ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 36 : หลอน

ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 36 : หลอน

โดย : เอมอักษร

Loading

ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง นวนิยายรางวัลรองชนะเลิศกับนิยายดราม่าคอเมดี้จากโครงการอ่านเอาก้าวแรก ปี 5 โดย เอมอักษร เรื่องราววุ่นๆ ของหญิงสาวที่คิดว่าตัวเองโชคร้ายทุกด้านจนขอฆ่าตัวตายเพื่อเรียกร้องความสนใจ แต่ไหงแค่นอนหลับไปวิญญาณก็ออกจากร่าง เธอจึงต้องลุกขึ้นมาหาวิธีกลับเข้าร่าง หาฆาตกรให้ทันเวลาที่เหลือน้อยลงทุกที

กิ่งแก้วก้มหน้า สงสารลูกชายจับจิต จนไม่กล้าตอบคำถามที่ว่า เพราะอะไรภาคภูมิจึงยอมรับเธอกลับเข้าบ้านอีกครั้ง เพราะมันไม่ใช่ความรักใคร่เมตตา หรือเยื่อใยต่อทารกน้อยที่อุปโลกน์ว่าเป็นลูกชายอย่างที่ปรีเมธคิด แต่เป็นเพราะกิ่งแก้วยังมีไพ่ลับในมืออีกใบ นั่นคือภาพเปลือยบนเตียงระหว่างเธอและภาคภูมิ เพียงเธอขู่ว่าจะเผยภาพเหล่านี้กับเรืองรุจี คนขี้ขลาดไม่กล้าแก้ปัญหาอย่างภาคภูมิก็ยอมเลยตามเลย และอาจแถมด้วยความหยิ่งยโสแบบโง่ๆ ของเขาด้วยก็ได้ ที่มั่นใจว่าจะกำราบ “สาวใช้” ได้อยู่มือ จนไม่กล้าสร้างปัญหาใดๆ ขึ้นอีก

ภาคภูมิไม่เคยถามถึงทารกน้อยสักคำว่าเด็กหายไปไหน เขาคงแอบโล่งใจอยู่ลึกๆ ที่ “ตัวปัญหา” สูญสิ้นไปจากโลก ไม่เคยเอะใจยามกิ่งแก้วเรียกร้องเงินทองหรือหลบไปเยี่ยมลูกน้อยบ่อยๆ มาถึงวันนี้ ภาคภูมิคงแทบคลั่งทีเดียวหากรู้ความจริงว่า ต้นเหตุที่ทำให้ชีวิตลูกสาวแสนรักทั้งสามของเขาวิบัติ ก็คือเด็กชายคนที่เขาเคยคิดว่าตายไปแล้วนั่นเอง

ปู่ไกรถอนหายใจยาวเหยียด สีหน้าผ่อนคลายขึ้นนิดหนึ่ง เมื่อได้ฟังความจริงจากปากกิ่งแก้วว่าทารกน้อยในวันนั้นยังไม่ตาย หากแต่สลดใจ เมื่อพบว่าหญิงแม่บ้านอาศัยความอยากได้อยากมีของเขานั่นเอง เป็นอุบายในการหลอกลวง เขาเสียรู้คนเลวยังไม่พอ ยังเป็นต้นเหตุที่ทำให้ลูกหลานต้องเดือดร้อนอย่างทุกวันนี้ด้วย

ขณะที่ความสนใจของทุกคนอยู่ที่สองแม่ลูก ไม่มีใครสังเกตร่างบอบบางที่แอบอยู่หลังประตูห้องนอน แม้จะทรงตัวยืนแทบไม่ไหว แต่เจนนินทร์ได้ยินคำตอบโต้ของกิ่งแก้วและปรีเมธทุกประโยค

