
บุปผาตีตรา บทที่ 12 : ยินดีที่รู้จัก
โดย : สีน้ำฟ้า
![]()
บุปผาตีตรา โดย สีน้ำฟ้า นวนิยายสะท้อนอคติและพลังคำพูด ผ่านชีวิต “นวลปราง” ที่ใช้การศึกษาโต้กลับคำครหา และ “อุรา” ผู้หลงทางจนกลายเป็นเมียเช่า เรื่องราวในอีสานยุคสงครามเวียดนาม ถ่ายทอดมิตรภาพ ความรัก และบาดแผลจากการถูกตีตรา ชี้ให้เห็นว่าคำพูดบางคำอาจผลักดันหรือทำลายชีวิตคนได้ อ่านออนไลน์ได้แล้วบนเว็บไซต์อ่านเอา anowl.co
แล้วก็ถึงวันต้องกลับไปทำงานต่อ ก่อนเดินออกจากบ้านไปขึ้นรถโดยสารที่ปากทางเข้าหมู่บ้าน พ่อเรียกนวลไปกระซิบกระซาบ บอกว่าแม่ไม่ค่อยสบายแต่ไม่ยอมไปหาหมอ เพราะกลัวเปลืองเงิน เป็นหน้าที่ของนวลที่ต้องไปจัดการ และบอกวิธีว่าหากมีธุระต้องใช้เงินก่อนถึงกำหนดนวลจะลาหยุดมาเยี่ยมบ้าน ให้พ่อที่พอรู้หนังสือเขียนจดหมาย แล้วฝากไปรษณีย์ที่เขามาส่งจดหมายในหมู่บ้านไป หรือไม่ก็เรียกแดงหรืออ้นให้มาช่วยเขียน นวลจะส่งเงินมาให้ก่อน เวลามาเยี่ยมบ้านค่อยเอามาให้เพิ่ม
สายวันนั้นขบวนเพื่อนที่อยู่ในหมู่บ้านก็พากันเดินคุยเล่นกันมาส่งคนไปทำงานในเมือง นวลไม่วายฝากฝังแดงให้คอยมาดูพ่อกับแม่ให้ด้วยเผื่อต้องการความช่วยเหลือ เพื่อนก็รับปากรับคำ เมื่อรถประจำทางมาทั้งสามพากันขึ้นรถ อุราแอบโผล่หน้าจากหน้าต่างรถมาโบกมือให้เพื่อน
หลังจากกลับมาจากบ้านก็ไปทำงานกันตามปกติ เลิกงานที่ร้านก๋วยเตี๋ยว อุระไปปั่นสามล้อ นวลก็กลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ อุราก็เริ่มเป็นสาวเมืองมากขึ้น ไปคบหากับผู้หญิงกลุ่มที่ทำงานกลางคืน ห่างเหินกับนวล
เพื่อนกลุ่มนั้นมีของกินอร่อยมาล่อให้ไปหา พาไปซื้อเสื้อผ้าเครื่องประดับ สอนให้เล่นไพ่ อุราตื่นเต้นไปเสียทุกอย่างกับสิ่งใหม่ๆ เงินหาง่ายใช้คล่อง มีพี่ชายรับผิดชอบครอบครัวอยู่แล้ว เธอแค่หาของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ไปฝากพ่อกับแม่
เพื่อนรักทั้งสองแห่งหมู่บ้านโนนบุปผาแดง ทำงานที่บาร์ด้วยกันแต่มักไม่ค่อยได้คุยกันเพราะทำคนละหน้าที่ ลูกค้าเยอะมากและเลิกงานไม่พร้อมกัน นวลจะเลิกก่อน เพื่อวันถัดไปจะได้ไปทำงานร้านก๋วยเตี๋ยวด้วย
พักหลังนวลกลับมานอนคนเดียว อุรามักจะบอกนวลว่าไปค้างกับเพื่อนผู้หญิงที่ทำงานด้วยกันที่บาร์ บางทีหายไปหลายวัน นวลทักถามก็บอกไปกับเพื่อน
