มรดกมนตรา บทที่ 6 : อดีตของวิญญาณร้าย

มรดกมนตรา บทที่ 6 : อดีตของวิญญาณร้าย

โดย : วัชรนริศ

Loading

มรดกมนตรา ผลงานของ วัชรนริศ ที่อ่านเอานำมาให้อ่านออนไลน์ทาง anowl.co กับเรื่องราวของนักวิจัยสาวผู้ไม่เชื่อในสิ่งลี้ลับที่ได้รับคฤหาสน์โบราณกลางป่ากาญจนบุรีเป็นมรดกจากญาติที่ไม่เคยรู้จัก ทว่าคฤหาสน์หลังนี้กลับซ่อนคำสาป วิญญาณ และอดีตอันมืดมนที่รอการปลุกตื่น พร้อมการฟื้นคืนของ “อัคนีนาฏเทวี” อสูรสาวในตำนาน

“ช่วยด้วย ช่วยฉันด้วย” เสียงของวิญญาณหญิงสาวพูดขอให้ช่วยด้วยความแผ่วเบา ราตรีร้องกรี๊ดด้วยความตกใจสุดขีด จนทำให้คนทั้งคฤหาสน์ตกใจตื่นเพราะได้ยินเสียงกรี๊ดของเธอ บุษบารีบเปิดไฟและขึ้นมาดูบนห้องของราตรี

“คุณราตรีคะ เกิดอะไรขึ้น คุณเป็นอะไรคะ”

ราตรีเมื่อเห็นบุษบาก็รีบวิ่งเข้าหา “ช่วยด้วย ผีหลอก”

บุษบาทำหน้าสงสัยและตกใจตามไปด้วย “จะเป็นไปได้ยังไงคะคุณราตรี ที่นี่ไม่มีผีนะคะ”

“ดิฉันอยู่ที่นี่มาก็ยังไม่เคยเจอเลยค่ะ คุณอาจจะตาฝาดไปเองนะคะ”

ทิพย์ธิดากับรวี และโฉมสุรางค์ก็ตามมาดูที่ห้องราตรี ทิพย์ธิดาและชายหนุ่มมองหน้ากันและรู้สึกถึงสิ่งที่ไม่ดีที่จะเกิดขึ้นกับที่แห่งนี้ โฉมสุรางค์เดินเข้าไปปลอบแม่ของเธอ

“คุณแม่คะ คุณแม่อาจจะเหนื่อยนะคะ เลยตาฝาด ผีเผอมีที่ไหนกัน ทำเอาตกอกตกใจกันไปหมด”

ราตรีจับแขนโฉมสุรางค์ด้วยความกลัว “แต่มันมีจริงๆ แม่เห็น ผมมันยังลงมาถูกหน้าแม่อยู่เลย คืนนี้แม่ขอไปนอนกับโฉมด้วยคนนะลูก”

โฉมสุรางค์มองหน้าราตรี “ไม่ได้คะคุณแม่ เดี๋ยวให้บุษบามานอนเป็นเพื่อนแล้วกันนะคะ”

ทิพย์ธิดาหันไปสั่งกับแม่บ้าน “ยังไงคืนนี้ฉันขอให้คุณบุษบามาอยู่เป็นเพื่อนคุณราตรีก่อนแล้วกันนะคะ จนกว่าเธอจะสบายใจ” บุษบาพยักหน้าและพยายามทำให้ราตรีรู้สึกดีขึ้น

“ไม่ต้องห่วงค่ะคุณราตรี ดิฉันจะอยู่เป็นเพื่อนเองค่ะ” เธอหันไปปลอบใจราตรี

ราตรีพยักหน้าเล็กน้อย แต่ความกลัวยังคงอยู่ในใจ ทิพย์ธิดาและรวีเดินออกจากห้องไป โฉมสุรางค์ก็กลับไปที่ห้องของเธอเอง ภายในใจของทิพย์ธิดาและรวีต่างรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยที่คฤหาสน์แห่งนี้ และรู้ว่าสิ่งที่พวกเขาเผชิญหน้ายังไม่จบง่ายๆ

