
กานต์ปรียา บทที่ 14 : ความรักของคุณ ความรักของผม ความรักของเรา
โดย : ดารัช
![]()
กานต์ปรียา นิยายสืบสวนดราม่า โดย ดารัช กับเรื่องราวที่ว่าด้วยเส้นบางๆ ระหว่างความรัก ความหลงใหล และการล้ำเส้นสู่ Cyberstalking ที่อาจบานปลายเป็นอาชญากรรม เรื่องราวของความสัมพันธ์ซ่อนเร้น การหายตัวไปอย่างปริศนา และเบาะแสที่อาจเปิดเผยความจริงอันมืดดำในโลกออนไลน์ อ่านได้แล้วที่ อ่านเอา www.anowl.co

แสงไฟสลัวและเสียงเพลงดังจนแก้วหูแทบแตกทำให้กานต์รู้สึกมึนเมาตั้งแต่เดินเข้ามาในผับที่แวะมาบ้างนานๆ ที เขาดื่มไม่บ่อย เพราะเกลียดเวลาตัวเองคุมสติไม่อยู่ แต่ใช่ว่าจะไม่เคยดื่มเลย การสังสรรค์ในทีมงานเวลาทำโปรเจกต์ยากๆ เสร็จสิ้น หรือแม้แต่เวลานัดพบเพื่อนเก่า
ชายหนุ่มนั่งตรงหน้าบาร์เทนเดอร์ผมบลอนด์สวมเสื้อกั๊กสีดำทับเสื้อเชิ้ตเรียบกริบ ผูกหูกระต่าย อีกฝ่ายส่งยิ้มจนแก้มซ้ายบุ๋ม ส่งสายตาเป็นเชิงถาม
“ผมก็ไม่รู้ว่าอยากดื่มอะไร แค่อยากดื่ม” กานต์พูด “ดังนั้นไม่สำคัญหรอก แนะนำอะไรก็ได้ให้หน่อยสิ”
บาร์เทนเดอร์วัยประมาณสามสิบต้นพยักหน้า ใช้เวลาไม่นานก็วางเครื่องดื่มสีสวยตรงหน้าเขา “เครื่องดื่มนี้เป็นเมนูใหม่ของทางร้านครับ มีชื่อว่าความรักของคุณ”
กานต์เลิกคิ้ว ทวนคำ “ความรักของคุณ” แล้วหยิบเครื่องดื่มสีสวยในแก้วมาจิบ สำลักกับรสชาติร้อนแรงจนขึ้นจมูก
“แรงไปเหรอครับ งั้นเดี๋ยวผมเปลี่ยนให้” บาร์เทนเดอร์ผมบลอนด์พูด
“ไม่เป็นไร” กานต์ยกมือห้าม “ผมชอบชื่อของเจ้านี่”
เขาสูดลมหายใจ จิบเครื่องดื่มอีกครั้ง พาตัวเองย้อนกลับไปยังความทรงจำที่มีชื่อของเครื่องดื่มเป็นตัวสะกิดให้นึกถึงขึ้นมา
***
“สรุปนายจะไม่บอกชื่อตัวเองให้ฉันรู้จริงๆ เหรอ” เสียงแหบห้าวของสายฟ้าถามมาจากเตียงนอน นักเขียนหุ่นล่ำกึ่งนั่งกึ่งนอน เอนตัวพิงหมอนหนุนใบใหญ่ ก้มหน้าง่วนกับโทรศัพท์มือถือในมือ
กานต์นอนกลิ้งบนพื้นข้างเตียง เขากลายเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่นายกานต์ บุณยารักษณ์…ผมยุ่งแบบตั้งใจให้ดูเท่ สวมแว่นตากลมแบบตัวละครแฮร์รี่ พอตเตอร์ แต่งกายด้วยเสื้อยืดสีเขียวนีออนกับยีนส์เอวต่ำ มีเครื่องประดับตั้งแต่หัวจรดเท้า ในมือของเขากำลังพลิกร่างต้นฉบับเรื่องสั้นของสายฟ้าไปมา เจ้าตัวขีดฆ่าชื่อเรื่องไปสี่ชื่อ สุดท้ายแก้หัวเรื่องเป็นคำว่า ‘ความรักของคุณ’
“ฉันก็บอกไปแล้วไงว่าชื่อเพชร-พัชระ” กานต์ตอบ ใช้น้ำเสียงสนุกสนาน แบบคนที่มองว่าโลกคือสนามเด็กเล่นขนาดใหญ่ “หรือรู้แล้วว่านั่นไม่ใช่ชื่อจริงๆ ของฉัน” เขาผุดมานั่งขัดสมาธิ มองอีกฝ่ายที่ยังง่วนกับโทรศัพท์มือถือ กล่าวถาม “ว่าแต่นึกยังไงถึงได้ถามขึ้นมา”
