
บุปผาตีตรา บทที่ 17 : ดวงฤดี
โดย : สีน้ำฟ้า
![]()
บุปผาตีตรา โดย สีน้ำฟ้า นวนิยายสะท้อนอคติและพลังคำพูด ผ่านชีวิต “นวลปราง” ที่ใช้การศึกษาโต้กลับคำครหา และ “อุรา” ผู้หลงทางจนกลายเป็นเมียเช่า เรื่องราวในอีสานยุคสงครามเวียดนาม ถ่ายทอดมิตรภาพ ความรัก และบาดแผลจากการถูกตีตรา ชี้ให้เห็นว่าคำพูดบางคำอาจผลักดันหรือทำลายชีวิตคนได้ อ่านออนไลน์ได้แล้วบนเว็บไซต์อ่านเอา anowl.co
เมื่อเหลือกันสองคน ดวงฤดีเปลี่ยนจากเดินควงแขนมาเป็นจูงมือ เดินอย่างมั่นใจเข้าไปร้านอาหาร เลือกที่นั่ง สั่งขนมและกาแฟมาดื่ม นวลเลือกน้ำผลไม้ปั่นเพราะเพิ่งกินก๋วยเตี๋ยวมายังอิ่มอยู่
ดวงฤดีเล่าหมดไม่กั๊ก ว่าเคยนอนด้วยกันนานเป็นเดือนๆ นวลฟังแบบตาค้างไปเลย แถมยังบอกอีกว่า ที่มาประชุมครั้งนี้มีพ่อแม่มาด้วย ตั้งใจจะมาชวนเจสันแต่งงาน พ่อกับแม่ก็มาด้วย พวกเขาไม่รู้เห็นเป็นใจด้วยหรอกว่าเธอเคยคบเจสันมาก่อน พวกเขามาทำงานจริงๆ แต่ถ้าเจสันคบกับนวลก็ไม่เป็นไร เธอไม่ถือ
“แม่ว่าอายุเยอะแล้ว บังคับให้พี่แต่งงาน พี่ไม่มีแฟน นึกถึงเจสันกะว่าถ้าเจอจะขอเขาแต่งงาน ส่วนแต่งแล้วเจสันจะไปอยู่กับใครก็ได้ พอเราแต่งกันสักระยะ ก็เลิกกัน แม่พี่ดวงจะได้ไม่มาจู้จี้อีกแน่”
นวลได้แต่ยิ้มแหย แบ้ะ แบ้ะ ใบ้กิน ในโลกที่เธอก้าวเข้ามาว่าล้ำแล้ว มีฝรั่ง มีการทำงาน มีโลกที่ล้ำสมัยจากบ้านนอกคอกนาที่เธอเคยอยู่อย่างเงียบๆ กับท้องนา เลี้ยงควาย ลุยทุ่ง มาเป็นโลกแฟชั่นแต่งชุดสวยๆ แข่งกัน ไปทำงานได้เกือบยี่สิบสี่ชั่วโมงถ้ามีแรงมากพอ หยิบจับอะไรคิดเป็นเงินเป็นทอง นี่มาถึงการแต่งงานแบบให้สามีไปอยู่กับหญิงอื่น เพื่อรอเวลาหย่าได้ด้วยรึ
“นวลเพิ่งเดตกับเจสันครั้งแรกค่ะพี่ดวง คงต้องแล้วแต่เจสันเขาก็แล้วกัน”
“อื้อ ไม่สำคัญหรอก” ดวงฤดีพูดแบบไม่ใส่ใจ สายตาสอดส่องไปทั่ว
“ที่นี่น่าสนใจไปหมด นวลพาพี่ไปเที่ยวด้วยนะ พี่อยากไปเห็นโนนหนองนา ที่เจสันเคยเล่า เขาบอกธรรมชาติสุดๆ สาวบางกอกอย่างพี่อยากเห็นมาก”
“ค่ะ ถ้ามีวันหยุดอีก นวลจะพาพี่ไปเที่ยว”