วิญญาณหญิงสาวปริศนานั่งร้องไห้อยู่ที่ริมหน้าต่างในเรือนหลังเล็ก ซึ่งเป็นเรือนที่เธอถูกจองจำด้วยคำสาปแช่งของหม่อมเจ้าอดิศร วิญญาณหญิงสาวนั่งร้องไห้โหยหวนและนึกถึงอดีตที่ผ่านมา ภาพอดีตปรากฏขึ้น

ครั้งหนึ่งเธอเคยเป็นหญิงงามมีความทะเยอทะยาน และเธอก็ยังเป็นบ่าวคนสนิทของหม่อมเจ้าหญิงสวาทสุภาย์อีกด้วย เมื่อการได้พบกันระหว่างหม่อมเจ้าอดิศรและหม่อมเจ้าหญิงสวาทสุภาย์ ทำให้บ่าวอย่างนางสายใจได้พบกับหม่อมเจ้าอดิศรด้วย เธอหลงรักท่านชายโดยทันที แต่ไม่สามารถที่จะทำสิ่งใดได้ และได้แต่เก็บความหึงหวง ริษยาไว้ในใจ

ในวันหนึ่งเมื่อหม่อมเจ้าอดิศรและหม่อมเจ้าหญิงสวาทสุภาย์ได้อภิเษกสมรสกัน เมื่อได้เข้ามาอยู่ในคฤหาสน์แห่งนี้ นางสายใจก็ยิ่งรู้สึกถึงความเจ็บปวดและความริษยาก็เพิ่มทวีมากขึ้น นางพยายามหาวิธีที่จะทำลายความสุขของทั้งคู่

จนถึงวันหนึ่ง ไอ้เวทย์ พ่อของนางสายใจซึ่งเป็นหมอผีที่มีวิชาอาคมและมีคัมภีร์มนตราที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษ ได้เดินทางมาเยี่ยมเธอ นางสายใจจึงขอร้องให้พ่อของเธอใช้วิชามนตร์ดำเพื่อทำให้หม่อมเจ้าอดิศรหลงรักเธอ ไอ้เวทย์จึงปลุกเสกตุ๊กตาคุณไสยขึ้นมา และได้ให้นางสายใจนำไปซ่อนไว้ภายในห้องนอนของท่านชาย

ในคืนนั้น นางสายใจได้ย่องเบาเข้าไปในห้องนอนของท่านชาย เธอรู้สึกถึงความตื่นเต้นและความหวัง

‘ในที่สุด ท่านชายจะเป็นของข้า’ นางสายใจคิดในใจ

เธอซ่อนตุ๊กตาคุณไสยไว้ใต้เตียงของหม่อมเจ้าอดิศร และท่องคาถาที่ไอ้เวทย์สอนอย่างเงียบๆ

“ขอให้ท่านชายจงหลงรักข้าเพียงผู้เดียว”

ไม่นานหลังจากที่นางสายใจได้นำตุ๊กตาคุณไสยไปซ่อนไว้ใต้เตียง หม่อมเจ้าอดิศรก็มีอาการร้อนรุ่ม ไม่สามารถที่จะอยู่เฉยๆ จนในคืนนั้น ท่านชายรีบไปเรียกหานางสายใจที่เรือนหลังเล็ก

“สายใจ เธออยู่ไหม” ชายหนุ่มเรียกด้วยน้ำเสียงที่รีบร้อน

สายใจเปิดประตูห้องออกมาโดยทันที เพราะรู้ว่าชายหนุ่มจะต้องทนไม่ไหวและรีบมาหาเธอ

“สายใจ เธอจะต้องเป็นของฉัน!”

