กานต์ปรียา บทที่ 16 : ฉันไม่รู้อีกแล้วว่าคุณคือใคร

กานต์ปรียา บทที่ 16 : ฉันไม่รู้อีกแล้วว่าคุณคือใคร

โดย : ดารัช

Loading

กานต์ปรียา นิยายสืบสวนดราม่า โดย ดารัช กับเรื่องราวที่ว่าด้วยเส้นบางๆ ระหว่างความรัก ความหลงใหล และการล้ำเส้นสู่ Cyberstalking ที่อาจบานปลายเป็นอาชญากรรม เรื่องราวของความสัมพันธ์ซ่อนเร้น การหายตัวไปอย่างปริศนา และเบาะแสที่อาจเปิดเผยความจริงอันมืดดำในโลกออนไลน์ อ่านได้แล้วที่ อ่านเอา www.anowl.co

ความรู้สึกแรกทันทีที่ลืมตาตื่นคือวันนี้วันหยุด อยากนอนให้เต็มอิ่มจัง พอคิดแบบนั้น เบญญาภาก็พลิกตัวบนเตียงนุ่ม มือความหาหมอนข้างเพื่อกอดก่าย จากนั้นความรู้สึกเมื่อยขบก็ตามมา หญิงสาวขมวดคิ้ว พบว่าตัวเองโดนมัดมือไพล่หลัง นอนอยู่บนเตียง รู้สึกปวดหน่วงที่ท้องน้อย

เบญญาภาลืมตาโพลง ไฟเพดานยังคงเปิดค้างไว้ เธอมองสภาพห้องพักที่ข้าวของกระจัดกระจายเกลื่อนพื้น สมองที่ยังไม่ตื่นดีทำให้ค่อนข้างสับสนจนต้องหลับตาลงเพื่อเรียบเรียงความคิด

เมื่อคืนกานต์พาเธอมาส่งที่หอพัก แสดงท่าทางห่วงใยกับอาการแปลกๆ ของเบญญาภา เธอรีบกล่าวขอบคุณ ปิดประตูห้อง ทิ้งให้กานต์ยืนหน้าห้อง แต่อีกฝ่ายกลับเดินไขกุญแจประตูเดินเข้ามาเสียดื้อๆ ในมือโชว์กุญแจสำรองที่เบญญาภาเคยให้ไว้ตอนคบกัน เธอลืมไปเลยว่ากานต์ยังไม่คืนกุญแจให้ เบญญาภาเห็นท่าไม่ดี รีบวิ่งหนีจนข้าวของเกลื่อนพื้น รู้สึกถึงความปวดหน่วงที่ท้องน้อยเพราะกานต์ต่อยเธอเต็มแรง ภาพสุดท้ายที่เห็นคือกานต์ชะโงกหน้ามามอง จากนั้นทุกอย่างก็ดับวูบ

“อรุณสวัสดิ์” ใบหน้าคมคายของกานต์ยื่นมาใกล้เบญญาภา เขาบิดขี้เกียจ ในมือกำโทรศัพท์มือถือของตัวเองเอาไว้ นั่งอ่านข้อความสลับกับมองเธอ

ห้องพักในอะพาร์ตเมนต์ของเบญญาภาประกอบด้วยเตียงนอน ตู้เสื้อผ้า โต๊ะเครื่องแป้ง วางเป็นสัดส่วน เว้นพื้นที่อีกฝั่งเป็นตู้เย็นและที่วางอุปกรณ์ทำครัวซึ่งมีแค่กระทะไฟฟ้ากับกาต้มน้ำร้อน ค่อนข้างแคบแต่มีของครบ สามารถอยู่คนเดียวได้ไม่ลำบากอะไร พอมีชายหนุ่มร่างสูงราวร้อยแปดสิบเศษมายืนอยู่ในห้อง กลับทำให้รู้สึกว่าห้องพักช่างคับแคบชวนอึดอัด

“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันคะกานต์” หญิงสาวโวยวาย รู้สึกหวาดกลัวใบหน้าที่แสนคุ้นเคยจับใจ แสงเงาที่ตกระทบทำให้ใบหน้ากานต์ซีกหนึ่งดำมืด อีกซีกสว่าง ยิ่งมองก็ยิ่งขนลุก

