กานต์ปรียา บทที่ 9 : ผมให้คุณเป็นที่หนึ่ง

กานต์ปรียา บทที่ 9 : ผมให้คุณเป็นที่หนึ่ง

โดย : ดารัช

Loading

กานต์ปรียา นิยายสืบสวนดราม่า โดย ดารัช กับเรื่องราวที่ว่าด้วยเส้นบางๆ ระหว่างความรัก ความหลงใหล และการล้ำเส้นสู่ Cyberstalking ที่อาจบานปลายเป็นอาชญากรรม เรื่องราวของความสัมพันธ์ซ่อนเร้น การหายตัวไปอย่างปริศนา และเบาะแสที่อาจเปิดเผยความจริงอันมืดดำในโลกออนไลน์ อ่านได้แล้วที่ อ่านเอา www.anowl.co

มาริษาสำรวจความเรียบร้อยของตัวเองจากเงาสะท้อนในกระจกร้านสะดวกซื้อ ปัดปอยผมที่กระดกเล็กน้อยให้เป็นทรง หญิงสาวทาลิปสติกสีกุหลาบ ตั้งใจจะปิดท้ายด้วยลิปมันกลิ่นพีช

เธอเลิกคิ้ว ค้นกระเป๋าเครื่องสำอางอีกครั้ง แต่ก็หาลิปมันไม่เจอ เธอเพิ่งสั่งลิปมันทางออนไลน์เมื่อไม่นานมานี้ เพราะแท่งก่อนหมดไวมาก แถมจำได้แน่ๆ ว่าเก็บใส่กระเป๋าเครื่องสำอางแล้ว ช่วงนี้มาริษารู้สึกแปลกๆ เหมือนมีใครคอยมองเธออยู่ตลอดเวลา ข้าวของที่วางในบ้านหรือแม้แต่ในห้องนอนก็ย้ายที่ อย่างเช่นกระเป๋าถือ หญิงสาวจำได้ว่าก่อนนอนเธอวางไว้ตรงเก้าอี้นวมปลายเตียง แต่พอตื่นมามันกลับย้ายไปวางตรงโต๊ะเครื่องแป้งเสียอย่างนั้น มาริษามั่นใจว่าตัวเองไม่ได้เป็นโรคละเมอเดิน แต่มันก็เป็นเรื่องปกติเวลาเราจดจ่อกับเรื่องหนึ่ง แล้วเผลอทำเรื่องอื่นๆ แบบอัตโนมัติ เป็นระบบออโต้ไพลอตเสียจนสมองไม่ได้จดจำเรื่องพวกนั้น

มาริษาเอามือเคาะศีรษะตัวเองเบาๆ รู้สึกว่าช่วงนี้ตัวเองขี้หลงขี้ลืมอย่างไรก็ไม่รู้ หญิงสาวหยิบโทรศัพท์มือถือมาเช็กเฟซบุ๊ก ใครก็ไม่รู้ส่งคำขอเป็นเพื่อนมาเมื่อไม่กี่วันก่อน ใช้โพรไฟล์เป็นตัวการ์ตูน หญิงสาวชั่งใจ เมื่อกดไปดูหน้าโพรไฟล์อีกฝ่ายแล้วไม่คุ้นหน้า หญิงสาวตัดสินใจลบคำเป็นเพื่อน พอไล่สายตาลงไปอีกก็เห็นบัญชีเฟซบุ๊กของเพื่อนร่วมงานต่างแผนกขอแอดเพื่อนมา โพรไฟล์เป็นภาพพี่วรรณ หรือวรรณิดา สวมเสื้อเบลาส์สีเขียวลายตาราง ส่งยิ้มให้กล้อง ชื่อเฟซบุ๊กเขียนว่า ‘วรรณ วรรณิดา (เฉพาะเพื่อนสนิท)’

วรรณิดาเป็นฝ่ายบุคคลของบริษัท คอยดูแลเรื่องการพัฒนาบุคลกร การอบรมประจำเดือน และสวัสดิการต่างๆ ส่งอีเมล์แจ้งเตือนเรื่องการตรวจสุขภาพ บัตรประกันสังคม โดยส่วนตัวแล้ว เธอแทบไม่ได้คุยกับหญิงสาวรุ่นพี่วัยห้าสิบต้นคนนี้นัก แต่ไม่อาจพูดได้ว่าไม่รู้จัก แถมเวลาเพื่อนร่วมงานหรือคนรู้จักขอเป็นเพื่อน เธอก็ไม่รู้จะปฏิเสธยังไง ไม่เชิงว่าเธอไม่อยากรับเพื่อนหรอก เพียงแต่…

