บ่วงวงกต บทที่ 13 : ตัวตายตัวแทน

บ่วงวงกต บทที่ 13 : ตัวตายตัวแทน

โดย : Cirrus Halo

Loading

“บ่วงวงกต” นิยายสยองขวัญลึกลับ โดย Cirrus Halo เรื่องราวกลุ่มเพื่อนที่เดินทางสู่จังหวัดเลยเพื่อเที่ยวงานผีตาโขน แต่กลับติดอยู่ในรีสอร์ทปริศนาและต้องเผชิญเหตุฆาตกรรมสุดหลอน อ่านได้ที่ อ่านเอา

ธนันต์สะดุ้งเฮือกเกือบร้องโวยวายเสียงดังลั่นออกมาถ้าตรีสิทธิ์ไม่เอามือปิดปากเขาไว้เสียก่อน ตรีสิทธิ์หันมองตามสายตาของธนันต์จึงได้เห็นผ้าขาวชุ่มเลือดที่ห่อบางอย่างคล้ายศพเอาไว้ เหนือขึ้นไปบนบางอย่างนั้นปรากฏรูปปั้นดินเผาประหลาดบนแท่นบูชา ดวงตาของตรีสิทธิ์แข็งค้าง เขายืนจ้องมันนิ่งๆ ผ่านหน้าต่างอยู่แบบนั้นจนธนันต์ต้องสะกิดไหล่เพื่อน

“เฮ้ย ไปกันได้แล้วมั้ง เดี๋ยวเจ้าของบ้านพักกลับมาเจอ เราอาจจะโดนฆ่าปิดปากก็ได้”

“ใช่อย่างที่เราคิดแน่หรือเปล่า ฉันต้องเข้าไปดูข้างในให้แน่ใจ”

ธนันต์ส่ายหน้าพยายามเร่งฝีเท้าตามตรีสิทธิ์ที่เดินจ้ำอ้าวตรงไปทางประตูหน้าบ้านพัก แต่สายตาของเขาเหลือบไปเห็นก้องที่กำลังเดินนำจุรีและสิริเข้ามาในเขตพื้นที่บ้านพัก เขารีบสะกิดหลังเพื่อนให้เดินไปลงบันไดแทน ตรีสิทธิ์ลังเลแต่เพื่อไม่ให้กลายเป็นเรื่องใหญ่จึงต้องทำตามธนันต์อย่างเสียไม่ได้

เมื่อเดินลงมาถึงด้านล่าง พวกเขาก็ยืนรอให้ทั้งสามคนมาถึงจุดที่พวกเขายืนอยู่ สิริกับจุรีกล่าวกับทั้งคู่อย่างแปลกใจ

“พวกนายไปไหนกันมา”

“กลับไปเอาของที่บ้านพักน่ะ” ธนันต์ตอบแทรกขึ้นทันควัน “แล้วคุณก้องเป็นยังไงบ้าง”

“อาเจียนออกมาแล้ว เหลือแค่ต้องนอนพักผ่อน”

“ผมขอตัวก่อนก็แล้วกัน” ก้องกล่าวจบก็แยกตัวเดินขึ้นไปยังบ้านพักของตนเอง

สิริมองตามหลังก้องจนลับสายตาไปแล้วจึงรีบหันกลับมาถามธนันต์ เธอยังคงหวังที่จะได้ออกจากรีสอร์ต

“สรุปว่านายเอารถกระบะกลับมาด้วยมั้ย”

ธนันต์เม้มปากลำบากใจที่จะตอบ ตรีสิทธิ์จึงเป็นฝ่ายกล่าวขึ้นน้ำเสียงเรียบ

“พวกเราออกจากรีสอร์ตไม่ได้”

“หมายความว่ายังไงคะ” จุรีถามแทรกขึ้นบ้าง

ตรีสิทธิ์หันมองหน้าเธอ ดวงตาของเขาเบิกกว้างก่อนจะเบี่ยงสายตาไปทางอื่นแล้วตอบเสียงแผ่ว

“เราขับรถมอเตอร์ไซค์ออกไปหลายครั้งแต่ก็ต้องวกกลับมาที่รีสอร์ตทุกครั้ง เราคิดว่าจะลองอาศัยรถของคนที่ชื่อดำรงออกไปดู”

“อ้อ เห็นคุณดำรงเข้ามาส่งของอยู่” สิรินึกถึงตอนที่ดำรงขับรถกระบะเข้ามา “เขาน่าจะใกล้เสร็จงานแล้ว เราลองไปถามเขาดูมั้ย ถ้าเขากลับไปก่อนจะไม่ทันเอานะ”

