เปลือกมุกสีชมพู บทที่ 12 : Giggle Juice หัวเราะคิกคัก

เปลือกมุกสีชมพู บทที่ 12 : Giggle Juice หัวเราะคิกคัก

โดย : ขวัญอินทร์

Loading

เปลือกมุกสีชมพู โดย ขวัญอินทร์ นวนิยายดราม่าเข้มข้นที่อ่านเอานำมาให้ได้อ่านออนไลน์ เรื่องราวที่จะแสดงให้เห็นว่าเราอาจไม่เคยมองเห็นเนื้อแท้ของใครได้เลย ถ้าเราเลือกมองแค่เพียงเปลือก ความสำเร็จ ความล้มเหลว และภาพจำที่ผู้อื่นตีกรอบให้ เราจึงไม่ควรด่วนตัดสินใคร เพราะสุดท้ายผลกรรมจะเปิดโปงทุกอย่างไม่ช้าก็เร็ว

 

รัมน้ำผึ้ง ไฟบอล

ฟ้าพราวตัดสินใจประกาศเรื่องนี้ในงานทำบุญร้อยวันคุณนวลพรรณ แม้จะเตรียมใจรับแรงกระเพื่อมที่ตามมา แม้จะบอกตัวเองว่าชินแล้วแต่ก็อดกังวลไม่ได้ ไม่ใช่เพราะแคร์ญาติพี่น้องหรอก แต่เธอกลัวภาพลักษณ์ของตัวเองจะมัวหมองต่างหาก

เธอเตรียมคำอธิบายมาอย่างดี โดยมีแม่เป็นผู้ช่วยทั้งที่ท่านเองก็ไม่ตั้งใจ เพราะทันทีที่คุณขจีรู้เรื่อง เธอก็โกรธเกรี้ยว ตำหนิลูกสาวมากมาย แม่ตั้งคำถามจากความคิดคนภายนอก และเธอก็อธิบายจนท่านเข้าใจ และเย็นลงในที่สุด แม้จะไม่เห็นด้วยแต่อานุภาพของคำว่า ทำเพื่อตัวเองบ้าง ดูจะลดทอนความไม่เห็นด้วยลงได้

จริงอย่างที่ฟ้าบอก แม่คิดถึงแต่ญาติพี่น้อง ทั้งที่เวลาเราลำบากก็ไม่เห็นว่าใครจะช่วย

ภายในวัดมีเพียงญาติสนิท อาวุโสที่สุดคือคุณตาไกร นอกจากญาติแล้วก็ยังมีภูวดลกับต้นบุญ หลังจากที่โดนปฏิเสธการร่วมทุนคราวนั้น ทำให้คุณขจีโกรธมากจนไม่ให้ชวนมาทำบุญ แต่ฟ้าพราวไม่อยากให้เขาคิดว่าเอาเรื่องงานมาปนกับเรื่องส่วนตัว ทั้งที่เธอเองก็รู้สึกผิดหวังไม่น้อย

‘คิดจะทำการใหญ่ก็อย่าสร้างศัตรูเยอะค่ะ แม่’ เธอให้เหตุผลจนแม่ยอมให้สองพ่อลูกมาร่วมทำบุญด้วย แต่ถ้ามีโอกาสขจีก็จะพูดทวงบุญคุณต่อหน้าคนอื่นจนทำให้บรรยากาศในวัดดูกร่อยๆ ไม่ชื่นมื่นสมกับที่วันรวมญาติ มีเพียงมุกอันดาที่ยังไม่อินังขังขอบกับใครเพราะปกติก็ไม่ค่อยร่วมวงกับญาติพี่น้องอยู่แล้ว

หลังจากเสร็จพิธีพระ ฟ้าพราวรอจนกระทั่งแขกส่วนใหญ่เดินทางกลับ จนเหลือแค่คุณตาไกร ผิดแผนเล็กน้อยเมื่อรู้ว่าภูวดลกับต้นบุญอยู่ด้วย เพราะเมื่ออาภูวดลรู้ว่าคุณตาไกรท่านมาคนเดียวจึงอาสาจะไปส่งที่บ้าน