ตั้งแต่เริ่มทำช่องยูทูบและเพจในเฟซบุ๊ก บางครั้งจะมีแฟนคลับค้นหาบัญชีโซเชียลส่วนตัวของเธอและส่งคำขอเป็นเพื่อนเข้ามา ทั้งในเฟซบุ๊ก อินสตาแกรม ทวิตเตอร์ บางครั้งเธอก็รู้สึกกลายๆ ว่าความเป็นส่วนตัวหายไป และทุกอย่างที่เธอพิมพ์ลงในบัญชีส่วนตัวจะย้อนกลับมาหาตัวเอง หญิงสาวพยายามกันบัญชีเฟซบุ๊กส่วนตัวไว้สำหรับคนที่รู้จักเธอจริงๆ หรือแฟนคลับที่สนิทกัน เธออยากมีพื้นที่ส่วนตัวไว้โพสต์โน่นนี่แบบไม่ต้องคิดอะไรเยอะ ถึงอย่างนั้น หลังๆ เวลาจะอัปสเตตัสอะไร เธอพยายามกรองแล้วกรองอีกไม่ให้อัปอะไรไม่เหมาะสมออกไป

หญิงสาวมองภาพโพรไฟล์ของรุ่นพี่ต่างแผนก แล้วกดรับคำขอเป็นเพื่อน

ข้อความแช็ตในไลน์เด้งขึ้นตอนมาริษากำลังจะเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าถือ พี่หนึ่ง-ภคินี หัวหน้าแผนกของเธอทักแช็ตมา

ภคินี : เมอร์รี่ พี่ถามอะไรหน่อยสิ

แม้จะเป็นแค่ตัวอักษร แต่หญิงสาวสัมผัสได้ถึงความเคร่งเครียดของรุ่นพี่ผมสั้นมาดเนี้ยบ

Im Marisa : ค่ะพี่หนึ่ง มีอะไรหรือเปล่าคะ

ภคินี : จำเรื่องนาฬิกาข้อมือที่คุยกับพี่ได้ไหม เมอร์รี่พอจะนึกออกไหมว่าเคยเห็นที่ไหน

มาริษาครุ่นคิด ก่อนหน้านี้เธอเห็นนาฬิกาข้อมือของหัวหน้าแผนก รู้สึกคุ้นมากว่าตัวเองเคยเห็นที่ไหนมก่อนแน่ๆ ถึงจะไม่ใช่เรือนเดียวกัน แต่รูปแบบคล้ายๆ กัน

หญิงสาวถือโทรศัพท์มือถือไว้ในมือข้างหนึ่ง พลางเดินออกจากร้านสะดวกซื้อไปตามซอยเล็กๆ ขนาดพอให้รถสวนกันได้สองคัน ระยะทางไม่ไกลจากบ้านของเธอนัก อีกทั้งพนักงานเงินเดือนที่เพิ่งเลิกงานมีให้เห็นประปราย เป็นบรรยากาศที่ไม่ได้น่ากลัวอะไร…ระหว่างเดินกลับบ้าน เรื่องนาฬิกาข้อมือของหัวหน้าแผนกยังติดอยู่ในหัว

นาฬิกาข้อมือ…นาฬิกาข้อมือ…

มาริษาเบิกตากว้าง เธอนึกออกแล้วว่าเคยเห็นนาฬิกาข้อมือแบบเดียวกับของภคินีจากที่ไหน! เธอพิมพ์ข้อความบอกให้หัวหน้าแผนกรอสักครู่ แล้วเข้ายูทูบ เปิดดูรายการในช่องของตัวเอง มาริษาไล่นิ้วไปยังคลิปล่าสุดที่เธอพักโรงแรมเซเรเนด และเล่นเกมล่าสมบัติกับณัฐนนท์ ซึ่งแต่ละคนจะซ่อนของที่ติดชื่ออีกฝ่ายไว้คนละสองชิ้นในห้องพัก แล้วให้แต่ละฝ่ายตามหาของที่มีชื่อของตัวเองภายในเวลาที่กำหนด จากนั้นก็จะมานั่งคุยถึงที่มาที่ไปของสิ่งของแต่ละชิ้น

เธอเลื่อนไปตอนที่เธอและณัฐนนท์เป่ายิ้งฉุบกันเพื่อเลือกว่าใครจะเริ่มแกะของขวัญ มาริษาแพ้ จึงต้องเลือกเปิดกล่องของขวัญหนึ่งในสองกล่องที่มีชื่อของตัวเองติดอยู่

‘จะเปิดกล่องไหนดีเนี่ย ไม่มีของประเภทออกสื่อไม่ได้หรอกใช่ไหม’ ตัวเธอในคลิปหันไปคาดคั้นหนุ่มรุ่นพี่ ณัฐนนท์ได้แต่หัวเราะร่วน…หญิงสาวใจกระตุกวูบเมื่อเห็นรอยยิ้มที่เธอหลงรัก

