ขุนเขาแมกไม้ บทที่ 39 : จ็อกกระดิ่น

ขุนเขาแมกไม้ บทที่ 39 : จ็อกกระดิ่น

โดย :

Loading

“ขุนเขาแมกไม้” นวนิยายเรื่องเยี่ยมในชุดโหราศาสตร์ ผลงานเรื่องล่าสุดของ ’กฤษณา อโศกสิน‘ ศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลป์ประจำปีพุทธศักราช 2531 กับเรื่องราวของเดินดงและอิทธิพลของดาวเสาร์ที่มีต่อชีวิตของเขาได้ในอ่านเอา

อากาศค่อยๆ หนาวยะเยือกขึ้นทุกขณะหลังจากนั้น ครั้นแล้วจึงได้เวลาร่ำลาเนินเสาธง ชวนกันขึ้นรถกลับที่พักที่มีห้องน้ำห้องสุขา รวมทั้งอาหารจากร้านค้าให้ได้ปูผ้าใบผืนกว้าง นั่งล้อมวงกันกินและดื่มท่ามกลางแสงไฟจากที่ทำการและที่พักโดยรอบ

นายอุกกากับใบจันยังคงนั่งชิดติดกันราวกำลังเตรียมตัวประกาศหมั้น ต่างก็ทำท่าสรวลสันต์จำนรรจาหัวเราะต่อกระซิกทุกนาที พอๆ กับเดินดงผู้นั่งคลอเคลียอยู่กับเอื้องอินทร์ มีเชียงคำเป็นลูกคู่ ณ อีกมุมหนึ่งของผ้าใบปูพื้น

นับเป็นค่ำคืนสุขสบายด้วยสายหมอกขาวอันปราศจากแสงจากดวงจันทร์และดวงดาวแห่งคืนข้างแรมที่กำลังจะย่างเข้าข้างขึ้นอีกคราเสียสิ้น

แลเห็นเพียงเงาตะคุ่มของเต็นท์แต่ละหลังที่ยังเปิดกว้าง ราวกระท่อมเล็กๆ กลางขุนเขา

ถัดออกไปก็มีกลุ่มนักท่องเที่ยวเจ้าของเต็นท์อื่นเรียงราย บ้างเดินบ้างนั่งสรวลเสสนทนากันภายใต้ทะเลสำลี

นายจังกับลูกชายต่างก็นั่งจิบเบียร์เงียบๆ แต่แท้จริงแล้ว ต่างก็คอยเฝ้ามองสองสาวหนุ่มผู้กำลังจีบกันราวกับจะให้ได้คำตอบจากหัวใจภายในคืนนี้

ส่วนนายโอกาสนั้น…แน่นอน…เขาจิบเบียร์ไปพลางนัยน์ตาก็สุดจะแวววาว

คราวนี้ละ การเดินทางไกลคงช่วยสมานไมตรีที่เคยลุ่มดอนให้อ่อนหวานขึ้นหลายเท่า

เจ้าอุกค่อยดูคล่องแคล่วขึ้นมากจากที่คล้ายซึมเชา…ผู้เป็นพ่อนึกในใจอย่างสบายในอุรา

ไม่เหมือนก่อนหน้านี้ที่เหมือนเข็นหินก้อนใหญ่ขึ้นภูเขา

เฮ้อ…มีลูกชายกะเขาคน ก็ไม่ค่อยจะเท่าทันใคร ทั้งๆ ที่แวดล้อมด้วยมือเก่าชำนาญการธุรกิจ คือมวลหมู่ลูกน้องผู้คอยขับเคลื่อนเพื่อพิชิตการค้าให้เขา

แต่อุกกาก็ไม่ค่อยชอบเรียนรู้

คงใช่…คงเป็นเพราะ ‘ดวง’ ไม่อำนวย เมื่อคิดถึงสีหน้าท่านพระครูตอนที่ผูกดวงแล้ว เขาถามว่าดีหรือไม่

ท่านตอบว่า

‘ก็คงต้องคอยเป็นพี่เลี้ยงเขาละมั้ง’

ชวนให้นายโอกาสนึกอยากจะจะรู้ ‘ดวง’ ซึ่งเป็นเรื่องเฉพาะกิจที่เขาเองก็คงไปไม่ถึงยิ่งนัก