เมื่อสบโอกาสเหมาะ ฟ้าพราวเตรียมพวงมาลัยมาอย่างดี เดินเข่าเข้ามากราบขอขมาที่ตักคุณตาไกรต่อหน้าทุกคน

ตอนแรกท่านก็ยิ้มกริ่มคิดว่าลูกหลานเห็นความสำคัญ แต่เมื่อได้ยินหลานสาวคนโปรดบอกว่า จะสมัครนายกเทศบาลคนละทีมกับก้องเกียรติ ท่านก็โกรธจนมือกำพวงมาลัยแน่น ใบหน้าแดงก่ำ เม้มปากแน่นไม่เอ่ยมาสักคำ

ในชั่วชีวิตทางการเมืองผ่านร้อนผ่านหนาวมา ทำไมแกจะไม่รู้ทันเหลี่ยมหลานสาวคนนี้ ฟ้าพราวเลือกจะสารภาพวันที่มีญาติพี่น้องมากมาย เลือกที่จะแสดงความเคารพด้วยการขอขมา แน่นอนว่าหากแกหลงกลโกรธเคืองก็จะโดนกล่าวหาว่าใจแคบกับลูกหลาน แต่หากไม่โกรธหรือเฉยๆ ก็เหมือนยอมรับการตัดสินใจนั้น ผลประโยชน์ก็อาจตกไปที่ฟ้าพราว

“แกจะแข่งกับน้องหรือ” ส.ส.ไกรใช้ความเก๋าเกมการเมือง จี้ไปที่จุดอ่อนเพื่อให้ญาติคนอื่นเห็นว่าฟ้าพราวหักหลังพี่น้อง

“เปล่าค่ะ ฟ้าแค่อยากใช้ประสบการณ์ตัวเอง ช่วยพัฒนาเมืองหาดบุรี” ฟ้าพราวตอบตามสเต็ปนักการเมืองที่โดนซักซ้อมมาอย่างดี

“แกอยากทำงาน ก็ไปเป็นผู้ช่วยก้องเกียรติสิ เอาไหมล่ะ ตาจะช่วยพูดให้”

“ฟ้าไม่อยากทำงานกับก้องเกียรติค่ะ” ฟ้าพราวตอบตามตรง หวังให้คุณตาถามต่อว่า ทำไม เพราะเธอจะได้ฉวยโอกาสบอกให้ญาติพี่น้องรู้

“ชิ แกคิดว่าแกเก่งกว่าไอ้ก้องละสิ” ส.ส.ไกรเอ่ยเยาะเย้ย รู้ทัน ก่อนชี้หน้าแล้วกล่าวว่า

“แกกลับไปคิดใหม่ ฟ้าพราว ก่อนที่แกจะไม่เหลืออะไร” ส.ส.ไกรเลือกคำพูดที่คิดว่าดีที่สุด สำหรับหลานทรยศเช่นนี้

“ขอบคุณค่ะ แต่ฟ้าคงไม่เปลี่ยนใจ คุณตาเมตตาฟ้าด้วยนะคะ” เธอกล่าวน้ำเสียงสั่นเครือขณะยกมือไหว้อย่างนอบน้อม

ชายชราโกรธจัด ไม่รับไหว้ ลุกขึ้นพรวดจนตัวเซ คุณขจีรีบเข้าไปประคอง ส.ส.ไกรจึงสะบัดมือออก ภูวดลจึงเข้าไปประคองแทน ส.ส.ไกรยกมือห้ามจับไม้เท้าเหยียดตัวตรงเดินออกไปอย่างองอาจ ภูวดลพยักหน้าเรียกลูกชาย ต้นบุญหันมามองฟ้าพราวแวบนึง สีหน้าเป็นกังวลก่อนเดินตามผู้ใหญ่ทั้งสองไป

ฟ้าพราวน้ำตาคลอ แม้จะตั้งรับมาแล้วแต่ลึกๆแล้วเธอก็รู้สึกเสียใจ ทำไมสิ่งที่เธอต้องการต้องแลกมากับการถูกเกลียดชังด้วย คุณขจีทรุดลงนั่งหน้าซีดเผือด รู้สึกผิดและอาย ญาติผู้ใหญ่ท่านอื่นเข้ามารุมถามเรื่องราว บางคนก็เอ่ยตำหนิ บางคนก็เข้าใจ