ในที่สุด มาริษาก็สุ่มหยิบกล่องของขวัญสีชมพูใบเล็กขึ้นมา ภาพถ่ายสมัยเธอเพิ่งเข้าปีหนึ่งใหม่ๆ ดูตลกมาก หญิงสาวพยายามซ่อนรูปถ่ายจากแฟนคลับ

‘พี่นนท์ไม่ต้องมายิ้มเลย’ เธอคว้าหมอนหนุนมาไล่ตีตัวการ ณัฐนนท์วิ่งหนีพลางหัวเราะพลาง

มาริษาหยุดคลิปวิดีโอ จังหวะเดียวกับที่อะไรบางอย่างก็ตกลงมาจากหมอน!

หญิงสาวแคปภาพหน้าจอ ซูมดูนาฬิกาข้อมือที่หล่นลงมา ตัวหน้าปัดเป็นรูปหยดน้ำ มีตัวเลขโรมันสลักบอกเวลา สายรัดข้อมือเป็นสีเงินโลหะ เธอเอานาฬิกาไปให้พนักงานโรงแรมตอนเช็กเอาต์ และลืมเรื่องนี้ไปจนมาเห็นนาฬิกาข้อมือของภคินี

มาริษาส่งภาพให้หัวหน้าแผนกดู รวมทั้งลิงก์คลิปวิดีโอตอนไปพักที่โรงแรมเซเรเนด

หลังเงียบไปครู่ใหญ่ หัวหน้าแผนกก็ส่งข้อความหาเธอ

ภคินี : รูปนาฬิกาในคลิปที่เมอร์รี่ส่งมาให้พี่ดู เหมือนนาฬิกาของพี่มากๆ และพี่มั่นใจว่าเจ้าของนาฬิกาแบบนี้มีแค่พี่กับน้องชายคนละพ่อ

Im Marisa : เมอร์รี่อยากส่งคลิปวิดีโอก่อนตัดต่อให้พี่หนึ่งนะคะ แต่ไม่กี่วันก่อนมีขโมยมาค้นบ้านน่ะค่ะ เมมที่เมอรี่เก็บไว้หายเกลี้ยงเลย TT

ภคินีถามไถ่เรื่องราว มาริษาพิมพ์ตอบไปว่าแจ้งตำรวจเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวปลอบรุ่นพี่ว่าอาจบังเอิญมีนาฬิกาแบบเดียวกัน หรือไม่เธออาจเข้าพักในห้องพักต่อจากน้องชายของอีกฝ่าย

ภคินี : พี่หวังว่าจะเป็นแบบแรก ที่ว่าอาจบังเอิญมากจริงๆ ที่มีนาฬิกาแบบเดียวกัน

มาริษากลืนน้ำลายเมื่ออ่านประโยคต่อมา ไม่รู้ทำไม เธอสังหรณ์ใจไม่ดีเอาเสียเลย

ภคินี : เพราะตามในข่าวที่เมอร์รี่พบชิ้นส่วนศพตรงภูเขา พี่ลองกูเกิลแมปดูบริเวณรอบๆ ภูเขาที่ว่าอยู่ไม่ไกลจากโรงแรมเซเรเนดเท่าไหร่เลย

มาริษาสะบัดศีรษะ พยายามไล่ความรู้สึกเย็นยะเยือกตอนพบชิ้นส่วนศพ คิดไปก็อดขนลุกไม่ได้ ในตอนที่เธอกำลังพักผ่อน ใครบางคนถูกหั่นศพเป็นชิ้นๆ แล้วเอาไปฝังใต้ภูเขาที่ใช้เวลาเดินทางจากโรงแรมเซเรเนดไม่นานเลย

เธอสาวเท้าเดินไปเรื่อยๆ อาจเพราะมัวแต่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย จึงเผลอสะดุดขาตัวเอง ไม่ถึงกับเซถลาลงไป แต่จังหวะการเดินสะดุดนิดหน่อย

มาริษาทรงตัว แล้วเดินต่อ เงี่ยหูฟังเสียงฝีเท้าของตัวเอง ก่อนจะหยุดชะงัก

เธอก้าวต่อไปอีกสามก้าว แล้วหยุดอีกครั้ง

มาริษาใจหายวาบ เธอไม่ได้คิดไปเองแน่ๆ ใครบางคนเดินตามเธอมา หยุดเมื่อเธอหยุด แล้วก้าวตามทันทีที่หญิงสาวขยับ!