แล้วนี่…ทำอย่างไรจึงจะได้คำตอบจากดวงชะตาของลูกชายที่เจ้ากรรม…ก็มีอยู่เพียงคนเดียวเดี่ยวโดดโดยไม่มีให้เลือกนี่เล่า

เฮ้อ…เขาเองยังนึกรำคาญ

แล้วสาวใบจัน รวมเลยไปถึงพ่อของหล่อน จะไม่นึกบ้างเลยหรือว่า…ถ้าหญิงสาวแห่งไร่สวยราวเพชรร้อยกะรัตผู้นี้ ตัดสินใจมาคว้าเอาเพชรไม่ถึงกะรัตมาสวมนิ้ว…จะเกิดอะไรขึ้น

ยิ่งคิดก็ยิ่งกลุ้มกังวลใจ

หากก็มิวายสงสารลูกจนตนเองก็รู้สึกคล้ายจะสะอื้นอยู่ลึกๆ เลยกรอกแต่เบียร์เข้าปาก ขณะที่เหลือบมองเดินดงผู้ยังคงพูดจาเบาๆ อยู่กับเอื้องอินทร์ที่มีเชียงคำนั่งข้าง คล้ายคอยดูแลเพื่อนหญิงไปพร้อมกัน

ด้วยว่าชายหนุ่มจากกรุงเทพฯ ผู้นี้มิใช่ผู้ที่ดูง่าย…สังเกตได้จากการที่เขาเองก็คล้ายกำลังระวังระไวไม่เชื่อใจในหลายเรื่องหลายคน

ก็ดูนั่นสิ…นายเก่งผู้เป็นลูกน้องคู่เคียงกาย กำลังมองมาอย่างเงียบๆ…เขาเองก็คอยเหลือบไปสบตา คล้ายเตรียมส่งสัญญาณบางอย่างหรือคล้ายๆ เช่นนั้น ทำให้การเดินทางรวมหมู่คราวนี้เหมือนกับมี ‘การเมือง’ เข้ามาแทรก ‘การบ้าน’

ถ้าคิดให้สำราญก็น่าจะสนุกอยู่ไม่น้อย

แต่ถ้าคิดให้เครียด ก็เป็นไปได้ว่า จะต้องใช้ทั้งสติและปัญญามาประคอง

ก็เอาละน่ะ…นายโอกาสพยักพเยิดกับตนเอง…ไงๆ มันก็รักผู้หญิงคนนี้ไปแล้ว…รักคนเดียว รักเดี่ยวๆ รักสุดกายสุดใจไม่มีวันเปลี่ยนเป็นอื่น ถึงอย่างไรเขาก็จะต้องช่วยลูกให้ผ่านพ้นความขมขื่นหรืออาจแรงร้ายถึงกับฆ่าตัวตายไปได้โดยสวัสดี

ดังนั้น จึงเอนตัวไปกระซิบข้างหูนายจังผู้กำลังเฝ้าระวังลูกสาวเช่นกัน

“เออ…จัง…พี่กำลังนึกถึงท่านพระครูอยู่นะ” เขาก็เลยเริ่มปูทางหาเรื่องที่นอกเหนือจากการไปน้ำตกจ๊อกกระดิ่นพรุ่งนี้ที่คนรถนัดหมายให้ตื่นตั้งแต่ตีห้า หกโมงจะได้ออกเดินทางสบายๆ…วกมาเอ่ยเรื่องดวงที่เขาเองก็ไม่เคยสนใจมาก่อน

พอดีกับนายจังก็ยังมีถ้อยคำสำคัญที่ติดหูอยู่มิหายจากท่านพระครูด้วยคำว่า ‘เลือดตกยางออก’ ที่ตนเองยังไม่สามารถเข้าใจได้ว่า จะเกิดเหตุร้ายใดและเมื่อไร

“ผมเองก็นึกอยู่เหมือนกันพี่…แต่มัวยุ่งๆ เรื่องนั้นเรื่องนี้ แล้วท่านเองก็แขกแยะ เลยไม่ได้ซักต่อ”