“ฟ้ารู้จักก้องเกียรติดีค่ะว่าเป็นคนยังไง ถึงไม่อยากร่วมทีมด้วย ฟ้าไม่อยากให้คนอื่นพูดได้ว่า ตระกูลเราไม่มีใครที่พึ่งพาได้อีกแล้วค่ะ”

พี่น้องทุกคนรู้ว่าเธอดีกว่า เก่งกว่าก้องเกียรติ จึงเริ่มเข้าใจ แต่จะให้เห็นด้วยนั้นก็ลำบากใจ เพราะถึงอย่างไรญาติพี่น้องก็สำคัญกว่าสิ่งอื่นใด

“เฮ้อ นี่ถ้าแกเป็นหลานตาไกรป่านนี้ก็สบายไปแล้ว” ญาติคนหนึ่งกล่าว

“แต่ถ้าอาจ่างไม่ทำเสีย ป่านนี้ตำแหน่งนี้ก็ยังอยู่ในสายของลูกหลานตากรรณ์นะคะ” ฟ้าพราวกล่าว

ญาติพี่น้องจึงได้แต่หันมามองหน้ากันตาปริบๆ ไม่รู้จะแย้งอะไรอีก คนที่ไม่เห็นด้วยก็ไม่กล้าพูด ส่วนคนที่คิดว่าไม่เกี่ยวกับตนเอง ก็อวยกันตามมารยาทสังคม ซึ่งสำหรับคุณขจีกับฟ้าพราวแค่นี้ก็ถือว่าดีมากแล้ว

ยกเว้นคนคนหนึ่งที่ไม่เห็นด้วย และไม่กลัวที่จะบอกตรงๆ ด้วย

“พี่ฟ้า จริงหรือเปล่า ที่พี่จะลงสอทอแข่งกับพี่ก้อง” มุกอันดาถามทันทีที่เห็นหน้าฟ้าพราว ตอนเกิดเรื่องเธอไม่ได้อยู่ในศาลา เพราะยุ่งกับการขนของกลับบ้าน เพิ่งทราบเรื่องจากป้าศรีเมื่อตะกี้นี้

“ใช่ เธออย่าลืมช่วยพี่หาเสียงด้วยนะ” ฟ้าพราวตอบยิ้มอ่อน สบตาเธอมาดมั่นก่อนกล่าวเสริมว่า “ช่วยพี่ทวงคืนตำแหน่งสอทอมาให้ตระกูลเรา”

“พี่ฟ้า! พี่เป็นบ้าไปแล้ว ป้าจีทำไมไม่ห้ามลูก ผีบ้าอะไรเข้าสิงเนี่ย ทำแบบนี้เท่ากับหักหลังพี่น้องนะ” เธอนึกอยากจับหัวพี่สาวมาสั่นคลอนเพื่อเอาตะกอนความคิดนี้ออกไป

“ฉันไม่ได้หักหลัง ฉันแค่จะทำงาน แล้วก็ใช่ว่าจะชนะ” ฟ้าพราวเชิดหน้า เก็บอารมณ์เพราะยังมีคนในศาลาวัด พยายามปรับอารมณ์เพื่อรับมือมุกอันดา

“พี่ฟ้า อย่ามาแถ ถ้าไม่อยากชนะจะลงสมัครแข่งทำไม” แต่ดูเหมือนมุกอันดาจะไม่เว้นที่ว่างให้เธอปรับอารมณ์ได้เลย

“เธอโกรธอะไรพี่! มุกอันดา เธอน่าจะดีใจที่พี่จะได้กู้ศักดิ์ศรีตระกูลเราคืนมา หลังจากที่พ่อของเธอทำจนพังป่นปี้” ฟ้าพราวโกรธจัด มองเธอหัวจรดเท้า สายตาดูแคลน นึกสะใจที่เห็นใบหน้านั้นสะเทือนใจ ก่อนเปลี่ยนเป็นความโกรธแววตาวาวโรจน์

“พี่นี่มันเห็นแก่ตัวจริงๆ” มุกอันดาพูดเสียงลอดไรฟัน ใจอยากจะด่าถึงสัตว์ชั้นต่ำ แต่ยังเห็นว่าเป็นพี่

