
บ่วงวงกต บทที่ 18 : รุ่งอรุณของวันใหม่ (จบบริบูรณ์)
โดย : Cirrus Halo
![]()
“บ่วงวงกต” นิยายสยองขวัญลึกลับ โดย Cirrus Halo เรื่องราวกลุ่มเพื่อนที่เดินทางสู่จังหวัดเลยเพื่อเที่ยวงานผีตาโขน แต่กลับติดอยู่ในรีสอร์ทปริศนาและต้องเผชิญเหตุฆาตกรรมสุดหลอน อ่านได้ที่ อ่านเอา
สิริเดินเข้ามาหาธนันต์ในลานจอดรถ เธอเห็นวิญญาณของป้าแก้วกำลังเล่นงานหน่วยกู้ภัยคนหนึ่งเหมือนที่เคยเล่นงานเธอ จึงช่วยเขาล็อกตัวป้าแก้วเอาไว้ในขณะที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยทั้งสองคนสลบไป ธนันต์แปลกใจเพราะเขาสัมผัสร่างโปร่งแสงของป้าแก้วไม่ได้แต่สิริกลับทำได้ วิญญาณป้าแก้วเห็นสิริก็หายตัวไปอย่างไร้สาเหตุ
สิริเดินมาเผชิญหน้ากับธนันต์ก่อนกล่าวกับเขาด้วยรอยยิ้มเศร้าๆ
“ขอโทษนะ”
“ถ้าเป็นเรื่องของเธอกับเจ้าธีระละก็ ไม่ต้องขอโทษหรอก ฉันก็ไม่ได้โง่ขนาดดูไม่ออก”
“ฉันขอโทษเพราะหักหลังนายต่างหาก”
“รู้ตัวด้วยหรือ” ธนันต์ถอนหายใจยาว “ชอบธีระก็ชอบไปสิ ทำไมต้องทำแบบนั้นกับคุณจุรีด้วย เขาไม่เกี่ยวอะไรกับความรู้สึกของพวกเธอสองคนเลย”
“ฉันอิจฉาน่ะ ไม่รู้ว่าทำไมธีระถึงเลือกแต่งงานกับจุรีทั้งที่คบกันไม่นานเท่าฉันด้วยซ้ำ”
“เพราะคุณจุรีมีสิ่งที่เธอไม่มีน่ะสิ”
“อะไร”
“ความรักแบบจริงใจน่ะ…” ธนันต์นิ่งเงียบชั่งใจอยู่พักหนึ่งจึงยอมพูดต่อ “แต่ตอนอยู่กับฉัน ฉันเห็นด้านแบบนั้นของเธอนะ ถึงจะมีเป็นระยะก็เถอะ”
“มีเป็นระยะคือยังไงล่ะ จริงใจเป็นระยะนี่เรียกจริงใจหรือ”
“เพราะเธออยากครอบครองธีระมากเกินไป ก็เลยไม่เคยพิจารณาคนใกล้ตัวอย่างละเอียดเลยไงล่ะ” ธนันต์กล่าวพลางยิ้มบางๆ ออกมา “ที่ฉันยังคบกับเธอ ก็เพราะหวังว่าสักวันเธอจะทิ้งความคิดอยากครอบครองนั่นได้สักที”
สิริรีบหันหลังเพื่อซ่อนน้ำตาเอาไว้ เธอกล่าวทั้งที่จงใจหลบหน้าธนันต์
“นายรู้จักฉันดีขนาดนั้นเลยหรือ”
“ฉันค่อนข้างมั่นใจอยู่นะ”
ธนันต์กล่าวตอบทันควัน แต่อีกฝ่ายกลับไม่ยอมหันมาหาเขา เขาจึงเดินเข้าไปจับไหล่เธอ
จุรีได้ยินเสียงเผาไหม้ดังขึ้นจากบริเวณที่ธีระยืนอยู่ เธอรีบเงยหน้าขึ้นมองดูสถานการณ์จึงเห็นว่าเขาทิ้งไฟแช็กลงบนศพแล้ว ผ้าขาวกับศพกลายเป็นเชื้อเพลิงทำให้ไฟลุกไหม้รุนแรงขึ้น ไม่นานักไฟก็ลามไปยังโต๊ะบูชา ธีระเดินเข้ามาดึงมือเธอเพื่อพาออกจากบ้านพัก จุรีเดินตามเขาช้าๆ ในใจเต็มไปด้วยความหวาดกลัวพลางถามขึ้น
