ยาใจด้วยรัก บทที่ 2 : ออฟฟิศที่อยู่กันแบบครอบครัว

ยาใจด้วยรัก บทที่ 2 : ออฟฟิศที่อยู่กันแบบครอบครัว

โดย : ลิลนิล

Loading

ยาใจด้วยรัก โดย ลิลนิล เรื่องราวฟีลกู้ดของสาวไทป์แมวดำและเด็กหนุ่มไทป์หมาโกลเด้นที่จะช่วยให้คุณเข้าใจความหมายของการใช้ชีวิตให้มีความสุขมากขึ้น นวนิยายโรแมนติก คอมเมดี้ อบอุ่นหัวใจ ดราม่า ที่อ่านเอาเชื่อว่าจะเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่จะมอบความสุขให้กับทุกคนได้อย่างแน่นอน

เบสต์เดินทางมาถึงสำนักงานที่ตั้งอยู่บนตึกสูง ซึ่งมองเห็นวิวท้องถนนและความพลุกพล่านของ  เมืองใหญ่ หญิงสาวมาสายกว่าเวลาปกติเล็กน้อยแต่ถึงกระนั้นก็ยังเป็นเวลาก่อนเข้างานถึงครึ่งชั่วโมง เธอเริ่มต้นงานชิ้นแรกโดยการเติมน้ำให้หิ้งพระ ตรวจสอบความเรียบร้อยของอุปกรณ์ภายในสำนักงาน และเช็กตารางการทำงานของแม่บ้าน

แม้งานจิปาถะเหล่านี้จะไม่เคยปรากฏอยู่ในรายละเอียดขอบเขตงานของ ‘เจ้าหน้าที่ธุรการอาวุโส ฝ่ายประสานงาน’ ประจำแผนกให้เช่าพื้นที่ในห้างสรรพสินค้าที่เธอดำรงอยู่เลยก็ตาม เหตุผลที่หญิงสาวต้องทำเรื่องจุกจิกเหล่านี้เป็นเพราะหัวหน้ามาขอร้องให้เธอช่วยเหลือไปจนกว่าบริษัทจะหาคนมารับผิดชอบได้ ซึ่งตัวเธอก็คงจะไม่ได้ติดปัญหาอะไรหากมันไม่ได้กินระยะเวลามานานเป็นปีขนาดนี้

ถึงกระนั้นเบสต์ก็ยังคิดว่าการได้เป็นส่วนหนึ่งขององค์กรแห่งนี้เป็นเรื่องโชคดีสำหรับเธอ เพราะที่นี่คือบริษัทชั้นนำของประเทศที่มีชื่อเสียงโด่งดัง หากพูดถึงแล้ว ใครๆ ต่างก็อยากจะเข้ามาทำงานที่นี่ด้วยกันทั้งนั้น

นอกจากนี้แล้วที่บริษัทยังเปิดโอกาสให้เบสต์ได้ลองอะไรใหม่ๆ อยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบตารางจัดอีเวนต์ทั้งปี หรือการทดลองทำการตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์ มันทำให้หญิงสาวตื่นเต้นที่ได้พัฒนาทักษะของตัวเอง ได้เรียนรู้ และเติบโตขึ้นในทุกๆ วัน แม้เธอจะไม่ได้ค่าตอบแทน หรือการเลื่อนตำแหน่งเพิ่มเติม แต่คำว่าลาออกก็ไม่เคยผุดขึ้นในหัวของเธอเลยเพราะปรัชญาองค์กรได้กล่าวเอาไว้ว่า

‘ตำแหน่งและเงินเดือนเติบโตตามความสามารถ’

เบสต์จึงเชื่อมั่นมาตลอดว่าหากเธอแสดงให้องค์กรเห็นถึงศักยภาพที่มากพอ เธอก็สามารถเติบโตตามความคาดหวังของตัวเองได้เช่นกัน และนั่นทำให้เธอทุ่มเทชีวิตให้กับองค์กรที่เธอรักแห่งนี้มาเนิ่นนานสิริรวม 6 ปีแล้ว ตั้งแต่เรียนจบเธอก็อยู่ที่นี่มาตลอดตราบใดที่ยังมีความสุขใจ แม้งานจะหนักเธอก็อยากจะอยู่ที่นี่ต่อไป

 

เวลาผ่านไปในขณะที่เบสต์เพิ่งได้เริ่มต้นทำงานของตัวเอง เพื่อนร่วมงานก็เริ่มทยอยเข้ามาประจำโต๊ะ หนึ่งในนั้นคือหญิงสาวร่างเล็ก เจ้าของผมสีน้ำตาลอ่อนดัดเป็นลอนรับกับดวงตากลมโต แต่งตัวน่ารักราวกับตุ๊กตา หญิงสาวคนนั้นเดินตรงเข้ามาหาเบสต์ด้วยท่าทีบ้องแบ๊ว

