
กานต์ปรียา บทที่ 2 : เส้นทางที่ไม่อาจหวนคืน
โดย : ดารัช
กานต์ปรียา นิยายสืบสวนดราม่า โดย ดารัช กับเรื่องราวที่ว่าด้วยเส้นบางๆ ระหว่างความรัก ความหลงใหล และการล้ำเส้นสู่ Cyberstalking ที่อาจบานปลายเป็นอาชญากรรม เรื่องราวของความสัมพันธ์ซ่อนเร้น การหายตัวไปอย่างปริศนา และเบาะแสที่อาจเปิดเผยความจริงอันมืดดำในโลกออนไลน์ อ่านได้แล้วที่ อ่านเอา www.anowl.co
ตอนแรกสุด กานต์เจอภูเขาก่อน
ภูเขาอยู่หลังป่าชุมชน ทอดตัวสูง มีนักเดินเขามาท่องเที่ยวและรีวิวประปราย ถ้ามองจากจุดชมวิวจะเห็นทิวทัศน์ของเมืองในมุมกว้าง แต่กลับไม่ค่อยได้รับความนิยมเท่าที่ควรเพราะมีสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อแหล่งอื่นไม่ไกล ทั้งยังเดินทางสะดวกกว่า ยิ่งไม่ใช่หน้าเทศกาล ที่นี่ก็เป็นเพียงสถานที่นอกสายตา ถ้าถามถึงก็คงต้องนึกอยู่นานเลยทีเดียว แม้แต่คลิปรีวิวล่าสุดที่ชายหนุ่มไล่เจอ ก็ย้อนไปสักสิบปีที่แล้วกระมัง
พอเจอภูเขาเหมาะๆ กานต์ก็เจอโรงแรมที่สามารถเดินทางมายังจุดหมายสะดวก แต่เขาก็ยังคงลังเล
ไม่นานหลังจากนั้น เขาเจองานสัมมนาไม่ไกลจากโรงแรมเซเรเนด ชายหนุ่มสามารถแอบแวบจากกิจกรรมสัมมนา ทำธุระอะไรนิดหน่อยที่ภูเขา แล้วย้อนกลับไป สวมหน้ากากนายกานต์ พนักงานบริษัทวัยยี่สิบแปดผู้อุทิศตัวให้กับงานได้อย่างแนบเนียน
กานต์ไม่แน่ใจว่าเขาวางแผนกำจัดสายฟ้าตอนไหน บางทีอาจเริ่มตั้งแต่เจอภาพภูเขาแห่งนี้ในกูเกิลก็ได้ แต่ถ้าจะถามว่าทำไมจู่ๆ มานั่งค้นหาข้อมูลภูเขา…
บางทีเขาอาจเกลียดอีกฝ่ายมาก่อนหน้านั้นนานแสนนานแล้วกระมัง
ชายหนุ่มเร่งเสียงเพลงบรรเลงในรถ ท่วงทำนองเพลงซิมโฟนี แฟนแทสติก ของเบร์ลิโอสดึงเขาสู่บรรยากาศหม่นเศร้าและบ้าคลั่ง สายตามองท้องถนนที่ศึกษาเส้นทางมาไม่รู้กี่ครั้ง พอแผนการกำลังจะเสร็จสมบูรณ์ กานต์กลับไม่แน่ใจว่าควรรู้สึกแบบไหน
ในที่สุดชายหนุ่มก็เลี้ยวรถที่เช่ามาในนามนายสายฟ้าไปจอดใต้ต้นราชพฤกษ์แผ่กิ่งก้านไพศาลตรงเชิงเขา ดอกสีเหลืองชูช่อสดใส ช่วงนี้ไม่ใช่ช่วงปิดเทอม ทั้งยังไม่ใช่หน้าเทศกาล ที่นี่ปลอดคนอย่างที่กานต์คาดการณ์ไว้
พอเครื่องยนต์ดับสนิท ชายหนุ่มก็เปิดกระโปรงท้ายรถ หยิบกระเป๋าลาก เป้ และกระเป๋าสะพายออกมา น้ำหนักของชิ้นส่วนซากร่างหนักจนเหงื่อไหลเป็นสายน้ำ
“ปรียา…ปรียาของผม…” กานต์พึมพำชื่อที่เป็นเหมือนมนตร์สะกด แล้วกัดฟันแบกสัมภาระทุกอย่างขึ้นเขา ลงมาอีกรอบเพื่อหยิบอุปกรณ์ขุดหลุมที่เตรียมไว้
แดดสายเคลื่อนคล้อยสู่ตะวันเย็น เหงื่อท่วมตัวตอนที่ชายหนุ่มฝังชิ้นส่วนสุดท้ายของสายฟ้าเสร็จ ลมเย็นที่พัดโชยหลังใช้แรงเปรียบดังเพลงอำนวยพรจากแดนสรวง
กานต์ผุดรอยยิ้มเมื่อนึกถึงการต่อจิกซอว์ที่เขาและสายฟ้าทำเป็นงานอดิเรก นี่เป็นสิ่งที่เขาจะทำให้อีกฝ่ายได้ นั่นคือทำให้สายฟ้ากลายเป็นชิ้นส่วนปริศนาที่ถูกหลงลืม ซ่อนตัวตามจุดต่างๆ บนภูเขาลับแล
