บ่วงวงกต บทที่ 4 : รีสอร์ทริมภู

บ่วงวงกต บทที่ 4 : รีสอร์ทริมภู

โดย : Cirrus Halo

Loading

“บ่วงวงกต” นิยายสยองขวัญลึกลับ โดย Cirrus Halo เรื่องราวกลุ่มเพื่อนที่เดินทางสู่จังหวัดเลยเพื่อเที่ยวงานผีตาโขน แต่กลับติดอยู่ในรีสอร์ทปริศนาและต้องเผชิญเหตุฆาตกรรมสุดหลอน อ่านได้ที่ อ่านเอา

ระหว่างเดินทางไปยังรีสอร์ต ธนันต์หยิบโทรศัพท์มือถือเพื่อเปิดดูแผนที่จีพีเอส เขาไม่อยากเชื่อว่าในละแวกนี้จะมีสถานที่ที่เขาไม่คุ้นเคยอยู่ แต่ที่น่าเหลือเชื่อยิ่งกว่าก็คือสัญญาณโทรศัพท์ไม่ขึ้นให้เห็นสักนิดเลย ซึ่งก็หมายความว่าเขาไม่สามารถโทร.ออกหรือเปิดอินเทอร์เน็ตผ่านมือถือได้เลย เขาเลิกคิ้วพลางกล่าวกับตรีสิทธิ์อย่างหัวเสีย

“ทำไมฉันไม่เคยได้ยินชื่อรีสอร์ตริมภูเลยฟะ เน็ตก็ดันใช้การไม่ได้ด้วย”

“ที่นี่บ้านเกิดแก แกยังไม่เคยได้ยิน งั้นฉันก็คงไม่ขอออกความเห็นละ”

โทรศัพท์ของตรีสิทธิ์ก็ไม่ต่างกับของธนันต์ และสิริกับจุรีก็กำลังเดือดร้อนจากปัญหาเดียวกัน พวกเธอหัวเสียเก็บโทรศัพท์ลงในกระเป๋าสะพายข้างขนาดเล็ก สิริบ่นเสียงดังให้ทุกคนได้ยิน

“ที่รีสอร์ตจะมีเน็ตไวฟายให้ใช้มั้ยเนี่ย”

“คงต้องไปถามเขาเท่านั้นแหละ อย่างน้อยถ้าช่วยลากรถของเราเข้าไปในรีสอร์ตได้ก็ยังดีนะ” จุรีกล่าวตอบ “ถ้ามีโทรศัพท์ให้ใช้ อะไรๆ ก็คงสะดวกขึ้น”

“ฉันละสงสัยจริงๆ ว่าคนสมัยก่อนเขาอยู่กันยังไง ทำไมเขาไม่เดือดร้อนเท่าเราตอนที่ไม่มีอินเทอร์เน็ตหรือมือถือ” สิริตั้งข้อสังเกตกึ่งโวยวายนิดหน่อย

“คงเป็นเพราะเรามีจนเคยชินน่ะ” จุรีกล่าวตอบก่อนจะผลักหลังเบาๆ ให้เพื่อนเลิกบ่นและเดินต่อไป

หลังจากเดินผ่านซุ้มประตูไม้ซึ่งเป็นทางเข้ารีสอร์ตริมภูมาแล้ว จึงมองเห็นลานจอดรถที่มีรถจอดอยู่เพียงสามหรือสี่คันเท่านั้น ชายวัยสี่สิบกลางๆ เปิดประตูกระโดดลงจากรถกระบะตู้ทึบ เขาเตรียมรถเข็นเอาไว้สำหรับรองรับของที่ขนลงจากตู้ แล้วจึงเข็นรถเข็นเข้าไปภายในรีสอร์ต

ถัดไปอีกหน่อยจึงมองเห็นทางดินเรียบไม่ชันนักซึ่งทอดยาวขึ้นสู่พื้นที่บ้านพักบนเนินเขา บ้านพักที่นี่สร้างจากไม้ยกพื้นสูงแยกเป็นหลังๆ แต่ละหลังมีพื้นที่ราวสามสิบกว่าตารางเมตร ทางเดินระหว่างบ้านพักหลังหนึ่งไปยังอีกหลังหนึ่งเชื่อมต่อกันด้วยสะพานไม้ซึ่งสร้างขึ้นแบบเรียบง่าย