“เธอว่าพี่เห็นแก่ตัว แล้วตัวเธอล่ะดีแค่ไหน เธอก็ไม่เคยคิดช่วยพี่เหมือนกัน” ฟ้าพราวบอก แววตาสั่นระริก เมื่อนึกถึงคำปฏิเสธที่จะช่วยเธอปลดหนี้ มุกอันดาผงะ หน้าซีดเผือด เถียงไม่ออก

“งั้นก็แล้วแต่พี่แล้วกัน ดูท่าฟ้าพราวจะกลายเป็นฟ้าหม่นเสียแล้วละ”

“ก็คอยดูกันต่อไป” ฟ้าพราวตอบกลับทันควัน

มุกอันดามองพี่สาวด้วยสายตาผิดหวังก่อนเดินจากไป ที่ผ่านมาเธอไม่เคยญาติดีกับพี่ฟ้า แต่ในใจก็ชื่นชมปนอิจฉาเธอเสมอ ในวัยเด็กเธอเคยอยากเป็นผู้หญิงที่เพียบพร้อมอย่างนั้นบ้าง แต่ยิ่งพยายามก็ไม่เคยถูกใจป้าจี เลือดแม่มันแรง ป้าจีมักพูดใส่หน้าเธอเสมอ พอโตขึ้นและรู้ว่าแม่เธอเป็นใคร เธอจึงประชดป้าโดยการทำงานบาร์ แต่งตัวเหมือนผู้หญิงอย่างว่าอย่างที่ป้าด่ามาตลอดมา ตอนนี้เธอนึกสงสัยเหมือนกันว่า พี่ฟ้าก็คงได้เลือดแม่มาไม่น้อย

ข่าวการเลือกตั้งสมาชิกเทศบาลครั้งนี้ถือเป็นปรากฏการณ์ใหญ่ที่คนในตระกูล นามสกุลเดียวกันแข่งขันกันเอง ฟ้าพราวชิงเปิดตัวหาเสียงก่อนโดยมี ส.ส.เจนภพอยู่เบื้องหลัง ทำให้ทีมงานเก่าที่เคยบริหารอย่างคุณกรณ์เสียเปรียบเนื่องจากยังอยู่ในตำแหน่ง จะช่วยเหลือก้องเกียรติลูกชายออกนอกหน้ามากก็ไม่ได้

ประกอบกับทั้งเรื่องการพูดและภาพลักษณ์ ก้องเกียรติก็สู้ฟ้าพราวไม่ได้อยู่แล้ว ส.ส.ไกรจึงต้องออกหน้าช่วยหลานชายหาเสียงเต็มที่ เพราะนอกจากจะแข่งกันเองแล้ว ศึกเลือกตั้งครั้งนี้ยังมีทั้งนักธุรกิจ และนายตำรวจใหญ่ที่เพิ่งเกษียณราชการลงชิงชัยด้วย ดังนั้นจึงประมาทไม่ได้

แน่นอนว่าทำให้วงสนทนาไม่ว่าจะเป็นสภากาแฟยามเช้าหรือแม้แต่ร้านเหล้ากลางคืนอย่างบาร์จับจิตต่างพากันพูดถึงเรื่องนี้กันสนุกปาก ไม่มีใครรู้ว่าบาร์เทนดี้ผมสีชมพูที่ชงเหล้าให้พวกเขานั้นเป็นน้องสาวฟ้าพราว มุกอันดาจึงได้ฟังเรื่องห้ำหั่นของคนในตระกูลตัวเองด้วยความรู้สึกหดหู่ใจ

ได้ข่าวว่า ส.ส.เจนภพเป็นนายทุน มิน่าถึงได้มั่นใจว่าจะล้มญาติได้ งานนี้นักการเมืองใหญ่เล่นเอง คุณกรณ์คงเหนื่อยเอาการละ