หม่อมเจ้าอดิศรพูดด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความต้องการ เขาเข้าโอบกอดสายใจและอุ้มเธอเข้าห้องไปโดยทันที

จากนั้นท่านชายก็ไม่ได้ออกว่าราชการ เอาแต่เก็บตัวอยู่เพียงภายในห้องนอนใหญ่ของคฤหาสน์ โดยมีนางสายใจอยู่เคียงข้างตลอดทั้งวันทั้งคืน และไม่ให้บ่าวคนไหนรวมถึงหม่อมเจ้าหญิงสวาทสุภาย์เข้าไปในห้องนอนด้วย

ทุกคนในคฤหาสน์รู้สึกไม่สบายใจและไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร จนวันหนึ่งพระมารดาของท่านหญิงเสด็จมาเยี่ยมและทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้น พระมารดารู้โดยทันทีว่าท่านชายต้องถูกคุณไสยมนตร์ดำ

พระมารดาบอกกับหม่อมเจ้าหญิงสวาทสุภาย์ว่า

“แม่รู้จักกับพระอาจารย์ท่านหนึ่ง ท่านเชี่ยวชาญเรื่องแก้คุณไสยมนตร์ดำ อีกสองวันแม่จะกลับมาพร้อมกับพระอาจารย์ ให้ทุกคนเตรียมตัวให้พร้อม” หม่อมเจ้าหญิงสวาทสุภาย์พยักหน้ารับคำพร้อมกับน้ำตาที่คลอเบ้า

“ขอให้ท่านแม่ช่วยท่านอดิศรด้วยเถิดค่ะ ลูกรู้สึกเหมือนกำลังสูญเสียท่านไป”

พระมารดามองหน้าลูกสาวด้วยความรู้สึกเห็นใจ “อย่าห่วงเลยลูก แม่จะทำทุกวิถีทางให้ท่านอดิศรกลับมาเป็นปกติ” ในขณะเดียวกัน นางสายใจที่อยู่ในห้องนอนใหญ่กับหม่อมเจ้าอดิศรเริ่มรู้สึกไม่สบายใจ เธอรู้ดีว่าการกระทำของเธออาจถูกเปิดเผยและอาจจะต้องรับผลกรรม แต่ความรักและความทะเยอทะยานที่มีต่อหม่อมเจ้าอดิศรทำให้เธอไม่อาจหยุดยั้งการกระทำของตนเองได้

สองวันผ่านไป พระมารดากลับมาพร้อมกับพระอาจารย์ ซึ่งเป็นพระสงฆ์ที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องคุณไสยและการแก้ไขมนตร์ดำ เมื่อพระอาจารย์มาถึงคฤหาสน์ ท่านได้รับการต้อนรับอย่างเคารพ และถูกพาไปยังห้องนอนใหญ่ของหม่อมเจ้าอดิศร

เมื่อประตูห้องนอนของหม่อมเจ้าอดิศรถูกเปิดออก นางสายใจก็ถูกบ่าวผู้ชายจับตัวไว้ทันที พระมารดาของเจ้าหญิงสวาทสุภาย์สั่งให้นำนางสายใจไปขังไว้ที่เรือนเล็ก และให้บ่าวที่เหลือเข้าไปจับแขนหม่อมเจ้าอดิศรไว้ หม่อมเจ้าอดิศรพยายามออกแรงต่อสู้

“นี่พวกเอ็งจะทำอะไรข้า ออกไปนะ!” หม่อมเจ้าอดิศรร้องออกมาด้วยความโกรธและทรมาน

พระอาจารย์เริ่มทำพิธีแก้ไขคุณไสยด้วยการสวดมนต์และใช้น้ำมนต์เทลงบนศีรษะของหม่อมเจ้าอดิศร ท่านชายอดิศรร้องโอดโอยด้วยความทรมานราวกับถูกไฟบรรลัยกัลป์เผาและหมดแรงสลบไป

ทันใดนั้นเอง พระมารดาจึงให้บ่าวช่วยกันหาตุ๊กตาคุณไสยว่าถูกซ่อนไว้ที่ไหน จนพบว่ามันถูกซ่อนไว้ที่ใต้เตียง บ่าวได้นำตุ๊กตาคุณไสยนั้นมามอบให้กับพระอาจารย์ พระอาจารย์สวดทำพิธีโดยทันที