กานต์ลากขาเดินมายังรถที่จอดไว้ แล้วหันไปยังทิศที่จากมา ยืนสงบนิ่ง ยามนี้จิกซอว์มนุษย์จำนวนห้าสิบชิ้นถ้วนฝังกระจายทั่วเนินดิน เป็นความลับเล็กๆ ที่แบ่งปันระหว่างตัวเขากับสายฟ้า วินาทีนี้ กานต์รู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับร่างไร้วิญญาณ จู่ๆ ลมที่ชวนให้ชื่นใจกลับกลายเป็นความหนาวสะท้าน ชายหนุ่มหลั่งน้ำตาเงียบงันให้แก่โศกนาฏกรรมของวงการหนังสือ เขาท่องบทหนึ่งจากหน้านิยายที่อีกฝ่ายเขียนเพื่อเป็นการเอ่ยลา
“จงหลับ…หลับให้สบายเสียเถิด ภาระหนักบนบ่าของคุณถูกปลดเปลื้องลงแล้ว ซุกร่างในความมืดอันอ่อนโยน สดับฟังกระซิบรักและจุมพิตจากผืนดิน จวบจนร่างเน่าเปื่อยยุ่ยสลาย กลายเป็นหนึ่งเดียวกับหนอนชอนไช และกลายเป็นผงธุลีในที่สุด”
กานต์ยังคงสวมรอยเป็นสายฟ้ายามเอารถเช่าไปคืน คนให้เช่าเป็นชายหน้าเสี้ยมวัยห้าสิบปลาย ร่างผอมกะหร่อง ผิวเข้ม แก้มตอบ ผมกระเซิงเป็นรังนก แกเอาแต่เคี้ยวใบยาสูบ และให้ความสนใจกับเกมโชว์ตอบคำถามทางโทรทัศน์จนแทบไม่สนใจเขา กานต์คิดว่าต่อให้เขาไม่แต่งตัวแบบสายฟ้า อีกฝ่ายก็คงไม่เอะใจอะไรด้วยซ้ำ เจ้าของร้านเช่ารถตรวจดูเอกสารและสภาพรถคร่าวๆ แล้วพยักหน้าให้เขาเป็นเชิงว่าทุกอย่างเรียบร้อย
ชายหนุ่มแวะเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้างสรรพสินค้าซึ่งเดินลัดเลาะไปไม่ไกลจากร้านเช่ารถนัก ใช้เวลาไม่นาน เขาก็แปลงกายกลับมาเป็นพนักงานบริษัทร่างสะโอดสะอง สวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวยัดชายเสื้อในกางเกงสแล็กเรียบกริบ เขามองสำรวจตัวเองในกระจกห้องน้ำ ใบหน้าเกลี้ยงเกลา ผิวพรรณสะอาดสะอ้าน กานต์หลับตาลง เมื่อมองกระจกอีกครั้ง แววตาของคนในกระจกดูใสซื่อบริสุทธิ์ ติดจะขี้อายหน่อยๆ
จู่ๆ เขาก็นึกสงสัยขึ้นมาว่าโฉมหน้าจริงแท้ของตนเองเป็นอย่างไรกันแน่
เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือดึงเขาจากภวังค์ กานต์มองชื่อผู้โทร.
“ไงพีท” พีรพลเป็นรุ่นน้องที่แผนก เด็กกว่ากานต์สองปี ร่างตุ้ยนุ้ย ตอนพีรพลเข้ามาทำงานใหม่ๆ หัวหน้าให้กานต์คอยเป็นพี่เลี้ยง นับจากนั้น อีกฝ่ายก็เกาะติดเขาแจ คงเพราะชื่นชมและรู้สึกสนิทใจ ช่างเหมาะจะมาเป็นพยานบุคคลในแผนของกานต์เสียนี่กระไร
ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่กานต์เอาแต่พูดถึงงานสัมมนาที่โรงแรมศรีอาทิตย์ให้พีรพลฟังหลายต่อหลายครั้ง แม้จะไม่เกี่ยวกับงานที่ทำโดยตรง แต่ก็เป็นหัวข้อที่ช่วยพัฒนาการสื่อสารกับผู้อื่น ชายหนุ่มไม่แปลกใจเลยที่รุ่นน้องผู้เทิดทูนเขาราวฮีโร่ในดวงใจมาบอกว่าจะมางานสัมมนาด้วยกัน
ในวันที่สายฟ้าถูกฆาตกรรม กานต์กำลังร่วมกิจกรรมสัมมนาที่โรงแรมศรีอาทิตย์ ร่วมกิจกรรมกับวิทยากรเต็มที่ ถ่ายภาพคู่กับผู้ร่วมสัมมนา อัปลงเฟซบุ๊ก แท็กคนในภาพและเพจงานสัมมนา โดยมีรุ่นน้องในแผนกเป็นพยานบุคคลปากสำคัญว่ากานต์ตั้งใจร่วมกิจกรรมในงานขนาดไหน
แผนของชายหนุ่มคือไปเช็กอินที่โรงแรมเซเรเนดหนึ่งคืน วันต่อมาเข้าร่วมกิจกรรมสัมมนา แล้วแอบไปฆ่าสายฟ้า ทยอยขนชิ้นส่วนศพด้วยการเช็กเอาต์สองครั้ง ครั้งแรกตอนเช้ามืดในฐานะแขกผู้เข้าพัก (ใช้ชื่อปลอม) และอีกครั้งด้วยการปลอมตัวเป็นสายฟ้า ฝังศพบนภูเขา แล้วรีบกลับมาที่โรงแรมศรีอาทิตย์ก่อนสอบข้อเขียนตอนบ่ายสามโมง