เธอออกวิ่ง ไม่สนใจจะหันไปมองเสียงกวดฝีเท้าตามหลัง กระทั่งได้ยินเสียงดัง พลั่ก! เหมือนมีใครโดนผลักไปกระแทกอะไรสักอย่าง ตามด้วยเสียงโอดโอย เธอจึงกล้าหันกลับไป

ผู้ชายสองคนกำลังต่อยกัน หนึ่งในนั้นคือกานต์ เพื่อนของพี่ครรชิต!

กานต์กำลังปลุกปล้ำกับใครคนหนึ่งบนพื้นถนน กานต์เป็นฝ่ายคร่อมอยู่ด้านบน ในมือคว้าคอของชายวัยประมาณสี่สิบปี ผิวเข้ม พุงพลุ้ย

พอเห็นมาริษาหันกลับมามอง กานต์ก็ผุดลุกขึ้นยืน ในมือยังกำปกเสื้อเชิ้ตของผู้ชายร่างท้วมไม่ปล่อย

“พี่เห็นเจ้านี่เดินตามเมอร์รี่มาสักพักตั้งแต่ออกจากร้าน ICARUS เลยลองนั่งแท็กซี่ตามมาจนถึงหน้าปากซอย ตอนแรกพี่กำลังจะกลับบ้านเพราะคิดว่าพี่คิดมากไป แต่เห็นเจ้านี่เอาแต่จ้องเมอร์รี่ในร้านสะดวกซื้อไม่วางตา พอตามมาก็เห็นมันลอบเดินตามเมอร์รี่ ท่าทางจะเป็นสตอล์กเกอร์โรคจิต”

มาริษามองกานต์สลับกับผู้ชายร่างป้อม เธอเดินไปหยุดตรงหน้าชายวัยสี่สิบกว่า ถามด้วยเสียงสั่นเทา “คุณแอบตามฉันมาจริงๆ เหรอ”

ชายร่างท้วมหลบสายตา

“บอกเธอไปสิ” กานต์ตะคอก “ทีตอนแอบตามไม่กลัว ตอนนี้กลัวแล้วเหรอ คืนนี้แกได้นอนเฝ้าคุกแน่ ไอ้เวรเอ๊ย!”

สตอล์กเกอร์หน้าซีด มองมาริษาด้วยสายตาวิงวอน “น้องเมอร์รี่ น้องเมอร์รี่ของพี่ ช่วยพี่ด้วย บอกไอ้บ้านี่หน่อยว่าให้ปล่อยพี่ที”

มาริษาขมวดคิ้ว เผลอก้าวเท้าถอยหลัง “ฉะ… ฉันไม่รู้จักคุณนะ”

“จะไม่รู้จักได้ยังไง ในเมื่อเรารักกัน” สีหน้าของอีกฝ่ายดูคลุ้มคลั่ง

“บ้าไปแล้วเหรอ” หญิงสาวเหลืออด “ฉันไม่เคยรู้จักคุณ ไม่เคยคุยกับคุณด้วยซ้ำ”

สีหน้าอ้อนวอนของคนร้ายแปรเป็นบิดเบี้ยว ชี้มือมาทางเธอ “น้องเมอร์รี่พูดแบบนี้ได้ยังไง กล้ามาพูดว่าไม่รู้จักพี่เนี่ยนะ เราคุยกันในเฟซบุ๊กตั้งไม่รู้กี่ครั้ง มีอะไรน้องเมอร์รี่ก็อัปสเตตัสบอกพี่ตลอด เวลาพี่คอมเมนต์น้องเมอร์รี่ก็มากดถูกใจ เรารักกันขนาดนี้ แล้วมาบอกว่าไม่รู้จักพี่ได้ยังไง มาบอกว่าไม่รู้จักกูได้ยังไง!”

ความเกรี้ยวกราดในน้ำเสียงทำเอามาริษาผวา แต่คิดยังไงก็คิดไม่ออกว่าอีกฝ่ายเป็นใคร

“กูตามคอมเม้นต์มึงตั้งเท่าไหร่ ในเพจก็ซื้อของไปตั้งเท่าไหร่ ตอนมึงทำเพจยูทูบก็คอยโดเนทเงินให้ พวกผู้หญิงเอาแต่ได้ ทั้งที่กูให้มึงเป็นที่หนึ่งแท้ๆ”

“แกเป็นใครกันแน่”

“น้องเมอร์นี่ยังถามพี่อยู่เลยว่าทานข้าวเที่ยงหรือยัง”

ข้อความสนทนาที่มาริษาโต้ตอบกับแฟนคลับแวบมาในหัว

Merry Everyday : ว่าแต่นี่ก็เที่ยงแล้ว คุณ Merry MeryMe ทานอาหารอร่อยๆ หรือยังคะ

Merry MerryMe : ทานไม่ลงครับ มัวแต่เป็นห่วงน้องเมอร์รี่ แล้วน้องเมอร์รี่ทานอะไรหรือยังครับ อย่าอดข้าวนะ ยิ่งตัวเล็กๆ อยู่ เกิดเป็นลมเป็นแล้งขึ้นมาจะทำยังไง

มาริษามองชายร่างท้วม รู้สึกเย็นเฉียบไปทั้งตัวราวมีใครเอาน้ำเย็นมาราดตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า

“แกคือ Merry MerryMe?”