สายฟ้าตอบเสียงเนือย “เพชร-พัชระ ชื่อที่เหมือนตัวเอกในนิยายเรื่องแรกของฉันขนาดนี้ นายคิดว่าฉันจะเชื่อจริงๆ เหรอ เอาเป็นว่าฉันไม่รู้จักชื่อจริงๆ ของนาย ไม่รู้ว่านายเป็นใคร รู้แค่นายแอบตามฉันเพราะนายติดตามงานเขียนฉัน ดังนั้น เราเป็นแค่คนรู้จักกันแบบผ่านๆ” จากนั้นก็นิ่งไป แล้วกล่าวด้วยสีหน้าครุ่นคิด “ขณะเดียวกัน นายรู้จักฉัน รู้เรื่องของฉัน เราคุยกันถูกคอ นายมาขลุกห้องฉันได้เป็นวัน เป็นเพื่อนกินเพื่อนเที่ยวของฉัน ดังนั้น เราเป็นเพื่อนสนิทกัน”
“นายคิดเสียว่าฉันชื่อเพชร-พัชระจริงๆ ซะสิ แค่นั้นก็จบแล้ว” กานต์ตอบแบบไม่ใส่ใจ มองเวลาบนนาฬิกาติดผนังที่แขวนข้างภาพวาดสาวเปลือยเหนือเตียงนอน ผู้หญิงในภาพส่งรอยยิ้มลึกลับบนปากสีแดงเชอร์รี เจ้าของห้องซื้อภาพนี้มาหลังรู้จักกานต์ไม่นาน แน่ละ เขาหมายถึงกานต์ ‘คนนี้’ ชายหนุ่มอดรู้สึกไม่ได้ว่าใบหน้าคนในภาพคล้ายปรียาอยู่หลายส่วน มีลายเซ็นนักวาดโนเนมพร้อมชื่อภาพ ‘ความรักของคุณ’ ที่ดันพ้องกับชื่อเรื่องสั้นที่สายฟ้ากำลังเขียนราวเจ้าตัวได้แรงบันดาลใจจากภาพวาด
“นายจะไปผับหรือเปล่าคืนนี้ ถ้าจะไปก็รีบแต่งตัวเถอะ” กานต์พูดพลางเก็บของ
สายฟ้าลังเล “คืนนี้นายไปเถอะ” เขาตอบในที่สุด “ฉันว่าจะไปหาปรียาน่ะ”
กานต์ชะงัก ชื่อของปรียาที่เปล่งจากริมฝีปากชายบนเตียงทำให้เขาหงุดหงิด มันกล้าดียังไงที่เรียกเธอด้วยน้ำเสียงเป็นเจ้าข้าวเจ้าของถึงเพียงนั้น ทั้งยังใช้น้ำเสียงรักใคร่ถึงเพียงนั้น
“ปรียา ปรียา ปรียา” เขาปรับสีหน้า แกล้งพูดแซว “ดูเหมือนพักหลัง เสือผู้หญิงอย่างนายจะพูดชื่อนี้บ่อยมากเลยนะ คนอย่างนายสายฟ้า บทบูรณ์ ทนคบผู้หญิงเกินหนึ่งเดือนได้ด้วยเหรอ”
รอยยิ้มจางบนใบหน้าเข้มทำให้กานต์ชะงัก เขากลั้นใจถาม “อย่าบอกนะว่านายคิดจะจริงจังกับเธอ”
นักเขียนหนุ่มไม่ตอบ ผุดลุกขึ้นนั่ง พลางโยนอะไรบางอย่างมาให้ กานต์รับด้วยสัญชาตญาณมากกว่าอย่างอื่น พอแบมือออกก็เห็นกุญแจห้อง
“ฉันปั๊มกุญแจสำรองเผื่อไว้” สายฟ้าบอกระหว่างเปิดตู้เสื้อผ้าควานหาเสื้อแจ็กเก็ตยีนส์ตัวโคร่งสวมทับเสื้อกล้ามสีดำ “ถ้าไม่มีที่จะไปก็มาขลุกห้องฉันได้ อย่าเอาแต่เที่ยวผับเพราะไม่รู้จะไปไหน เข้าใจหรือเปล่า ไอ้คนหนีออกจากบ้าน”
“ว่าไงนะ”
“คิดว่าฉันยอมให้นายมาอยู่ใกล้ตัวโดยไม่สืบอะไรเลยเหรอ” พูดจบ สายฟ้าก็หยิบกระเป๋าสตางค์ แล้วเดินออกจากห้องไป
ประตูห้องนอนปิดตามหลัง กานต์นั่งนิ่ง ก่อนจะผุดรอยยิ้มแล้วหัวเราะขึ้นมา ชายหนุ่มเอามือปิดปากกลั้นขำ แต่เขาก็คุมตัวเองไม่ได้ เผลอหลุดหัวเราะออกมาอีกรอบ คราวนี้เขาหัวเราะจนตัวโยน เปล่งเสียงออกมาจนแทบขาดใจ กานต์ยกมือปาดน้ำตา เขาเริ่มปวดท้อง แต่ก็ไม่อาจหยุดหัวเราะได้