“พี่กานต์ ไม่สบายเป็นยังไงบ้างพี่” เสียงโผงผางแฝงความห่วงใยดังจากปลายสาย
กานต์บอกพีรพลเอาไว้ว่ารู้สึกไม่สบายและอยากพักผ่อน เพื่อเป็นข้ออ้างในการปลีกตัวจากงานสัมมนาวันที่สอง
“พี่ดีขึ้นแล้ว” ชายหนุ่มตอบ เหลือบมองเวลาบนนาฬิกาข้อมือ ระยะจากห้างสรรพสินค้าไปยังโรงแรมศรีอาทิตย์ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานสัมมนา ถ้านั่งวินมอเตอร์ไซค์ ใช้เวลาคร่าวๆ แค่ยี่สิบนาที แต่เขาสามารถทำเวลาให้สั้นลงได้นิดหน่อย อาจจะเพิ่มทิปหนัก หรือไม่ก็ขอความเห็นใจว่าเขารีบมากจริงๆ
“มาสอบข้อเขียนไหวไหมพี่ สอบเสร็จจะมีถ่ายรูปรวมกับแจกเกียรติบัตรด้วย” พีรพลถาม
“ไปได้ๆ เดี๋ยวพี่ไปเจอพีทที่ห้องสัมมนาเลยนะ” กานต์รีบตอบ เกิดอีกฝ่ายจุ้นจ้านมาเคาะประตูห้องพักแล้วไม่เจอเขาเดี๋ยวก็เป็นเรื่อง
ชายหนุ่มวางสาย เขาต้องรีบแล้ว
สำหรับเฮกเตอร์ เบร์ลิโอส ความรักเป็นทั้งอาหารและของแสลง แม้กระทั่งบทประพันธ์อมตะอย่างซิมโฟนี แฟนแทสติก ที่กานต์กำลังฟังอยู่ตอนนี้ ก็มีต้นกำเนิดจากความชอกช้ำที่เจ้าตัวโดนนักแสดงอุปรากรสาวปฏิเสธความรัก ถ้าจะพูดว่าท่วงทำนองงดงาม คลุ้มคลั่ง และแสนเศร้านี้มาจากการเอามีดคว้านหัวใจ กลั่นออกมาเป็นตัวโน้ตก็คงไม่ผิดนัก
ดนตรีจบลงตอนที่เก๋งสีดำแล่นเข้าไปในหมู่บ้านจัดสรร รปภ.หนุ่มใหญ่หน้าตาเคร่งขรึมส่งตะเบ๊ะให้เมื่อเขาจอดสแกนบัตรผ่านประตู ชายหนุ่มแล่นรถผ่านคลับฟิตเนสที่เริ่มมีคนใช้ประปรายหลังสถานการณ์โรคระบาดดีขึ้น แต่คงไม่ใช่กานต์ในวันนี้ ชายหนุ่มรู้สึกเหนื่อยเหมือนเขารีดเค้นพลังกายพลังใจทั้งหมดไปกับการสัมมนา
อ้อ! รวมทั้งการฆ่าสายฟ้าด้วย
กานต์เบรกรถกะทันหันเสียงดังเอี๊ยดจนได้กลิ่นไหม้ ชายหนุ่มฟุบหน้ากับพวงมาลัย อุปาทานเห็นภาพดวงตาว่างเปล่าของสายฟ้า เริ่มจากจุดเล็กๆ สองจุด ก่อนจะขยายใหญ่ขึ้นราวจะกลืนกินเขา กานต์หลับตา แต่สลัดภาพดวงตาเบิกโพลงของคนที่ตัวเองฆ่าไม่หลุด จมูกได้กลิ่นเลือดและน้ำหนองแบบเดียวกับตอนที่เขาหั่นศพสายฟ้าในห้องน้ำ สองมือคล้ายสัมผัสถึงวินาทีสุดท้ายที่ลมหายใจของเหยื่อหลุดลอย ในตอนที่ตัวเขาบีบคอของอีกฝ่ายเอาไว้แน่น แล้วนั่น…ใช่เสียงตอนที่สายฟ้าพยายามสูดลมหายใจเฮือกสุดท้ายหรือเปล่า
เสียงเคาะกระจกทำเอากานต์สะดุ้ง รปภ.หน้าเข้มตรงป้อมยามคงเห็นว่าจู่ๆ เขาจอดรถจึงเดินมาดู เพราะระยะจากป้อมยามกับฟิตเนสนั้นไม่ไกลกันนัก
“คุณครับ ไหวหรือเปล่า ให้ช่วยอะไรไหมครับ”
กานต์เงยหน้ามองอีกฝ่าย สะบัดศีรษะเรียกสติ “มะ…ไม่เป็นไรครับ” เขาเพิ่งรู้ตัวว่าเสียงของตัวเองแห้งผาก
ชายหนุ่มกล่าวขอบคุณชายวัยกลางคน ก่อนจะเคลื่อนรถแล่นไปยังหน้าบ้าน ตอนนี้เขาแค่อยากเอนตัวบนเตียง แล้วนอนนิ่งอยู่อย่างนั้นทั้งวันทั้งคืน
เขาขมวดคิ้วเมื่อแล่นรถมาหน้าบ้าน เมื่อเห็นเก๋งสีขาวจอดนิ่งอยู่ในโรงจอดรถ
กานต์จอดรถริมรั้ว เปิดประตูลงมายืนมองรถเก๋งสีขาวตาค้าง แม้จะเคยบอกที่ซ่อนกุญแจบ้านแก่เจ้าของรถไป แต่การได้เห็นรถยนต์คันกะทัดรัดแสนสวยคันนี้จอดรอเขาอยู่เป็นเรื่องที่ไม่เคยคิดฝันมาก่อน