“คุณยังไม่บอกฉันเลย ถ้าเผาที่นี่แล้ว จะเกิดอะไรขึ้นกับคุณแล้วก็คุณตรีสิทธิ์”
“คนที่ไม่ได้ทำอะไรผิดก็จะออกไปได้อย่างปลอดภัย อย่างคุณกับเจ้าธนันต์แล้วก็หน่วยกู้ภัยนั่น…” ธีระหยุดก่อนพูดเสียงแผ่วลง “ถ้าไม่ถูกเอาไปเป็นตัวตายตัวแทนแล้วละก็นะ”
“งั้นคุณตรีสิทธิ์ล่ะ”
ธีระนึกถึงตอนที่บังคับมีดในมือกฤติให้แทงใส่อานนท์ ตอนนั้นอยู่ๆ วิญญาณของเขาก็สามารถเข้าสิงร่างของตรีสิทธิ์ได้ คงเป็นเพราะกิ่งซึ่งเป็นคนทำหน้าที่บูชารูปปั้นถูกฆ่าตายทำให้อำนาจของรูปปั้นแข็งแกร่งขึ้น ตอนนั้นเขาหน้ามืดเหมือนถูกความแค้นบดบัง เขารู้แต่ว่าต้องหาตัวตายตัวแทนเพื่อให้ตัวเองรอดไปจากที่นี่ให้ได้ จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าสิ่งที่กระทำลงไปตอนนั้นเป็นฝีมือของเขาหรือว่าเป็นฝีมือของวิญญาณในบ้านพักของอานนท์และกฤติกันแน่
เขามองหน้าจุรี เห็นความห่วงใยอย่างจริงใจในแววตาสีน้ำตาลเข้มคู่นั้น เป็นแววตาแบบที่ทำให้เขาหลงรักเธอและอยากจะหวงแหนมันไว้ที่เขาคนเดียว แต่เขาก็ละอายใจที่หักหลังเธอเรื่องสิริ ตอนนี้จุรีรู้เรื่องแล้ว แววตาคู่นั้นคงไม่มีวันเป็นของเขาอีกตลอดกาล เขาได้แต่กล่าวกับเธอในใจเต็มไปด้วยความเสียใจ
“ขอโทษนะ…”
มือที่จับแขนจุรีไว้เริ่มอ่อนแรง จุรีเห็นเขาหลับๆ ตื่นๆ จึงเป็นฝ่ายเข้าไปประคองเขาเดินลงมาจากบ้านพักเจ้าของรีสอร์ต เธอกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ ทั้งที่ไม่ควรใส่ใจเขาอีกแล้วแต่ก็ยังตัดใจจากเขาไม่ได้
“คุณเป็นอะไรไป”
“ผมต้องไปแล้วเหมือนกัน ผมตายไปแล้ว อยู่ที่นี่ไม่ได้อีก”
จุรีเม้มปาก น้ำตายังคงไหลอาบแก้ม มีอีกเรื่องหนึ่งที่เธอรู้สึกว่าเขายังติดค้างเธออยู่
“ฉันยังไม่ได้ยิน…คำบอกลาดีๆ จากคุณสักครั้งเลย”
ธีระมองเห็นใบหน้าของจุรีเลือนรางลงทุกที เขากล่าวกับเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง
“ผมอาจจะดูแลคุณไม่ได้อีกแล้ว แต่ก็อยากให้คุณมีความสุขกับคนดีๆ กับอนาคตที่ดี ตั้งใจเริ่มต้นใหม่นะ”
ยังไม่ทันได้ตอบกลับจุรีก็หยุดฝีเท้า สายตาของเธอสะดุดเข้ากับร่างของหญิงสาวคุ้นตาที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นตรงหน้า เธอตกใจค่อยๆ ปล่อยร่างของธีระที่ประคองอยู่แล้ววิ่งเข้าไปดึงแขนสิริให้ลุกขึ้นนั่ง แขนขาของเธอปวกเปียกไม่มีเรี่ยวแรงอยู่เลย เมื่อลองใช้มืออังจมูกจึงรู้ว่าเธอไม่มีลมหายใจแล้ว