ทั้งสี่คนเดินขึ้นทางดินตรงไปยังเรือนต้อนรับซึ่งเป็นเรือนหลังแรกสุดที่มองเห็นได้ ป้ายประชาสัมพันธ์และการตกแต่งล้วนเน้นไม้เป็นหลัก หน้าเคาน์เตอร์สำหรับเช็กอินมีโต๊ะและเก้าอี้รับแขกให้ตรีสิทธิ์และธนันต์วางสัมภาระที่หอบหิ้วมาจนเมื่อยไปทั้งแขน ในขณะที่สิริและจุรีเดินไปถามเรื่องห้องว่างกับพนักงานรีสอร์ตผ่านกระจกหน้าเคาน์เตอร์

ผู้ที่เดินออกมายืนต้อนรับทั้งคู่เป็นชายวัยกลางคนในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้น ผมเผ้าและหนวดเครายุ่งเหยิงเหมือนคนไม่ค่อยได้ดูแลตัวเอง เขาเปิดกระจกก่อนกล่าวกับสิริและจุรีด้วยเสียงแหบแห้ง

“จะเปิดบ้านพักกี่หลัง แล้วพักกี่คืนล่ะ”

“สองหลัง หนึ่งคืนค่ะ” สิริกล่าวตอบ “คุณเป็นเจ้าของที่พักแห่งนี้หรือคะ”

“ก็ไม่เชิง ฉันชื่อก้อง เป็นน้องชายเจ้าของรีสอร์ต” ก้องกล่าวพลางหยิบกุญแจและคีย์การ์ดสองชุดยื่นให้จุรีและสิริ “ที่นี่มีบ้านพักไม่กี่หลังหรอก เดินไปดูตามหมายเลขเดี๋ยวก็เจอ”

“ได้ค่ะ” สิริรับคำพลางรับกุญแจมา “แล้วก็เรามีเรื่องต้องขอความช่วยเหลือหน่อยน่ะค่ะ”

“เกิดอะไรขึ้นล่ะ”

“รถของเราชนกับต้นไม้ ก็เลยจอดเสียอยู่หน้ารีสอร์ตห่างออกไปไม่กี่ร้อยเมตรค่ะ คุณพอจะติดต่ออู่ซ่อมรถที่อยู่ใกล้ที่สุด หรือมีรถลากช่วยลากรถเรากลับมาที่นี่ก่อนได้มั้ยคะ”

“มีโทรศัพท์สำนักงานแต่ฉันไม่ให้ใช้พร่ำเพรื่อหรอกนะ ส่วนอินเทอร์เน็ตที่นี่ไม่มีหรอก ชุมสายโทรศัพท์มันมีปัญหามานานแล้ว รถลากก็ไม่มีด้วย”

ธนันต์ได้ยินก็รีบถามแทรกขึ้น “แล้วพอจะช่วยขับรถไปส่งเราที่อู่ซ่อมรถใกล้ที่สุดได้มั้ยครับ เราจ่ายค่ารถให้ก็ได้ ขอแค่ช่วยพาไปส่งหน่อย”

“ที่จริงก็มีคนขับรถส่งของที่ชื่อดำรง เขาน่าจะออกรถอีกทีพรุ่งนี้ประมาณแปดโมง เพราะแถวนี้หมอกลงจัดตอนกลางคืนก็เลยไม่ค่อยมีรถยอมวิ่งสักเท่าไร พอจะรอไหวมั้ยล่ะ”

“พรุ่งนี้ก็ได้ครับ” ตรีสิทธิ์ตอบก่อนหันไปกล่าวกับสองสาว “พวกคุณรออยู่ที่นี่ ผมกับธนันต์จะเอามอเตอร์ไซค์ออกไปซ่อมด้วย ติดต่ออู่ได้แล้วค่อยว่ากันอีกที”

“เอาตามนั้นก็ได้”

สิริเห็นด้วยแล้วเดินกลับมาหิ้วถุงสิ่งของที่ซื้อจากตลาดก่อนเดินนำหน้าไปกับจุรี ในขณะที่ธนันต์กับตรีสิทธิ์หิ้วสัมภาระตามทั้งคู่มุ่งหน้าไปยังพื้นที่ในส่วนของบ้านพัก

จากเรือนประชาสัมพันธ์จะมองเห็นทางแยกซึ่งสร้างจากสะพานไม้ทอดยาวไปทางขวาและซ้าย ส่วนตรงกลางมีป้ายบอกทางเขียนว่าเป็นจุดชมวิว บ้านพักของพวกธนันต์ต้องไปทางซ้าย แต่พวกเขาเลือกที่จะไปส่งพวกผู้หญิงที่บ้านพักทางขวาก่อน ธนันต์นึกถึงเจ้าของบ้านพักแล้วก็อดบ่นให้สิริฟังไม่ได้