คนที่รอในบ้านคงได้ยินเสียงเครื่องยนต์ รอไม่นาน ประตูบ้านก็เปิดออก กานต์สบตาหญิงสาวหน้าหวานในชุดเดรสสีขาวเปิดไหล่ยาวประมาณเข่า เธอปล่อยยาวสยาย ชายหนุ่มใจเต้นแรงเมื่อมองลำคอระหงและผิวขาวเนียน
ปรียาเปิดประตูรั้วเหล็ก แล้วหยุดยืนตรงหน้าเขา
“กานต์ คุณหายเงียบไปเลย ปรียาพยายามติดต่อแต่โทรไม่ติด” เสียงออดอ้อนของเธอชวนให้รู้สึกจั๊กจี้ กานต์คิดว่าคงเพราะเขาใช้เวลาส่วนใหญ่ที่ภูเขาซึ่งไม่มีสัญญาณ ไหนจะมัวแต่ร่วมกิจกรรมกับกลุ่มสัมมนาเพื่อใช้เป็นหลักฐานยืนยันที่อยู่ ทำให้ไม่มีเวลาเช็กโทรศัพท์มือถือ
“ผมขอโทษครับ” เขาพูด มองร่างบอบบางของอีกฝ่าย
ปรียาสบตาเขา กัดริมฝีปาก เป็นท่าทางเวลาที่เธอประหม่า ช่างน่าทะนุถนอมจนใจสั่น “กานต์กลับบ้านมาเหนื่อยๆ เข้าไปพักก่อนไหมคะ ปรียามัวแต่คิดว่าอยากคุยกับคุณ ลืมคิดไปว่ากานต์เพิ่งไปสัมมนามา อาจจะอยากพักผ่อน”
“ยี่สิบสี่ชั่วโมงของผมเป็นของคุณ จำได้ไหมครับ” กานต์พูด มากกว่านี้ก็ให้ได้ อะไรก็ได้ ขอแค่คนตรงหน้าเอ่ยปาก “ว่าแต่ปรียามีอะไรหรือเปล่าครับ” เขาถาม
“กานต์คะ” หญิงสาวสูดลมหายใจ กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ปรียาจะเลิกกับพี่สายฟ้าแล้วนะคะ”
กานต์พยายามกลั้นยิ้ม เอ่ยเสียงขรึม “คุณดีเกินไปสำหรับผู้ชายเจ้าชู้อย่างเขา”
“แล้วกานต์ล่ะคะ” เธอถาม
“ครับ” ชายหนุ่มทวนคำ
“ปรียาดีพอสำหรับกานต์ไหมคะ” เธอกล่าวประโยคที่ทำให้ทุกอย่างที่เขาทำลงไปคุ้มค่า “ที่ผ่านมา ปรียามัวแต่ไล่ตามคนที่ไม่เคยหยุดนิ่งอย่างพี่สายฟ้า ตอนนี้ปรียาเหนื่อยแล้วค่ะ ปรียาอยากพัก อยากจะอยู่กับคนที่แสนดีกับปรียาตลอดมา” เธอเงียบไปชั่วครู่ “กานต์ให้โอกาสปรียาหน่อยได้ไหมคะ”
ชายหนุ่มไม่อาจสะกดรอยยิ้มกว้างเอาไว้ได้ ในที่สุดเธอก็รู้ว่าที่ข้างๆ เธอเป็นของเขา “ตลอดมาและตลอดไปครับ” เขาพูด เอื้อมมือสัมผัสดวงหน้างดงามของเธอ
ค่ำคืนนั้น เพลงคลาสสิกท่วงทำนองร่าเริงดังกระหึ่มในใจกานต์ เขาถึงกับเผลอฮัมเพลงออกมาระหว่างนอนกอดร่างเปลือยเปล่าของปรียา ในที่สุดเธอก็อยู่ในอ้อมกอดของเขา ที่ที่ควรเป็นของเธอตั้งแต่ต้น
ดึกสงัด ปรียานอนหายใจเป็นจังหวะข้างกายเขา ริมฝีปากเปื้อนยิ้มราวเจ้าตัวพบสันติสุขในนิทรา กานต์ชันกายลุกขึ้น สวมกางเกงลวกๆ หยิบโน้ตบุ๊กแล้วเดินเข้าห้องน้ำ ปิดประตูตามหลังแผ่วเบาเพราะไม่อยากปลุกหญิงสาวที่กำลังหลับสบาย
ชายหนุ่มทรุดนั่งบนชักโครก พิมพ์รหัสปลกล็อกหน้าจอ เผยหน้าจอเป็นภาพปรียาส่งยิ้มเอียงอายให้กล้อง เขาแยกเขี้ยว นึกหงุดหงิดที่ภาพนี้เป็นภาพที่ตัวเองขโมยมาจากคลังภาพในมือถือของสายฟ้า แต่ทั้งหมดนั้นไม่สำคัญอีกต่อไป ยามนี้ปรียาคือคนรักของเขา กานต์จะถ่ายภาพเธอ บันทึกรอยยิ้มของเธอในรูปสักกี่ร้อยกี่พันใบก็ได้
กานต์เข้าโปรแกรมโซเชียลที่บันทึกรหัสผ่านค้างไว้ ทั้งไลน์ เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม แน่นอนว่าทั้งหมดเป็นบัญชีออนไลน์ของปรียา!