“ในกลุ่มเรานี่ก็ไม่มีใครรู้เรื่องดวงซักคน” นายโอกาสถอนใจเฮือกเล็กๆ…เพราะแม้เขาจะเป็นนักธุรกิจ แต่ก็ไม่เคยมีหมอดูประจำตัวเหมือนใครต่อใครหลายคน เนื่องด้วยเป็นผู้เคยยากจนมาก่อน จึงคิดแต่ขยันขันแข็ง ทุ่มเททุกแรงงานหยาดเหงื่อสร้างเนื้อสร้างตัวติดต่อกับใครต่อใครรอบกายที่สามารถเอื้อประโยชน์จนการค้าขายคล่องตัว ด้วยน้ำพักน้ำแรงที่เป็นของจริงตลอดเวลายาวนาน “กลับไปนี่ เห็นจะต้องไปขอให้ท่านพระครูดูให้จนครบทุกคนดีไหม”

“ดีพี่” นายจังเพิ่งเห็นด้วยอย่างไม่มีเงื่อนไขในนาทีนี้เอง

นาทีที่เขาเกิดความรู้สึกว่า…อยากรู้อนาคตของใบจัน แต่ทางที่จะรู้ก็ดูคล้ายไม่ปลอดโปร่ง

“ก็แค่เรามีวัน เดือน ปี เวลาตกฟาก ไปให้ท่านก็หมดเรื่อง”

“แปลกเหมือนกัน” นายจังเองก็เพิ่งนึกออก “ที่จริงเราก็น่าจะหาความรู้ไว้นานแล้วนะพี่ จะได้ช่วยเวลามี

อะไรติดขัด”

อะไรติดขัด…เดินดงได้ยินแล้วนึกในใจ

เรื่องติดขัดก็มีอยู่เรื่องเดียว

คือ เรื่องที่พ่อไม่สามารถล่วงรู้ถึงหัวใจส่วนลึกของลูกสาวเพชรน้ำเอกว่า จะแต่งงานกับนายอุกกาแน่นอนหรือไม่

จะได้รู้ว่า ถ้าแต่ง เขาจะดีใจหรือเสียใจ

 

ครั้นแล้ว เวลานาทีของเช้าตรู่วันใหม่ก็มาถึง

บางคนก็ตื่นก่อนตีห้า ทำความสะอาดหน้าตาเนื้อตัวเสร็จสิ้น จึงออกมายืน เดินรอเวลาพร้อมกับหาของขบเคี้ยวตามด้วยกาแฟที่คนขับรถชง แล้วเดินมาแจกคนละถ้วยใส่กระเพาะพอที่จะไม่หิวกลางทาง รอแสงเงินแสงทองค่อยๆ กระจ่างขึ้นมารำไร จึงต่างก็ขึ้นรถสองคัน แล่นตามกันไปสู่ ‘น้ำตกจ๊อกกระดิ่น’ ที่อยู่ไกลออกไปยังทางแยกขวามือราว 2 กิโลเมตร ใช้เวลาทั้งหมดราว 1 ชั่วโมง สองข้างทางล้วนแล้วด้วยป่าโปร่งระเหิดระหงของอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ

“ท่านทั้งหลายครับ” หัวหน้าคนขับรถผู้เข้านั่งต่อท้ายนักท่องเที่ยววีไอพีจำนวน 9 คน บนท้ายรถสองแถวคันหน้าเอ่ยขึ้นตอนที่รถแล่นไปตามทางดินขรุขระก่อนถึงตัวน้ำตก “น้ำตกจ๊อกกระดิ่น นี่เป็นภาษาพม่านะครับ แปลว่า น้ำตกที่ไหลผ่านซอกหินผา หรือจะเรียกว่า ‘ก๊อกกระด่าน’ ก็ได้ เพราะจ๊อกหรือก๊อกนี่แปลว่าหิน กระด่าน แปลว่าน้ำตก แต่คนไทยมาเรียก เลยเพี้ยนไปฮะ…แล้วนี่เราก็กำลังจะถึงตัวน้ำตกแล้ว ดีหน่อยที่มาหน้าหนาว ถ้าเป็นหน้าฝนจะลำบากกว่านี้ครับ… ถึงยังงั้น ผมก็ขอให้ทุกท่านระวังกันให้มากหน่อยเวลาเดินเข้าไปหรืออาจจะลงไปอาบน้ำตก…เอ้อ ถ้าไม่กลัวหนาว”