เช้านี้นวลออกไปทำงานอุรากลับมานอนที่ห้อง เห็นเธอยังนอนอยู่นวลไม่ได้ปลุก พอเลิกงานมาเปิดประตูห้องมากลิ่นน้ำหอมฟุ้ง อุรากำลังนั่งแต่งหน้าอยู่ที่หน้ากระจก นวลทักทายเพื่อนรักแล้วรีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า อุราดูสดชื่นอารมณ์ดี นอนเขลงอยู่ พอนวลแต่งตัวเสร็จเธอก็เข้ามาช่วยนวลแต่งหน้า เป็นพรสวรรค์ของอุราที่แต่งหน้าสวย นวลก็ชอบ นั่งนิ่งๆ ให้เพื่อนช่วย เสร็จแล้วส่องกระจกดูชมว่าสวย
สองสาวเดินออกจากห้องพักไปทำงานพร้อมกัน วันนี้นวลสวมชุดเดรสสีแดงสดใสไม่มีลวดลายแต่ใช้ผ้าลูกไม้มาผูกเอวเป็นโบดอกใหญ่ เอาดอกกุหลาบผ้าที่ซื้อมาจากตลาดมาแต่งเป็นที่คาดผมเปิดหน้าผากโหนกนูนแล้วปล่อยผมนุ่มยาวสลวยเคลียบ่าไหล่ นานๆ ทีก็ยกมือเสยผมทัดหูเล็กๆ โชว์ต่างหูทองรูปดาวเม็ดจิ๋ว
อุราใส่เดรสแขนกุดสีเขียวขี้ม้าเป็นชุดที่ซื้อสำเร็จ กระโปรงสั้นแค่ต้นขา นวลเอามาตกแต่งด้วยการหาลูกไม้สีขาวครีมมากุ๊นแขนเสื้อดูเก๋ไก๋ ส่วนชายกระโปรงให้ยาวเสมอเข่านวลเอาผ้าลูกไม้สีเดียวกันมาแต่งกลายเป็นกระโปรงยาว ดูโดดเด่น อุราไปให้ที่ร้านทำผมยืดผมหยักศกของเธอเป็นผมตรงแต่งปลายผมให้เด้งงอนชี้ขึ้น รับกับใบหน้าดูสวยงาม ใส่ต่างหูแฟชั่นจากเปลือกหอยเทียมเป็นพวงเวลาเดินต่างหูกระทบกันเสียงดังกรุ๊งกริ๊งๆ
นวลมีหน้าที่ล้างแก้วล้างจานอยู่ด้านหลังก็จริง แต่ต้องแต่งตัวสวยจัดเต็มมาทำงาน เพราะต้องเตรียมพร้อมสำหรับงานหน้าร้าน พอคนงานขาดนวลจะได้ไปทำแทนทันที ซึ่งบ่อยมากที่คนชงเหล้าขาดลามาสาย
การชงเหล้าเป็นหน้าที่ของบาร์เทนเดอร์ ซึ่งมีวิธีการที่น่าทึ่ง ต้องกะ ต้องตวง ให้ได้ปริมาณแล้วเขย่าให้เข้ากันในกระบอกสเตนเลสเล็กๆ เอาน้ำแข็งใส่แก้ว เทเหล้าที่ผสมใส่ ตกแต่งด้วยดอกไม้ มะนาว ใบสะระแหน่ แล้วแต่จะตั้งชื่อเรียกกันไป ชื่อค็อกเทลและสูตรผสมเป็นสากล ฝรั่งที่ดื่มเก่งจะรู้ บางคนเรื่องมากถึงกับต้องให้ชงใหม่ บางคนอะไรก็ได้ขอให้เป็นเหล้า ผสมมาดื่มได้หมด น้อยให้นวลเรียนรู้เป็นวิชาติดตัวเอาไว้ตั้งแต่มาทำงานใหม่ๆ อุราก็ทำเป็นแต่ไม่ค่อยชอบทำ
ภาษาอังกฤษสำหรับสื่อสารของทั้งสามคนดีขึ้น อายุยังน้อยแล้วความพยายามเป็นเลิศ โดยเฉพาะอุระซึ่งพยายามมากกว่าใครมาตั้งแต่สมัยบวชเรียนกับหลวงตาที่วัด เขาจึงเก่งกว่าน้องทั้งสองคน อุระไปปั่นสามล้อคอยรับส่งฝรั่งที่ไปเที่ยวในที่ต่างๆ บางทีก็เป็นพวกสาวบาร์ที่หอพักไกลๆ ขี้เกียจเดิน สาวพวกนี้รายได้ดี มีเงินมากพอสำหรับค่าสามล้อ