เอ ไม่น่านะ แกส่งคนที่เก่งกว่านี้ไม่ดีกว่ารึ

แกไม่รู้อะไร แบบนี้เค้าเรียกส่งตัดคะแนนโว้ย

แบบนี้ก็แพ้ทั้งคู่ซิวะ

ตรูว่านะ...ค่าตัดคะแนนอย่างต่ำๆ ยี่สิบล้าน

ยิ่งได้ฟังมุกอันดาก็ยิ่งรู้สึกเป็นห่วงฟ้าพราว เธอรู้ว่าพี่สาวเธอฝังใจกับตำแหน่งนี้ ไม่ใช่แค่พ่อเธอหรอกที่ทำพลาด แต่ฟ้าพราวเองก็ผิดหวังจากพ่อตัวเองเหมือนกัน เพราะตอนที่พ่อของเธอโดนข้อหาขายที่ดินไม่มีโฉนดให้ชาวบ้านนั้น พ่อของฟ้าพราวเองก็ได้รักษาการ แต่พอจะลงสมัครเลือกตั้งลุงกรณ์กลับเสนอตัวเอง พ่อของฟ้าพราวซึ่งไม่อยากทำงานการเมืองอยู่แล้วจึงหลีกทางให้อย่างง่ายดาย ตอนนั้นเธอจำได้ว่าป้าจีชวนทะเลาะอยู่หลายวันจนบ้านแทบแตก และหย่ากันเด็ดขาดหลังจับได้ว่าแกมีเมียน้อย

แบบนี้เค้าเรียกขายตัวน่ะสิ

แกก็พูดเกินไป ไม่ใช่โสเภณีสักหน่อย

เฮ้ย ถ้าต้องขายศักดิ์ศรีเพื่อเงิน มันก็อีหรอบเดียวกันละว้า

ลูกค้าชายกลุ่มนั้นพากันหัวเราะเมื่อพูดจบ เธอนึกเคืองแต่ก็ไม่กล้าแสดงออก กลัวว่าจะจับได้ว่ารู้จักกัน

ลูกค้ากลุ่มนั้นเปลี่ยนเรื่องคุยเมื่อมีลูกค้ามานั่งที่บาร์จนเต็ม มุกอันดาก็ไม่มีเวลาคิดถึงเรื่องของฟ้าพราวอีกเพราะต้องชงเหล้าให้ลูกค้าที่เริ่มสั่งเครื่องดื่มหลากหลายมากขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่จะบอกว่าเห็นจากไอจีของเธอ

คืนนี้เป็นคืนวันเสาร์แรกของเดือนลูกค้าจึงเยอะเป็นพิเศษ มุกอันดาผสมเครื่องดื่มจนแทบเมาแม้ไม่ได้ชิมสักแก้ว โชคดีที่เมียพี่ป้อมมาช่วยคิดเงิน ไม่งั้นเธอกับพี่ป้อมคงได้ชงเหล้าฟรี เพราะไม่มีเวลา

ขณะที่บรรยากาศเต็มไปด้วยความสนุกสนานอยู่นั้น บาร์จับจิตก็ได้ต้อนรับ ส.ส.เจนภพกับฟ้าพราวและทีมงานอีกสี่ห้าคน ทำเอาเธอกับพี่ป้อมทำหน้าไม่ถูก อย่าว่าแต่เธอเลย ลูกค้าที่เพิ่งพูดเรื่องพี่ฟ้าไปเมื่อตะกี้นี้ก็แทบหายเมาเป็นปลิดทิ้ง ยิ่งตอนที่ฟ้าพราวแนะนำให้เธอรู้จักกับ ส.ส.เจนภพ เธอแทบไม่กล้ามองหน้าลูกค้ากลุ่มนั้นเลย

“คนนี้หรือน้องสาวคุณฟ้า ที่บอกว่าเป็นบาร์เทนเดอร์อยู่ที่นี่ ยังเด็กอยู่เลย เก่งมาก เห็นฟ้าบอกว่าฝีมือดีด้วย” ส.ส.เจนภพทำสีหน้าตื่นเต้น โอเวอร์เกินจริงในสายตามุกอันดา

“ใช่ค่ะ ชงเก่งละคนนี้” ฟ้าพราวพูดเหมือนชม แต่สำหรับคนที่มีเรื่องกันมาก่อนอย่างเธอฟังเหมือนประชดมากกว่า

“พี่ฟ้าพูดเกินไปแล้วค่ะ มุกเป็นแค่บาร์เทนดี้ฝึกหัด ระดับพี่ฟ้ากับท่านต้องฝีมือชั้นบรมครูแบบพี่ป้อมค่ะ” มุกอันดาถ่อมตน โยนลูกไปให้พี่ป้อม