ชายหนุ่มในชุดพนักงานออฟฟิศหันไปสนใจข้อความในมือถือ พิมพ์ตอบแช็ตกับใครสักคนง่วน ก่อนจะหันมาสนใจเธอที่พยายามดิ้นให้หลุดจากพันธนาการ

หมัดลุ่นๆ ประเคนมาที่ท้องน้อยอีกรอบจนเบญญาภาจุก แล้วฝ่ามือหนาก็ฟาดมาบนใบหน้าเต็มแรง หญิงสาวน้ำตาไหลพราก เฝ้าถามตัวเองในหัวว่าทำไมเธอต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้

“หนวกหูจริง โวยวายอยู่ได้ รำคาญ” อดีตคนรักกระแทกเสียง

เบญญาภาได้แต่นอนตัวงอ มองอีกฝ่ายที่ง่วนกับการพิมพ์ข้อความ ดูเหมือนกานต์จะคุยกับอีกฝ่ายจบแล้ว เขาจึงวางมือถือลง ลากเก้าอี้โต๊ะเครื่องแป้งมาข้างเตียงไม้ของเบญญาภา แล้วทรุดนั่งมองเธอ

“กะ…กานต์ ปล่อยเบญไปเถอะนะคะ เบญขอโทษถ้าทำอะไรให้กานต์โกรธ”

นิ้วเรียวของอีกฝ่ายแตะริมฝีปากเธอแผ่วเบา ตาเซื่องซื่อราวตากวางยามนี้ดุดันแข็งกร้าว “ผมแค่มีเรื่องให้เบญช่วย” น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนเสียจนไม่อยากเชื่อว่าคนคนเดียวกันนี้เพิ่งจะซ้อมเบญญาภามาหยกๆ เบญญาภาไม่รู้จักผู้ชายคนนี้ หญิงสาวเพิ่งตระหนักว่า แท้ที่จริงแล้ว เธอไม่เคยรู้จักตัวตนที่แท้จริงของกานต์เลย

กานต์ถอยห่างหญิงสาว ยกมือกอดอก ทำหน้าครุ่นคิด “เอางี้ คือผมขี้เกียจอธิบาย เดี๋ยวผมจะแก้มัดแล้วให้เบญอ่านแช็ตเอานะ แต่บอกไว้ก่อนว่าถ้าคิดตุกติกหรือส่งเสียงหนวกหูน่ารำคาญ มันจะไม่จบแค่โดนตบหน้ากับต่อยท้องแน่ๆ” เขาเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนเสริมด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยียบ “ผมเกลียดนัก พวกเรื่องที่อยู่นอกแผนการ และคนที่มาป่วนตารางกำหนดการที่ผมวางไว้”

เบญญาภารีบพยักหน้า ในใจร้องตะโกนว่าใครก็ได้ช่วยบังเอิญเปิดประตูห้องมาช่วยเธอที แต่สาวโสดที่อาศัยอยู่ตัวคนเดียวอย่างเธอจะมีใครมาหา เพื่อนสนิทของเบญญาภามีเพียงแค่ปรียา แถมตอนนี้ก็คงติดต่ออีกฝ่ายไม่ได้ด้วย ในหัวเบญญาภาเต็มไปด้วยคำถามไร้คำตอบเต็มไปหมด

กานต์แก้มัดให้เธออย่างเบามือ แม้แขนสองข้างจะเป็นอิสระ แต่บรรยากาศที่แผ่ออกมาจากชายหนุ่มบ่งบอกว่าเขาเอาจริงตามที่พูดทุกคำ

เบญญาภาแบมือรับมือถือของกานต์ แต่เขาบุ้ยปากให้เธออ่านแช็ตจากมือถือของตัวเองตรงหัวเตียงได้เลย

หญิงสาวรู้สึกปวดแปลบที่ข้างแก้มและท้องน้อยตอนเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ของตัวเองมากดปุ่มปลดล็อกหน้าจอ