ชายหนุ่มกอดโน้ตบุ๊กไว้แนบอก ทบทวนวันเวลายาวนานตั้งแต่ได้เจอหญิงสาวที่ครอบครองหัวใจของเขาตั้งแต่แรกเห็น ต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่จะทำความรู้จักเธอ จนกระทั่งสืบรู้ไอดีและรหัสผ่านบัญชีโซเชียลของหญิงสาว ทั้งหมดเป็นไปด้วยเจตนาเดียวคือเพื่อทำความรู้จักเธอ เข้าใจเธอ จนแม้แต่หญิงสาวยังเอ่ยปากว่าเธอรู้สึกเป็นตัวของตัวเองเหลือเกินเมื่ออยู่กับเขา
กานต์ยิ้มพรายเมื่อนึกถึงตอนที่เธอพูดแบบนั้น เขาทุ่มเทอย่างหนักจนแทบไม่ได้หลับได้นอน ตามอ่านทุกโพสต์ ทั้งที่ตั้งค่าความเป็นส่วนตัวแบบเผยแพร่และแบบเฉพาะฉัน ไล่ตามอ่านทุกแช็ตที่หญิงสาวติดต่อกับคนอื่น กานต์พูดในสิ่งที่ปรียาอยากได้ยิน ชวนหญิงสาวไปที่ที่เธออยากไป ไม่มีใครรู้ใจเธอได้เท่าเขาอีกแล้ว ราวกับบุพเพสันนิวาส เขาเกิดมาเพื่ออยู่เคียงข้างเธอ และในที่สุดปรียาก็ตระหนักความจริงข้อนี้
เขามองโปรแกรมโซเชียลมีเดียทั้งหมดของปรียาที่ตัวเองแอบโหลดมาอีกครั้ง ยามนี้เธอเป็นคนรักของเขาแล้ว โปรแกรมเหล่านี้ไม่จำเป็นอีกต่อไป จากนี้ เขาและเธอจะจับมือกัน ฟันฝ่าอุปสรรค รักกันยิ่งขึ้น เข้าใจกันยิ่งขึ้น และเป็นคู่รักที่เหมาะสมกันยิ่งกว่าใคร ชิ้นส่วนจิกซอว์ทั้งหมดประกอบขึ้นสมบูรณ์ ภาพตรงหน้าคือความสุขชั่วนิรันดร์
ปลายนิ้วของกานต์กดแรงขึ้น เครื่องหมายกากบาทเหนือบัญชีของปรียาขยายใหญ่ในความรู้สึกของเขา เหมือนมันกำลังถามย้ำว่าเขาจะล็อกเอาต์จากบัญชีเหล่านี้จริงๆ ใช่หรือไม่
ชายหนุ่มสูดหายใจลึก นิ้วของเขาเลื่อนไปที่เครื่องหมายยืนยัน
ตอนเจอกันครั้งแรก…หมายถึงตอนที่กานต์และสายฟ้าเจอกันอย่างเป็นกิจจะลักษณะ และมีการสนทนาโต้ตอบกันครั้งแรก ไม่นับที่กานต์แอบสืบและสะกดรอยตามอีกฝ่าย ชายหนุ่มกำลังอ่านหนังสือที่สายฟ้าเป็นคนเขียนในร้านกาแฟใต้คอนโดฯ ของสายฟ้า ตัวร้านตกแต่งสไตล์ลอฟต์ ผนังร้านฉาบปูนเป็นลวดลายอิสระ เฟอร์นิเจอร์ในร้านทำจากไม้ หน้าต่างบานใหญ่กรุกระจก ให้อารมณ์ดิบเท่ ไม่แปลกใจเลยที่เป็นคาเฟ่ประจำของสายฟ้า
‘สายฟ้า นักเขียนบ้างไม่เขียนบ้างที่ใช้เวลาส่วนใหญ่ท่องเที่ยว ทำความรู้จักผู้คนและวิถีชีวิตต่างๆ เดินทางไปที่แปลกใหม่บ่อยว่าขลุกตัวหน้าจอโน้ตบุ๊ก ชอบออกกำลังกาย โสด และรักอิสระ’
กานต์ปิดหนังสือหน้าแนะนำตัวนักเขียน นอกจากคำแนะนำตัวสั้นๆ ก็มีภาพถ่ายของชายหุ่นล่ำ ผมสั้นแสกขวา แม้ใบหน้าเกลี้ยงเกลาแต่กลับให้ความรู้สึกดิบเถื่อน ต่างหูและรอยสักรูปมังกรพันรอบแขนขวาทำให้สายฟ้ามีเสน่ห์แบบผู้ชายแมนๆ กานต์เงยหน้ามองคนเขียนที่เพิ่งเปิดประตูกระจกใสของร้านกาแฟเข้ามา
นาฬิกาแขวนผนังเวลาห้าโมงเย็น ร้านกาแฟคับคั่งไปด้วยกลุ่มนักเรียนนักศึกษานั่งติวเนื้อหา พนักงานออฟฟิศนั่งจิบกาแฟไปทำงานไป ทั้งยังเป็นเวลาประจำที่นักเขียนหนุ่มปรากฏตัวในชุดออกกำลังกายตัวโคร่ง สะพายกระเป๋าใส่เสื้อผ้าที่ผลัดมาจากฟิตเนส