ไอ้คนหนีออกจากบ้านงั้นเหรอ
กานต์หัวเราะอีกครั้ง เขาผ่อนลมหายใจ พยายามตั้งสติ แต่ความปราโมทย์เหลือแสนนี้เกินจะกักเก็บไว้ได้
“นายแพ้แล้ว สายฟ้า” เขากระซิบ แล้วเปล่งเสียงหัวเราะดังก้อง
***
กานต์ไม่รู้ว่าเรื่องทั้งหมดดำเนินมาถึงจุดจบเช่นนี้ได้อย่างไร…มาสู่ตอนที่ร่างของสายฟ้าแยกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย บางทีอาจเริ่มตั้งแต่ตอนที่กานต์เห็นปรียายิ้มเอียงอายตอนบอกเขาว่าเธอมีคนรักแล้ว และใบหน้าของเธอก็เปี่ยมสุขตอนเอ่ยชื่อสายฟ้า ชายหนุ่มนึกถึงเกมโดมิโนที่เคยเล่นกับลูกัสตอนเด็กๆ พอแตะชิ้นส่วนหนึ่งให้ล้มลง ทุกอย่างก็เกิดขึ้นต่อเนื่องจนไม่อาจควบคุมได้ แล้วแถวโดมิโนที่วางเรียงก็พังทลาย แต่เขารู้ว่าสายฟ้าแพ้ ในตอนที่อีกฝ่ายเรียกเขาว่า ‘ไอ้คนหนีออกจากบ้าน’
แรกเริ่ม กานต์เพียงแค่อยากรู้ว่าผู้ชายที่ปรียาหลงรักนักหนาเป็นใครมาจากไหน เขาเริ่มสะกดรอยตามสายฟ้าจนแค่หลับตาก็ร่างภาพกิจวัตรในแต่ละวันของนักเขียนหนุ่มได้ แต่มันยังไม่พอ กานต์ต้องการรู้จักสายฟ้ามากกว่านี้ เขาปล่อยให้อีกฝ่ายรู้ตัวว่าโดนสะกดรอยตาม การที่สายฟ้ามาทักเขาที่ร้านกาแฟไม่ใช่เรื่องผิดคาด กานต์พูดในแบบที่อีกฝ่ายจะชอบ แต่งตัวในรูปแบบที่สายฟ้ารู้สึกเป็นมิตร กานต์ต้องค้นข้อมูลอย่างหนักหน่วง ไล่อ่านผลงานของสายฟ้า ดูประวัติผู้เขียน อ่านบทสัมภาษณ์ กูเกิลและเฟซบุ๊กเป็นผู้ช่วยชั้นดีที่ควรค่าแก่การจ่ายเงินเกือบพันต่อเดือนเพื่อติดตั้งอินเทอร์เน็ต
แล้วชายหนุ่มก็เลือกคาแรกเตอร์นี้…ชายหนุ่มร่าเริง ช่างพูด เซตผมให้ดูยุ่งเล็กน้อย สวมแว่นตากลม สวมเสื้อผ้าสีสด ชอบสวมเครื่องประดับ…คล้ายกับตัวละครตัวหนึ่งในนิยายของนักเขียนหนุ่ม แต่กานต์ก็ระวังไม่ให้ทุกอย่างเด่นชัดเกินไปจนดูตั้งใจ เป็นตัวละครที่มีปัญหากับครอบครัว ทำตัวสำมะเลเทเมา วันๆ เอาแต่เที่ยวผับและก้อร่อก้อติกสาวๆ อ้อ! ชอบอ่านวรรณกรรมคลาสสิกด้วย
‘เหมือนที่พ่อแม่หลงลูกตัวเองนั่นแหละ นักเขียนเองก็หลงตัวละครของตัวเอง และมีแนวโน้มจะเชื่อใจคนที่มีลักษณะเหมือนตัวละครของตัวเอง’ คำพูดนี้ สายฟ้าเป็นคนให้สัมภาษณ์กับนิตยสารฉบับหนึ่งด้วยตัวเองเชียวนะ
และดูเหมือนจะจริงอย่างที่อีกฝ่ายว่า อย่างน้อยก็จริงในกรณีของสายฟ้า เพราะนักเขียนร่างล่ำและแฟนคลับผู้เป็นมิตรแต่ไม่ชอบพูดเรื่องตัวเองสนิทกันอย่างรวดเร็วจนถึงขั้นนักเขียนหนุ่มปั๊มกุญแจห้องสำรองมาให้