ดวงฤดียิ้มน้อยยิ้มใหญ่ อย่างพอใจในคำตอบ
หลังจากแยกย้ายกันไป ต่างคนต่างก็ทำงาน นับตั้งแต่วันที่เจอดวงฤดี เจสันก็ห่างเหินไป จะมาบอกลาเมื่อต้องไปประจำการที่เวียดนามหรือลาว โผล่มาอีกทีก็มาทักทายแล้วหายไปอีก เมื่อนวลกลับไปที่หมู่บ้านก็มีเสียงนินทาเล่าลือกันว่า นวลไปแย่งผัวคนอื่น เป็นผู้หญิงหากินยังไม่พอ ไปแย่งผัวเขาอีก นวลได้แต่ช้ำใจ ข่าวฉาวนี่ช่างมาไกลจริงๆ ไม่รู้ไปเห็นตอนไหนว่าเกิดอะไรขึ้นกับนวลบ้าง
“ไอ้นั่นผู้หญิงไม่ได้อยู่ที่หน้าแข้งนะแม่ ที่จะไปเปิดให้ใครเอาก็ได้”
นวลโมโหหนัก น้ำเสียงกระฟัดกระเฟียดเพราะสุดจะทน
“เราห้ามคนนินทาไม่ได้หรอกนวลเอ้ย”
“ห้ามไม่ได้ แต่ตบปากได้ไหมแม่”
“เจ้านี่ก็ร้ายเหมือนใคร แม่ไม่เคยสอนให้ไปตบไปตีกับใครนะ เจ้าจำคำหลวงพ่อท่านสอนได้ไหมนวล อันนินทากาเลเหมือนเทแกลบ”
“มันไม่แสบเหมือนตูดไปขูดหิน”
นวลพูดลอดไรฟันออกมา แล้วโพล่งมาเหมือนนึกอะไรขึ้นได้
“มันแสบมากไหมแม่ นวลไม่เคยเอาไปขูดสักที แม่เลี้ยงนวลมาดีเกิ้น มดไม่ให้ไต่ไรไม่ตอมเด้ละ”
พ่อที่นั่งอยู่ไม่ไกลหัวเราะหึหึ แม่เอามือฟาดเผียะที่แขนลูกสาวตัวดีที่พูดจาเลยเถิด นวลหัวเราะจนพอใจ
“แม่ นวลไปบวชชีดีไหม”
“บวชชีเพราะหนีรัก เดี๋ยวพระในวัดก็อกหักเพราะรักชีหรอก”
“เอ้า แม่ก็ไปบวชเป็นเพื่อนข้อยสิ จะได้ควบคุมความประพฤติ”
“ทำไมต้องบวชชี”
พ่อที่นั่งอยู่ด้วย ปกติก็ไม่มีปากมีเสียงถามโพล่งขึ้นมา
“ต้องให้พ่อไปบวชด้วยไหม จะได้ไปอาศัยหลวงพ่อกินข้าวกันหมดบ้านนี่ละ”
“ฮ่าๆ หลวงตาได้เอาไม้มาไล่ทุบนวล คนต้นคิด อยู่บ้านดีๆ ไปให้หลวงตาเลี้ยง”
“ถ้าบวชก็เพราะอยากสงบจิต สงบใจ”
“แล้วนอนอยู่บ้าน พักงานสักพัก พ่อแม่ก็ไม่อดตายแล้ว ไม่สงบใจตรงไหน”
“ฮ่าๆ พ่อกลัวคนนินทาอีกละสิ ช่างมันเถอะพ้อ”
นวลขึ้นเสียงสูง
“มันไม่แสบเหมือนตูดไปขูดหิน”
เธอย้ำตรงคำว่า ‘ตูด’ เป็นพิเศษแล้วหัวร่องอหาย