กานต์ลอบมองชายหุ่นนักกีฬาเดินไปสั่งเครื่องดื่ม…แน่ละ อเมริกาโน่เย็นเหมือนเคย
จากการแอบสะกดรอยตามอีกฝ่ายมาราวสามอาทิตย์ กิจวัตรตอนที่ไม่ได้ท่องเที่ยวของสายฟ้าคือสั่งอาหารเดลิเวอรีมาส่งใกล้เที่ยง ไปฟิตเนสช่วงบ่ายสาม แวะสั่งกาแฟที่ร้านใต้คอนโดฯ ตอนห้าโมงเย็น ตกดึกแต่งตัวหล่อ พรมน้ำหอม นั่งชิลล์ตามผับ ออกมาพร้อมผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า บางครั้งก็กลับห้อง บางครั้งก็ไม่ กานต์สงสัยว่าอีกฝ่ายเขียนหนังสือนานๆ ที เพื่อให้รู้สึกว่าตัวเองทำงานอะไรสักอย่างหรือเปล่า
ปรียาเคยเล่าว่าพ่อแม่ของสายฟ้าประสบอุบัติเหตุ ทิ้งเงินประกันชีวิตก้อนโตไว้ ไหนจะกิจการโรงแรมและอะพาร์ตเมนต์ทางฝั่งแม่ที่มีคนดูแลคอยโอนเงินให้ทุกเดือน พอรวมกับพรสวรรค์ในการลงทุนในหุ้นของชายหนุ่ม เขาจึงมีเงินใช้ไม่ขาดมือ
คนโดนสะกดรอยตามหันมาทางเขา กานต์ก้มหน้า แกล้งง่วนอยู่กับหนังสือในมือ
เสียงเลื่อนเก้าอี้ดังใกล้ตัว แล้วสายฟ้าก็ทรุดตัวนั่งตรงข้ามกานต์
“เอาละ” สายฟ้าพูด วางข้อศอกบนโต๊ะ ประสานมือ โน้มตัวมาหาเขา “นายสะกดรอยตามฉันมาทำไม”
กานต์ตัวแข็งทื่อ
“ฉันเห็นนายมาสองถึงสามวันแล้วนะ ไอ้เรื่องโดนสะกดรอยตามน่ะ ฉันชินเสียยิ่งกว่าชิน” สายฟ้าชะโงกตัวมาใกล้จนกานต์ได้กลิ่นไม้หอมจางๆ ให้ความรู้สึกขี้เล่น “แต่นายดูจะไม่ใช่พวกสาวๆ ที่สะกดรอยตามเพราะชอบฉัน นายเป็นแฟนนิยายที่บังเอิญเจอนักเขียนคนโปรดแล้วลองตามดู หรือว่า…” คนพูดหรี่ตา แล้วจู่ๆ ใบหน้าของสายฟ้าก็แยกออกเป็นส่วนๆ แต่ปากยังคงขยับ “หรือมึงตามมาเพื่อจะหาโอกาสฆ่ากู!”
“อย่าเข้ามานะ ออกไป ออกไป!”
กานต์ตะโกน สองมือปัดป่าย เหมือนมีใครมารวบตัวเขาไว้ พอรู้สึกตัว ชายหนุ่มพบตัวเองอยู่ในห้องประชุม นั่งบนเก้าอี้ล้อเลื่อน พีรพลที่นั่งใกล้ๆ จับแขนเขาไว้ แม้จะเตี้ยกว่า แต่ด้วยรูปร่างอ้วนท้วมทำให้แรงเยอะพอตัว
ชายหนุ่มรู้สึกกึ่งจริงกึ่งฝัน เขาได้ยินเสียงพีรพลถามว่าเป็นอะไรไหม ที่หัวโต๊ะ นิพิท หัวหน้าแผนกหน้าตี๋ดูตกใจ มือที่ขยับแว่นสายตายกค้าง ข้างกันคือมัสลิน นักศึกษาฝึกงานร่างเล็กที่ดูแปลกใจไม่ต่างกัน…เพื่อนร่วมงานทั้งสามในห้องประชุมจ้องกานต์ราวกับจู่ๆ เขาเกิดกลายร่างเป็นตัวประหลาดขึ้นมา กานต์นึกถึงตัวเอกในเรื่องสั้นที่สายฟ้าพูดถึงบ่อยๆ…เรื่องเมตามอร์ฟอร์ซิส ผลงานของ ฟรันซ์ คาฟกา เล่าเรื่องของตัวเอกที่กลายเป็นแมลงอย่างไม่มีที่มาที่ไป
กานต์เอามือลูบหน้า ดึงสติกลับมา
