
บ่วงวงกต บทที่ 9 : เรื่องวิวาท
โดย : Cirrus Halo
“บ่วงวงกต” นิยายสยองขวัญลึกลับ โดย Cirrus Halo เรื่องราวกลุ่มเพื่อนที่เดินทางสู่จังหวัดเลยเพื่อเที่ยวงานผีตาโขน แต่กลับติดอยู่ในรีสอร์ทปริศนาและต้องเผชิญเหตุฆาตกรรมสุดหลอน อ่านได้ที่ อ่านเอา
ท่ามกลางความเงียบสงบในยามค่ำคืน เสียงตะโกนโวยวายดังรบกวนผู้อยู่อาศัยในบ้านพักละแวกใกล้เคียง เนื่องจากบ้านพักอยู่ไม่ห่างจากกันมากนักทำให้แขกที่เข้าพักได้ยินเสียงและพากันเดินออกมาดู จำนวนของแขกมีไม่มากจึงไม่เกิดความโกลาหลขึ้น ธนันต์และตรีสิทธิ์ก็เป็นหนึ่งในกลุ่มคนโหรงเหรงที่ออกมามุงดูด้วย
ทั้งคู่มองดูชายร่างผอมและชายร่างท้วมที่กำลังยืนมีปากเสียงกันอยู่ สีหน้าของชายร่างผอมโกรธขึ้งชี้หน้าโวยวายใส่ชายร่างท้วมซึ่งท่าทางใกล้จะหมดความอดทนเต็มที
“แกเอาเงินไปใช่มั้ย ของของฉันตั้งแต่ย้ายเข้ามาก็มีแต่แกนั่นแหละที่ได้แตะ”
“ฉันจะเอาเงินแกไปทำไม จะรู้ได้ยังไงว่าแกไม่ได้แต่งเรื่องจะไถเงินฉัน”
“คราวก่อนแกก็ยืมเงินฉันไปแล้วไม่คืนใช่มั้ย”
“ฉันไม่ได้ยืมเว้ย”
เสียงโวยวายของคู่สนทนากระตุ้นอารมณ์ของชายร่างผอม เขาเงียบไปพักหนึ่งก่อนชักมีดขึ้นมา มันเป็นมีดพกแบบที่ใช้ป้องกันตัวได้ เขาตะโกนลั่น
“แกอย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะ แกกับไอ้ก้องเอาเงินฉันไป”
ชายร่างผอมชี้มีดมาทางธนันต์กับตรีสิทธิ์ที่ยืนงุนงงกับสถานการณ์ ตรีสิทธิ์หันมองซ้ายขวาก็เห็นแต่คู่แม่ลูกซึ่งก็ไม่น่าจะรู้จักกับชายร่างผอม แต่เมื่อหันไปข้างหลังจึงมองเห็นก้องที่กำลังเดินตรงมาทางทั้งคู่
ยังไม่ทันได้ตั้งตัว ชายร่างผอมก็วิ่งตรงมาทางทั้งสามคน ธนันต์ที่เกือบจะยืนเป็นเป้านิ่งรีบใช้มือทั้งสองข้างจับมือข้างหนึ่งของเขาเอาไว้ไม่ให้เข้าถึงตัว ในขณะที่ตรีสิทธิ์รีบคว้าข้อมือขวาซึ่งถือมีดเอาไว้ได้ ชายร่างผอมแรงเยอะผิดกับรูปร่างที่เห็น เมื่องัดแรงกันอยู่พักใหญ่ มีดจึงถูกบิดด้านคมเข้าหาตัวของชายร่างผอมผู้ถือมีดเสียเอง แรงยื้อแย่งทำให้คมมีดเย็นเฉียบแทงลึกแทรกผ่านผิวหนังที่ช่องท้อง เขาทรุดลงนั่งคุกเข่ากับพื้น