ทั้งสี่คนรีบวิ่งเข้ามาในลานจอดรถ เห็นดำรงกำลังยกของชุดใหญ่ลงจากตู้ทึบใส่ในรถเข็นที่เตรียมไว้ ธนันต์จึงเร่งฝีเท้ารีบเข้าไปคุยกับเขา

“เดี๋ยวก่อนครับ วันนี้คุณจะออกจากรีสอร์ตใช่มั้ย”

ดำรงหยุดมือจากงานที่ทำอยู่แล้วจึงหันมาคุยกับอนันต์

“ใช่ แต่คงออกช่วงสี่โมงเย็นนะ”

“พวกผมขอติดรถไปด้วยได้มั้ย”

“รถยังซ่อมไม่เสร็จหรือ”

“ไม่เชิงครับ แต่เราเดือดร้อนจริงๆ ออกจากที่นี่ไม่ได้”

ดำรงไม่ได้คิดถึงเรื่องผีสาง แต่เขารู้ว่าเส้นทางเข้าออกรีสอร์ตตัดขาดภายนอกและไปไหนมาไหนลำบากหากไม่มีรถยนต์

“ก็ได้ สี่โมงมาเจอฉันที่ลานจอดรถก็แล้วกัน”

หลังจากตอบตกลงดำรงก็กลับไปทำงานต่อ ทั้งสี่คนจึงเดินกลับไปนั่งปรึกษากันที่ม้านั่งตรงชานเรือนบ้านพักของสิริและจุรี สิริขอให้ธนันต์อธิบายเรื่องที่รถออกจากรีสอร์ตริมภูไม่ได้ ธนันต์ได้แต่ยิ้มแห้งพลางนึกหาคำพูดมาอธิบาย

“ฉันว่าเราอาจจะถูกผีหลอก”

สิริหรี่ตานึกไม่ถึงว่านั่นจะเป็นเหตุผล เธอเอียงคอมองเขาด้วยสายตาจริงจัง

“ขอสาเหตุที่จับต้องได้มากกว่านี้หน่อยสิ”

“ทีเธอยังบอกว่าเลี้ยวรถหลบชายปริศนาทั้งที่ฉันมองไม่เห็นเลย ตอนนี้เราก็เจอสถานการณ์แบบเดียวกัน บางทีชายปริศนาที่เธอกับฉันเจอนอกรีสอร์ตอาจจะเป็นคนเดียวกันก็ได้” ธนันต์เริ่มอับจนหนทางที่จะอธิบายจึงโบ้ยไปทางตรีสิทธิ์ “ไม่งั้นก็ให้ผู้เชี่ยวชาญเรื่องผีเป็นคนพูดดีมั้ย พวกเธอจะได้ทำใจเชื่อได้”

จุรีและสิริหันมองทางตรีสิทธิ์พร้อมกันเพื่อคาดคั้นเอาคำตอบ เขาอ้ำอึ้งไปพักหนึ่งจึงยอมพูด

“ฉันเองก็ยังไม่ค่อยเข้าใจ แต่อาจจะเกี่ยวกับศพที่เราเจอในบ้านพักเจ้าของรีสอร์ต”

ธนันต์นึกถึงขึ้นมาก็แทบจะอาเจียน จุรีเห็นท่าทางเขาไม่ได้โกหกจึงถามขึ้นบ้าง

“ศพอะไร เกิดอะไรขึ้นที่บ้านพักของคุณกิ่งหรือคะ”

ตรีสิทธิ์รู้ว่าไม่ใช่ทุกคนจะทำใจเชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติได้ง่ายๆ แต่อย่างน้อยทั้งจุรีและสิริก็น่าจะสัมผัสได้ถึงสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นที่นี่ เขากล่าวตอบอย่างลำบากใจ

“ผมเห็นวิญญาณคุณกิ่งที่หน้าบ้านพักของเธอ คิดว่าเธอน่าจะตายวันที่เรากลับจากตลาดกลางคืน หลังจากนั้นรีสอร์ตนี้ก็มีบางอย่างเปลี่ยนแปลงไป อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เราออกจากที่นี่ไม่ได้”

“บางอย่างเปลี่ยนไปที่ว่า เปลี่ยนไปยังไง”

ตรีสิทธิ์พูดไม่ออกว่ามีวิญญาณที่คอยหาตัวตายตัวแทนอยู่เต็มรีสอร์ต ธนันต์จึงรีบตัดบท

“ก็แปลกที่เราออกไปไม่ได้ไง ถ้าติดรถคุณดำรงไปแล้วยังออกไปไม่ได้อีก ฉันเองก็จนปัญญาแล้ว”