“มอนิ่งจ้า มาเช้าเหมือนเดิมทุกวันไม่เปลี่ยนเลยนะ”

‘คะนิ้ง’ กล่าวทักทายด้วยเสียงสดใส ใบหน้าแต่งด้วยเครื่องสำอางเบาๆ ดูอ่อนหวานเข้ากับลุคของเธอ สาวตัวเล็กหาวหวอดจนน้ำตาซึมออกมาเล็กน้อย เห็นดังนั้นเบสต์จึงกล่าวทักทายเพื่อนสนิทขึ้นอย่างเป็นกันเอง

“ดีจ้า แล้วเมื่อคืนนอนดึกเหรอ ทำไมดูง่วงๆ”

“ช่วงนี้ติดซีรีส์จีนน่ะ พระเอกหล่อมากกก”

บทสนทนาของสองสาวเพื่อนสนิทเป็นไปอย่างออกรส ในช่วงที่บริษัทประสบปัญหาและพนักงานส่วนใหญ่ถูกเลย์ออฟ เบสต์กับคะนิ้งคือคนที่เหลือรอด ทำให้ทั้งคู่ต้องผ่านความเหนื่อยยากจากกองงานขนาดมหึมามาด้วยกัน อีกทั้งพวกเธอยังมีอายุเท่ากัน มีงานอดิเรกและไลฟ์สไตล์ที่คล้ายกัน ทำให้สองสาวสนิทกันเกินกว่าเพื่อนร่วมงาน

“วันนี้ต้องพรีเซนต์เช้า ยังทำสไลด์ไม่เสร็จเลย” คะนิ้งบ่นกระปอดกระแปด

“อ้าว แล้วเมื่อวานก็โต้รุ่งดูซีรีส์นะ”

“แง ก็มันคิดไม่ออกอะ เบสต์ช่วยทำหน่อยดิ น้าๆ เบสต์คนสวย เบสต์คนเก่ง เบสต์ดีที่สุด”

สาวตัวเล็กงอแงอ้อนให้เพื่อนสนิทช่วยงานของตัวเองที่แอบอู้ไว้ เบสต์ย่นหน้า แต่ก็ไม่เคยใจแข็งกับเพื่อนคนนี้ได้เลยสักที

“ก็ได้…”

“เย้!” คะนิ้งดีใจกอดเพื่อนสาวสุดเลิฟ

“แต่นี่เป็นครั้งสุดท้ายแล้วนะ” เบสต์ย้ำด้วยน้ำเสียงไม่พอใจเล็กน้อย

“จ้า เดี๋ยวเลี้ยงกาแฟตอบแทนเหมือนเดิมน้า” สาวผมลอนติดสินบนเพื่อนด้วยของกิน ก่อนจะย้ายร่างเล็กไปนั่งประจำโต๊ะของตัวเอง

เบสต์ได้แต่ถอนหายใจอย่างระอา เพราะนี่ไม่รู้ว่าเป็นครั้งสุดท้ายรอบที่เท่าไร แต่ถึงอย่างไรเธอก็ไม่อยากจะผิดใจกับเพื่อนด้วยเรื่องเล็กน้อย หญิงสาวจึงเปิดไฟล์งานขึ้นมาจัดการ แต่เพิ่งเริ่มทำไปได้เพียงไม่นาน เด็กสาวอ่อนวัยที่สุดในออฟฟิศก็เดินเข้ามาหาเธอ

“พี่เบสต์คะ งานที่สั่งเมื่ออาทิตย์ก่อนฟ้าทำเสร็จแล้ว ช่วยตรวจให้ด้วยค่ะ”

‘ฟ้าใส’ พนักงานสาวดีกรีบัณฑิตจบใหม่เดินเข้ามาให้รุ่นพี่ตรวจงานพร้อมหัวใจสั่นระทึก เบสต์กวาดสายตาอ่านเอกสารจากหน้าจอไอแพดด้วยความรวดเร็วก่อนจะเปิดปากคอมเมนต์

“เรื่องเนื้อหาโดยรวม พี่ถือว่าดีเลยละ มีโครงสร้างที่ชัดเจน และไอเดียก็น่าสนใจมาก”

เด็กสาวยิ้มออกมาด้วยความโล่งใจเมื่อได้รับคำชม เธอยืนฟังเงียบๆ ในขณะที่เบสต์ให้ความเห็นต่อ

“แต่มีบางจุดที่พี่คิดว่าเราสามารถปรับให้ดีขึ้นได้นะ”