“ถ้าคิดตุกติกอย่างจะโทรหรือพิมพ์ข้อความหาใคร เจอดีแน่!” กานต์เอานิ้วชี้สองตาของตัวเองแล้วชี้หน้าเธอเป็นเชิงว่าเขาจับตามองเบญญาภาอยู่

เธอก้มมองหน้าจอมือถือ หน้าจอเป็นภาพเซลฟีที่เธอถ่ายคู่กับปรียา เธอจงใจตั้งภาพนี้เป็นโพรไฟล์เพราะเป็นภาพที่เธอดูสวยกว่าเพื่อนสนิท

เบญญาภาเหลือบมองกานต์เป็นเชิงถามว่าจะให้ดูข้อความไหน

“ดูแช็ตที่คุยกับปรียาสิ”

เธอไม่แน่ใจว่าชายหนุ่มให้ทำแบบนี้ทำไม แต่ก็ต้องเบิกตาโพลงเมื่อเห็นข้อความในแช็ต เธอจำข้อความล่าสุดที่คุยกับเพื่อนได้ ปรียานึกสงสัยว่ากานต์เกี่ยวข้องกับคดีฆ่าหั่นศพสายฟ้า เบญญาภาไม่ได้ตอบข้อความกลับไป เธอสับสนไปหมด ทว่าข้อความในแช็ตกลับไม่สิ้นสุดเพียงแค่นั้น

ปรียา เปี่ยมปภานัน : ไม่รู้ว่าฉันเป็นบ้าอะไรแล้ว ฉันคิดว่ากานต์มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของพี่สายฟ้า

Ben Benyapa : ใจเย็นๆ นะปรียา แกไม่มีหลักฐานอะไรเลยนะ กานต์จะทำเรื่องแบบนั้นได้ไง เขาดูสุภาพเรียบร้อย เรื่องฆ่าคนเนี่ยนะ

ปรียา เปี่ยมปภานัน : ฉันถึงได้บอกไงว่าไม่รู้ตัวเองคิดบ้าอะไรอยู่ ฉันรู้นะว่ากานต์เป็นแฟนที่แสนดี เขารู้ใจฉันทุกอย่าง แต่บางทีกานต์ก็แปลกๆ มันบอกไม่ถูก บางทีฉันรู้สึกเหมือนฉันไม่รู้จักผู้ชายคนนี้เลย

Ben Benyapa : ฟุ้งซ่านไปใหญ่แล้ว ปรียาคนดี

ปรียา เปี่ยมปภานัน : มันก็ใช่ แต่แกพิมพ์แปลกๆ จัง เหมือนไม่ใช่เบญเลย

Ben Benyapa : จะไมใช่ฉันได้ไงล่ะ แกใจเย็นๆ ก่อนนะปรียา อย่าเพิ่งวู่วาม แกจะมาสงสัยกานต์ แล้วอยากเลิกกับเขาเนี่ยนะ กานต์รักแกมากนะ เขาทำทุกอย่างได้เพื่อแกเลยนะ ขวัญเอ๊ยขวัญมา พักผ่อนซะนะ ฉันอยู่นี่แล้ว

ข้อความของปรียาเงียบไปเหมือนเจ้าตัวสงสัยข้อความที่เบญญาภาตอบ ซึ่งแน่ละ เธอไม่ได้เป็นคนพิมพ์โต้ตอบกับเพื่อนรัก ทว่าข้อความที่พิมพ์กลับเป็นสำนวนการเขียนและรูปแบบที่เบญญาภาพูดจนน่าขนลุก ใครก็ตามที่พิมพ์โต้ตอบกับปรียาต้องคอยสอดส่องพฤติกรรมของเธอ รู้ว่าหญิงสาวชอบหรือไม่ชอบอะไร คำพูดติดปากประมาณไหน

เบญญาภารู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัวเมื่อเหลือบมองกานต์

“ทำไมข้อความพวกนี้…”