“ท่านเทิ่นอะไรกัน วันนี้เรามานั่งในบาร์ ทุกคนเป็นเพื่อนกันนะครับ เอางี้ เพื่อแสดงความเป็นมิตรผมขอเหมาค็อกเทลขึ้นชื่อของที่นี่ เลี้ยงทุกคนเลย” ส.ส.เจนภพประกาศก้อง เรียกเสียงเฮและเสียงปรบมือจากลูกค้าลั่นร้าน “ตามสบายเลยทุกคน และก็อย่าลืมเบอร์สอง คุณฟ้าพราวนะครับ เรามาเปลี่ยนแปลงเมืองนี้ให้เป็นสวรรค์ของทุกคน”

สิ้นเสียงพูดของ ส.ส.เจนภพ ฟ้าพราวก็ลุกขึ้นโบกมือทักทาย เรียกเสียงเฮลั่นจากหนุ่ม ๆ ที่อยากเอาใจ ว่าที่ สท.คนสวย

มุกอันดากับพี่ป้อมหันมาสบตากัน ระหว่างที่กำลังผสมเครื่องดื่มชุดใหญ่

“นี่เค้าเรียกหาเสียงมั้ยวะ” พี่ป้อมกระซิบถามศิษย์เอก

“ไม่รู๊ พี่ รู้แค่ว่าเราขายเหล้า ไม่ได้ขายตัว” มุกอันดาบอกเสียงแค่นๆ ก่อนคิดสูตรเครื่องดื่มให้ฟ้าพราว คนแบบนี้ต้องนี่เลย ปากหวานก้นเปรี้ยว (Rainbow Shot) โดยเธอเลือกให้สีส้มอยู่ล่างไล่ระดับขึ้นมาจนสีฟ้าอยู่บนสุด เพื่อสื่อถึงฟ้าพราว

ส.ส.เจนภพถึงกับขำกลิ้งเมื่อได้ยินชื่อของเครื่องดื่มที่เธอต้องให้

“ไม่ลองคิดให้ท่านเจนภพสักแก้วล่ะมุก” ฟ้าพราวบอกเสียงเย็น อมยิ้มน้อยๆ ท่าทางเธอไม่ยี่หระกับคำประชดของน้องสาวอีกแล้ว แต่ในใจพร่ำบอกตัวเองว่า ฝากไว้ก่อนเถอะมุกอันดา

“ผมก็ขอ Rainbow Shot ด้วยครับ เหมาะกับคืนนี้ดี”

เหตุการณ์ในบาร์เต็มไปด้วยความสนุกสนาน จากทีมงานของ ส.ส.เจนภพที่เริ่มเข้ามากันมากขึ้น เครื่องดื่มจึงกลายเป็นผสมแบบชงโหลใหญ่ดื่มได้หลายคน มุกอันดากับป้อมชัยก็ไม่ทำให้ผิดหวัง โชว์ลีลาบาร์เทนเดอร์แบบเททีเดียวหลายช็อต หลากสี เรียกเสียงฮือฮาให้แขกได้ไม่น้อย มันก็สนุกดี ถ้าไม่ใช่มีเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง

เช้าวันต่อมามุกอันดาอุตส่าห์ตื่นตั้งแต่เช้า เพื่อมาดักรอฟ้าพราว

“พี่ฟ้า”

ฟ้าพราวในชุดเสื้อสีขาวสรีนเสื้อด้วยโลโก้ทีมหาเสียงสีฟ้า เหน็บชายเสื้อในกางเกงผ้าสีดำ สวมแจ็กเก็ตทีมหาเสียงสีน้ำเงินเข้ม ใบหน้าแต่งเติมแต่พองาม กำลังเดินไปเปิดประตูรถเก๋งคันงาม

“มีอะไร” ฟ้าพราวถาม เลิกคิ้วเล็กน้อยเป็นเชิงถาม เมื่อเห็นน้องสาวอุตส่าห์ลงมาดักเจอ ทั้งที่ยังใส่ชุดนอน

”พี่ไม่ต้องไปหาเสียงที่ร้านอีกนะ มุกไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับการเมือง” มุกอันดาบอกตรงไปตรงมา