กานต์สร้างหลุมพรางซ้อนอีกชั้น เพราะเราอาจสนใจคนที่ดูลึกลับ แต่ขึ้นชื่อว่ามนุษย์แล้ว…คนเราไม่อาจเชื่อใจสิ่งที่เกินความเข้าใจของเรา เขาจงใจสร้างคาแรกเตอร์โดดเดี่ยวซ่อนไว้ในบุคลิกร่าเริง พอรวมกับคำพูดที่เผลอพูดออกไปเหมือนไม่ได้ตั้งใจ เสื้อผ้า ของใช้ กิจวัตร หรือแม้แต่งานอดิเรก ทำให้สายฟ้าสรุปได้ว่าเขาคือชายหนุ่มที่มีปัญหากับพ่อแม่ และออกจากบ้านมาเพื่อใช้ชีวิตของตัวเอง ซึ่งเป็นภูมิหลังที่คล้ายคลึงกับตัวเอกในนิยายของเจ้าตัวนั่นเอง
วินาทีที่นักเขียนหนุ่มเรียกเขาแบบนั้น หมายถึงกานต์กลายเป็นคนที่สายฟ้าสามารถเข้าใจได้ และสามารถเชื่อใจได้
เป็นวินาทีที่สายฟ้าพ่ายแพ้ และก้าวเดินสู่เส้นทางที่มีความตายอันน่าสยดสยองรออยู่ตรงหน้า
***
ครั้งสุดท้ายที่เจอกัน กานต์สวมเสื้อกล้าม คุลมทับด้วยแจ็กเก็ตผ้าสีดำตัวโคร่ง กางเกงยีนส์สีดำขากระบอก สวมหมวกแก๊ปบดบังใบหน้ากว่าครึ่ง เขาทำกระทั่งซื้อวิกผมมาสวมเพื่อให้มีรูปลักษณ์เหมือนสายฟ้าที่สุด
เขากดกริ่งหน้าห้อง 405 ของโรงแรมเซเรเนด สายฟ้าอึ้งไปพักหนึ่งตอนเปิดประตู ทำหน้าเหมือนเห็นผี จะว่าไปในมุมมองของอีกฝ่ายก็คงเหมือนเห็นผีจริงๆ เพราะกานต์จงใจแต่งตัวแบบสายฟ้า แถมส่วนสูงยังไล่เลี่ยกัน ถ้ามองผ่านๆ จะว่าเป็นคนเดียวกันก็ไม่ผิด แถมกานต์ยังตรวจสอบมุมอับของกล้องวงจรปิดในโรงแรมไว้ล่วงหน้า จนแน่ใจว่ามันจะไม่ถ่ายติดเขาด้วย ทางสะดวก ทุกอย่างราบรื่น
“จะไม่เชิญฉันเข้าไปหน่อยเหรอ คุณนักเขียนคนโปรด” กานต์ใช้น้ำเสียงแบบหนุ่มหนีออกจากบ้านที่อีกฝ่ายรู้จัก
หนุ่มล่ำกะพริบตาปริบๆ “ห่ะเอ๊ย!” เขาสบถ ก่อนจะหัวเราะออกมา “เพชร ไอ้ระยำ เล่นอะไรตกใจหมด” พูดพลางดึงแขนกานต์เข้าห้อง “เข้ามาสิ ตอนนายบอกมีเรื่องจะคุยด้วย ฉันก็งงว่าเรื่องอะไร พอแช็ตกันเสร็จก็มากดกริ่งหน้าห้องฉันเนี่ยนะ” เขาพูดกลั้วหัวเราะ
กานต์ยกถุงพลาสติก ในนั้นมีเบียร์กระป๋องแบบแพ็ก พร้อมขนมขบเคี้ยว “ก็นายแช็ตมาบอกว่าเขียนนิยายเรื่องที่จะส่งประกวดเสร็จแล้ว เลยมาฉลองน่ะ”
“แต่นายมาที่นี่ได้ไงวะ หมายถึง จู่ๆ ก็โผล่มาเลยเนี่ยนะ” สายฟ้าถาม รับถุงใส่เบียร์จากมือกานต์มาถือ เดินนำชายหนุ่มเข้าไปในห้องพัก
กานต์แสยะยิ้ม หยิบเข็มฉีดยาบรรจุยาสลบที่ซ่อนไว้ในกระเป๋ากางเกงมาถือในมือ ดึงปลอกพลาสติกครอบเข็มออก
“ทำไมฉันถึงจะไม่มาล่ะ ในเมื่อฉันรอตอนนี้มาโดยตลอด”
เสียงเย็นๆ นิ่งๆ ของนายกานต์ บุณยารักษณ์กล่าวตอบ ชายที่เดินนำหน้าชะงักฝีเท้า กำลังจะหันกลับมา แต่กานต์ไม่อยากเสียเวลาแล้ว อะไรที่ต้องจัดการก็ควรจัดการให้มันจบๆ หมดเวลาแกล้งเล่นเป็นเพื่อนเสียที
แล้วสายฟ้าก็ล้มตึง โดยเข็มฉีดยาปักคาไว้ที่คอ
กานต์แสยะยิ้ม ทุกอย่างเป็นไปตามแผน
เขาทรุดตัวนั่งข้างร่างรวยรินของสายฟ้า กานต์ทุ่มเทแรงกายแรงใจทั้งหมดเพื่อฉากจบนี้ ตั้งแต่แอบสะกดรอยดูพฤติกรรมของสายฟ้า การที่นักเขียนหนุ่มอาศัยอยู่ตัวคนเดียวด้วยมรดกของพ่อแม่ที่เสียไปหลายปี ทั้งยังมีนิสัยชอบเดินทาง เขียนนิยายนานๆ ครั้ง และใช้เวลาส่วนมากไปกับสาวไม่เลือกหน้า