บ้านของนวลแม้ว่าพ่อกับแม่จะเรียนมาน้อย แต่ความจำดี อ่านออกเขียนได้ หลวงตามักเมตตาเอาหนังสือหนังหาดีๆ มาให้อ่านเสมอ กับนวลมักได้หนังสือภาษาอังกฤษมาอ่านบ่อยๆ หลวงตาเข้าไปในกรุงเทพฯ ที่ได้มามากที่สุดก็หนังสือ อ่านหนังสือเยอะๆ จะได้พัฒนาตัวเอง นวลเพิ่งซึ้งใจในวันนี้เอง
แล้วตอนนี้ที่บ้านนวลกับบ้านของอุราก็มีโทรทัศน์เป็นของตัวเอง พ่อกับแม่ได้ดูข่าว ได้เห็นโลกที่กว้างไกลออกไป อาหารการกินที่ไม่ขาดแคลนทำให้เป็นช่วงเวลาที่นวลมีความสุขที่สุด แม้ว่าลึกๆ จะเสียใจ หวั่นใจ กับการที่อ้ายเจสันมีผู้หญิงมาติดตาม และผู้หญิงคนนั้นก็ดูเป็นคนดี มีศีลธรรม ไม่ได้เหมือนนางร้ายในละครซะด้วย นวลก็ได้แต่ข่มความเศร้าเอาไว้ในใจ
“เจ้าสิไปบวชชีจริงบ่ นวล”
แม่กระซิบถามยามบ่าย วันนี้พ่อกับแม่หยุดไม่ไปทำงานเพราะจะได้คุยกับลูกได้เต็มอิ่มหลังจากไม่พบกันมานานนับเดือน หลังจากกินข้าวเสร็จมานั่งคุยกันที่เรือนชาน แม่ก็นั่งพับผ้าเหมือนเคย นวลนั่งช่วยแม่อยู่ไม่ไกล ส่วนพ่อแยกออกไปไกล เพราะได้นั่งสูบบุหรี่สบายอารมณ์ไม่มีใครบ่นว่าเหม็น
“ได้ก็ดีนะแม่ แม่สิไปเป็นเพื่อนข้อยบ่”
“วัดบ้านเฮา มีกุฏิแม่ชีแยกเป็นสัดส่วน เจ้าเป็นสาวเป็นนาง แม่คงต้องไปนั่นละ”
“แล้วพ่อทำยังไง”
“แค่เจ็ดวัน ไม่เป็นไรหรอก ให้หาเองกินเองบ้าง เวลาแม่เจ็บไข้ไม่สบาย เขาก็หุงหาให้แม่กินได้ แสดงว่าเขาก็อยู่ได้นั่นละ”
“งั้นแสดงว่าแม่ไม่สบายหรือ เจ็บตรงไหน ปวดตรงไหน”
นวลตกใจ เข้ามาใกล้ ลูบแขนอุ่นของแม่ จับฝ่ามือพลิกไปมา
“ทำไมแม่ตัวอุ่นแท้”
“แม่ก็เป็นจั่งซี้ตั้งนานแล้วเนาะ เขาเรียกแม่เนื้ออุ่นไง”
“อืมนะ ยังจะมาพูดเล่น ข้อยใจไม่ดีเด้”
“แม่ไม่เป็นไรมาก ไปหาหมอแล้ว หมอให้ยามากินก็หายเจ็บหายไข้”
“แม่อยากไปบวชชีใช่ไหมนิ”
“อือ แม่ว่า ถ้าไปบวชชีถือศีลแปด งดกินเนื้อสัตว์ กินผัก กินไม้ แม่อาจจะดีขึ้นก็ได้”
“ได้ งั้นแม่ไปบวช นวลอยู่ดูแลพ่อดีกว่าแม่จะได้ไม่มีอะไรให้ห่วง แล้วนวลจะทำอาหารใส่บาตร เอาใส่ปิ่นโตไปเผื่อแม่ทุกวันด้วย ทดแทนพระคุณเขาต้องทำกันตอนเป็นๆ นี่ละ พระท่านว่า”
“อือ แม่เห็นด้วย นี่พูดไม่ถือ ก็คือ เคาะโลงไป แม่ก็ไม่รับรู้แล้ว เดี๋ยวแม่ไปคุยกับพ่อเอง เจ้าสิเตรียมตัวลางานได้บ่ เจ็ดวัน เจ็ดคืนนา”