พระอาจารย์หันมามองหน้าพระมารดาและหม่อมเจ้าหญิงสวาทสุภาย์ “สีกา ในเวลานี้ท่านชายได้ปลอดภัยแล้ว อีกไม่นานจะกลับมาเป็นปกติ แต่ตอนนี้ให้ท่านชายสวมสิ่งนี้ไว้เพื่อป้องกันสิ่งที่ไม่ดีนะโยม” หลวงพ่อหยิบสร้อยพระโบราณออกมาและมอบให้กับหม่อมเจ้าหญิงสวาทสุภาย์

หม่อมเจ้าหญิงสวาทสุภาย์ยกมือไหว้ขอบคุณ และนำสร้อยนี้ไปสวมที่คอของหม่อมเจ้าอดิศรโดยทันที เธอมองดูท่านชายด้วยความหวังว่าท่านจะฟื้นคืนสติและกลับมาเป็นคนเดิม

บรรยากาศในคฤหาสน์เต็มไปด้วยความกังวลและความหวัง ทุกคนต่างภาวนาให้หม่อมเจ้าอดิศรกลับมาเป็นปกติ พระมารดาและหม่อมเจ้าหญิงสวาทสุภาย์รู้สึกโล่งใจที่พระอาจารย์ได้ทำพิธีแก้ไขคุณไสยสำเร็จ

นางสายใจที่ถูกขังไว้ในเรือนเล็ก รู้สึกถึงความล้มเหลวและความเศร้าโศกที่เธอไม่สามารถมีหม่อมเจ้าอดิศรได้ตามที่หวัง เธอรู้ดีว่าผลกรรมที่เธอได้ทำลงไปนั้นได้ย้อนกลับมาหาเธอแล้ว

แต่ถึงแม้คุณไสยจะถูกแก้ไข หม่อมเจ้าอดิศรยังคงต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูร่างกายและจิตใจ พระอาจารย์ได้แนะนำให้ทำบุญและสวดมนต์เพื่อปัดเป่าสิ่งไม่ดี และสร้างความเป็นมงคลให้กับคฤหาสน์นี้อีกครั้ง

พระมารดาและหม่อมเจ้าหญิงสวาทสุภาย์ต่างร่วมมือกันดูแลหม่อมเจ้าอดิศร และทำตามคำแนะนำของพระอาจารย์อย่างเคร่งครัด ด้วยความหวังว่าในไม่ช้าหม่อมเจ้าอดิศรจะกลับมาแข็งแรงและปกติสุขอีกครั้ง

พระมารดาสั่งให้คนเฆี่ยนนางสายใจและจับเธอขังไว้ที่เรือนเล็ก โดยมีบ่าวคนอื่นๆ คอยส่งข้าวส่งน้ำให้ แต่ด้วยความเจ็บปวดเสียใจ นางสายใจไม่เป็นอันกินอันนอน ได้แต่ร้องไห้โหยหวนตลอดวันตลอดคืน

ในค่ำคืนหนึ่ง ไอ้เวทย์ พ่อของนางสายใจที่กำลังนั่งสมาธิอยู่ รับรู้ได้ว่าลูกสาวของตนถูกทรมานและจับขังไว้ จึงตัดสินใจเดินทางไปช่วยนางสายใจ ด้วยความเป็นหมอผีที่มีอาคมมาก ไอ้เวทย์ใช้อาคมสะเดาะกุญแจที่ล็อกประตูขังไว้จนประตูเปิดออก และเข้ามาช่วยนางสายใจ

“สายใจ ลูก ใครมันทำเอ็งขนาดนี้” ไอ้เวทย์พูดด้วยความโกรธแค้น เมื่อเห็นสภาพลูกสาวที่ถูกทรมานจนหมดสภาพ

นางสายใจร้องไห้โผเข้าหาพ่อ “พ่อ…พวกมันทำกับฉันแบบนี้เพราะรู้ว่าฉันทำคุณไสยใส่ท่านชาย”

