ยาใจด้วยรัก บทที่ 7 : ความฝันที่กินไม่ได้

ยาใจด้วยรัก บทที่ 7 : ความฝันที่กินไม่ได้

โดย : ลิลนิล

Loading

ยาใจด้วยรัก โดย ลิลนิล เรื่องราวฟีลกู้ดของสาวไทป์แมวดำและเด็กหนุ่มไทป์หมาโกลเด้นที่จะช่วยให้คุณเข้าใจความหมายของการใช้ชีวิตให้มีความสุขมากขึ้น นวนิยายโรแมนติก คอมเมดี้ อบอุ่นหัวใจ ดราม่า ที่อ่านเอาเชื่อว่าจะเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่จะมอบความสุขให้กับทุกคนได้อย่างแน่นอน

ค่ำคืนวันศุกร์ที่ผู้คนขวักไขว่ทำให้ร้านอาหารกึ่งบาร์แห่งนี้เต็มไปด้วยความคึกคัก ภายในร้านถูกแต่งแต้มด้วยแสงไฟสีส้มสลัว อาบบรรยากาศให้รู้สึกอบอุ่นและผ่อนคลาย เสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะจากลูกค้าในร้านดังเคล้ากับเสียงเครื่องดื่มที่กำลังถูกรินลงแก้ว แต่สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของทุกคนกลับเป็นเสียงดนตรีสดที่แว่วมาเบาๆ จากมุมหนึ่งของเวทีเล็กๆ

นักดนตรีหนุ่มเจ้าของผมสีน้ำตาลเทาหม่น สวมเสื้อยืดสีดำด้านใน ทับด้วยแจ็กเก็ตหลวมๆ ที่แบ่งลายสองฝั่งไม่เหมือนกัน ฝั่งซ้ายเป็นลายสก็อตสีน้ำตาล-ดำ ฝั่งขวาเป็นผ้ายีนส์ ขับแฟชั่นทันสมัย กางเกงสีดำเข้ารูป รองเท้าผ้าใบสอดรับกับความเท่ของเจ้าตัว

เขานั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้สูงกำลังเล่นกีตาร์โปร่งที่มีตัวอักษรภาษาอังกฤษรูปตัว K ขนาดเล็กสลักเอาไว้อย่างลวกๆ ท่ามกลางแสงไฟสว่างจ้าที่สาดส่องลงมา เด็กหนุ่มเริ่มร้องเพลงด้วยน้ำเสียงนุ่มลึกเข้ากับจังหวะกีตาร์โปร่งที่เขาเล่นอย่างชำนาญ เสียงเพลงที่คุ้นเคยล่องลอยไปทั่วบรรยากาศร้านทำให้ลูกค้าหลายคนต้องหยุดบทสนทนาแล้วหันมาสนใจการแสดงสดบนเวที

หลังจากการแสดงสิ้นสุดลง ลูกค้าทั่วทั้งร้านส่งเสียงเชียร์พร้อมปรบมือดังเกรียวกราว นักดนตรีหนุ่มเห็นดังนั้นจึงส่งยิ้มสดใสขอบคุณทำให้ลูกค้าสาวๆ บางคนถึงกับใจบาง

‘ภพ’ ก้าวลงจากเวทีก่อนจะบรรจงเก็บกีตาร์ตัวเก่งเข้ากระเป๋าอย่างทะนุถนอม ทันใดนั้นเอง ลูกค้าสาวสวยคนหนึ่งปรี่เข้ามาหาเขาด้วยใบหน้าแดงก่ำ แดงเสียจนเด็กหนุ่มไม่แน่ใจว่าเธอเมารึเปล่า

“เออ…คือ…เมื่อกี้ร้องเพลงเพราะมากเลยค่ะ…ขอไลน์ได้ไหมคะ”

หญิงสาวในชุดเซ็กซี่พูดตะกุกตะกักอย่างเขินอายพลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดแอปพลิเคชันรออย่างมีความหวัง เห็นดังนั้นนักดนตรีหนุ่มจึงคลี่ยิ้มทางการค้าออกมา

“ขอบคุณที่สนใจในตัวผมนะครับ แต่ต้องขอโทษจริงๆ ที่ผมคงให้ไม่ได้ ยังไงถ้าอยากเจอกันอีก ก็มาทานอาหารที่ร้านนี้บ่อยๆ นะครับ…แล้วผมจะรอ”

เขาส่งรอยยิ้มพราวสเน่ห์เป็นการปิดจบบทสนทนาทำให้หญิงสาวใจละลาย อ่อนแรงแทบจะเป็นลมล้มพับไปเสียตรงนั้น