สายฟ้าตามหลอกหลอนเขาไม่เว้นแต่ละวัน ตอนอยู่กับปรียา ชายหนุ่มลืมทุกอย่าง และมีความสุขที่ได้ใช้ช่วงเวลากับเธอ แต่พอหญิงสาวร่างโปร่งลับสายตา ผีสายฟ้าก็ปรากฏตัวราวแอบซ่อนในเงามืด คอยจังหวะเพื่อดึงกานต์ให้ดิ่งลงสู่ห้วงอเวจี เขานอนไม่หลับเลย พอหลับตา ดวงตาเบิกเพลิงของนักเขียนหนุ่มคอยตามมาหลอกหลอน กานต์ถึงกับเผลอหลับในตอนคุยงานกับหัวหน้าและเพื่อนในแผนก แถมยังฝันวกวนถึงตอนที่ตัวเองสะกดรอยตามสายฟ้าใหม่ๆ เอามาปนกับเรื่องที่อีกฝ่ายตายด้วยน้ำมือเขา กลายเป็นความฝันแสนยุ่งเหยิง แถมบางครั้งยังฝันถึงเด็กชายหน้าตาน่ารักร่วงตกจากบันไดชั้นบนสุด ซ้อนทับกับความตายของสายฟ้า
อาจเพราะตัวเขารู้สึกราวกับตัวเองกำลังร่วงหล่นกลางอากาศ ไม่มีอะไรให้สองมือยึดเกาะ ค่อยๆ ดิ่งลงไปด้วยความเร็วทบทวี
“พี่กานต์ โอเคหรือเปล่า หน้าซีดมากเลยนะ” พีรพลยังจับตัวเขาไว้
“ไม่เป็นไรแล้วพีท” กานต์ปรับเสียงให้เรียบ หันไปขอโทษหัวหน้าแผนกและน้องฝึกงาน “ผมรู้สึกไม่ค่อยสบาย ขอโทษนะครับพี่นิพิท ขอโทษหลินหลินด้วยนะ เราคงตกใจแย่เลย”
ด้านหลังหัวหน้าแผนกวัยย่างห้าสิบ สายฟ้ายืนแสยะยิ้ม ก่อนค่อยๆ เลือนหายไป ลมหายใจกานต์ขาดห้วง เขากำมือ จิกเล็บไปในเนื้อ ใช้ความเจ็บช่วยประคองสติเอาไว้ เขาทนแบกรับความรู้สึกผิดบาป รวมทั้งความกลัวทั้งหมดได้เพื่ออยู่ข้างๆ ปรียา ชายหนุ่มเตรียมใจเอาไว้แล้ว อาจจะตั้งแต่ตอนที่ตัวเองเริ่มสะกดรอยตามสายฟ้าก็ได้ เป็นเส้นทางที่ถ้าก้าวเดินไปแล้ว จะไม่สามารถย้อนกลับได้ แม้รู้ทั้งรู้ แต่ชายหนุ่มไม่เคยลังเลแม้แต่น้อย
“รู้สึกไม่ค่อยดีก็ไปพักก่อนเถอะ” นิพิทตบบ่ากานต์ “เห็นพีทบอกว่าตอนไปสัมมนาก็ไม่ค่อยสบายนี่นา โปรแกรมเมอร์มือหนึ่งของบริษัทเกมจะพักบ้างก็ได้นะ”
กานต์ลอบมองพีรพล ไม่เสียแรงที่เขาเลือกมาเป็นพยานคนสำคัญ
ตอนสัมมนา กานต์แค่แกล้งทำเป็นไม่สบาย บ่นว่าปวดหัว แล้วขอตัวพักผ่อนในห้อง พีรพลก็เชื่อสนิทใจ ทั้งยังอาสาช่วยเช็กชื่อให้ในช่วงกิจกรรมตอนเช้าก่อนสอบ…จะมีอะไรดีไปกว่าพยานยืนยันที่อยู่ที่แม้จะมีเหตุฆาตกรรมตรงหน้าก็ไม่สังเกตอะไรเลยกันเล่า ด้วยนิสัยไม่สังเกตสังกาอะไรเลยของหนุ่มร่างท้วม ทำให้กานต์ได้พยานยืนยันที่อยู่ที่ซื่อสัตย์มาตั้งหนึ่งคน
กานต์กลั้นรอยยิ้ม พีรพลมีประโยชน์ตั้งแต่ช่วยแก้ต่างให้ว่าเขาไม่ค่อยสบายแล้ว
“ผมไม่เป็นไรแล้วครับพี่นิพิท” ชายหนุ่มรีบยกมือไหว้ ขอโทษหัวหน้าแผนก “ผมจะไม่ทำให้เสียงานแบบนี้อีก ยังไงขอทีมผม พีท แล้วก็หลินหลินขอนำเสนองานต่อนะครับ” กานต์ตั้งสติกับสไลด์พาวเวอร์พอยต์บนจอโน้ตบุ๊ก ทุ่มสมาธิให้งาน จะได้ไม่ต้องสนใจเรื่องอื่น
“เอางั้นก็ได้” นิพิทว่า “แต่ถ้ารู้สึกไม่ไหวยังไงบอกพี่เลยนะ”
โชคดีที่การนำเสนองานผ่านไปด้วยดี พีรพลยามอยู่ต่อหน้าหัวหน้าแผนกตัวลีบเล็กเสียจนร่างอ้วนตันดูเตี้ยม่อต้อไปอีก แต่พอออกจากห้องประชุมพร้อมคำชมจากนิพิท เจ้าตัวกลับหน้าบานเป็นจานเชิง หันไปโม้กับมัสลินด้วยท่าทางออกรส
“หลินหลิน เห็นตอนพี่นิพิทชมการนำเสนอของพวกพี่ไหม ต้องดูไว้ให้ดีๆ นะ”
“ส่วนมากหนูก็เห็นพี่กานต์นำเสนอกับตอบคำถามนะคะ” มัสลินแลบลิ้นใส่พีรพล