นวลนิ่งคิด ชีวิตก็ไม่ใช่อะไรที่ยาก เรื่องเวลามันเป็นแค่ข้ออ้าง นวลพยักหน้า
“นวลทำร้านเอง ก็แค่ปิดร้าน เดี๋ยวเอากุญแจฝากเพื่อนไว้ เผื่อใครอยากทำอะไรด่วนๆ อะไรที่ฝากเพื่อนทำได้ก็ฝาก อะไรที่เลื่อนได้ก็เลื่อน คำว่าไม่มีเวลาเป็นแค่ข้ออ้าง นวลบ่ทำตัวเป็นลูกยายเลื่อน หลานยายอ้างหรอกแม่ เอาตามนี้นะ นวลจะกลับไปบอกลูกค้าและฝากงานกับเพื่อนก่อน วันศีลหน้านี้ แม่ไปบวชชีกัน แม่กับพ่อไปติดต่อหลวงตา ติดต่อแม่ชีว่าเราต้องทำยังไงบ้าง แค่เก็บผ้าไปนอนในวัดแค่นั้นไหม”
“จั่งซั่นละ เดวแม่กับพ่อจะจัดการเอง”
“เรื่องเสื้อขาว ผ้าขาว ของแม่เดี๋ยวนวลจัดการหามาเองนะ เอามาเผื่อพ่อด้วย เผื่อวันไหนพ่อจะไปวัดบ้าง”
“อื่อ ตามใจตัว แม่สิเว้ากับเขาเองเรื่องไปบวชนี่ ว่าสามวันหรือเจ็ดวัน แบบไหน”
แม่เงียบไปสักพักก็อดใจไม่ไหว ถามลูกสาวคนเดียวจนได้
“นวล เจ้าฮักกับเพิ่นแท้บ่”
เรื่องของลูกกับฝรั่งคนนั้น แม้ไม่เคยเห็นหน้าแต่นวลก็ไม่เคยปิดบัง
“ข้อยก็ชอบใจเพิ่นอยู่ละ อิแม่ แต่ว่าอ้ายเจสันมีสาวมาจากกรุงเทพ ผู้หญิงก็ดี๊ดี ง้ามงาม เป็นผู้ดี พูดจาอ่อนหวาน คะๆ ขาๆ กับข้อย สาวเพิ่นชื่อ คุณดวง ก็ดีนะ พูดดี ไม่มีหึงหวง ข้อยก็กะไม่ถูกเหมือนกันว่าอ้ายเจสันจะเอายังไง”
“เขาเงียบไปซื่อๆ รึ”
แม่ถามว่าเขาเงียบไปเฉยๆ เลยหรือ นวลพยักหน้า
“ใช่ ตั้งแต่วันนั้นก็ไม่มาชวนไปเที่ยว หรือไปเดตอีก”
“อ้อ เดต ที่ว่าไปเที่ยวนำกันอะนะ แล้วแม่ถามนะ อย่าโกรธ เจ้ามีอะหยังกับเพิ่นรึยัง”
“โอ๊ย บ่ดอก ข้อยบ่ใช่คนใจกล้าน้อ”
“ดีแหล้วๆ ผู้หญิง ถ้าเปิดหมด ผู้ชายก็บ่อยากคบ”
“แล้วมีคนนินทา ว่าอุราไปกับผู้ชายไม่ซ้ำหน้า เป็นอย่างไร ฮึ แม่เป็นห่วง”
“ไม่ต้องเป็นห่วงข้อยหรอกอีแหม่”
เสียงอุราตอบเอง เสียงดังแว้ดๆ เดินมาร่วมวง ทรุดนั่งกระฟัดกระเฟียดอย่างคนอารมณ์เสีย
“ปากยืดปากยาวกันแท้ พวกปากปลาร้าบ้านเรานิ”
“อุรา มานี่มา แม่เป็นห่วง”