“ไม่น่าเชื่อว่าจะมีรีสอร์ตย้อนยุคแบบนี้อยู่ด้วย แถมเจ้าของก็ท่าทางไม่เป็นมิตรเอาซะเลย”

“ช่วยไม่ได้นี่ วันนี้ดึกมากแล้ว อีกอย่างค่าที่พักก็ไม่ได้แพงมาก ทนๆ หน่อยเถอะ”

“แล้วต้องจัดการเรื่องยกเลิกที่พักที่จองไว้ก่อนหน้านี้มั้ยครับ” ตรีสิทธิ์หันไปถามจุรี

“คงโดนค่าปรับแน่ค่ะ พรุ่งนี้ถ้าติดต่อทางนั้นได้ก็ว่าจะลองถามว่าเช็กอินช้าไปวันสองวันได้มั้ย”

“รถอาจจะซ่อมเสร็จไม่ทันน่ะสิครับ พรุ่งนี้ผมจะลองถามทางอู่ดูว่ามีรถให้เช่าหรือเปล่า”

“ถ้าได้แบบนั้นก็ขอบคุณมากเลยค่ะ”

เมื่อจุรีกล่าวจบ สายตาของตรีสิทธิ์สะดุดเข้ากับแม่ลูกคู่หนึ่งที่กำลังเดินผ่านหน้าพวกเขาตรงไปยังบ้านพักของตนเอง เสื้อผ้าของทั้งคู่ส่งกลิ่นเหม็นสาบจางๆ ในอากาศและมีรอยคราบสกปรก บางทีทั้งคู่คงไม่ได้ซักผ้ามาซักระยะหนึ่งแล้ว เมื่อละสายตาจากแม่ลูก ตรีสิทธิ์ก็เห็นเพื่อนของเขาเดินนำหน้าไปไกลจึงเร่งฝีเท้าเดินตาม

เดินต่อมาอีกหน่อยจะมองเห็นทางแยกเดี่ยวเป็นบันไดขั้นเตี้ยๆ ทอดยาวไปทางบ้านพักที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในรีสอร์ต หญิงสาววัยสี่สิบกลางๆ กำลังเดินมุ่งหน้าไปทางนั้น ในมือของเธอหิ้วถุงพลาสติกใสใส่พวงมาลัย ธูป เทียน ถ้วยแก้วและเหล้าขาว ธนันต์เห็นบ้านพักของเธอแตกต่างจากของแขกทั่วไป จึงกล่าวถามอีกฝ่ายด้วยความอยากรู้อยากเห็น

“ขอโทษนะครับ พวกผมเพิ่งเข้ามาพักก็เลยยังงงๆ กับเส้นทาง ข้างบนนั่นมีบ้านพักหลังเดียวหรือครับ”

“ใช่ค่ะ เป็นบ้านพักเจ้าของรีสอร์ต ดิฉันชื่อกิ่งเป็นเจ้าของที่นี่ น้องชายดิฉันไม่เดินนำทางพวกคุณไปที่พักหรือคะ” สีหน้าของเธอดูจะหงุดหงิดขึ้นเล็กน้อย เธอชะเง้อหน้ามองหาตัวน้องชาย “อุตส่าห์กำชับแล้วนะว่าให้ดูแลแขกที่มาพักด้วย”

ธนันต์ย่นคิ้วนึกถึงพนักงานที่พวกเขาไปติดต่อจองห้องพักแล้วจึงถามกลับไป “หมายถึงคุณก้องที่อยู่เรือนประชาสัมพันธ์ใช่มั้ยครับ”

“ใช่ค่ะ สงสัยต้องคุยกันหน่อยแล้ว ทำตัวเหลวไหลจริงๆ ”

“เขาน่าจะงานยุ่งมั้งครับ”

“แต่เขารับเงินเดือนค่ะ” กิ่งเน้นเสียงเข้มแล้วจึงเปลี่ยนท่าทีอ่อนลงก่อนคุยกับธนันต์ “แล้วให้ฉันเดินไปส่งมั้ย พวกคุณไปกันถูกหรือเปล่า มีเบอร์บ้านพักแขวนอยู่เหนือประตูนะคะ”

“ไม่เป็นไรครับ บ้านพักที่นี่ไม่ได้หายากขนาดนั้น เราไปกันเองได้”

 



Don`t copy text!