ภพเดินเข้ามานั่งที่โต๊ะของกลุ่มลูกค้าซึ่งเต็มไปด้วยนักศึกษา พวกเขาเปลี่ยนจากชุดพิธีการมาเป็นชุดลำลองที่พกติดกระเป๋ามาตั้งแต่บ่าย เสื้อครุยสีดำในถุงคลุมใสถูกพาดพักไว้บนพนักเก้าอี้บ่งบอกว่าวัยรุ่นเหล่านี้เพิ่งเสร็จจากพิธีรับปริญญามาหมาดๆ หนุ่มสาวบัณฑิตป้ายแดงยกแก้วเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขึ้นมาดื่มฉลองให้กับความสำเร็จตลอดระยะเวลา 4 ปีของตนเอง

“ไง หนุ่มฮอต สาวคนที่ห้าแล้วมั้งวันนี้” ‘อลิซ’ สาวหมวยสุดแซ่บแซวพร้อมเอาข้อศอกกระทุ้งแขนเพื่อน

“ยุ่งน่า เทเบียร์ให้แก้วดิ”

ภพว่าพลางพาดกระเป๋ากีตาร์กับพนักเก้าอี้เป็นจังหวะเดียวกับที่ ‘คิณณ์’ หนุ่มหน้าตายซึ่งนั่งอยู่อีกด้านหนึ่งของโต๊ะ เจ้าของผมทรงสกินเฮดยื่นแก้วของเหลวสีเหลืองมีฟองส่งให้เพื่อนอย่างรู้ใจ ภพรับแก้วขึ้นมาดื่มอย่างสดชื่น เมื่อเห็นเขามีท่าทีผ่อนคลายลงอลิซเอ่ยแผนในใจเผื่อเพื่อนสนิทจะเห็นด้วย

“ลองคบกับฉันเป็นไม้กันหมาเอาปะ ให้คนเขารู้ว่ามีแฟนแล้วจะได้เลิกป๊อบ” เธอแซวทีเล่นทีจริง

“เล่นเชี่ยไรเนี่ย ขนลุก!” นักดนตรีหนุ่มตัวสั่นสยองจากคำพูดเชิญชวนที่ได้ยินพลางเปลี่ยนเรื่อง

“แล้วนี่อะไร สีผมแบบนี้เข้าพิธีได้เหรอ” ภพเอ่ยถามเมื่อเห็นสีผมของเพื่อนสาวที่บัดนี้ย้อมเป็นไฮไลต์  สีชมพูพาสเทลเด่นสะดุดตาเข้ากับผมยาวเป็นลอนของเจ้าหล่อน

“รับเสร็จก็เข้าร้านเลย ทนไม่ไหวกับผมดำ” อลิซว่าพลางหยิบเบียร์ขึ้นมาจิบ ความเอาแต่ใจ และเป็นตัวของตัวเองของเธอทำให้เพื่อนอีกคนพลอยมาสายไปด้วย

“เลยเพิ่งมาถึงตอนมืดนี่ไง รอยัยนี่นั่งทำผมไปค่อนวัน” คิณณ์พูดความจริงด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ไร้อารมณ์จนไม่รู้ว่าเขารู้สึกอย่างไรกับเรื่องนี้กันแน่ อลิซตีแขนชายหนุ่มแรงๆ ไปหลายทีจนเบียร์ที่เขากำลังยกขึ้นดื่มหกเลอะเสื้อ เขาสะบัดคราบน้ำที่เปรอะเปื้อนออกพร้อมหันมาจ้องหญิงสาวตาขวาง

“สมน้ำหน้า พวกปากเสีย” หญิงสาวก่นด่า แต่อีกฝ่ายกลับมีสีหน้าเรียบเฉย เขาหาทิชชูมาทำความสะอาดมือพอเป็นพิธีก่อนจะเปลี่ยนหัวข้อสนทนา

“แล้วนี่จะไปเอาใบปริญญาเมื่อไหร่” คิณณ์ถามนักดนตรีหนุ่มที่ไม่ได้เข้าพิธี

“เขาบอกไม่เกินหกเดือนที่กองการศึกษาไรสักอย่าง” ภพกล่าวตอบอย่างไม่ยี่หระ

คิณณ์ชั่งใจสักพักก่อนตัดสินใจเอ่ยถามคำถามอันน่าลำบากใจ

“ที่ตัดสินใจไม่รับปริญญาเพราะเรื่องของไอ้กล้าป่าววะ”

แม้สีหน้าของผู้ถามจะไม่แสดงอารมณ์แต่คู่สนทนาก็รับรู้ได้ถึงความกังวลในสายตานั้น พวกเขาเรียนมาด้วยกัน โตมาด้วยกันตั้งแต่สมัยมัธยมปลาย อันที่จริงแก๊งของพวกเขามี 4 คน เพียงแต่ตอนนี้เหลือ 3 เท่านั้น

 

แม้รอบข้างจะยังมีเสียงเซ็งแซ่ แต่โต๊ะของพวกเขากลับเงียบสงัด นานอยู่พักใหญ่จนกระทั่งเพื่อนนักดนตรีของทุกคนยอมตอบในที่สุด