“อ้าว! ยัยเด็กนี่!” หนุ่มร่างท้วมแกล้งเอามือยีผมสั้นของมัสลินในอากาศด้วยสีหน้ามันเขี้ยว กานต์ลอบยิ้ม แค่ดูก็รู้ว่ารุ่นน้องของเขาสนใจนักศึกษาฝึกงานร่างเล็กคนนี้ออกหน้าออกตา
“ว่าแต่ พี่กานต์ พี่พีท พวกพี่ไปสัมมนาที่โรงแรมศรีอาทิตย์เนี่ย ได้ออกไปเที่ยวไหนบ้างไหมคะ” มัสลินถาม เดินนำพวกเขามาที่ออฟฟิศของแผนก ตรงไปยังโต๊ะทำงานของตัวเอง
กานต์กลั้นหายใจ “ถามทำไม” เขาลอบกัดลิ้นตัวเองเมื่อพบว่าน้ำเสียงของตัวเองห้วนเสียจนน่าตกใจ
โชคดีที่มัสลินไม่ทันสังเกต เจ้าตัวจัดเอกสารบนโต๊ะ พลางตอบ “ก็ใกล้ๆ มีร้านเบเกอรีเปิดใหม่ที่โรงแรมชื่อเซเรเนด เขาตกแต่งแนวธรรมชาติ หนูอยากลองไปชิมน่ะค่ะ พี่ยูทูบเบอร์ที่หลินติดตามไปรีวิวมา ช่วงที่พวกพี่ไปสัมมนากันนั่นล่ะค่ะ เลยคิดว่าถ้าพี่สองคนไปเที่ยวนอกโรงแรม อย่างไปห้าง ไปตลาด หรือร้านขนม อาจได้เจอพี่เมอร์รี่ คนอะไร น่ารักอย่างกับตุ๊กตาแน่ะ พี่นนท์ ตากล้องของพี่เขาก็หล่อนะคะ ตัวสูงด้วย พวกแฟนคลับจิ้นสองคนนี้หนักมาก หนูปลื้มพี่เมอร์รี่จนไปตัดหน้าม้าตามพี่เขาเลย” พูดพลางเอามือลูบผมหน้าม้าเป็นเชิงอวด
กานต์ลอบผ่อนลมหายใจ มองหญิงสาวพูดน้ำไหลไฟดับไปเรื่อย ท่าทางไม่มีพิรุธใดๆ…ร้านกาแฟเปิดใหม่ที่มัสลินว่าคงเป็นร้านที่สลักอักษรสีทองบนกระจกด้วยประโยคแสนดึงดูดใจ ‘ขนมหวานรสชาติเหมือนความรัก’ ส่วนยูทูบเบอร์ที่อีกฝ่ายจ้อถึงคงเป็นหญิงสาวผมลอนยาวที่เขาเจอตอนเช็กเอาต์ในนามสายฟ้า
“พี่เริ่มสนใจแล้วสิว่ายูทูบเบอร์คนนั้นจะน่ารักขนาดไหน” เขาแกล้งแซว เดินไปทรุดนั่งที่โต๊ะทำงานข้างมัสลิน แผนกของเขาแบ่งพื้นที่เป็นมุมทำงานซึ่งมีโต๊ะทำงานสี่ตัวหันหน้าชนกัน มีกระจกใสกั้นเป็นคอกแยกพื้นที่ทำงานของแต่ละคน เยื้องไปเป็นห้องประชุม ตามด้วยห้องส่วนตัวของหัวหน้าแผนก
มัสลินตาวาว ท่าทางความดีใจที่มีคนสนใจเรื่องเดียวกัน เจ้าตัวรีบเปิดไอแพด เข้าช่องยูทูบ แล้วชี้ให้ดูหญิงสาวร่างเล็ก สวมเสื้อลูกไม้สีชมพู ใบหน้าจิ้มลิ้มเปื้อนรอยยิ้ม
“สวัสดีค่ะ มาพบกับเมอร์รี่ที่ช่อง Merry Everyday กันอีกแล้วนะคะ สำหรับวันนี้…”
มัสลินเลื่อนหาคลิปวิดีโอ แล้วยื่นให้กานต์ “นี่ไงพี่กานต์ คลิปที่พี่เมอร์รี่ไปรีวิวร้านขนมในโรงแรมเซเรเนด แถมจะมีริวิวห้องพักโรงแรมด้วย สวยขนาดไปเป็นดาราได้เลยนะ หนูตามตั้งแต่สมัยพี่เขาทำช่องใหม่ๆ เลย พี่เขาจะพาไปร้านขนมต่างๆ แล้วก็พวกที่เที่ยวที่สามารถไปได้ช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์”
กานต์ผุดลุกขึ้นยืน เอามือข้างหนึ่งเท้าโต๊ะทำงานของมัสลิน จดจ่ออยู่กับคลิปวิดีโอในมือหญิงสาว ในนั้นเป็นเหตุการณ์ตอนที่ตัวเขากำลังเช็กเอาต์ แล้วยูทูบเบอร์สาวกับตากล้องเดินเข้ามา
ในคลิปวิดีโอ มีภาพด้านหลังของกานต์ในชุดหลวมโคร่งเดินผ่านไปไวๆ!