ไอ้เวทย์โอบกอดลูกสาวไว้ “ไม่ต้องห่วงนะลูก พ่อจะไม่ปล่อยให้พวกมันทำกับเอ็งแบบนี้ได้อีก”

ไอ้เวทย์พานางสายใจหลบหนีออกจากเรือนเล็ก และมุ่งหน้ากลับเข้าไปในป่า ในความมืดและความเงียบไอ้เวทย์ได้ใช้ความรู้และอาคมในการหลบหนีจากคฤหาสน์ไปยังป่าลึก

ระหว่างทาง นางสายใจรู้สึกถึงความอบอุ่นและความปลอดภัยจากพ่อของเธอ แต่ในใจก็ยังคงเต็มไปด้วยความโกรธและความริษยาที่ไม่สามารถลืมเลือน

“พ่อ เราจะทำอย่างไรต่อไป” นางสายใจถามด้วยความหวาดกลัวและสิ้นหวัง

ไอ้เวทย์หยุดเดินและหันมามองลูกสาวด้วยสายตาแน่วแน่

“พ่อจะหาวิธีให้เอ็งได้สิ่งที่เอ็งต้องการ ไม่ต้องห่วง พ่อจะไม่ยอมให้พวกมันทำลายชีวิตเอ็งแบบนี้แน่นอน”

ทั้งสองเดินทางต่อไปในความมืด ลึกเข้าไปในป่า ซึ่งเป็นที่ที่พวกเขาจะวางแผนแก้แค้นและหาทางเอาชนะอุปสรรคที่ขวางกั้นไม่ให้พวกเขาได้สมหวัง

หม่อมเจ้าหญิงสวาทสุภาย์และพระมารดาทราบข่าวการหลบหนีไปของนางสายใจ จึงสั่งให้บ่าวไพร่ทุกคนตรวจตราคฤหาสน์ทุกวันและระวังอย่าให้นางสายใจกลับเข้ามาได้อีก หม่อมเจ้าหญิงสวาทสุภาย์รู้สึกมีลางสังหรณ์ในใจว่าจะต้องมีสิ่งร้ายเกิดขึ้นอีกแน่ๆ

“ท่านแม่คะ ลูกไม่สบายใจเลย ลูกกังวลใจเหลือเกินค่ะ ว่าสายใจจะไม่ยอมหยุดอยู่แค่นี้แน่” หม่อมเจ้าหญิงสวาทสุภาย์กล่าวด้วยเสียงสั่นเครือ

พระมารดามองหน้าลูกสาวด้วยความเป็นห่วงและกังวลใจ

“ลูกเอ๋ย แม่เข้าใจเจ้าดี แต่เราต้องเข้มแข็งและไม่ยอมให้ความชั่วร้ายเข้ามาทำลายครอบครัวของเราได้”

พระมารดาหยิบสร้อยพระเส้นหนึ่งออกมาและสวมให้กับหม่อมเจ้าหญิงสวาทสุภาย์

“ลูก เจ้าจงสวมมันไว้เพื่อแม่นะ และขอให้คุณพระคุณเจ้าช่วยคุ้มครอง บ้านเราจะได้กลับมาสงบสุขอีกครั้ง”

หม่อมเจ้าหญิงสวาทสุภาย์รู้สึกอุ่นใจเมื่อได้รับสร้อยพระจากพระมารดา

“ขอบพระคุณนะคะ ท่านแม่” เธอกล่าวพร้อมน้ำตาที่เอ่อล้นออกมา ทั้งสองสวมกอดกันอย่างอบอุ่น หม่อมเจ้าหญิงสวาทสุภาย์รู้สึกมีพลังและความมั่นใจมากขึ้น แต่ในใจยังคงรู้ว่าความท้าทายที่กำลังจะมาถึงนั้นยังคงมีอยู่ และเธอจะต้องเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อปกป้องครอบครัวและคฤหาสน์แห่งนี้จากอันตรายที่อาจจะมาถึง

