บ่วงวงกต บทที่ 16 : บ่วง

บ่วงวงกต บทที่ 16 : บ่วง

โดย : Cirrus Halo

Loading

“บ่วงวงกต” นิยายสยองขวัญลึกลับ โดย Cirrus Halo เรื่องราวกลุ่มเพื่อนที่เดินทางสู่จังหวัดเลยเพื่อเที่ยวงานผีตาโขน แต่กลับติดอยู่ในรีสอร์ทปริศนาและต้องเผชิญเหตุฆาตกรรมสุดหลอน อ่านได้ที่ อ่านเอา

ใบหน้าของป้าแก้วอยู่ในระยะประชิดกับใบหน้าของเธอ ดวงตาของสิรินิ่งค้างเมื่อสบตากับดวงตาสีขาวขุ่นไร้แววสิ่งมีชีวิตของอีกฝ่ายที่อยู่ห่างไปเพียงสองนิ้ว สิริตัวแข็งทื่อปล่อยให้มือสีขาวซีดเลื่อนขึ้นมาจับที่คอแล้วบีบแน่นขึ้นเรื่อยๆ มือข้างหนึ่งกดทับที่หน้าอกข้างซ้าย สิริรู้สึกเหมือนจะหายใจไม่ออกพร้อมๆ กับที่หัวใจกำลังจะหยุดเต้น

ทันใดธนันต์วิ่งเข้ามาดึงแขนของสิริให้ออกห่างจากวิญญาณของป้าแก้ว ธีระในร่างตรีสิทธิ์ตามมายืนมองเหตุการณ์อย่างใจเย็น ในขณะที่ก้องซึ่งตามมาทีหลังร้องเสียงหลงพลางชี้ไปทางวิญญาณของป้าแก้วอย่างคนขวัญหนีดีฝ่อ ไม่นานนักเขาก็สลบไปด้วยความตกใจเพราะได้มองเห็นวิญญาณเป็นครั้งแรกในชีวิต

แม้ว่าธนันต์จะดึงตัวสิริให้ออกห่างจากวิญญาณของป้าแก้วที่กดทับตัวเธออยู่ แต่ป้าแก้วก็ยังคลานมาจับขาเธอไว้แน่น จุรีที่เพิ่งตามมาถึงเห็นธนันต์พยายามช่วยสิริจากวิญญาณป้าแก้วก็สูดหายใจลึกก่อนจะฝืนใจวิ่งตรงเข้าไปจับไหล่ของป้าแก้ว แต่มือของเธอกลับทะลุผ่านอีกฝ่ายซึ่งเป็นเพียงร่างโปร่งแสง

จุรียังคงพยายามจับแขนของป้าแก้วแต่เธอคว้าไว้ได้เพียงอากาศเปล่า สิริอึดอัดหายใจไม่ออกจนในที่สุดเธอก็หมดสติไป วิญญาณของป้าแก้วเห็นเหยื่อสลบไปแล้วก็หันไปสนใจจุรีแทน เธอคลานอย่างเร็วเข้าไปจับขาแล้วดึงอีกฝ่ายจนล้มลง ก่อนจะค่อยๆ คลานขึ้นไปบนร่างของหญิงสาวเพื่อบีบคอและกดทับหน้าอกเหมือนที่ทำกับสิริ

ธีระในร่างตรีสิทธิ์วิ่งเข้าไปจับแขนของป้าแก้วแล้วลากให้ออกห่างจากจุรี น่าแปลกที่เขาสามารถจับต้องอีกฝ่ายได้ จุรีลุกขึ้นนั่งก่อนไอสำลักเบาๆ ทันใดเสียงไซเรนของรถกู้ภัยดังขึ้น ธีระจึงลากคอวิญญาณของป้าแก้วเพื่อเดินมุ่งตรงไปยังลานจอดรถ ระหว่างทางเขากล่าวกับป้าแก้ว

“อย่ายุ่งกับผู้หญิงคนนั้นอีก” ธีระชี้ไปที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยสองคนซึ่งกำลังเปิดประตูลงจากรถ “เหยื่อของเธอมาแล้ว ไปหาเขาสิ”

วิญญาณของป้าแก้วมองไปทางรถของหน่วยกู้ภัยก่อนจะคลานตรงไปยังพวกเขาอย่างรวดเร็ว

ธนันต์ให้จุรีพาสิริไปพักผ่อนในขณะที่ตัวเขาวิ่งตามธีระไป จึงทันได้เห็นธีระพูดคุยกับวิญญาณของป้าแก้ว หลังป้าแก้ววิ่งหายลับสายตาไปแล้ว ธนันต์จึงมองหน้าธีระอย่างต้องการคำตอบ เขาคาดคั้นอีกฝ่ายที่ยังนิ่งเงียบอยู่