กานต์ส่งยิ้มอ่อนโยนแบบที่เบญญาภาเคยรัก “เบญครับ ถ้าจะจดรหัสผ่านเฟซบุ๊กไว้ในกระดาษ ก็ซ่อนให้มันดีๆ หน่อยสิครับ ไม่อย่างนั้น ไอ้ที่อุตส่าห์ตั้งรหัสผ่านยากๆ ใช้ทั้งอักษรภาษาไทย ภาษาอังกฤษพิมพ์ใหญ่พิมพ์เล็ก ตัวเลข ไหนจะอักษรพิเศษ มันก็ไร้ความหมายนะครับ”

เบญญาภาอ้าปากค้าง “ได้รหัสเบญตั้งแต่เมื่อไหร่”

กานต์ยิ้มมุมปาก “ทั้งเมล ทั้งรหัสผ่านที่ใช้เข้าเฟซบุ๊ก ได้มาตั้งแต่คบกันไม่ถึงอาทิตย์เลยมั้ง” พูดจบเขาก็ชูสองแขนบิดขี้เกียจไล่ความเมื่อยขบ สะบัดศีรษะไล่ความเกร็งที่คอจนดังกร็อบเบาๆ “ผมก็ไม่ได้ตั้งใจจะเอามาใช้ทำอะไรไม่ดีหรอก แต่พอคบกับปรียา ก็เลยเอาเฟซบุ๊กเบญมาใช้ให้เกิดประโยชน์บ้าง ไว้ดูว่าเบญกับปรียาของผมคุยอะไรกัน ปรียากังวลเรื่องอะไร ชอบอะไร ไม่ชอบอะไร บางทีก็ใช้บัญชีของคุณมาอวยนายกานต์ให้ปรียาฟังบ้าง ก็ปรียาเขาฟังเบญนี่นา”

เบญญาภาใจหายวูบ เธอเข้าใจแล้วว่าทำไมบางทีปรียาถึงคุยแช็ตอะไรบางอย่างที่เธอไม่เข้าใจ หรือพูดบางเรื่องที่เบญญาภาจำไม่ได้เลยว่าคุยกัน เธอรู้แล้วว่าข้อความแปลกๆ ที่พิมพ์ตอบโต้ปรียาในบางครั้ง เป็นฝีมือของใคร เบญญาภาเอาแต่คิดว่าเธอคงเหนื่อยและพิมพ์ไปแบบไม่รู้ตัว แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่เลย คนที่พิมพ์ข้อความโต้ตอบปรียามาตลอดมีสองคน คนแรกคือเธอ ส่วนคนที่สองคือผู้ชายตรงหน้า อาจจะตั้งแต่ตอนที่ปรียายังคบกับสายฟ้าเลยด้วยซ้ำ

หญิงสาวมักพิมพ์อัปเดตสเตตัสชีวิตในพื้นที่ที่เธอคิดมาตลอดว่าเป็นสถานที่ส่วนตัวสำหรับเพื่อนและคนรู้จัก แต่กลายเป็นว่ากานต์เฝ้ามองบัญชีของเธอ และแอบแฝงตัวมาใช้งานอย่างน่าขนลุก

“ผมล็อกอินเฟซบุ๊กในชื่อคุณนานๆ ครั้ง สาบานได้” กานต์พูด “จริงๆ ตอนแรกก็แอบกังวลนะ กลัวคุณจะจับได้ เพราะเฟซบุ๊กสามารถตั้งค่าแจ้งเตือนได้เวลามีอุปกรณ์อื่นมาล็อกอินเข้าบัญชีเฟซบุ๊กของเรา แถมให้ส่งข้อความมาแจ้งในโทรศัพท์ยังได้ ตอนคบกันผมเลยเช็กให้แน่ใจว่าคุณไม่ได้ตั้งค่าพวกนี้ไว้”

เบญญาภาพยายามตั้งสติ มองหาลู่ทางหนี กานต์ตัวสูงใหญ่มาก ถ้าเธอวิ่งหนีไปดื้อๆ เขาคงจับตัวเธอได้อยู่หมัด หญิงสาวใช้ความคิดอย่างหนักว่าตัวเองจะสามารถทำอะไรได้บ้าง