“สิริตายแล้วละ”
เสียงของธีระทำให้เธอเงยหน้าหันมองทางต้นเสียง เขายังมีเรี่ยวแรงเหลืออยู่บ้างจึงช่วยจุรีประคองสิริให้เดินตรงไปทางลานจอดรถด้วยกัน พวกเขาไม่ทันสังเกตเลยว่าท้องฟ้าในตอนนี้เริ่มสว่างแล้ว แม้ว่าดวงอาทิตย์จะยังโผล่พ้นขอบฟ้าขึ้นมาไม่เต็มที่แต่ก็พอมองเห็นทิวทัศน์รอบรีสอร์ตได้ชัดเจนขึ้นแม้จะไม่มีแสงจากหลอดไฟ
จุรีกับธีระวางร่างของสิริลงในลานจอดรถ ธนันต์ซึ่งเดินเข้าไปคว้าไหล่ของสิริที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเอาไว้ได้แต่ยืนตะลึงอยู่กับที่ สิริเหลือเพียงร่างโปร่งแสงที่จับต้องไม่ได้อีกแล้ว เธอกล่าวลาเขา
“ลาก่อนนะ ไม่ต้องคิดถึงฉันแล้วก็ได้”
ในขณะเดียวกันธีระเองก็ทรุดตัวลงนั่ง เขามองหน้าจุรีอย่างเต็มตาก่อนที่จะหลับสนิทแล้วแน่นิ่งไป จุรีรีบวิ่งเข้าไปเขย่าตัวเขาทั้งที่น้ำตาไหลอาบแก้ม ตรีสิทธิ์ค่อยๆ ลืมตาขึ้นอีกครั้งก่อนจะลุกขึ้นยืน ท่าทางของเขามึนงงยังเรียกสติกลับมาได้ไม่เต็มร้อย
จุรีลอบสังเกตตรีสิทธิ์อย่างพินิจ ก่อนจะถามขึ้นอย่างไม่แน่ใจนัก
“คุณตรีสิทธิ์ใช่มั้ยคะ”
ตรีสิทธิ์ยังสับสนอยู่ในหัว แต่เมื่อความทรงจำเริ่มกลับมาบ้างแล้วเขาก็พอคาดเดาเรื่องที่เกิดขึ้นได้ เขากล่าวตอบเธอ
“คุณยังเก็บพวงกุญแจที่ผมให้ไว้อยู่หรือเปล่า”
ทันใดเสียงขบวนแห่ผีตาโขนดังขึ้นจากถนนลาดยางซึ่งตัดผ่านหน้ารีสอร์ตริมภู ภายในขบวนมีทั้งวงดนตรีและคณะรำวงแต่งชุดไทยเดินปะปนกับกลุ่มคนที่แต่งชุดสวมหน้ากากผีตาโขนหลากสีสัน ขบวนไม่ใหญ่นักน่าจะออกมาจากหมู่บ้านที่อยู่ไม่ไกลจากที่นี่เพื่อไปรวมตัวกับขบวนใหญ่บนถนนสายหลักอีกที ไฟไหม้บ้านพักเจ้าของรีสอร์ตริมภูดึงดูดสายตาของชาวบ้านทำให้พวกเขาหยุดขบวนแล้วจัดคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้าไปดูสถานการณ์ภายในรีสอร์ต
ในขณะเดียวกันร่างโปร่งแสงของสิริเดินสวนทางกับกลุ่มคนจากขบวนแห่ออกไปปะปนกับขบวนใหญ่ที่อยู่ด้านนอก นอกจากสิริแล้ว วิญญาณของแม่ลูกที่จุดชมวิวและชายเร่ร่อน ดำรงซึ่งเป็นคนขับรถ อานนท์และกฤติที่แทงกันตาย ป้าแก้วซึ่งเป็นแม่บ้าน กิ่งและก้องซึ่งเป็นเจ้าของรีสอร์ตต่างก็เดินตามกันออกไปรวมตัวยังขบวนแห่ผีตาโขน