“ถ้างั้นเราก็มีแต่ต้องรอให้ถึงสี่โมงเย็นแล้วละ” สิริกล่าวสีหน้าเป็นกังวล

“ถ้างั้นพวกเธอก็พักผ่อนเถอะ” ธนันต์กล่าวพลางลุกขึ้นยืน “ฉันกับตรีสิทธิ์จะกลับบ้านพักเหมือนกัน ไว้ค่อยเจอกันตอนสี่โมงเย็นที่ลานจอดรถนะ”

กล่าวจบธนันต์ก็เดินนำออกจากบ้านพักของสองสาว ตรีสิทธิ์แอบลอบมองจุรี นัยน์ตาของเขาสั่นเล็กน้อยเหมือนมีคำพูดมากมายที่อยากบอกเธอ แต่เขาเลือกที่จะตามธนันต์ออกไปเงียบๆ

เมื่อนาฬิกาบอกเวลาสี่โมงเย็น ทั้งสี่คนเตรียมพร้อมอยู่ในตู้ทึบด้านหลังกระบะในขณะที่อานนท์ขึ้นนั่งบนที่นั่งฝั่งคนขับ เขาติดเครื่องยนต์ขับออกไปท่ามกลางม่านหมอกที่ยังคงปกคลุมหนาทึบจนแทบมองไม่เห็นแสงอาทิตย์คล้อยต่ำในช่วงบ่ายแก่ๆ แบบนี้ ทั้งที่ฝนก็ไม่ได้ตั้งเค้าแต่บรรยากาศอึมครึมปกคลุมรอบรถตลอดทางที่วิ่งบนถนนลาดยาง

แต่แล้วรถก็เบรกกะทันหันจนทั้งสี่คนหน้าคะมำ ในตู้ทึบแบบนี้ทำให้มองไม่เห็นทิวทัศน์ข้างนอก รู้เพียงว่ารถยังคงวิ่งต่อไปอีกพักใหญ่ก่อนจะเบรกสุดแรงอีกครั้ง ไม่นานนักรถก็เริ่มวิ่งต่อก่อนจะหยุดสนิทลงในอีกหลายนาทีต่อมา

ดำรงลงจากรถเพื่อมาเปิดประตูตู้รถกระบะด้วยตนเอง แสงสว่างส่องลอดผ่านช่องประตูตู้ที่ถูกดึงเปิดออกเผยให้เห็นทิวทัศน์ในลานจอดรถอันคุ้นตา ที่นี่ก็ยังคงเป็นพื้นที่ภายในรีสอร์ตริมภูนั่นเอง พวกเขายังไม่ได้ออกไปข้างนอกเลย

ดำรงปล่อยให้ทั้งสี่คนกระโดดลงจากรถก่อนโวยวายขึ้นอย่างหัวเสีย

“เมื่อครู่พวกคุณเห็นมั้ย ผู้ชายแต่งตัวโทรมๆ วิ่งผ่านหน้ารถตั้งสองรอบ”

“ผู้ชายแต่งตัวโทรมหรือคะ” สิรินึกถึงชายปริศนาที่เดินตัดหน้ารถของตนขึ้นมาได้ “แล้วเกิดอะไรขึ้นคะ ทำไมคุณถึงเลี้ยวรถกลับ”

“ฉันไม่ได้เลี้ยวรถกลับ แต่พอผ่านชายประหลาดคนนั้นไปได้ รถก็วิ่งกลับมาที่หน้าซุ้มประตูรีสอร์ตแล้ว”

จุรีและสิริมองหน้ากันอย่างงุนงง ในขณะที่ตรีสิทธิ์และธนันต์คาดเดาได้อยู่แล้วเพราะมีประสบการณ์มาก่อน

“แล้วคุณจะทำไงต่อคะ” จุรีถามขึ้นบ้าง

“ตอนนี้ห้าโมงแล้ว ต่อให้ออกไปได้ก็คงเจอหมอกลงจัดแน่ ตอนกลางคืนวิ่งรถอันตราย คงต้องออกรถอีกทีพรุ่งนี้เช้า”

“งั้นคืนนี้คุณจะค้างที่รีสอร์ตหรือคะ”

“ก็มันช่วยไม่ได้นี่ ไว้พรุ่งนี้เช้าค่อยลองออกไปใหม่”

ทั้งสี่คนมองตามดำรงที่เดินตรงเข้าไปในรีสอร์ตท่าทางหงุดหงิด ธนันต์จึงบอกให้สองสาวกลับไปพักผ่อนที่บ้านพักของพวกเธอ เขาชวนตรีสิทธิ์ไปเอาอาหารและเครื่องดื่มที่ซื้อมาจากตลาดกลางคืนในบ้านพักของตนเอง ก่อนจะออกเดินตามหาดำรงด้วยกัน

 



Don`t copy text!