ทั้งหมดนี้ทำให้ร่างแผนการของเขาค่อยๆ แจ่มชัด
เขากลายเป็นเพื่อนสนิทของนักเขียนหนุ่ม ปั้นหน้ากากแฟนคลับที่มีบุคลิกคล้ายตัวละครตัวหนึ่งในนิยายของหนุ่มล่ำโดยบังเอิญ สายฟ้าเองคงไม่ตั้งใจจะเปิดเผยทุกอย่างในชีวิตกับกานต์ขนาดนี้ แต่การเงียบและตั้งใจฟังนั้นทำให้ได้ข้อมูลต่างๆ มากกว่าที่ใครจะคาดคิด และการแสดงท่าทางสนใจแต่ไม่ถึงกับสอดรู้ ก็ทำให้เปลือกนอกของนักเขียนหนุ่มลอกล่อน
และระหว่างนั้น กานต์ก็สามารถเข้าถึงโทรศัพท์มือถือของสายฟ้า การพูดมากเกินไปของอีกฝ่าย ทำให้การเดารหัสผ่านเฟซบุ๊กเป็นเรื่องง่าย แถมสายฟ้ายังรักการเขียนเสียเหลือเกิน เขาหมายถึงในเฟซบุ๊กนะ ทั้งคำคม การบรรยายฉากตรงหน้า ปรัชญาในแต่ละวัน รวมทั้งโพสต์สเตตัสจีบสาว การชวนสายฟ้าดื่มจนเมาหลับ แล้วแอบหยิบมือถืออีกฝ่ายมาอัปสเตตัสสักโพสต์สองโพสต์ หรือแช็ตกับปรียาแต่แกล้งเรียกชื่อเธอผิดจึงไม่ใช่เรื่องยากอะไร
กานต์เจอสถานที่สำหรับแสดงองก์สุดท้ายของบทละครที่มีสายฟ้าแสดงนำเรื่องนี้โดยบังเอิญ ภูเขาหลังป่าชุมชนที่ไม่ค่อยมีคนเดินทางไปท่องเที่ยว ให้ความรู้สึกเปลี่ยวร้างราวแดนสนธยาจากต่างโลก จากนั้นภาพตัวเองนั่งต่อจิกซอว์กับลูกัส-เพื่อนสมัยเด็กในบ้านเด็กกำพร้ารั้วรักก็แวบมาในหัว
ทำให้แยกส่วนเหมือนเป็นจิกซอว์ก็ดีนะ…จิกซอว์ลึกลับที่กระจายตัวในดินแดนที่ถูกทิ้งร้าง สายฟ้าเองก็ชอบต่อจิกซอว์นี่นา
กานต์เจอโรงแรมเซเรเนดที่สามารถเดินทางไปภูเขาหลังป่าชุมชนได้ค่อนข้างสะดวก จากนั้นก็เจองานสัมมนาเกี่ยวกับงานที่ทำ พอลองดูแผนผังและจำลองเส้นทางแล้ว ถ้าจัดเวลาดีๆ นายกานต์ บุณยารักษณ์ก็สามารถอยู่ในงานสัมมนา พร้อมกับปลิดชีวิตของสายฟ้าที่เขาแสนเกลียดได้ในเวลาเดียวกัน!
กานต์อุดช่องโหว่ทุกจุดที่อาจเกิดขึ้น ทว่าเขายังคงลังเล สายฟ้าเป็นเพื่อนที่ไม่เลวเลย ถ้าเพียงแต่อีกฝ่ายจะเลิกมีอิทธิพลต่อหัวใจของปรียาละก็…
ทว่า สิ่งที่ชายหนุ่มแอบวอนขอไม่สมหวัง ไม่ว่าจะพยายามชวนสายฟ้าไปเที่ยวกลางคืน หรือแนะนำสาวสวยให้แค่ไหน อีกฝ่ายก็ดูไม่ค่อยสนใจ แถมยังพูดอย่างหนักแน่นว่าอยากเขียนนิยายสำหรับส่งประกวดให้จบแล้วขอปรียาแต่งงาน ชื่อเรื่องคือ ‘ความรักของคุณ’ ที่ดัดแปลงต่อเติมจากเรื่องสั้นที่สายฟ้าเคยเขียนก่อนหน้า
“เขียนนิยายให้จบ กับขอสาวแต่งงานมันเกี่ยวอะไรกันวะ” ตอนที่ได้ฟัง กานต์ใช้เวลานานมากกว่าจะปรับน้ำเสียงตอบกลับอีกฝ่ายไปได้ อดนึกโล่งใจที่เป็นการคุยกันผ่านโทรศัพท์มือถือ ไม่เช่นนั้นสายฟ้าคงเอะใจกับสีหน้าซีดเผือดของเขาเป็นแน่ เขาพอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมพักหลังสายฟ้าดูจริงจังกับการเขียนเรื่องสั้นส่งประกวด คงเพื่อซ้อมมือสำหรับนิยายเรื่องยาวนี่เอง