“น่าเสียดายที่ผมรู้แค่รหัสเฟซบุ๊กของเบญ ถ้ารู้ไอจีด้วย คงรู้ไปตั้งนานแล้วว่าปรียาแอบใช้แอ็กหลุมในไอจีโพสต์โน่นโพสต์นี่ ผมไม่ชอบเลยเวลาปรียาเว้นระยะห่างกับผม ผมต้องเป็นคนที่รู้ใจเธอที่สุดสิ!” กานต์ตะเบ็งเสียง หน้าแดงก่ำ อารมณ์ของเขาเหวี่ยงไปเหวี่ยงมาราวระเบิดเวลา เป็นกานต์ที่เบญญาภาไม่รู้จักเอาเสียเลย “ผมไปหาคุณที่มินิมาร์ต เผื่อจะหลอกถามชื่อแอ็กหลุมของปรียา แต่กลายเป็นปรียาคุยกับคุณเรื่องสงสัยว่าผมฆ่าไอ้เวรสายฟ้านั่น!”

เบญญาภากลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอ

เขาไม่ได้ปฏิเสธว่าไม่ได้ฆ่าสายฟ้า

“แต่ช่างเถอะ หลังจบเรื่องนี้ ปรียาจะกับมาเชื่อใจผมเหมือนเดิม ไม่สิ อาจจะยิ่งว่าเดิมด้วยซ้ำ” เขายิ้มละไม เอนตัวพิงพนักเก้าอี้ กอดอกมองเธอ บุ้ยปากให้อ่านข้อความในแช็ตต่อ

ปรียา เปี่ยมปภานัน : ฉันรู้ว่ามันเป็นอะไรที่บ้าบอมาก แต่ยังไงดีล่ะ มันเป็นเซนส์ของคนที่อยู่ด้วยกันน่ะ กานต์ไปสัมมนาแถวโรงแรมเซเรเนดช่วงที่พี่สายฟ้าไม่ค่อยรับสายฉัน พี่สายฟ้าดีแต่อัปสเตตัสว่าไปกับผู้หญิง ฉันเริ่มสงสัยแล้วนะว่าคนที่ฉันคุยด้วยคือพี่สายฟ้าตัวจริงตอนไหนบ้าง และเป็นคนที่มาสวมรอยตอนไหนบ้าง

เบญญาภาลอบมองคนรักของเพื่อนสนิทอีกครั้ง กานต์แสยะยิ้มราวซาตานจากขุมนรก เธอตัวสั่นเทา อ่านข้อความที่เหลือ

ปรียา เปี่ยมปภานัน : พอรู้ว่าพี่สายฟ้าตาย แถมยังโดนฆาตกรรม ฉันมองหน้ากานต์ไม่ติดเลย ฉันทั้งรู้สึกผิด ทั้งระแวง ฉันทนคบกับกานต์ทั้งที่ฉันกลัวเขาไม่ได้หรอกนะ แกรู้ไหม ไม่ว่าฉันคิดอะไร อยากได้อะไร กานต์รู้หมดเลย ตอนแรกฉันก็ชอบนะที่แฟนรู้ใจขนาดนี้ แต่ยิ่งเขารู้จักฉันมากเท่าไหร่ ฉันกลับพบว่าตัวเองไม่รู้จักเขาเลย แค่จะเชื่อใจแฟนตัวเองเรื่องพี่สายฟ้า ฉันยังทำไม่ได้เลย

Ben Benyapa : คนที่ฆ่าพี่สายฟ้าไม่ใช่กานต์หรอกปรียา…

ปรียา เปี่ยมปภานัน : หมายความว่ายังไง แกรู้อะไร

Ben Benyapa : คนที่ฆ่าพี่สายฟ้าก็คือฉันเอง

เบญญาภากรีดร้องเมื่อเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ดังขึ้น ชื่อคนโทร.เข้าคือปรียา หญิงสาวมองหน้ากานต์ เขาพยักหน้าให้เธอกดรับสายได้

นิ้วมือของเธอสั่นระรัว “ปะ…ปรียา”