อุราดื่มเหล้าเก่งขึ้น เธอชอบการเชียร์แขก ทำด้วยความเต็มใจเพราะทิปดีมาก ได้เงินมาก็เอาไปใช้จ่ายเต็มที่เพราะเงินหามาได้ง่ายมาก เธอซื้อเสื้อผ้า กระเป๋า และเครื่องประดับ นวลพยายามห้ามและเตือนเรื่องดื่มเหล้าเพราะเกรงว่าเพื่อนจะพลาดเข้าสักวัน น้ำเมาทำให้คนเราไม่มีสติ ถ้าพลาดไปแล้วกลัวเพื่อนจะเสียใจ
วันหนึ่งก่อนออกไปทำงานร้านก๋วยเตี๋ยว อุรากลับมานอนที่ห้อง เธอตื่นมาคุยกับนวล เห็นว่าเพื่อนมีสติเต็มที่ ไม่ได้ดื่มสักหยด นวลจึงได้โอกาสบ่นอย่างจริงจัง บ่นไปหลายเรื่องแต่อุราก็ไม่ใส่ใจ ทำเป็นแสร้งตลก นวลก็สุดจะห้ามปราม งัดคำพูดแรงๆ ว่าถ้าพลาดแล้วก็ถึงกับอย่าให้ท้องก็แล้วกัน การท้องในวัยนี้ไม่ใช่เรื่องสนุก ตัวอย่างในหมู่บ้านก็มีให้เห็น เด็กหัวหยิก เด็กผมทองตอนนี้เพิ่มมาอีกหลายคน อุรารับคำแบบผ่านๆ ไปเหมือนเคย
ตกค่ำไปทำงานกันตามปกติ ในบาร์วันนี้ผู้คนโล่งบางตา อาจจะเพราะเพิ่งสองทุ่ม เป็นเวลาอาหารเย็นของฝรั่ง พวกนี้ชอบทำอะไรตามเวลา กินอาหารครบ มื้อเช้า มื้อกลางวัน มื้อเย็น แล้วมื้อเย็นชอบไปกินกันที่ร้านอาหารสวย หรู หรือบางทีถึงกับจองโต๊ะ จองอาหารกันทีเดียว
วันนี้นวลถูกเรียกให้ไปเสริมกำลังที่บาร์น้ำ ช่วยชงเครื่องดื่มเพราะลูกค้าเริ่มทยอยมาแล้วแต่บาร์เทนเดอร์คนหนึ่งยังมาไม่ถึงที่ทำงาน นวลเป็นคนเรียนรู้ได้ไว ตอนนี้ผสมเหล้าได้หลายชนิด กำลังพยายามจำชื่อเหล้าที่เธอยังจำสลับกันไปมาอยู่ เคยทำผิดสารภาพกับลูกค้า พวกเขาหัวเราะแล้วบอกว่าไม่เป็นไร แถมให้ทิปเยอะด้วย บอกว่าชอบที่นวลน่ารัก
“นวล นวล มาคุยกับพี่หน่อย มา ออกมาๆ”
น้อยมาเรียกนวลที่บาร์น้ำ นวลเงยหน้าขึ้นยิ้ม พยักหน้าให้เพื่อนร่วมงานแล้วเดินออกไป อุราได้ยินก็มองตาม เห็นน้อยพานวลไปนั่งที่โต๊ะประจำ มีชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งอยู่ก่อนแล้ว
“เจสัน” อุราพึมพำ คนที่เธอแอบชอบมาชอบนวลแล้วกระมัง ถอนหายใจหน้าสลด ไม่ทันได้คิดอะไรต่อเพื่อนมาเรียกให้ไปทำงานต่อ
นวลเดินตามหลังน้อยไปเจอชายหนุ่ม เมื่อเขม้นมองในความสลัวก็ใจเต้นตึ้กตั้ก แก้มร้อนผ่าว เจสันนั่นเอง น้อยพูดเป็นภาษาอังกฤษกับนวล
“คนนี้ชื่อ มิสเตอร์เจสัน”
น้อยยกมือไหว้เจสันเขินๆ
“ยินดีที่รู้จัก นวล ผมโชคดีมาก ผมเจอนวลที่ร้านอาหารเช้าและไม่เจออีกเลย จึงมาถามคุณน้อย เธอบอกว่านวลทำงานที่นี่ด้วย”
“ค่ะ”
นวลก็ไม่รู้จะพูดอะไร ภาษาอังกฤษก็ยังไม่เก่งพอที่จะชวนคุยอะไรมากมาย
“คุณสบายดีไหมคะ”
เจสันหัวเราะ พยักหน้า
“สบายดี ขอบคุณครับ นวลเป็นคนแรกที่ถามแบบนี้แล้วผมรู้สึกว่าผมตอบได้เต็มใจ เต็มความรู้สึก ไม่ใช่ตอบตามมารยาท”