“แกโทรให้หน่วยกู้ภัยมา เพื่อมาเป็นตัวตายตัวแทนใช่มั้ย”

“ถ้าใช่แล้วยังไง”

“แกทำเกินไปแล้วนะ”

ธนันต์ขึ้นเสียงอย่างมีน้ำโห แต่สีหน้าของธีระไม่บ่งบอกว่าสำนึกผิดแม้แต่นิดเดียว ธนันต์ได้แต่ส่ายหน้าผิดหวัง

“แกไม่เหมือนธีระที่ฉันรู้จักเลย”

“เพราะวิญญาณที่ถูกขังอยู่ที่นี่จะกลายเป็นวิญญาณร้าย”

เสียงของธีระเย็นเยียบแต่ธนันต์ไม่มีท่าทีจะกลัวเขา เขาสวนกลับทันที

“แล้วแกจะปกป้องคุณจุรียังไง ในเมื่อแกยังควบคุมตัวเองไม่ได้เลย ฉันต้องห่วงมั้ยว่าแกจะเริ่มทำร้ายคุณจุรีเมื่อไร”

ธีระชะงักเริ่มยกมือขึ้นกุมขมับ สติสัมปชัญญะของเขาค่อยๆ กลับมาทีละน้อย ความแค้นที่ต้องตายทั้งที่ความสุขอยู่แค่เอื้อมแต่กลับล้มเหลวที่จะไขว่คว้า มันบดบังสำนึกผิดชอบชั่วดีไปจนหมดสิ้น

หลังจากตั้งสติได้ ธีระก็พึมพำเบาๆ “เจ้าของร่างนี้เคยบอกว่าต้องทำลายรูปปั้น”

กล่าวจบธีระก็วิ่งตรงไปยังทางขึ้นบ้านพักของเจ้าของรีสอร์ต ธนันต์ลังเลหันมองทางธีระทีหนึ่งแล้วหันมองเจ้าหน้าที่กู้ภัยทีหนึ่ง เขาสบถออกมาแล้วจึงรีบวิ่งไปทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยที่ลานจอดรถก่อน

ธีระวิ่งมาจนถึงหน้าบ้านพักเจ้าของรีสอร์ตซึ่งปิดไฟเงียบสนิท ก้องยืนรอที่หน้าบ้านพักอยู่ก่อนแล้ว เขากำลังยืนตัวแข็งทื่อเมื่อเห็นร่างเงาของหญิงสาวยืนผมปรกใบหน้าจ้องมองมาทางเขา เธออยู่ในเสื้อแขนยาวสีครีมกางเกงผ้าสีเทา เป็นเสื้อผ้าชุดเดียวกับที่เธอใส่ในวาระสุดท้ายของชีวิต เธอเงยหน้าทำให้ผมที่ปรกใบหน้าค่อยๆ เปิดออกตกลงด้านข้างเผยให้เห็นหน้าผากที่มีบาดแผลถูกทุบจนกะโหลกยุบบุ๋มเข้าไป เลือดสีแดงไหลเป็นทางเริ่มจากไม่กี่หยดแล้วเปลี่ยนเป็นไหลทะลักราวกับสายน้ำย่อมๆ ย้อมเสื้อสีครีมให้กลายเป็นสีแดงฉาน ก้องสะดุ้งสุดตัวเพราะนี่คือสภาพสุดท้ายที่เขาเห็นพี่สาวของเขาหลังจากลงมือทุบศีรษะของเธอด้วยตนเอง

จุรีพาสิริกลับมายังบ้านพักของพวกเธอ หลังจากประคองสิริให้ลงนอนบนเตียงแล้ว จุรีจึงสังเกตเห็นใบหน้าเจือสีแดงเรื่อของเพื่อน เมื่อใช้หลังมือสัมผัสหน้าผากจึงรู้สึกถึงไอร้อนที่แผ่ออกมา

“เธอมีไข้นี่ เดี๋ยวฉันไปหาผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวให้”

“เพราะคนจรจัดนั่น” สิริเพ้อบ่นพึมพำออกมาทั้งที่ยังไม่ได้สติ ทำให้จุรีหยุดฝีเท้านิ่งฟังเพื่อน “ตายไปแล้วแท้ๆ ทำไมถึงโผล่มาต่อหน้าฉัน”