อุราขยับตัวมานั่งเบียดแม่ กอดแขนเอาหน้าแนบต้นแขนแบบอ้อน อ้อนยิ่งกว่านวลด้วย กับแม่ตัวเองก็ไม่อ้อนแบบนี้
“พ่อไปไหนแล้ว”
“อารมณ์ไม่ดี แม่กับนวลชวนกันไปบวชชี พ่อเลยลุกหายไปตอนไหนไม่รู้”
แม่ตอบ อุราขยับตัวนั่งให้เรียบร้อยกว่าเดิม และให้แม่นั่งสบายตัวขึ้น แต่ก็ไม่ไกลกันได้กลิ่นหอมอ่อนๆ จากแม่ชื่นใจดีแท้
“นวล ไปหาขนมมาให้ข้อยกินแหน่ เอาน้ำด้วยนะ”
นวลมองเพื่อนรักแล้วพยักหน้า คงมีเรื่องอยากคุยกับแม่แบบเปิดอกและไม่อยากให้ใครได้ยิน แม่ของนวลเป็นที่ปรึกษาที่ดีของอุรา เพราะแม่ไม่ด่า ไม่ตีเหมือนแม่ของตัวเองที่พูดอะไรก็มักจะอารมณ์เสีย ไม้ใกล้มือพร้อมฟาดเสมอ
พ้นหลังนวล อุราก็น้ำตาไหล แม่สาคูส่งผ้าเช็ดหน้าให้ นั่งเงียบเป็นเพื่อนจนอุราร้องไห้จนพอใจ แล้วยอมเปิดปาก
“ข้อยเป็นเมียเช่าจริงๆ แล้วแม่”
แม่ลูบหัวลูบหลังอุราอย่างปลอบโยน
“ข้อยไม่รู้ว่ามันเริ่มต้นตรงไหน”
“แล้วเจ้ามีความสุขดีอยู่บ่”
“ข้อยบ่กล้าบอกไผ นวลก็บ่ได้บอก นวลนึกว่าข้อยมีแฟนหลายคน”
“คนเราผีเจาะปากมาให้พูดอยู่แล้ว จะทำอะไร จะอยู่อย่างไรมันชีวิตเรานะลูกหล่า”
- READ บุปผาตีตรา บทที่ 17 : ดวงฤดี
- READ บุปผาตีตรา บทที่ 16 : โรงหนังใหญ่
- READ บุปผาตีตรา บทที่ 15 : ฤาจะเป็นโชคชะตา
- READ บุปผาตีตรา บทที่ 18 : เงินหาง่าย
- READ บุปผาตีตรา บทที่ 14 : สร้างตัวตน
- READ บุปผาตีตรา บทที่ 13 : โลกเป็นโรงละครใหญ่
- READ บุปผาตีตรา บทที่ 12 : ยินดีที่รู้จัก
- READ บุปผาตีตรา บทที่ 11 : ในเรื่องเล่า
- READ บุปผาตีตรา บทที่ 10 : ขวัญมาเด้อหล่า
- READ บุปผาตีตรา บทที่ 9 : บังเอิญมีจริงไหม ?
- READ บุปผาตีตรา บทที่ 8 : ชีวิตที่ต้องเรียนรู้
- READ บุปผาตีตรา บทที่ 7 : น้องเขาเพิ่งมาใหม่
- READ บุปผาตีตรา บทที่ 6 : ทางเลือกและทางรอด
- READ บุปผาตีตรา บทที่ 5 : เฮ้ย ! นั่นที่นาใคร
- READ บุปผาตีตรา บทที่ 4 : เอื้อยชอบแบบนี้
- READ บุปผาตีตรา บทที่ 3 : ฝันร้าย
- READ บุปผาตีตรา บทที่ 2 : เด็กเลี้ยงควาย
- READ บุปผาตีตรา บทที่ 1 : โนนบุปผาแดง