“น้องเมอร์รี่จำพี่ได้จริงๆ พวกเรารักกัน คอยเป็นห่วงกันและกัน พี่รู้อยู่แล้วว่าน้องเมอร์นี่ก็ใจตรงกับพี่”

“กะ…แกตามฉันตั้งแต่เมื่อไหร่กันแน่”

มาริษาใจหายวาบ บัญชีเฟซบุ๊กชื่อ ‘Merry MerryMe’ ที่ขอแอดเพื่อนมาระยะหนึ่งแล้ว และคอยคอมเมนต์เวลาที่เธออัปเดตสเตตัสต่างๆ

มันแสยะยิ้ม “น้องเมอร์รี่ไม่รู้ตัวจริงๆ เหรอ ทั้งที่ยังเคยอัปสเตตัสว่าดื่มน้ำผลไม้ในห้องแล้วชื่นใจ แถมยังชอบเสื้อผ้าที่พี่ซื้อให้ เรายังเคยใช้ลิปมันกลิ่นพีชด้วยกัน สวมเสื้อผ้าชุดเดียวกัน นอนบนหมอนใบเดียวกัน”

มาริษาชะงัก หญิงสาวเคยเห็นเครื่องดื่มหรือเสื้อผ้าในห้องตัวเอง แต่คิดว่าแม่คงซื้อมาให้ เธอจึงสวมโดยไม่คิดอะไร เคยถ่ายรูปอัปสเตตัสตั้งหลายครั้ง เธอไม่เคยรู้เลยว่าห้องนอนส่วนตัวซึ่งเป็นสถานที่ปลอดภัย กลับมีใครบางคนแอบบุกรุก แตะต้องของๆ เธอ แค่คิดหญิงสาวก็ขยะแขยงจนตัวสั่น

“จริงสิ เร็วๆ นี้ลิปมันของฉันหายไป แล้วก็เสื้อผ้าบางตัวด้วย เป็นฝีมือของแกงั้นเหรอ!”

“โธ่ เรื่องแค่นี้เอง คนรักกันก็ต้องแบ่งของกันใช้สิจ๊ะ” สตอล์กเกอร์โรคจิตแย้ง “เมื่อคืนก่อนน้องเมอร์รี่ยังสวมชุดนอนลายคิตตี้ที่พี่ซื้อให้อยู่เลยนี่นา”

ร่างของหญิงสาวสั่นเทา เธออยากเอาแอลกอฮอล์มาราดผิวตัวเองเพื่อกำจัดร่องรอยชายแปลกหน้าให้หมด หญิงสาวทรุดตัวลงนั่งยองๆ บนพื้น เอามืออุดหู ตัวสั่นเทา

“หุบปากไปเหอะไอ้โรคจิต” กานต์เหลืออด “เขาบอกว่าไม่รู้จักแกก็ไม่รู้จักสิ เป็นบ้าหรือไง เที่ยวไปติดตามคนในเพจดังๆ แล้วหลงเพ้อว่าตัวเองสนิทกับเขาน่ะ” พูดจบก็ตะบันหน้าสตอล์กเกอร์อย่างแรงจนมันเซถลา

ชายแปลกหน้าครางหงิง ปากก็พร่ำร้องไม่หยุดว่าเขาอุตส่าห์รักและให้มาริษาเป็นที่หนึ่งในใจ แต่เธอกลับทอดทิ้งเขา “น้องเมอร์รี่ บอกเขาไปสิว่าเรารักกัน บอกเขาสิ บอกสิ อีแพศยา!”