จุรีเห็นสิริกึ่งหลับกึ่งตื่นจึงถามอย่างใคร่รู้ “คนจรจัดที่ไหนหรือ”

“คนที่ตัดหน้ารถของธีระไง”

จุรีย่นคิ้ว รู้สึกว่าเรื่องนี้ติดอยู่ในใจมานาน ทุกครั้งที่พยายามขอคำอธิบายจากเพื่อนก็มักจะถูกเฉไฉไปเรื่องอื่น ครั้งนี้เธอจึงถือโอกาสถามกลับไป

“เธอเคยเห็นหน้าเขาหรือไง ถึงคิดว่าเป็นคนคนเดียวกัน”

“ฉันต้องรู้สิ เพราะฉันเป็นคนจ้างเขาเอง”

จุรีชะงักเบิกตากว้างคาดไม่ถึงกับคำตอบที่ออกมาจากปากเพื่อน หัวใจของเธอเต้นแรงกลืนน้ำลายอย่างยากเย็น ทั้งอยากและไม่อยากได้ยินคำตอบต่อจากนี้

“จ้างทำไม” จุรีสูดหายใจพยายามถามด้วยน้ำเสียงเรียบเป็นปกติ

“ฉันไม่อยากให้ธีระแต่งกับจุรี”

“ทำไม”

“ฉันคบกับเขาก่อนจุรีเสียอีก”

“คบกันหรือ…”

จุรีคว้าไหล่ทั้งสองข้างของเพื่อนให้ลุกขึ้นนั่งก่อนเขย่าตัวเธออย่างแรงจนสิริลืมตาตื่นขึ้น เมื่อเห็นใบหน้าเลือนรางของจุรี เธอก็สะดุ้งสุดตัวเพราะจำได้ว่าเมื่อครู่พูดอะไรออกไปบ้าง

“หมายความว่ายังไงที่ว่าคบกัน”

สิริสีหน้าซีดเผือดเมื่อถูกคาดคั้น เธอเห็นเพื่อนไม่มีท่าทีจะตอบคำถามก็คาดคั้นเสียงเข้มขึ้น

“พวกเธอคบกันตั้งแต่เมื่อไร”

“ตั้งแต่มหาลัยแล้ว” สิริตอบกลับเสียงดังเหมือนจะเรียกความกล้า “เขาเลิกกับฉันตอนที่รู้จักเธอนั่นแหละ ทั้งที่เธอมาทีหลังแต่เขากลับเลือกที่จะแต่งงานกับเธอ”

“แล้วทำไมเธอถึงไม่บอกฉัน”

“ถ้าบอกแล้วเธอจะปฏิเสธเขาหรือไง” สิริแผดเสียงกำลังจะหมดความอดทน “ต่อให้เธอปฏิเสธเขา แต่เขาก็จะเลิกกับฉันอยู่ดีนั่นแหละ”

จุรีกะพริบตานิดหนึ่ง เธอโล่งใจที่อย่างน้อยสิริก็รู้ว่าธีระเลือกเธอแต่เธอก็ยังรู้สึกเหมือนถูกหักหลัง จุรีพยายามถามต่อไปอย่างใจเย็น

“ถ้าเธอรักเขา แล้วฆ่าเขาทำไม”

“ฉันไม่ได้ตั้งใจให้ถึงตาย” สิริสวนกลับทันควัน “ฉันแค่อยากสั่งสอนเขา ในวันที่เขากำลังจะมีความสุขที่สุดก็เท่านั้น”

“เพราะงั้นเธอถึงได้มองเห็นคนจรจัดคนนั้นสินะ” จุรีกล่าว แทบไม่อยากยอมรับความจริง “เพราะเธอจ้างคนที่ไม่เกี่ยวข้องไปตาย เพื่อสนองความคิดชั่ววูบของเธอ”

“ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉันไม่คิดว่าเขาจะทำจริงๆ”

“จะทำหรือไม่ ปรากฏการณ์แปลกๆ ที่รีสอร์ตนี้คงทำให้เธอเห็นเขา เราถึงได้หลงเข้ามาถูกขังอยู่ที่นี่”

“เธอจะมาพูดเรื่องผีสางอะไรเอาตอนนี้”

“กงเกวียนกำเกวียน วิญญาณแม่ลูกที่จุดชมวิว แล้วก็วิญญาณป้าแก้วที่เธอเห็นเมื่อครู่ ยังทำให้เธอเชื่อไม่ได้อีกหรือ”

 



Don`t copy text!