เขาตบท้ายด้วยเสียงหัวเราะ ขณะที่รถจอดพอดี

จากที่จอดรถ มีทางเดินที่ทางการสร้างทำไว้เป็นทางเดินแคบๆ ปูหินยาวเหยียดต่อด้วยสะพานไม้ยาวมีลูกกรง พาไปสู่บริเวณขุนเขาเขียวที่มีน้ำตกงดงามเพียงชั้นเดียว หากก็พุ่งซ่าจากหน้าผาหินสูงใหญ่ที่สูงราว 34 เมตร แลเห็นเป็นแถบขาวราวสไบผ้าแก้วที่พาดอยู่บนไหล่ของสาวงาม

“คุณเอื้องเกาะแขนผมดีกว่า” เสียงเดินดงเอ่ยดังพอได้ยินกันถ้วนหน้า “คุณเชียงเกาะอีกข้างจะถนัดไหม”

เก่งเดินตาม คอยระแวดระวังนายหนุ่ม หากก็อดอมยิ้มนิดๆ มิได้ที่นายจ้างเริ่มโลภ ใคร่แสดงตนเป็นพระเอกข่มนายอุกกาผู้บัดนี้ วิญญาณเพศชายอันเอิบอาบด้วยความรักท่วมท้น ก็ดลให้เขายื่นแขนออกไปพลางพึมพำกับใบจัน

“น้องจันเกาะพี่ดีกว่าไหม จะได้เดินสบายๆ”

ทุกคนดูคล้ายจะหูผึ่งขึ้นมา ขณะฟังคำตอบของสาวสวย

“ก็ได้ค่ะ”

อะฮ้า…เดินดงร้องในใจ…ขนาดนี้เลยเหรอ

เขาก็เลยกระชับแขนเอื้องอินทร์ในแจ็กเก็ตที่มีเสื้ออุ่นตัวในเข้ามา ขณะที่เชียงคำดึงแขนของตนเองออกพลางบอกชายหนุ่ม

“คุณดงควงเอื้องคนเดียวพอดีกว่า หลายคนเดี๋ยวไม่ไหว”

“เอ้า…คุณอุกไปหน้า” ชายหนุ่มก็เลยบอกลูกชายเจ้ามือด้วยน้ำเสียงแกมหัวเราะ

ขณะที่นายโอกาส นายจัง และนายจัดเดินตามหลัง มีคนขับรถสี่นายคอยระแวดระวังอยู่ท้ายแถวจนสามารถยืนมองแพน้ำขาวพร่างที่แม้มิใช่หน้าฝน ก็ยังไหลพลั่งๆ เต็มหน้าผา

มีนักท่องเที่ยวทั้งหญิงชาย ทั้งฝรั่งและเอเชียกำลังลุยน้ำกันแต่บางตา แม้จะมาหน้าฝนต้นหน้าหนาวก็ตาม แต่ก็ไม่มีใครอยากโผล่ออกจากเต็นท์นอน

“ใครกล้าลงไปลุยในแอ่งกะเขามั่ง…มีไหม” นายจัดเงียบกริบมาโดยตลอดเพราะต้องร่วมมือกับบิดาคอยสอดแนมอาการกิริยาของน้องสาว เอ่ยขึ้น

“พี่ไม่กลัวหนาวก็นำเซ่” ใบจันตอบเสียงใส…อย่างคนกำลังมีความสุข… ‘เข้าด้ายเข้าเข็ม’ เดินดงได้แต่นึกในใจ

“ไม่กลัว…ก๊อแค่ถอดเสื้อหนาวออก ให้เหลือแต่ตัวใน” ว่าพลางเขาทำดังที่พูด ก็แค่รูดซิปแจ็กเก็ตกับกางเกงยีนส์ เหลือเพียงกางเกงขายาวเสื้อยืดตัวใน

อุกกาก็เลยทำตาม…ขณะใบจันยังลังเล

 



Don`t copy text!