หลังจากนั้น หม่อมเจ้าหญิงสวาทสุภาย์เริ่มวางแผนเพิ่มความปลอดภัยให้กับคฤหาสน์ เธอสั่งให้บ่าวไพร่ตรวจสอบรอบๆ คฤหาสน์อย่างละเอียด โดยเฉพาะบริเวณที่เคยเป็นที่ขังของนางสายใจ และจัดให้มีการลาดตระเวนในยามค่ำคืนเพิ่มขึ้น

แม้ว่าเหตุการณ์ในคฤหาสน์จะเริ่มสงบลง แต่ความหวาดกลัวและความระแวดระวังยังคงอยู่ในหัวใจของทุกคน โดยเฉพาะหม่อมเจ้าหญิงสวาทสุภาย์ที่รู้ดีว่าการต่อสู้กับพลังมืดและอำนาจลึกลับยังไม่สิ้นสุด

หม่อมเจ้าอดิศรกลับมาแข็งแรงเป็นปกติ และทราบเรื่องราวทั้งหมดว่าตัวเองถูกคุณไสยมนตร์ดำ จึงรู้สึกโกรธแค้นนางสายใจที่หักหลังและใช้วิธีนี้กับตน “มันกล้าดียังไงถึงได้นำของชั่วๆ แบบนี้เข้ามาในที่ของเรา และฉันจะไม่ปล่อยมันไว้แน่” หม่อมเจ้าอดิศรกล่าวด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด

หม่อมเจ้าอดิศรได้ให้ทางการออกตามหาตัวนางสายใจ และทราบข่าวจากชาวบ้านว่านางสายใจมีพ่อเป็นหมอผีชื่อไอ้เวทย์ ท่านชายจึงคิดหาวิธีที่จะทำลายวิชาของไอ้เวทย์ เมื่อหม่อมเจ้าหญิงสวาทสุภาย์รู้เรื่องราวทั้งหมดว่าหม่อมเจ้าอดิศรกำลังส่งคนไปตามจับนางสายใจและพ่อของนาง หม่อมเจ้าหญิงสวาทสุภาย์จึงรู้สึกไม่สบายใจว่าจะต้องเกิดอะไรขึ้นอีกแน่ๆ

“คุณพี่คะ อย่าไปตามจับสองพ่อลูกนี้เลยค่ะ ดิฉันรู้สึกสังหรณ์ใจว่าจะเกิดอันตรายขึ้นอีก” หม่อมเจ้าหญิงสวาทสุภาย์กล่าวด้วยเสียงอ่อนโยน

หม่อมเจ้าอดิศรมองหน้าหม่อมเจ้าหญิงสวาทสุภาย์อย่างอ่อนโยน “ไม่ได้หรอกน้องหญิง ถ้าหากพวกมันหวนกลับมาเล่นงานพวกเราอีก พี่ก็กลัวว่าน้องหญิงจะไม่ปลอดภัย”

หม่อมเจ้าหญิงสวาทสุภาย์สวมกอดหม่อมเจ้าอดิศรด้วยความกังวลใจ “แต่ดิฉันไม่อยากให้เกิดเรื่องร้ายๆ ขึ้นอีกเลยค่ะ ดิฉันกลัวเหลือเกิน”

หม่อมเจ้าอดิศรกอดตอบอย่างอ่อนโยน “น้องหญิงไม่ต้องห่วงนะ พี่จะปกป้องน้องหญิงและครอบครัวของเราเอง”

ในขณะที่หม่อมเจ้าอดิศรเตรียมแผนการเพื่อจัดการกับไอ้เวทย์และนางสายใจ หม่อมเจ้าหญิงสวาทสุภาย์ก็พยายามหาวิธีที่สามารถป้องกันไม่ให้เรื่องร้ายๆ เกิดขึ้นอีก โดยการขอคำปรึกษาจากพระอาจารย์อยู่เรื่อยๆ