 

มาริษาขยับตัวอย่างอึดอัดบนเก้าอี้พลาสติกไร้พนักพิง เธอนั่งห่อไหล่ เอามือกอดอกโดยวางข้อศอกบนโต๊ะไม้ จ้องนมสดปั่นบนโต๊ะ มองการก่อตัวของหยดน้ำข้างขอบแก้วใส ส่วนก้นแก้วเริ่มละลายเป็นของเหลว กานต์พาเธอมานั่งโซนเก้าอี้นอกห้องกระจกของร้านกาแฟ เพื่อความเป็นส่วนตัว อากาศย่ำค่ำสดชื่นด้วยไม้ดอกกลิ่นหอมในแปลงดอกไม้เล็กๆ ไม่ไกลจากมุมที่หญิงนั่นสาวนั่งอยู่ แต่มาริษากลับรู้สึกหนาวยะเยือกและอ่อนล้าเข้าไปในกระดูก

หญิงสาวเอามือลูบหน้า พยายามไล่ความอ่อนเพลีย เธอเพิ่งกลับจากการให้ปากคำอย่างยาวนานที่สถานีตำรวจ นายตำรวจสองคนชื่ออนุวัตและมนชิตช่วยกันซักถามข้อมูลจนหญิงสาวรู้สึกล้า กานต์จึงเสนอให้มานั่งพักสงบใจก่อนกลับบ้าน

เธอมองรอบตัว ในใจขำขื่น หญิงสาวตั้งใจจะมาลองทานเครื่องดื่มและขนมที่ร้านกาแฟแถวบ้านมาสักพักแล้ว ร้านกาแฟเล็กๆ กรุกระจกใส มีมุมส่วนตัวริมแปลงดอกไม้ด้านนอก มีจุดเด่นที่อาหารและเครื่องดื่มออร์แกนิก มาริษาถึงกับเคยลิสต์เมนูอาหารที่อยากชิม กลายเป็นว่าพอมาจริงๆ หญิงสาวไม่มีกะจิตกะใจจะทานอะไร กานต์เลยสั่งนมสดปั่นมาให้

เธอเงยหน้ามองผู้ชายมาดพนักงานออฟฟิศตรงหน้า กานต์มองเธออยู่ก่อนแล้ว สีหน้ากังวลแกมห่วงใย อาจเพราะเขาเป็นเพื่อนเก่าของครรชิต-รุ่นพี่ที่ทำงาน แถมยังช่วยเธอไว้จากการโดนสตอล์กเกอร์ไล่ตาม ทำให้หญิงสาวรู้สึกอุ่นใจที่มีเขาอยู่ข้างๆ แถมยังอาสาแกมบังคับขอพาเธอมาส่งที่บ้าน

แถมแววตาของอีกฝ่ายดูใสซื่อและอบอุ่น มาริษาแอบเสริมในใจตอนหนุ่มรุ่นพี่ยิ้มปลอบ

“ผม…พี่…ขอแทนตัวเองว่าพี่ได้ไหมครับ” เขามีท่าทางเขินอาย เอามือเกาท้ายทอย ท่าทางของอีกฝ่ายทำให้มาริษาหลุดขำ เธอพยักหน้าให้เป็นเชิงอนุญาต

กานต์จ้องเธอ พอดูใกล้ๆ มาริษาคิดว่าดวงตาสีดำของเขาชวนมอง “มันจบแล้วนะ เมอร์รี่”

หญิงสาวตัวสั่นเทา ทั้งที่รอบตัวเต็มไปด้วยแสงไฟอบอุ่น กลิ่นหอมของกาแฟและเบเกอรีอบใหม่ แต่ในหัวเธอกลับมีเพียงกลิ่นเหงื่อและกลิ่นฟุ้งของฝุ่นตอนตัวเองเร่งสาวเท้าหนีใครบางคนที่ไล่ตาม เธอได้ยินเสียงลมหายใจฟืดฟาดผ่านสายโทรศัพท์ เห็นภาพหัวเตียงที่ว่างเปล่า ทั้งที่ควรมีกล่องใส่เมมโมรี่จากกล้องถ่ายรูปวางอยู่ มาริษากอดอกแน่น ห่อไหล่ คู้ตัวลง

เธอรับรู้ได้ว่ากานต์เอื้อมมือมาแตะแขนของเธอ ท่าทางกล้าๆ กลัวๆ ของเขาราวพยายามระวังไม่ให้ตัวเธอแตกสลาย มาริษาคลายอ้อมแขนของตัวเอง เงยหน้าสบตาอีกฝ่าย

“มันจบแล้ว” ชายหนุ่มรุ่นพี่ย้ำเสียงหนักแน่น มาริษาพยักหน้า นายทรงภพ เจ้าของบัญชีเฟซบุ๊ก ‘Merry MerryMe’ โดนจับขังคุก และทางตำรวจจะช่วยคุมความประพฤติให้ ทุกอย่างจบแล้ว

“ไอ้เวรนั่น” กานต์ถอนหายใจ “มันเป็นพวกหลงผิด”