ธนันต์ถอยออกห่างจากชายร่างผอมด้วยท่าทางตกตะลึง ในขณะที่ตรีสิทธิ์รีบปล่อยมือ เลือดไหลออกจากช่องท้องด้านซ้ายซึ่งมีมีดเสียบคาเอาไว้ เสื้อยืดสีเทาเปียกชุ่มแล้วเปลี่ยนเป็นสีเข้มขึ้นจากลิ่มเลือดที่ไหลออกมาไม่หยุด เขาล้มลงนอนกองกับพื้นในที่สุด
ก้องรีบวิ่งกลับไปที่เรือนประชาสัมพันธ์เพื่อโทร.เรียกรถตำรวจและรถพยาบาล ตรีสิทธิ์สังเกตเห็นแม่ลูกคู่นั้นไม่อยู่ในที่เกิดเหตุแล้ว ธนันต์ที่วิ่งตามก้องไปถามขึ้นเสียงกร้าว
“มันอะไรกันครับ เขาจ้องทำร้ายคุณไม่ใช่หรือ”
“ผมจะไปรู้ได้ยังไง ผมไปถึงที่นั่นทีหลังพวกคุณอีก”
“เขามีเรื่องอะไรกับคุณมาก่อนหรือเปล่า” เสียงของตรีสิทธิ์นิ่งเรียบขัดแย้งกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
“รอตำรวจมาแล้วค่อยคุยกันดีกว่า”
ก้องกล่าวตัดบทอย่างรำคาญ ในระหว่างที่ทั้งสามคนวิ่งผ่านทางขึ้นบ้านพักของเจ้าของรีสอร์ต ตรีสิทธิ์หยุดฝีเท้ามองเห็นกิ่งที่ยืนก้มหน้าก้มตาอยู่หน้าบ้านพัก ผมสีดำยาวสยายปกคลุมจนมองไม่เห็นใบหน้าของเธอ แต่เสื้อผ้าก็ดูจะไม่เสียหายอะไร เธอไม่แตกตื่นกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและไม่มีทีท่าว่าจะวิ่งเข้ามาถามไถ่หรือช่วยติดต่อหาหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เธอเพียงแค่ยืนนิ่งเฉยไม่ขยับอยู่ตรงนั้น
ตรีสิทธิ์ค่อยๆ ละสายตาจากเธอเพื่อวิ่งตามเพื่อนให้ทัน จึงเห็นก้องกำลังใช้โทรศัพท์ในเรือนประชาสัมพันธ์โทร.หาตำรวจและเรียกรถพยาบาล หลังจากวางสายแล้ว ธนันต์จึงเริ่มโวยวายใส่ก้องโดยมีตรีสิทธิ์ยืนฟังอยู่ข้างๆ
“คุณรู้มั้ยว่าเพื่อนผมอาจกลายเป็นฆาตกรน่ะ”
“คนยังไม่ตายสักหน่อย” ก้องบอกปัดอย่างรำคาญ “ต่อให้ตาย ถ้าคุณกับผมไม่พูด เขาก็แค่ฆ่าตัวตายไม่ใช่หรือ”
ตรีสิทธิ์ย่นคิ้วนึกถึงคู่แม่ลูกที่เป็นพยานอยู่ในเหตุการณ์ด้วย แต่ดูเหมือนว่าทั้งก้องและธนันต์จะไม่ได้สังเกตเห็นพวกเธอ เขาจึงเลือกที่จะนิ่งเงียบกับเรื่องนั้นแล้วกล่าวกับทั้งคู่
“เราควรจะกลับไปดูผู้ชายตัวใหญ่คนนั้น ปล่อยเขาไว้กับคนเจ็บจะไม่เป็นไรหรือ”
“ผู้ชายตัวใหญ่คนไหนล่ะ หมายถึงเจ้าอานนท์หรือ” ก้องเลิกคิ้วถามอย่างแปลกใจ