“ฉันก็บอกไม่ถูก แต่แค่รู้สึกว่าอยากทำอะไรดีๆ ให้สำเร็จก่อน จะได้กล้าบอกปรียาได้อย่างมั่นใจว่าฉันอยากอยู่กับเขา อยากดูแลเขา” เสียงสายฟ้าเงียบไป ก่อนกล่าวเขินๆ “ฉันไม่เคยเชื่อเลยว่าตัวเองจะนึกอยากแต่งงาน แต่ฉันว่าฉันรักปรียาว่ะ อยากอยู่ข้างๆ เขา แบบคนนี้แหละของจริง นายเข้าใจไหม นายเคยรักใครสักคนแบบนี้ไหมวะ เพชร”
กานต์กำหมัดแน่น เขาสูดลมหายใจ ใช้น้ำเสียงร่าเริงทั้งที่ดวงตาแข็งกร้าว “เสือกลายเป็นแมวไปแล้วโว้ย งั้นฉันก็อนุโมทนาสาธุไปกับนายด้วยแล้วกันนะ”
มีคำพูดที่ว่า เวลาเราตั้งใจจะทำอะไรสักอย่าง จักรวาลจะรับรู้แล้วคอยช่วยเหลือเรา สำหรับสายฟ้าจักรวาลที่ว่ามาในรูปแบบใบปลิวที่พักโรงแรมเซเรเนดที่กานต์แกล้งลืมไว้ในอะพาร์ตเมนต์ของนักเขียนหนุ่ม พร้อมทั้งคำพูดเปรยเกี่ยวกับนักเขียนประเภทที่ปลีกวิเวกไปสักที่ แล้วเขียนงานจนจบ ให้บรรยากาศเหมือนฤๅษีเข้าป่าไปบำเพ็ญเพียร คำพูดที่พูดบ่อยๆ แบบไม่จงใจ บางครั้งก็เป็นการสะกดจิตโดยที่คนฟังเองไม่ทันรู้ตัว
กานต์แกล้งทำน้ำเสียงประหลาดใจตอนสายฟ้าบอกว่าจะไปเก็บตัวเขียนนิยาย พร้อมทั้งเออออไปกับแผนขอปรียาแต่งงานของอีกฝ่าย เขาแทบหลุดขำตอนนักเขียนหนุ่มขอให้กานต์มาเป็นเพื่อนเจ้าบ่าว และบอกให้เขาลองเปิดใจจริงจังกับผู้หญิงสักคน
ข้อคิดของวันนี้ ‘เวลาต้องกลั้นหัวเราะนี่ทรมานจนทำน้ำตาไหลได้เลย’
ตอนหั่นศพคนที่เหมือนเพื่อนสนิทในห้องน้ำของโรงแรม กานต์พึมพำชื่อของปรียาราวสวดมนต์ เธอจะเจ็บปวดมากไหมนะ เพราะจากมุมมองของเธอ สายฟ้าคือแฟนเจ้าชู้ที่นอกใจเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า เป็นผู้ชายเลวระยำที่เริงร่ากับสาวๆ และเอาการเดินทางเพื่อเก็บข้อมูลเขียนนิยายมาอ้าง แต่เขานี่แหละจะเป็นชายหนุ่มแสนดีที่คอยรับฟังเธอ คอยอยู่เคียงข้าง ปลอบโยน และมองแค่เธอ เป็นผู้ชายแบบที่เธอจะชอบ ปล่อยร่างสายฟ้าเน่าเปื่อยผุพังใต้ผืนดิน ไม่เหลืออะไรให้จำ ทั้งหมดนี้ก็เพื่อตอนจบแสนสุขราวเทพนิยายของปรียากับผู้ชายที่คู่ควรกับเธอ…
เพื่อฉากจบนี้แล้ว จะให้กานต์โกหกยิ่งกว่านี้ ทิ้งตัวตนของตัวเองไปยิ่งกว่านี้ เขาก็ทำได้ เพื่อให้เขาและเธอครองคู่กันอย่างมีความสุขตลอดกาลเหมือนในนิทานก่อนนอน
***
“ขอ ‘ความรักของคุณ’ อีกแก้วครับ” กานต์วางแก้วทรงสูงที่ว่างเปล่าตรงหน้าบาร์เทนเดอร์ ทว่าอีกฝ่ายมีท่าทางกังวลใจ
“คุณลูกค้าดื่มเยอะไปแล้วนะครับ ผมว่า…”
“ผมมีเงินจ่ายนะ” กานต์เคาะแก้วบนโต๊ะ รู้สึกหงุดหงิดไปหมดทุกอย่าง “ทำไมยังชักช้าอยู่อีก กูบอกว่ากูมีเงินจ่ายไง!”