สายตาเบญญาภามองไปยังนิ้วมือเรียวยาวที่กำลังจดอะไรยุกยิกบนกระดาษ เขาโชว์ข้อความให้เธอดู สายตาเยือกเย็นคู่นั้นบอกให้เธออ่านตามที่เขาเขียนชนิดห้ามผิดเพี้ยน ริมฝีปากยกยิ้มอ่อนโยนจนรู้สึกขนลุก ในตอนที่อ่านข้อความไปเรื่อยๆ น้ำตาของเบญญาภาก็ไหลพราก

“ปะ…ปรียา…” เธอกลั้นสะอื้นหลังอ่านข้อความในกระดาษจบ กล่าวคำพูดของตัวเองก่อนที่กานต์จะทันรู้ตัว “ถ้ามีโอกาส ถ้าแกยังจะพอให้อภัยฉันได้…พวกเราจองตั๋วไปปารีส จิบไวน์ นั่งมองหอไอเฟลจากโรงแรมหรูๆ สักที่ แล้วนั่งเรือล่องแม่น้ำไนล์ด้วยกันนะ”

เบญญาภาวางสาย สบตากานต์ “เบญรับผิด สารภาพว่าเป็นฆาตกรไปแล้ว กานต์ปล่อยเบญไปเถอะนะคะ” หญิงสาวพนมมือไหว้ ทรุดตัวคุกเข่าแทบเท้ากานต์

“ผมไม่ได้เกลียดอะไรคุณเลยนะเบญ แต่ปรียาสงสัยผม คุณก็รู้ว่าปรียาเป็นคนขี้สงสัย ถ้ามีอะไรสะดุดใจจะไม่ยอมปล่อยผ่าน ยิ่งกับเรื่องผู้ชายที่ตัวเองชอบด้วยแล้ว จะยิ่งให้ความสนใจเป็นพิเศษ” กานต์ก้มมองเธอ ถอนหายใจ

“ปรียาไม่มีหลักฐานอะไรซะหน่อย กานต์ต้องทำขนาดนี้จริงๆ เหรอ”

“ลองปรียาสงสัยอะไรแล้ว เขาจะไม่ยอมหยุดคิดเรื่องนั้น” กานต์พูด “ปรียาอาจจะระแวง จนทำให้ความรักของผมกับเธอสั่นคลอน ผมยอมให้เกิดเรื่องแบบนั้นไม่ได้ เบญไม่รู้หรอก ว่าเวลาคนที่เรารักฝืนยิ้มให้ ทั้งที่ในใจทั้งกลัวทั้งสงสัยเรา มันทรมานขนาดไหน”

เบญญาภาอาศัยจังหวะที่กานต์ยื่นหน้ามาใกล้ เงยหน้าเอาหัวโขกคางชายหนุ่มเต็มแรง กานต์เซถลา เบญญาภารีบวิ่งไปทางประตู พยายามสะกดกลั้นความเจ็บที่ศีรษะ เธออ้าปากจะร้องขอความช่วยเหลือ แต่กานต์ถลันมาเอามือปิดปากเธอไว้ มืออีกข้างล็อกแขนเบญญาภาไว้ข้างหลัง

“ไอ้ปีศาจ” เบญญาภาเค้นเสียงลอดไรฟัน แต่ฟังอู้อี้เพราะกานต์ยังปิดปากเธอไว้อยู่

“ก็นะ…ถ้ามีคนพบศพสายฟ้าขึ้นมา แล้วตำรวจเกิดยื่นจมูกเข้าใกล้ผมมากไป ผมก็จำเป็นต้องมีแพะเหมาะๆ สักตัวยื่นให้พวกเขา”

เบญญาภากัดฟันกรอด เธออยากตบกานต์สักฉาด เขาจงใจให้เธอเป็นแพะรับบาปแต่แรก ทั้งที่เธอรักเขามากเหลือเกิน

กานต์เอามือจับปลายคางเบญญาภา เพื่อให้เธอหันมามองเขา แสยะยิ้ม “อ้อ! จริงๆ แล้วยังมีอีกเรื่องที่เบญต้องช่วยผม”

 



Don`t copy text!