“คนที่พักอยู่กับคนผอมๆ น่ะครับ คุณรู้จักเขาใช่มั้ย” ธนันต์ยังคงคาดคั้นเอาเรื่อง
ก้องยิงฟันรู้สึกไม่สบอารมณ์แต่ก็ยอมตอบ “รู้จัก คนผอมๆ ชื่อกฤติ ส่วนคนตัวใหญ่ชื่ออานนท์ แต่เมื่อกี้ผมเห็นแค่เจ้ากฤติที่ยืนตะโกนโวยวายอยู่นะ”
“เพื่อนผมหมายถึงว่าปล่อยให้คนชื่อกฤติที่ถือมีดคลั่งขนาดนั้นอยู่กับคนชื่ออานนท์จะไม่เป็นไรแน่หรือ ถึงเขาจะบาดเจ็บหนักแล้วก็เหอะ”
“ก็ลองกลับไปดูที่บ้านพัก เดี๋ยวก็รู้เองแหละ” ก้องกล่าวท่าทางกระฟัดกระเฟียดพลางเดินจ้ำอ้าวนำทั้งสามคนตรงไปยังบ้านพักของอานนท์กับกฤติ
พวกเขาเดินเลี่ยงร่างของกฤติที่นอนแน่นิ่งหายใจรวยรินอยู่กับพื้นก่อนเปิดประตูบ้านพักเดินเข้าไปข้างใน ไฟและเครื่องปรับอากาศยังถูกเปิดทิ้งไว้ แต่พวกเขาเห็นรอยเลือดจางๆ หยดเป็นทาง ยิ่งเดินลึกเข้าไปข้างใน หยดเลือดยิ่งเข้มข้นและวงใหญ่ขึ้น ในที่สุดจึงได้พบแอ่งเลือดขนาดย่อมซึ่งไหลนองอยู่รอบๆ ร่างของอานนท์ที่นอนตัวเย็นเฉียบอยู่บนพื้นใกล้เตียงนอน มีขวดเหล้าเปล่าสองสามขวดล้มระเนระนาดอยู่ พวกเขาคงจะเมาเหล้าก่อนที่กฤติจะแแทงมีดเข้าช่องท้องทำให้อานนท์เสียชีวิต แล้วค่อยเดินออกจากบ้านพักแห่งนี้
ตรีสิทธิ์สูดลมหายใจลึก เขารู้สึกใจหายเหมือนกำลังติดกับดักบางอย่างเข้าอย่างจัง ดูเหมือนจะมีแต่ตัวเขาที่มองเห็นวิญญาณคนตายปะปนอยู่กับคนที่ยังมีชีวิตอยู่ในที่แห่งนี้ และตอนที่เข้าไปยื้อแย่งมีดกับกฤติ สติสัมปชัญญะของเขาสับสนจนไม่แน่ใจว่าเขาทำอะไรลงไปกันแน่
ในระหว่างที่ตรีสิทธิ์กำลังตกอยู่ในภวังค์ความคิด เขาได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ ดังขึ้นจากบนเตียงเดี่ยวทั้งสองฝั่งที่ตั้งขนาบข้างช่องหน้าต่างตรงกลาง เจ้าของเสียงหัวเราะเป็นเพียงร่างโปร่งแสงสองร่างซึ่งอยู่ในท่านั่งกอดเข่าก้มหน้ามิดชิดทำให้แยกออกชัดเจนว่าเป็นวิญญาณของชายหญิงคู่หนึ่ง แต่เสียงหัวเราะกลับดังขึ้นเรื่อยๆ ตรีสิทธิ์สังเกตเห็นรอยเปื้อนเลือดบนเสื้อสีขาวล้วนของผู้หญิงและมีดที่เสียบคาอยู่ตรงช่องท้องของฝ่ายผู้ชาย ตำแหน่งเดียวกับที่อยู่บนร่างของกฤติและอานนท์