“หลงผิด” มาริษาทวนคำ ตอนไปแจ้งความ นายตำรวจร่างผอมสูงวัยสี่สิบกว่า เล่าให้ฟังว่าทรงภพเคยถูกจับหลายครั้งแล้ว แฟนเพจของมาริษาคนนี้คอยตามสตอล์กสาวๆ ที่เป็นเพื่อนกันในบัญชีโซเชียล บางทีก็ตามไปถึงบ้าน มาริษานึกถึงสีหน้าหงุดหงิดแกมเห็นใจของนายตำรวจตอนคุยกับเธอ ‘มันจะคอยย่องเข้าบ้าน เอาของไปวาง แอบใช้ของในห้องเหยื่อ มโนไปว่าเป็นคู่รักกัน’

“ทำไมถึง…” หญิงสาวพยายามเค้นเสียง จู่ๆ เธอก็รู้สึกโกรธ ทำไมคนอย่างทรงภพถึงยังลอยนวลออกมาเพ่นพ่านเป็นฝันร้ายในสังคมแบบนี้

กานต์อ่านข้อความในโทรศัพท์มือถือเสียงซึม “การดำเนินคดีในกรณี Stalking หากเจ้าหน้าที่ตำรวจรับแจ้งความและมีหลักฐานเพียงพอ จะเข้าข่ายความผิดใน มาตรา 397 ตีความว่าเป็นการรังแก ข่มเหง คุกคาม หรือสร้างความอับอาย เดือดร้อนรำคาญ บทลงโทษคือปรับไม่เกิน 5,000 บาท ในส่วนของการคุกคามในรูปแบบ Cyberstalking จะเข้าข่ายความผิดพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 14 (4) มีโทษจําคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ถึงบทลงโทษของ พ.ร.บ.คอมฯ จะสูงกว่า แต่ลักษณะความผิดที่เข้าข่ายกฎหมายนี้ยังไม่มีการเฉพาะเจาะจงในเรื่องของ Cyberstalking อย่างชัดเจน”

“พี่กานต์จะบอกว่าการตีความของกฎหมายค่อนข้างกว้าง ทำให้ถ้าเราโฟกัสแค่เรื่อง Stalking อย่างเดียว จะไม่มีบทบัญญัติในการคุ้มครองผู้เสียหายมากพอ บทลงโทษที่มากที่สุดเท่าที่นายทรงภพจะได้รับ อาจเป็นแค่ความผิดลหุโทษ มาตรา 397 ที่ปรับไม่เกิน 5,000 บาท” มาริษาถอนใจ

“แต่ไอ้บ้านั่นบุกรุกเข้าบ้านด้วย ยังไงก็มีบทเพิ่มโทษ” กานต์เสริม “กฎหมายจัดให้การสตอล์กเกอร์จัดอยู่ในหมวดลหุโทษหรือโทษสถานเบาเท่านั้น ถึงจะอยากให้นายทรงภพเข้าซังเตตลอดชีวิตขนาดไหน แต่ก็คงทำอะไรไม่ได้มาก”

เขามองเธอ สายตาเห็นใจ “บทลงโทษพวกนี้เทียบไม่ได้กับความรู้สึกทรมานของเหยื่อเลย ทั้งที่หลายๆ ครั้ง Stalking เป็นการกระทำเริ่มต้นของอาชญากรรมแบบอื่นๆ แต่การตีความของกฎหมายที่ผ่านมาจะเป็นในลักษณะการ Stalking บวกการกระทำความผิดอื่น และเป็นการลงโทษในการกระทำความผิดอื่นแทน เช่น Stalking และลงมือฆ่า กฎหมายตัวนี้จะไปเน้นลงโทษที่การฆ่าแทนการ Stalking ปัญหาที่เกิดขึ้นคือทำให้เราไม่สามารถป้องกันอาชญากรรมในส่วนของการ Stalking ได้”

มาริษานึกถึงใบหน้าบิดเบี้ยวของสตอล์กเกอร์โรคจิต เขาน่าจะอายุสักห้าสิบกลางๆ เท่าที่เคยคุยกันในเพจก็ดูสุขุม น่ารัก แต่กลับสะกดรอยตามเธอ ซ่อนตัวในเงามืด

แม้จะโดนจับ ทรงภพยังคงยืนกรานว่าเขาและเธอรักกัน แถมยังไม่ยอมรับว่าตัวเองเป็นคนขโมยเมมกล้องของเธอไป หญิงสาวเอามือทึ้งผมตัวเอง ไม่รู้ว่ามันเอาอะไรมาวางไว้ในห้องเธอหรือแอบเอาอะไรไปบ้าง ยิ่งคิดก็ยิ่งขยะแขยง มาริษาก้มมองเสื้อผ้าที่ตัวเองสวม ไอ้บ้านั่นบอกว่าเคยเปิดตู้เสื้อผ้าของเธอ พรมจูบใส่ชุดของเธอ หญิงสาวนึกอยากจะเผาเสื้อที่สวมอยู่ทิ้ง!