เด็กสาวสาวกวาดตามองโดยรอบ สภาพห้องที่เห็นดูพิกลแกมน่าตกใจ เพราะมีร่างขาวๆ ของชาวต่างชาติเพื่อนบ้านหลังตรงข้าม นอนไม่ได้สติอยู่บนพื้น บนศีรษะมีเลือดเกรอะกรัง ส่วนพี่หมูยอนั่งแผ่หราอยู่ใกล้ประตูเข้าออก มีกิ่งแก้วยืนขวางเอาไว้ แต่ที่น่าประหวั่นที่สุดคือใบหน้าท่าทางของปรีเมธ ที่ยามนี้เหมือนถอดเครื่องทรงของเจ้าชายผู้อ่อนโยนใจดีออกจนหมด แล้วสวมวิญญาณชายวิปริตคลุ้มคลั่ง ดวงตาขุ่นขวางราวคนวิกลจริตที่พร้อมฆ่าคนได้ทุกเมื่อ

ฉันหนีออกไปทางประตูหน้าห้องไม่ได้แน่ พวกมันขวางอยู่เต็มไปหมด เด็กสาวจรดฝีเท้าย่องกลับมาที่หน้าต่างห้องนอน ชะโงกมองไปด้านนอก ความสูงสิบสี่ชั้นทำให้รถที่จอดเรียงรายอยู่ด้านล่างดูเล็กเหมือนของเด็กเล่น เด็กสาวถอนใจยาว มองสำรวจซ้ายขวาก็ไม่เห็นอะไรนอกจากผนังปูนและหน้าต่างห้องข้างๆ แต่ก็อยู่ไกลเกินเอื้อม

เจนนินทร์กำลังจะถอยหลัง ก็พอดีสายตาไปสะดุดกับขอบปูนแคบๆ ต่ำลงไปจากขอบหน้าต่างเกือบหนึ่งเมตร แต่แล่นยาวตลอดตัวตึก คล้ายกับเป็นวัสดุตกแต่ง

มันแคบเสียจนน่าจะเหยียบได้เพียงครึ่งฝ่าเท้า แต่เด็กสาวก็ไม่มีทางเลือก แม้จะยังสะลึมสะลือด้วยฤทธิ์ยากล่อมประสาท แต่เจนนินทร์ก็ตัดสินใจเปิดบานหน้าต่างออก ค่อยๆ เหวี่ยงร่างคร่อมวงกบ

เด็กสาวหย่อนตัวลงไปช้าๆ มือเกร็งจับขอบหน้าต่างแน่น หวาดเสียวจนไม่กล้ามองลงไปข้างล่าง ปลายเท้าเปลือยเปล่ากวัดแกว่งหาขอบปูนเพื่อหาที่ยันตัว

“เฮ้ย!” เสียงตะโกนแว่วจากข้างล่าง ทำเอาเจนนินทร์สะดุ้งเฮือก ต่อด้วยเสียงแตรรถดังยาวเหยียด

เด็กสาวอ้าปากจะร้องขอความช่วยเหลือ ฉันพลันก็รู้สึกว่าแขนโดนยึดแน่น พร้อมกับฝ่ามือหนาตะปบปากอย่างรวดเร็ว

“ไม่มีอะไรครับ” ปรีเมธตะโกนลงไป ก่อนออกแรงฉุดด้วยความโกรธมหาศาลเพียงทีเดียว ร่างบอบบางของดาราสาวก็เลื่อนไถลกลับเข้ามาในห้องอย่างง่ายดาย

ปรีเมธกระชากบานหน้าต่างปิดล็อก ก่อนจิกศีรษะเจนนินทร์ลากกลับมาที่ห้องรับแขก พร้อมกับมือหนึ่งอุดปากเด็กสาวที่ดิ้นรนเต็มที่

ปรีเมธฟาดไปที่ใบหน้าสวยสองฉาดใหญ่ จนเลือดไหลปรี่ที่มุมปาก ทั้งหมูยอและกิ่งแก้วตะโกนห้ามพร้อมกัน แต่ดูชายหนุ่มจะสติหลุดไปแล้ว เขาหันรีหันขวาง แล้วปราดไปหยิบขวดปากฉลามที่กลิ้งอยู่บนพื้น