น้อยยิ้มและช่วยแปลให้นวลฟัง
“พี่ต้องไปทำงานต่อแล้ว นวลคุยกับคุณเจสันไปนะ งานไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่ให้คนอื่นมาทำต่อ”
นวลพยักหน้า มองตามหลังน้อยที่วันนี้สวมเดรสสีดำ แต่งด้วยผ้าพันคอสีสดที่นวลเป็นคนทำให้ คล้อยหลังน้อย บรรยากาศก็ชวนขัดเขิน ไม่รู้จะพูดอะไร
“ผมรู้ว่าคุณคุยกับผมได้ไม่เก่ง แต่เราจะพยายามไปด้วยกันนะ”
เจสันชี้ที่ปาก บีบมือ โบกมือ จากนั้นกำหมัดดึงเข้าหาตัว เป็นตัวช่วยขยายคำ แปลความภาษาอังกฤษที่เขาพยายามพูดช้าๆ นวลพยักหน้าว่าพอเข้าใจ
“วู้ดยูไลค์ซัมมอร์ดริ้งค์…ดื่มอะไรเพิ่มไหมคะ”
นวลพูดทั้งอังกฤษ ทั้งไทยแล้วชี้ไปที่แก้วเครื่องดื่ม แม้ว่าจะไม่ได้อยู่ในบาร์น้ำ นวลก็ยังรู้หน้าที่ ช่วยเชียร์เครื่องดื่มให้กับบาร์ที่เธอทำงานอยู่ เจสันตาค้างกับน้ำเสียงและสำเนียงของนวล ค้างแบบนวลต้องหัวเราะกิ๊กออกมา
“โอ้ ที่รัก ทำไมยูพูดเก่งขนาดนี้ ฉันไม่เจอเธอไม่ถึงเดือนเลยนะ”
พอหายตะลึงเขาส่งภาษาอังกฤษออกมารัวๆ จนนวลต้องยิ้มกว้าง
“พูดช้าๆ สิคะ ฉันยังไม่เก่ง แล้วอย่าเรียกฉันว่าที่รัก เราเพิ่งคุยกันสองหนเอง คนไทยเขาไม่ชอบค่ะ ยิ่งสาวๆ แบบฉันนี่นะ ถ้าเรียกที่รักแสดงว่าต้องเป็นแฟนกัน”
“โอ้…เดียร์…” เจสันออกเสียงเป็นภาษาอังกฤษ ที่แปลว่าที่รัก
เจสันอุทานอีก ทำท่าคลั่งไคล้ จนนวลต้องยกมือขึ้นมาโบกห้ามเพราะเขากางแขนพร้อมจะกระโดดเข้ากอดนวลแบบวัฒนธรรมบ้านเขา แค่นี้นวลก็อายม้วนแล้วจะมากอดมาเกิดได้ไง
“ยูไปเรียนภาษาเก่งๆ มาจากไหน เสียงยูเพราะแล้วพูดแบบสุภาพมากๆ”
“เพื่อนพี่น้อยเป็นมิชชันนารี แล้วพวกเขาตั้งใจมาเผยแพร่ศาสนาที่นี่ แต่ยังไม่ได้ทำอะไรมาก พี่น้อยเลยให้เขามาสอนฉัน”
“กู้ดเก๋มากที่รัก”
“เอ๊ะ บอกว่าอย่ามาที่รักกับฉัน”
“งั้นเรียกฮันนี่ได้ไหม”
“ไม่ได้ ฉันชื่อนวล”
“แต่ออกเสียงยากมาก สำหรับผม ผมเรียก แนนนี่ ก็ไม่ได้ แนนนี่เป็นพี่เลี้ยงเด็ก โนงนาง แนงแนง นูน่า นานา นังนั่น”
นวลหัวเราะคิกคัก แล้วก้มหน้ามองบน ห่อปากเหมือนปากเป็ด แต่เจสันคงมองว่าน่ารัก ทำท่าคลั่งไคล้อีก นวลได้แต่เหลือบตามองบน ‘ผู้ชายเป็นแบบนี้ทุกคนไหมน้อ’ บทอยากจะได้ทำเป็นรัก ผู้หญิงทำหน้าแบบไหนก็สวยไปหมดสำหรับพวกเขา
“คุณไปได้ยินมาจากไหน คำว่า นังนั่น”
“ร้านอาหารเช้าที่ผมชอบไปนั่ง บางทีมีผู้หญิงมาคุยกันภาษาไทย ผมฟังไม่ออกทั้งหมด แต่คำว่า นังนั่นเคยได้ยินแน่นอน”
นวลหัวเราะ เฉลยให้เขาฟังถึงความหมายของคำ เจสันถึงกับซีด