วันหนึ่ง พระอาจารย์มาเยี่ยมเยียนที่คฤหาสน์เพื่อทำพิธีเสริมความปลอดภัย พระอาจารย์บอกกับหม่อมเจ้าหญิงสวาทสุภาย์ว่า

“สีกา อย่าได้กลัว เรามีพระคุ้มครองและความดีเป็นเกราะป้องกัน ความชั่วร้ายจะไม่สามารถทำลายได้”

หม่อมเจ้าหญิงสวาทสุภาย์รับฟังและยกมือไหว้ขอบคุณพระอาจารย์ ความสงบสุขเริ่มกลับมาในคฤหาสน์อีกครั้ง แต่ในใจของทุกคนก็ยังคงมีความระแวดระวังและเตรียมพร้อมรับมือกับทุกสิ่งที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

ค่ำคืนหนึ่งในกระท่อมไม้กลางป่า นางสายใจกลับมาแข็งแรงเป็นปกติและบอกกับไอ้เวทย์ผู้เป็นพ่อว่า

“พ่อ ฉันต้องการที่จะทำลายพวกมัน และจะต้องได้หม่อมเจ้าอดิศรกลับคืนมา”

ไอ้เวทย์มองหน้าลูกสาวด้วยความไม่สบายใจ

“เอ็งจะทำแบบนั้นไปเพื่ออะไร ในเมื่อตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างมันก็แย่ลงไปหมดแล้ว มีวิธีเดียวที่เอ็งจะสามารถกลับไปล้างแค้นมันได้ โดยที่เอ็งจะต้องรับวิชาของข้าไป และเมื่อใดที่เอ็งมีวิชาที่แกร่งกล้าเกินกว่าพ่อของเอ็งเมื่อนั้นเอ็งถึงจะกลับไปทำลายพวกมันให้ย่อยยับได้อย่างที่เอ็งตั้งใจ”

ไอ้เวทย์มองไปที่หีบไม้เก่าๆ และเปิดมันออกมา สิ่งนั้นที่อยู่ในหีบคือ คัมภีร์พระเวทมนตรา ไอ้เวทย์หันไปมองหน้านางสายใจ

“หากเอ็งต้องการมีพลังเหนือทุกสิ่ง เอ็งจงรับคัมภีร์พระเวทนี้ไป และจงนำมันไปทำพิธีอัญเชิญอัคนีนาฏเทวีให้กลับมา เอ็งจำปราสาทโบราณที่อยู่กลางป่านั้นได้ไหม ที่นั่นภายในเทวาลัยมีรูปปั้นของเทวีอยู่ เอ็งจงนำมันไปสวดทำพิธีเพื่อปลดปล่อยท่าน และขอให้เทวีดลบันดาลอะไรก็ตามที่เอ็งต้องการ แต่เอ็งจงจำไว้นะว่าเมื่อเอ็งรับพลังของข้าไปแล้ว และนำคัมภีร์ไปปลดปล่อยเทวีออกมา เอ็งจะไม่สามารถกลับมาเป็นนางสายใจคนเดิมได้อีก เพราะเมื่อเอ็งเลือกเส้นทางแห่งขุมนรกนี้แล้ว วิญญาณของเอ็งก็จะต้องตกนรกมอดไหม้”

สายใจมองหน้าพ่อด้วยความกังวลใจ แต่ในใจก็พร้อมที่จะแลกทุกวิญญาณ ต่อให้วิญญาณของตนต้องตกนรกมอดไหม้สักแค่ไหน “ในเมื่อพ่อมีคัมภีร์มนตรานี้อยู่ แล้วทำไมพ่อจึงไม่อัญเชิญอัคนีนาฏเทวีเองล่ะ”

ไอ้เวทย์มองหน้าสายใจด้วยความจริงจัง “คัมภีร์มนตรานี้มันจะถูกใช้ได้เฉพาะสตรีเท่านั้น และจะต้องเป็นสตรีที่มีความแค้นอาฆาตมากพอที่จะเรียกเทวีนี้ให้ออกมาได้”

 



Don`t copy text!