ปรีเมธหันมาตะโกนสั่งมารดา “อย่ามายุ่ง จับอีหมูยอไว้ ถ้าไม่อยากให้ปรีต้องตายอีกคน”

กิ่งแก้วร้องไห้โฮ แต่ก็กอดรัดหมูยอตามคำสั่ง ขณะที่สาวร่างท้วมก็สะบัดปัดป้องเต็มแรง จนทั้งสองล้มกลิ้งชุลมุนกันอยู่บนพื้นหน้าประตูห้อง

ปรีเมธหันขวับมาทางเจนนินทร์ ที่ยกมือสั่นระริกขึ้นไหว้

“พี่ปรี อย่าทำอะไรเจนเลยนะคะ เจนรักพี่ปรีเหมือนพี่ชายคนนึง ปล่อยเจนไปเถอะค่ะ เจนจะไม่บอกใครเลยค่ะ เจนสัญญา”

“แต่กูก็ไม่ใช่พี่ชายมึง” ปรีเมธหัวเราะแค่นๆ ตวัดสายตาขุ่นขวางไปที่กิ่งแก้ว “เพราะแม่ทำไม่สำเร็จ ฉันถึงได้โตมาในสลัม โดนไอ้ขี้เมานั่นตบตีแทบทุกวัน พอโตขึ้น ฉันถึงต้องสู้ด้วยตัวเอง ฉันอดทนทำดีทุกอย่างเพื่อให้คนในบ้านนั้นไว้ใจ และฉันก็ทำได้สำเร็จ จนเกือบจะได้เงินจากนังเจอยู่แล้ว”

น้ำตาไหลจากดวงตาแดงก่ำนั้นช้าๆ

“แต่ทำไมพวกมึงต้องขัดขวางกูกันทุกคน กูแค่อยากสบายเหมือนพวกมึงบ้าง กูผิดอะไร” ปรีเมธเปลี่ยนท่าทีฉับพลัน ชายหนุ่มหัวเราะก้องออกมาเต็มเสียง ขัดกับแววตาขุ่นขวางไร้แวว

“งั้นก็ตายกันให้หมด ถ้ากูไม่มีความสุข คนอื่นก็อย่าหวังเลยว่าจะมี…”

ปรีเมธเงื้อขวดขึ้น เจนนินทร์ร้องกรี๊ดแล้ววิ่งหนีไปรอบห้อง เด็กสาวสะดุดร่างเจมีล้มลง พร้อมกับฝ่ายที่วิ่งไล่ โผเข้ามาถึงตัว

เจนนินทร์ตะเกียกตะกายหนีสุดชีวิต ร้องเรียกกิ่งแก้วจนหมดเสียง มือเล็กบางพยายามปัดป้องปลายขวดแฉกแหลมคมที่พุ่งมายังหน้าอก

เจิดจันทร์และปู่ไกรขยับพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ทั้งคู่กระโจนพรวดมาบังร่างเจนนินทร์ไว้ ขณะที่ปรีเมธเสือกปลายขวดเข้ามาเต็มแรง

พร้อมกับที่กิ่งแก้วถลาเข้ามาขวางเจนนินทร์ไว้เช่นกัน แต่นางอยู่ไกลเกินไป…

อาวุธปลายแหลมพุ่งผ่านวิญญาณสองร่างอย่างง่ายดาย จนเกือบถึงตัวมนุษย์ร่างจ้อยที่ตาเหลือกค้างอย่างกลัวสุดขีด

ชั่วขณะนั้น ก่อนที่ปลายขวดจะสัมผัสร่างเด็กสาว เหมือนมีพลังบางอย่างกั้นไว้ชั่วครู่ จนมือปรีเมธชะงักค้าง

วินาทีนั้นเอง ที่กิ่งแก้วตัดสินใจโถมตัวเข้ามาขวางระหว่างปรีเมธกับเจนนินทร์

ไม่มีใครทันเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น มีแต่ปรีเมธเท่านั้นที่มองภาพตรงหน้าอย่างงุนงง เพราะเขากำลังจะแทงเจนนินทร์ได้อย่างสบาย หากแต่เหมือนมีอะไรขวางไว้เสี้ยววินาที แล้วอยู่ดีๆ ร่างที่มารับปลายขวดปากฉลามเต็มแรงกลับเป็นมารดาของเขาเอง