“ขอโทษ ผมไม่รู้จริงๆ ยูโกรธไหม”
“ฉันไม่ใช่คนโกรธง่าย ไม่เป็นไร แต่จำไว้ว่า ฉันชื่อนวล ถ้าอยากรู้จักกันก็ต้องเรียกชื่อฉันให้ถูกด้วย ฉันชอบชื่อนี้ พ่อแม่ฉันตั้งชื่อให้ พวกเขารักฉันมาก ชื่อเต็มๆ ของฉันคือ นวลปราง”
นวลยืดอกเชิดหน้าอย่างภาคภูมิใจในชื่อของตัวเอง เจสันประสานมือไว้ระหว่างอก เอียงคอ พยายามทำท่าว่าน่ารักเสียเต็มประดา ทั้งที่เขาสูงโย่งเสียจนนวลแทบจะต้องแหงนคอมอง
“ฉันต้องกลับไปทำงาน เชิญคุณนั่งฟังเพลง กิน ดื่ม ตามสบายนะคะ”
“แล้วคุณมีวันหยุดไหม”
นวลหยุดคิดนิดหนึ่งก่อนพยักหน้า
“กลางวันฉันทำงานที่ร้านก๋วยเตี๋ยว กลางคืนฉันทำที่นี่ วันหยุดฉันมักกลับบ้านที่อยู่ไกลออกไป ไปหาพ่อแม่ แต่ถ้าวันหยุดไหนที่ฉันไม่กลับบ้านจะบอกให้คุณทราบนะ”
เจสันพยักหน้า นวลไม่ได้ให้ความหวังอะไรเขามากมาย ทำงานมาหนึ่งเดือน เจอผู้ชายมาเกาะแกะแบบนี้หลายคนแล้ว ต้องเอ่ยปากบอกไปตามตรงว่า นวลไม่ได้ขายตัว ไม่ใช่เมียเช่า เป็นเพียงผู้หญิงทำงานคนหนึ่ง ส่วนใหญ่ผู้ชายฝรั่งที่ซื้อบริการทางเพศจากผู้หญิงจะเข้าใจ แต่ก็มีหลายคนมาจีบ ทำท่าว่ารักจริงหวังแต่ง แต่นวลไม่ได้ให้ความหวังใครทั้งสิ้น นวลอยากทำงานและมีเงินเลี้ยงพ่อแม่ให้อยู่สบายกว่านี้
เนื่องจากน้อยอนุญาตให้นวลเลิกงานไว จึงถือโอกาสกลับบ้านนอนแต่วันเพื่อจะได้พักเอาแรง อุรายังคงทำงานต่อ เจสันยังคงนั่งดื่มต่อ อุราเดินมานั่งเป็นเพื่อน
“ฉันชื่ออุรา จำได้ไหม เราเคยเจอกันมาก่อน”
เจสันพยักหน้า เขายังจำได้ว่าอุราเป็นเพื่อนของนวล เคยเห็นเดินด้วยกันและมีผู้ชายตัวสูงๆ อีกคน แต่เขาเลือกที่จะไม่พูดอะไรมาก
- READ บุปผาตีตรา บทที่ 15 : ฤาจะเป็นโชคชะตา
- READ บุปผาตีตรา บทที่ 14 : สร้างตัวตน
- READ บุปผาตีตรา บทที่ 13 : โลกเป็นโรงละครใหญ่
- READ บุปผาตีตรา บทที่ 12 : ยินดีที่รู้จัก
- READ บุปผาตีตรา บทที่ 11 : ในเรื่องเล่า
- READ บุปผาตีตรา บทที่ 10 : ขวัญมาเด้อหล่า
- READ บุปผาตีตรา บทที่ 9 : บังเอิญมีจริงไหม ?
- READ บุปผาตีตรา บทที่ 8 : ชีวิตที่ต้องเรียนรู้
- READ บุปผาตีตรา บทที่ 7 : น้องเขาเพิ่งมาใหม่
- READ บุปผาตีตรา บทที่ 6 : ทางเลือกและทางรอด
- READ บุปผาตีตรา บทที่ 5 : เฮ้ย ! นั่นที่นาใคร
- READ บุปผาตีตรา บทที่ 4 : เอื้อยชอบแบบนี้
- READ บุปผาตีตรา บทที่ 3 : ฝันร้าย
- READ บุปผาตีตรา บทที่ 2 : เด็กเลี้ยงควาย
- READ บุปผาตีตรา บทที่ 1 : โนนบุปผาแดง