ร่างกายของพวกเขาขาวซีดไร้เลือดหล่อเลี้ยง มีเพียงรอยลิ่มเลือดสีแดงฉานเป็นสีสันหนึ่งเดียวที่มองเห็นได้ เมื่อเงยหน้าขึ้นจึงเผยให้เห็นดวงตาสีขาวไร้นัยน์ตาดำเหลือกมองตรีสิทธิ์พลางแสยะยิ้มอย่างน่าสยดสยอง ราวกับกำลังยินดีอยู่ในความสาแก่ใจ พวกเขาเปลี่ยนจากท่านั่งกอดเข่าเป็นคลานอย่างรวดเร็ววิ่งผ่านช่องหน้าต่างตามกันออกไป แล้วหายตัวไปในอากาศราวกับไม่เคยมีตัวตนอยู่ ตรีสิทธิ์รับรู้ว่าพวกเขาออกไปจากรีสอร์ตแล้วเพราะหาตัวตายตัวแทนอย่างกฤติและอานนท์ได้ แต่ที่เขายังไม่เข้าใจก็คือทำไมเขาจึงแยกวิญญาณของกฤติและอานนท์ออกจากคนทั่วไปไม่ได้
เสียงไซเรนจากรถตำรวจและรถพยาบาลดังขึ้นนอกบ้านพัก ธนันต์ยืนตะลึงงันก้าวขาไม่ออกเมื่อพบศพตรงหน้า ก้องสาวเท้าไวๆ ออกไปต้อนรับแขกผู้มาเยือนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตรีสิทธิ์เดินไปแตะไหล่เพื่อนเบาๆ เพื่อเรียกสติของเขา ธนันต์จึงหันหลังเบือนหน้าหนีจากศพก่อนจะวิ่งนำหน้าตรีสิทธิ์ออกไป ปล่อยให้ตำรวจและเจ้าหน้าที่พยาบาลเข้ามาทำหน้าที่ต่อ
สิริกับจุรีซึ่งได้ยินเสียงไซเรนวิ่งออกมาดูสถานการณ์ เมื่อมองเห็นธนันต์ สิริก็วิ่งเข้าไปถามไถ่อย่างเป็นกังวล
“เกิดอะไรขึ้น พวกนายเป็นอะไรหรือเปล่า”
“แค่คนทะเลาะกันน่ะ พอดีเราอยู่ในเหตุการณ์ ตำรวจก็เลยขอให้อยู่สอบปากคำ”
จุรีได้ยินก็พยายามสำรวจทั่วตัวตรีสิทธิ์เพื่อหาบาดแผล ก่อนจะกล่าวด้วยสีหน้าเป็นกังวล
“คุณไม่เป็นไรใช่มั้ย ได้รับบาดเจ็บหรือเปล่า”
“แค่ปะทะกับคนร้ายนิดหน่อย แต่ผมไม่เป็นไร” เขาหันไปเห็นตำรวจกำลังพูดคุยกับก้อง จึงบอกกับสองสาว “พวกคุณกลับบ้านพักก่อนเถอะ เดี๋ยวเราให้การกับตำรวจเสร็จก็จะกลับไปพักผ่อนเหมือนกัน”
- READ บ่วงวงกต บทที่ 9 : เรื่องวิวาท
- READ บ่วงวงกต บทที่ 8 : ความไม่ลงรอย
- READ บ่วงวงกต บทที่ 7 : ตลาดกลางคืน
- READ บ่วงวงกต บทที่ 6 : วันแรกในรีสอร์ท
- READ บ่วงวงกต บทที่ 5 : เพื่อนบ้าน
- READ บ่วงวงกต บทที่ 4 : รีสอร์ทริมภู
- READ บ่วงวงกต บทที่ 3 : ในม่านหมอก
- READ บ่วงวงกต บทที่ 2 : ตำนาน
- READ บ่วงวงกต บทที่ 1 : ใกล้งานเทศกาล