ธนันต์จะวิ่งตามสิริออกไปแต่ดูเหมือนเขาจะแยกไม่ออกเสียแล้วเมื่อวิญญาณเข้าไปปะปนกับเหล่าภูตผีสวมหน้ากากจำนวนมากที่อยู่ด้านนอก ขบวนแห่ผีตาโขนคงนำพาพวกเขากลับสู่โลกหลังความตายที่พวกเขาควรไปนานแล้ว นับจากนี้รีสอร์ตริมภูคงกลายเป็นเพียงรีสอร์ตร้างธรรมดาที่รอวันเปลี่ยนเจ้าของ
กลุ่มคนจากขบวนแห่เมื่อเห็นไฟไหม้ก็ถอดหน้ากากผีตาโขนวิ่งเข้ามาถามทั้งสามคนด้วยท่าทางเป็นกังวล
“เกิดอะไรขึ้น พวกเธอเป็นอะไรหรือเปล่า”
“เกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย… เจ้าของรีสอร์ตไล่พวกเราให้ออกไปพร้อมกับรถของหน่วยกู้ภัยครับ”
ธนันต์จำใจต้องคิดหาคำโกหก เขาไม่สามารถอธิบายเหตุผลของเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในรีสอร์ตให้คนทั่วไปฟังได้
จุรีกับตรีสิทธิ์เดินเข้าไปปลุกเจ้าหน้าที่กู้ภัย พวกเขาลืมตาขึ้นพร้อมทั้งมองไปรอบข้างอย่างหวาดระแวง ความทรงจำที่ถูกวิญญาณของป้าแก้วทำร้ายยังติดตรึงอยู่ในใจ แต่พวกเขาก็ไม่กล้าเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนให้ชาวบ้านทั่วไปฟังเช่นกัน
คนของขบวนแห่หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเพื่อโทร.เรียกตำรวจ และสัญญาณโทรศัพท์มือถือของพวกเขาก็ใช้งานได้ตามปกติทำให้ทั้งสามคนมองหน้ากันอย่างคาดไม่ถึง ไม่ใช่ชุมสายหรอกที่มีปัญหา แต่คงเป็นอำนาจเหนือธรรมชาติของรูปปั้นที่ถูกเผาทิ้งนั่นต่างหากที่ตัดขาดรีสอร์ตริมภูจากโลกภายนอกแบบจงใจ ในที่สุดรีสอร์ตแห่งนี้ก็ได้รับการปลดปล่อยเสียที
– จบบริบูรณ์ –
- READ บ่วงวงกต บทที่ 18 : รุ่งอรุณของวันใหม่ (จบบริบูรณ์)
- READ บ่วงวงกต บทที่ 17 : ข้อความจากคนตาย
- READ บ่วงวงกต บทที่ 16 : บ่วง
- READ บ่วงวงกต บทที่ 15 : ร่องรอยของอดีต
- READ บ่วงวงกต บทที่ 14 : รายต่อไป
- READ บ่วงวงกต บทที่ 13 : ตัวตายตัวแทน
- READ บ่วงวงกต บทที่ 12 : โลกที่เปลี่ยนไป
- READ บ่วงวงกต บทที่ 11 : ทางวงกต
- READ บ่วงวงกต บทที่ 10 : จุดชมวิว
- READ บ่วงวงกต บทที่ 9 : เรื่องวิวาท
- READ บ่วงวงกต บทที่ 8 : ความไม่ลงรอย
- READ บ่วงวงกต บทที่ 7 : ตลาดกลางคืน
- READ บ่วงวงกต บทที่ 6 : วันแรกในรีสอร์ท
- READ บ่วงวงกต บทที่ 5 : เพื่อนบ้าน
- READ บ่วงวงกต บทที่ 4 : รีสอร์ทริมภู
- READ บ่วงวงกต บทที่ 3 : ในม่านหมอก
- READ บ่วงวงกต บทที่ 2 : ตำนาน
- READ บ่วงวงกต บทที่ 1 : ใกล้งานเทศกาล