“คุณลูกค้าเมามากแล้วนะครับ”
“อะไรวะ” กานต์สบถ เขาผุดยืนขึ้นโงนเงน ตั้งท่าจะเอาเรื่อง แต่มีคนกลุ่มหนึ่งเดินมาหากานต์ ชายที่ดูเป็นหัวหน้าตัวหนาตัน สวมเสื้อยืดแขนยาวสีดำกับยีนส์ขาดตามเทรนด์แฟชั่น หน้าตาดูธรรมดา ออกแนวเด็กเรียน แต่กลับมีแววตาเอาเรื่อง
“มีอะไรกันน่ะ หนวกหูชะมัด” อีกฝ่ายบ่น แล้วหันไปกล่าวกับบาร์เทนเดอร์ “ผสมเครื่องดื่มให้ฉันสักแก้วสิ”
ดูเหมือนกลุ่มคนที่มาใหม่จะเป็นลูกค้าขาประจำ เพราะบาร์เทนเดอร์หันไปทักทายอย่างเป็นกันเอง ชายมาดเนิร์ดที่เป็นหัวหน้ากลุ่มนั่งถัดจากกานต์ไม่ไกลนัก เจ้าตัวหันไปคุยกับลูกน้องโดยไม่สนใจกานต์อีก
กานต์ผุดลุกขึ้น เดินไปหยุดด้านข้างหัวโจกของกลุ่ม มองลูกกระเดือกของอีกฝ่ายขยับขึ้นลงระหว่างดื่มเหล้า และคงเพราะรับรู้ได้ว่ากานต์จ้อง ชายมาดเด็กเรียนหันมาถลึงตามอง ด่าหยาบคายแบบไม่มีเสียง แต่กานต์ไม่สนใจ เขาเพ่งสายตาไปยังแก้วเครื่องดื่มในมืออีกฝ่าย
แล้วโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เขารีบกดรับสายโดยไม่มองชื่อคนโทรด้วยซ้ำ
“ปรียาคนดี คุณคิดถึงผมเหรอ ให้ผมเหาะไปหาไหมครับ”
“พี่กานต์คะ นี่เมอร์รี่เองค่ะ” ปลายสายมีน้ำเสียงระวังตัวแฝงอยู่
“เมอร์รี่ น้องสาวของพี่ โทรมาหาพี่ชายมีอะไรเหรอจ๊ะ” อาจเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ตอนท้องว่าง ทำให้ชายหนุ่มกรึ่มได้ที่ เขาพยายามเล่นมุกทักทายหญิงสาวแต่พูดไม่ถนัดเลย คำพูดดูจะก่อเรียงตัวแล้วหายไป
“นี่พี่เมาอยู่เหรอคะ” มีแววตำหนิอย่างเปิดเผยจากปลายสาย
“เมาอะไรกัน” เขาหัวเราะ “พี่จะเมาได้ไง ไอ้บาร์เทนเดอร์มันเอาแต่เสิร์ฟเหล้าให้ไอ้เนิร์ดขาประจำ น่ารำคาญเป็นบ้า มันคิดว่าพี่ไม่มีปัญญาจ่ายเงินค่าเครื่องดื่มหรือไง”
“เมอร์รี่ค่อยโทรมาใหม่ดีกว่าค่ะ” มาริษาพูด
“อย่าวางนะ น้องสาวสุดที่รักมีอะไรก็พูดมาเลย พี่พร้อมรับฟังเสมอ เราเป็นครอบครัวเดียวกันนะ เมอร์รี่ก็เหมือนน้องรักของพี่”
เหมือนเขาจะได้ยินเสียงถอนหายใจหนักๆ จากอีกฝ่าย แล้วมาริษาก็พูดด้วยน้ำเสียงชั่งใจ “คือเมอร์รี่เพิ่งเห็นข้อความในแช็ตเฟซบุ๊กว่าพี่กานต์โอนเงินมาช่วยค่าจัดงานวันเกิดแม่”
กานต์ครุ่นคิด ก่อนจะหัวเราะร่วน “อ๋อ! วันเกิดน้ามรกตนั่นเอง ขาดเหลืออะไรหรือเปล่า พี่ว่าจัดงานที่ร้านอาหารไหม พี่รู้จักร้านอร่อยเพียบ พอดีแฟนพี่เขาเป็นสายตระเวนคาเฟ่น่ะ แล้วเค้กล่ะ เอาอะไรดี น้ามรกตชอบทานเค้กอะไร ส่วนของขวัญ…”
“พี่กานต์คะ พี่กานต์” มาริษาเรียกเสียงหนัก “พี่อย่าทำแบบนี้เลยค่ะ เมอร์รี่เกรงใจ”
“จะเกรงใจทำไมล่ะ…”
เขาพูดยังไม่ทันจบ ปลายสายก็ตัดบท “เดี๋ยวเมอร์รี่จะโอนเงินคืน พี่กานต์บอกเลขบัญชีมาหน่อยนะคะ” เธอพูด “เรื่องวันเกิดแม่ เดี๋ยวเมอร์รี่กับคุณพ่อจัดการเองค่ะ พี่นนท์ก็มาช่วยด้วย… มันเป็นงานในครอบครัว เลยอยากจัดการกันเองน่ะค่ะ”
นัยน์ตากานต์แข็งกร้าวกับการขีดเส้นแบ่งอย่างชัดเจนของมาริษา
“นนท์เหรอ” เขาผุดรอยยิ้มนึกสนุก “คนที่ชื่อณัฐนนท์ ที่เป็นตากล้องเวลาถ่ายทำคลิปยูทูบของเมอร์รี่น่ะเหรอ”