กานต์ครุ่นคิด “ในโลกออนไลน์จะมีคำว่า Cyberstalking หมายถึงการสะกดรอยบนไซเบอร์ เป็นการที่มีคนมาสอดแนมบัญชีโซเชียลของเรา อาจจะฟังดูไม่น่ากลัวหรือเป็นเรื่องธรรมดา ยิ่งน้องเมอร์รี่เป็นยูทูบเบอร์ แล้วก็มีเพจอีก แต่ Cyberstalking อาจทำให้พวกสตอล์กเกอร์รู้ข้อมูลชีวิตส่วนตัว ชีวิตประจำวัน กิจกรรมที่ชอบ สถานที่ที่ไป เราไม่รู้หรอกว่าเราเผลอไปเปิดช่องโหว่ให้คนที่ไม่ประสงค์ดีเข้าถึงตัวเราได้ง่ายๆ ตอนไหนบ้าง”

หญิงสาวนึกถึงบัญชีเฟซบุ๊ก ‘Merry MerryMe’ ที่คอยกดไลก์สเตตัสและภาพที่ตัวเธออัปลงเฟซบุ๊ก รู้สึกหนาวยะเยือกเมื่อคิดว่าอีกฝ่ายนั่งจ้องมองบัญชีโซเชียลของเธอ เก็บข้อมูลต่างๆ ที่เธออัปด้วยท่าทางคลุ้มคลั่ง คอยอ่านว่าหญิงสาวคิดอะไรอยู่ อยากได้อะไร ไปที่ไหนมาบ้าง ทั้งที่เธอและเขาต่างเป็นคนแปลกหน้าต่อกันโดยสิ้นเชิง

“พี่เคยได้ยินเคสร้ายแรงที่พวกสตอล์กเกอร์แฮกบัญชีเหยื่อ แบล็กเมล์เอย ข่มขู่เอย ทำลายชื่อเสียงเอย” กานต์พูด “เราไม่รู้หรอกว่าคนที่กำลังพิมพ์ตัวอักษรโต้ตอบกับเราเป็นคนแบบไหน เราไม่รู้ด้วยว่าตัวเองกำลังแชร์ข้อมูลส่วนตัวให้พวกไม่หวังดีกับเรารู้หรือเปล่า”

กานต์เล่าตัวอย่างที่เคยเกิดใน ค.ศ.1989 ที่สหรัฐอเมริกา นักแสดงชื่อ Rebecca Schaeffer ถูกแฟนคลับที่เฝ้าติดตามมาเป็นเวลานาน สืบหาที่อยู่และตามไปถึงบ้าน แต่ถูกปฏิเสธไม่ให้สนทนาด้วยจึงใช้ปืนพกยิงดาราสาวจนเสียชีวิต

อีกเคสคือเรื่องของไอดอลสาวประเทศญี่ปุ่น Ena Matsuoka สมาชิกวง Tenshitsukinukeniyomi ที่ถูกคนร้ายดักทำร้ายช่วง ค.ศ.2019 สาเหตุเกิดจากการที่เธอโพสต์ภาพถ่ายลงโซเชียล คนร้ายใช้ภาพสะท้อนดวงตาของเธอ ในการตามหาและไปยังสถานที่ที่เธออยู่ โดยเทียบภาพสะท้อนกับภาพใน Google Maps

ทั้งสองตกอยู่ในภวังค์ของตัวเอง มาริษาไล่นึกถึงข้อความที่เธออัปเดต ไม่ว่าจะ ‘วันหยุดทั้งที ชวนพ่อกับแม่ไปเดินเที่ยวห้างก็แล้วกัน’ ‘วันนี้เหนื่อยสุดอะไรสุด นอนยาวไปเลยค่า’ ‘ได้ไอเทมใหม่มาประดับห้องนอนแล้ว สวยไหมคะ (แนบภาพห้องนอน)’ หรืออะไรทำนองนี้

จริงอย่างที่อีกฝ่ายว่า ถ้าตั้งใจจะสอดแนมจริงๆ ย่อมทำได้ไม่ยากเลย จิตใจคนคือสิ่งที่ยากจะหยั่งถึงที่สุด ภายใต้คอมเม้นต์ห่วงใย ฉากหลัง อีกฝ่ายอาจกำลังเฝ้ามองเธอทุกฝีก้าว

บางที…คนที่บอกข้อมูลส่วนตัวจนชายแปลกหน้าอย่างทรงภพตามมาถึงบ้าน แอบมาใช้ชีวิตในห้องนอนของเธอ ก็คือตัวมาริษาเอง

 



Don`t copy text!