยย เจิด แกใจเย็นๆ ก่อน อย่าเพิ่งคิดมากไปใหญ่โต” หมูยอมองเพื่อนที่น้ำตาไหลอาบแก้มอย่างตกใจ คนที่เดินผ่านเริ่มหันมามองสองสาว “แล้วนี่แกจะไปไหนน่ะ มานั่งตรงนี้ก่อนเจิด ทำใจร่มๆ เดี๋ยวฉันสั่งชาไข่มุกมาให้ เอาหวานสองร้อยไปเลยนะ กินให้ชื่นใจ”
“ฉันกินไม่ลงหรอกหมูยอ และฉันก็อยู่ที่ทำงานไม่ไหวแล้วด้วย ฉันกลัวคนมอง” เจิดจันทร์สะอื้น “กลัวคนมาถามว่าฉันสอบได้ไหม ถ้าพ่อรู้พ่อคงโกรธมากเลย ป่านนี้คงรู้แล้วด้วยมั้ง”
หญิงสาวดึงแขนออกจากเกาะกุมของเพื่อน “หมูยอ ฉันฝากเก็บกระเป๋าด้วยนะ ฝากบอกหัวหน้าว่าฉันไม่สบาย ขอกลับก่อน เดี๋ยวพรุ่งนี้มาเขียนใบลา”
“เฮ้ย” หมูยอร้อง ตะลึงมองเจิดจันทร์ที่หันหลังวิ่งลงไปบันไดไปอย่างรวดเร็ว ละล้าละลังทำอะไรไม่ถูก
“อ้าว เจิดเขาวิ่งไปไหน” ติ๊กโผล่หน้ามาถาม “กลางวันนี้ไปเลี้ยงฉลองกันเถอะ ฉันเลี้ยงเอง กินไก่ทอดเกาหลีกันมะ”
“เจิดกลับบ้านไปแล้ว มันไม่สบาย” หมูยอตอบอ่อยๆ
“เจิดเขาแซดมากเลยเหรอ” ติ๊กทำตาโต “เออ ก็น่าอยู่หรอก พ่อเป็นถึงฝ่าย เขาก็คงหวังไว้เยอะแหละ ได้ข่าวว่าพ่อเขาไปฝากระดับบิ๊กๆ ไว้เพียบเลยนี่ แต่ไม่มีใครเล่นด้วยหรอก ยุคนี้ใครๆ ก็กลัวเรื่องทุจริต”
“แกอย่าพูดมากไปนะติ๊ก เราก็ไม่รู้เรื่องจริงหรือเปล่า” หมูยอขมวดคิ้ว “เจิดมันเสียใจเพราะมันตั้งใจทำข้อสอบมาก ทุกคนก็เสียใจเหมือนกันหมดแหละ มีแกคนเดียวละมั้งที่ลัลล้าหน้าระรื่นอยู่เนี่ย”
หมูยอถอนหายใจยาว เดินตามหลังเพื่อนชายกลับไปที่โต๊ะทำงาน “เจิดมันเสียใจแค่วันเดียวแหละ เดี๋ยวพรุ่งนี้มันก็ทำใจได้ รอเปิดสอบใหม่ หรือถ้ารอไม่ไหวก็ลาออก งานมีอีกเป็นหมื่นเป็นแสนในประเทศ มันไม่ตายเพราะเรื่องแค่นี้ร้อกก”
- READ ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 8 : วันวิกฤต
- READ ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 7 : คำอำลา
- READ ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 6 : เราสองสามคน
- READ ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 5 : เซอร์ไพรส์
- READ ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 4 : ฟางเส้นสุดท้าย
- READ ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 3 : ความกดดัน
- READ ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 2 : คนแรกของหัวใจ
- READ ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 1 : เจิดจันทร์