“ทำไมล่ะ พี่ว่าเจ้าของร้านน่าจะชอบนะ เมื่อคืนท่านเจนภพก็จ่ายไปเป็นหมื่น เธอเองก็ได้ทิปหลายตังค์นี่”

ฟ้าพราวยิ้มมุมปาก แววตาเยาะเย้ย ยิ่งทำให้มุกอันดาเดือด

“แต่มุกไม่อยากเลือกข้าง”

“เอ้อ รู้ละ กลัวอากรณ์รู้แล้วคิดว่าเธอเข้าข้างพี่ละสิ ถ้ากลัวนักก็ให้ก้องเกียรติมาที่ร้านด้วยสิ ไม่เห็นจะยาก ธุระแค่นี้ใช่มั้ย พี่ไปละ อ้อ คุณเจนภพชอบเหล้าที่เธอชงมากนะ เห็นว่าจะจ้างไปชงเวลาเลี้ยงส่วนตัว สนใจมั้ยล่ะ” ฟ้าพราวพูดจบก็ผละไปเปิดประตู

“พี่ฟ้า พี่หยุดได้มั้ย มุกรู้ว่าพี่กับพี่ต้นดูใจกันอยู่ พี่เลิกเล่นการเมืองแล้วแต่งงานกับพี่ต้น เป็นเจ้าของคอนโด แค่นี้พี่ก็สุดยอดแล้ว” มุกอันดาได้ทีพูดสิ่งที่ตนเองคิด หากเป็นเมื่อก่อนเธอคงพูดต่อว่าแขวะพี่สาว แต่ตอนนี้เธอเห็นแล้วว่า พี่สาวกำลังเดินทางที่เสี่ยงเกินไป เธอจึงเลือกจะเตือน

“ทำไมพี่ต้องเลือก พี่อาจได้เป็นสอทอและแต่งงานกับคุณต้นด้วยใครจะไปรู้” ฟ้าพราวหันมาเผชิญหน้ากับมุกอันดาด้วยแววตาถือดี มองน้องสาวอย่างดูแคลน

“แต่สิ่งที่พี่ทำมันไม่ใช่ไง พี่ขายศักดิ์ศรีเพื่อแลกเงิน ก็ไม่ต่างจากขายตัวหรอก”

เพียะ!

ใบหน้ามุกอันดาสะบัดไปตามแรงมือของฟ้าพราว จนเธอรู้สึกเห่อร้อนขึ้นทั่วหน้า พร้อมทั้งน้ำตาที่เอ่อล้นขึ้นในตา ริมฝีปากสั่นระริก กำมือแน่นระงับอารมณ์

“ฟ้า ใจเย็นลูก แกก็เหมือนกัน ถ้าไม่ช่วยก็ไม่ต้องมาทำเป็นปากดี” คุณขจีเข้ามาทันเหตุการณ์ตอนไหนไม่มีใครรู้ พูดเข้าข้างฟ้าพราวเหมือนทุกครั้ง จนเธอรู้สึกสิ้นหวังกับสองแม่ลูกนี้

“เธอมันขี้ขลาด ไม่เอาไหนเหมือนพ่อเธอนั่นแหละ”

ฟ้าพราวโกรธจัด สะบัดตัวจากแม่ กระชากประตูรถปิดลงอย่างแรง เร่งเครื่องเร็วจนแทบชนประตู คุณขจีหันกลับมามองหน้ามุกอันดา สายตาเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ

“เป็นเพราะแกกับพ่อแก ฟ้าถึงต้องทำแบบนี้”

คำพูดทิ้งท้ายของป้าจียิ่งทำให้เธอสิ้นหวัง ในจุดที่ยืนที่ตรงนี้สามารถเห็นบ้านหลังเก่าที่เธอเติบโต ถึงแม้จะแหว่งวิ่น แต่ก็มีความสุขตามสภาพเด็กกำพร้าแม่มีพ่อขี้เมา และย่าที่ถึงแม้จะเฉยชาแต่ก็ไม่เคยว่าร้าย ในเมื่อไม่มีคนเหล่านั้นอยู่แล้ว เธอก็ไม่ควรอยู่ที่นี่ต่อไป

 



Don`t copy text!