“ทำไมคะ”
ก่อนหน้านี้กานต์เคยเอาชื่อของณัฐนนท์ไปค้นหาในกูเกิลและตามเฟซบุ๊ก เพราะเขาคุ้นหน้ารุ่นพี่ของมาริษาคนนี้แปลกๆ “ก็นะ… เมอร์รี่รู้ทุกเรื่องของณัฐนนท์หรือเปล่า พี่ว่าระวังหมอนั่นไว้หน่อยก็ดีนะ”
“ไม่รบกวนพี่แล้ว แค่นี่นะคะ” มาริษาพยายามตัดบท น้ำเสียงฟังดูไม่พอใจ
“ลองถามเขาเรื่องผู้หญิงที่ชื่อพิมพ์ลภัสดูสิ” กานต์พูด
มาริษากดวางสาย กานต์ชะงักที่อีกฝ่ายตักบทเขาดื้อๆ กานต์นึกฉุน เขาพยายามกดโทร.หามาริษาเพื่อคุยเรื่องงานวันเกิดของนางมรกตให้รู้เรื่อง แต่มือสั่นเกินกว่าจะกดตัวเลข
“เป็นบ้าอะไรของแม่งวะ กะอีแค่โอนเงินช่วยงานวันเกิดน้ามรกต จะมาดรามาอะไรนักหนา แล้วยังจะมาวางสายใส่อีก ยังพูดไม่จบเลย เชี่ยเอ๊ย!” กานต์หงุดหงิด เขาหันไปสบตากลุ่มของหนุ่มมาดเนิร์ดที่จ้องอยู่ก่อนแล้ว
“มองเหี้ยอะไรของมึงวะ” กานต์สบถ
เขาจำไม่ได้ว่าพูดอะไรไปอีกบ้าง พอรู้ตัวอีกที กานต์ก็ลงมานอนบนพื้น กลุ่มนักเลงเอาแก้วเครื่องดื่มมาราดตัวเขา จากนั้นก็มีมือและเท้าประเคนไม่ยั้ง เขาไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน เป็นนาที ครึ่งชั่วโมง หรือหลายชั่วโมง บอดี้การ์ดของคลับมาแยกกลุ่มนักเลงออกไป เหลือเพียงกานต์นอนบนพื้นด้วยสภาพไม่ต่างจากขยะสักชิ้น ของเหลวตามร่างกายมีทั้งเครื่องดื่มที่พวกหนุ่มมาดเนิร์ดเทใส่ และเลือดของกานต์เอง การ์ดร่างล่ำก้มมองเขา เขย่าตัวเรียก กานต์มองผ่านดวงตาบวมเป่ง แต่ไม่สามารถจับโฟกัสอะไรได้สักอย่าง
“ฉันรู้จักเขาค่ะ เดี๋ยวฉันจัดการเอง” แว่วได้ยินเสียงหวานของผู้หญิง เหมือนจะรู้จักแต่ก็นึกไม่ออก
หญิงสาวปริศนาทรุดตัวลงนั่งยองๆ ตรงหน้ากานต์ เขาพยายามเพ่งไปที่ใบหน้าของเธอ แต่แสงไฟในผับสลัวจนเห็นเพียงเงารางๆ ของหญิงสาวร่างสมส่วน หน้ากลม ผมสั้นระต้นคอ กานต์เอื้อมมือหา พยายามจับหญิงสาวไว้
“ปรียาคนดี คุณเหรอครับ”
เบญญาภาจับมือเขาแนบแก้ม ยื่นหน้ามาใกล้ ดวงตาของเธอแฝงแววเศร้าล้ำลึก
- READ กานต์ปรียา บทที่ 15 : หวังให้ความรักสมบูรณ์แบบด้วยรัก
- READ กานต์ปรียา บทที่ 14 : ความรักของคุณ ความรักของผม ความรักของเรา
- READ กานต์ปรียา บทที่ 13 : เด็กชายผู้ไม่เคยเป็นที่รัก
- READ กานต์ปรียา บทที่ 12 : ในห้วงเหวลึกสุดหยั่ง
- READ กานต์ปรียา บทที่ 11 : ความเย็บเยียบแสนร้อนระอุ
- READ กานต์ปรียา บทที่ 10 : ความสุขชั่วนิรันดร์
- READ กานต์ปรียา บทที่ 9 : ผมให้คุณเป็นที่หนึ่ง
- READ กานต์ปรียา บทที่ 8 : บทเรียนเรื่องจักรวาลที่ชื่อว่าคุณ
- READ กานต์ปรียา บทที่ 7 : บอกมาว่าคุณรู้สึกอย่างไร
- READ กานต์ปรียา บทที่ 6 : กล่องความทรงจำในดินแดนที่ถูกลืม
- READ กานต์ปรียา บทที่ 5 : คุณรักฉันมากแค่ไหน
- READ กานต์ปรียา บทที่ 4 : เรื่องทั้งหมดที่ฉันชอบ
- READ กานต์ปรียา บทที่ 3 : อยากชำแรกเข้าไปในทุกห้วงความคิด
- READ กานต์ปรียา บทที่ 2 : เส้นทางที่ไม่อาจหวนคืน
- READ กานต์ปรียา บทที่ 1 : อ้อมกอดแนบแน่นราวพยายามกลืนกินอีกฝ่าย