“ไม่ใช่หรอก ฉันแค่ไม่อยากตื่นเช้ากับเสียค่าชุดแพงๆ…แล้วจะพูดเรื่องเครียดทำไมเนี่ย เอ้าชนๆ”

ภพว่าพลางยกแก้วของตนขึ้นมา เพื่อนๆ ร่วมโต๊ะเห็นดังนั้นก็ยกแก้วขึ้นมากระทบกันดังกริ๊ง ก่อนยกซดเข้าปากอย่างสนุกสนาน

“แล้ว…อยากจะทำอะไรต่อวะ” ชายหนุ่มหน้าตายเอ่ยถามเรื่องอนาคต เมื่อเห็นว่าเพื่อนไม่อยากจะพูดถึงเรื่องอดีตเสียเท่าไร

“ว่าจะแก๊ปเยียร์ว่ะ อยากเดินทางเล่นดนตรีไปเรื่อยๆ หาแรงบันดาลใจแต่งเพลงของตัวเองสักเพลงนึง ถ้าไปได้ทั่วประเทศเลยก็จะดีมาก” ภพเอ่ยแผนในใจของเขาแต่เสียงแหลมกลับเอ่ยขัดขึ้น

“หางานประจำมั้ย ภพเองก็ร้องเพลงเพื่อหาเงินเป็นค่าเทอมตั้งหลายปี ไม่เหนื่อยเหรอ”

อลิซกล่าวเพราะเธอรู้ดีว่าชายหนุ่มไม่มีญาติมิตรที่ไหน ที่ผ่านมาเขาต้องหาเงินค่าใช้จ่ายด้วยตัวเองทั้งหมด เธอที่พ่อเป็นเจ้าของร้านอาหารจึงมักหยิบยื่นความช่วยเหลือให้เขาเสมอ ถ้าให้เงินธรรมดาภพคงไม่รับ หญิงสาวจึงจ้างให้เขาไปร้องเพลงบ่อยๆ และนั่นก็เป็นข้ออ้างที่เธอสามารถใกล้ชิดเขาได้อีกด้วย ujuj

“อลิซ เธอก็น่าจะรู้ดีนะว่าที่ผ่านมาสี่ปี ฉันโคตรไม่มีความสุขเลย เธอกับคิณณ์อาจจะเรียนเก่งก็จริง แต่ฉันตกเกือบทุกวิชา เรียนจบก็บุญหัวแล้ว” ชายหนุ่มบ่นอุบ

“ก็ทำๆ ไปไง เน้นหาเงินแล้วเอาเงินมาใช้ชีวิต สมัยนี้ไม่มีใครเขารักงานรักบริษัทกันแล้ว” อลิซแสดงความเห็นอย่างต่อเนื่อง

“เราเข้างานตามเวลา ทำงานที่ได้รับมอบหมาย ได้เงิน มีเวลาว่างเอาไปทำงานอดิเรก อย่างของภพก็เล่นดนตรีไง เราว่ารายได้จะมั่นคงกว่าที่มาเล่นตามร้านพวกนี้อีกนะ ดีไหม มาทำบริษัทเดียวกับเราก็ได้”

เธอลองยื่นข้อเสนออันมีเจตนาแอบแฝงที่จะได้ใช้เวลากับเขาให้นานขึ้น

“แต่ฉันไม่อยากให้มันเป็นแค่งานอดิเรกไงอลิซ ฉันชอบเล่นดนตรี ชอบร้องเพลง มันเป็นแพชชัน บอกตามตรงถ้าไม่ใช่เพราะสัญญากับไอ้กล้าเอาไว้ ฉันไม่เรียนวิศวะตามพวกเธอหรอก”

“เราเข้าใจนะภพ แต่เราเอาเวลาที่เหลือจากงานประจำมาทำตามแพชชันก็ได้นี่”

เมื่ออลิซพูดจบ คิณณ์ถึงกับเอามือก่ายหน้าผากพร้อมหลับตาทำท่าปวดหัว ทำให้หญิงสาวเพิ่งรู้ตัวว่าเธอได้พูดสิ่งที่ไม่ควรพูดออกไป

“เอ่อ…เราแค่เป็นห่วงภพนะ เรา…” อลิซยังพูดไม่ทันจบขณะที่ภพกระดกเบียร์ในมือจนหมดแก้วก่อนลุกขึ้นยืนสะพายกีตาร์ไว้บนหลัง

“เมาแล้วอะ ขอตัวกลับก่อนนะ” เขาว่าก่อนเดินออกไปจากร้าน

“เห้อออ” คิณณ์ถอนหายใจยาวเชิงประชด มองตรงมายังอลิซด้วยสายตาไร้อารมณ์

“อะไรเล่า!” ยิ่งเห็นท่าทีของคิณณ์ยิ่งหงุดหงิด หญิงสาวยกเบียร์ขึ้นมาดื่มเพื่อดับอารมณ์ขุ่นมัว

 



Don`t copy text!