ปรีเมธสะดุ้ง เมื่อเลือดจากหน้าอกกิ่งแก้วพุ่งใส่ใบหน้าเขาราวกับน้ำพุ เจนนินทร์กรีดร้องออกมาเต็มเสียง เกือบจะหมดสติลงไปอีกครั้ง

หมูยอถลาเข้ามาฉุดแขนเด็กสาว พลางกระชากแขนเจมีที่ยังกึ่งหลับกึ่งตื่นสะลึมสะลือด้วยพลังปานช้างสาร ที่เขาว่าคนแบกโอ่งแบกตู้เย็นหนีไฟไหม้ได้เป็นกิโล หมูยอเชื่อหมดใจวันนี้เองว่าเป็นเรื่องจริง

“หนีเร้วววว” สาวร่างท้วมตะโกนลั่น ถูลู่ถูกังลากชายหญิงทั้งคู่เผ่นออกประตูหน้า ไม่ได้เหลียวกลับไปมองเหตุการณ์ในห้องอีกเลย

คงเหลือสองชีวิตในห้องเท่านั้นที่มองตากันอยู่อย่างตื่นตะลึง คนหนึ่งเลือดพุ่งไม่หยุด จากปลายอาวุธของอีกฝ่ายที่ยังกำค้างอยู่ท่าเดิม หากแต่คนที่โดนทำร้ายไม่มีทีท่าเจ็บปวดหรือโกรธแค้นใดๆ

“แม่ขอให้จบเท่านี้ได้ไหมลูก ปรี อย่าทำร้ายใครอีกเลย แม่ทนเห็นลูกทำบาปกรรมไม่ไหวแล้ว” กิ่งแก้วพึมพำแผ่วเบา พยายามเอื้อมมือสั่นระริกแตะใบหน้าลูกชาย “เรื่องที่ผ่านมาทั้งหมด อภัยให้แม่ได้ไหมลูก…แม่ขอโทษ…แม่ขอโทษจริงๆ”

ชายหนุ่มส่ายศีรษะช้าๆ มองเขม็งไปยังร่างที่หายใจอ่อนเบาขึ้นทุกที

และนาทีต่อมา ทุกอย่างก็นิ่งสนิท…

มือที่กำปากขวดร่วงผล็อยลงกับพื้น ชายหนุ่มเริ่มหัวเราะเสียงเบา ก่อนจะดังขึ้นเรื่อยๆ พร้อมน้ำตาไหลรินโดยไม่รู้ตัว

“แม่ผิดสัญญา ไหนว่าจะทำทุกอย่างให้ปรีรวย ปรีสบาย แล้วไหน…ปรียังไม่ได้อะไรสักอย่าง แล้วทำไมแม่ถึงทิ้งปรีไป”

เสียงคร่ำครวญของชายหนุ่มดังลอดผ่านประตูที่เปิดอ้า สาวห้องข้างเคียงที่เงี่ยหูฟังเสียงผิดปกติอยู่นานแล้ว ตัดสินใจโทร.แจ้งนิติบุคคล ก่อนย่องออกมาแอบดู

คืนนั้น สาวพลเมืองดีนอนไม่หลับ เพราะภาพที่เห็นคือชายหนุ่มหน้าตาดีข้างห้องที่เคยส่งยิ้มทักทายกันบ่อยๆ กำลังเกลือกกลิ้งใบหน้ากับศพหญิงกลางคนร่างโชกเลือด ปากพร่ำเพ้อโทษมารดาไม่หยุด ขณะที่เลือดแดงฉานย้อมผิวหน้าเขาชุ่มโชกราวกับปีศาจร้ายสวมหน้ากากแห่งความตาย…เป็นภาพหลอนที่ติดตาเจ้าหล่อนไปทั้งคืน

 



Don`t copy text!