เจ้าของตำแหน่งเจ้าหน้าที่อาวุโสขอปากกาสำหรับเขียนบนหน้าจอจากรุ่นน้อง เธอบรรจงวงกลมและเขียนโน้ตส่วนที่ต้องปรับปรุงเป็นสีแดง

“อย่างตรงนี้ ถ้าเราเพิ่มข้อมูลสนับสนุนอีกนิด จะทำให้เนื้อหามีน้ำหนักมากขึ้น ส่วนตรงนี้พี่คิดว่าถ้าเรียบเรียงประโยคใหม่จะทำให้คนอ่านเข้าใจง่ายขึ้น”

ฟ้าใสพยักหน้ารับเบาๆ “ขอบคุณค่ะพี่เบสต์ ฟ้าจะกลับไปแก้ไขตามที่พี่แนะนำ แล้วคราวหน้าจะพยายามให้ดีกว่านี้ค่ะ”

เบสต์ตบไหล่รุ่นน้องเบาๆ ก่อนที่จะส่งยิ้มให้

“ถ้ามีอะไรไม่เข้าใจก็มาถามพี่ได้เสมอนะ”

หลังคุยกับพี่เบสต์จบ หญิงสาวอ่อนวัยยกมือไหว้ขอบคุณก่อนเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะ เป็นจังหวะเดียวกับที่เพื่อนสาวรุ่นราวคราวเดียวกัน ‘มินนี่’ สไลด์เก้าอี้ล้อเลื่อนเข้ามาใกล้พร้อมกับเอ่ยถามด้วยท่าทีสอดรู้สอดเห็น

“เป็นไงแก โดนด่าเยอะไหม”

“พี่เค้าแนะนำดีมากเลยแก ทั้งสวยเก่งแถมใจดี คนอะไรจะเพอร์เฟกต์ขนาดนั้น” ฟ้าใสเอ่ยด้วยน้ำเสียงชื่นชม

“แกก็เวอร์” มินนี่สวนกลับอย่างเสียไม่ได้

“จริงๆ นะ ฉันยังสงสัยว่าทำไมพี่เค้าไม่ได้เป็นหัวหน้าสักที ทำงานทุกอย่างขนาดนี้”

มินนี่ไม่เถียง เพราะจากสายตาของเธอตั้งแต่ทำงานที่นี่มา เบสต์แทบจะเป็นทุกอย่างในบริษัทอยู่แล้ว หากแต่ในฐานะผู้น้อย เธอก็คงแสดงความเห็นอะไรไม่ได้มากนัก

 

หลังช่วงพักเที่ยง ผู้จัดการแผนกเรียกเบสต์เข้าพบ เจ้าของส้นสูงสีแดงเดินอย่างสง่างามและไม่รีบร้อนเข้าไปในห้องด้านในสุดที่ดูเหมือนแอร์จะเย็นกว่าห้องอื่นๆ เธอเคาะประตูหน้าห้องเป็นการส่งสัญญาณ

“ขออนุญาตค่ะ” หญิงสาวก้าวเท้าเข้าไปในห้องก่อนจะปิดประตูลงเบาๆ

“นั่งสิ”

‘ชัย’ ชายวัยกลางคนรูปร่างสันทัด ดูภูมิฐานแต่ท่าทางใจดีเอ่ยขึ้น เขาผ่านร้อนผ่านหนาวกับบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งนี้มาเกินกว่า 15 ปี

“จากเรื่องที่เราคุยกันเมื่อตอนประเมินผลงานปลายปีที่แล้ว เบสต์ทำผลงานได้ดีมาตลอดเลยนะ ทุกโครงการที่เสนอ หรือไอเดียในการพัฒนาระบบการทำงานต่างๆ ล้วนแล้วแต่เอามาใช้จริงได้หมด และยังมีประสิทธิภาพมากด้วย” เมื่อได้รับคำชม หญิงสาวเงยหน้าขึ้นสบตาเป็นการรับคำขอบคุณ

“ถ้างั้น… เรื่องที่ขอ…” หญิงสาวทวงสัญญาที่ผู้จัดการเคยรับปากหนักแน่นไว้เมื่อการประเมินที่ผ่านมา

“แน่นอน พี่ไม่ลืมหรอก ผลงานขนาดนี้ แถมเราก็อยู่ด้วยกันมานานจนเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน ไม่โปรโมตให้น้องสาวพี่แล้วจะโปรโมตให้ใครกันล่ะ” เขายิ้มน้อยๆ อย่างผู้ใหญ่ใจดี

“ขอบคุณค่ะพี่ชัย” หญิงสาวสะกดความลิงโลดในใจอย่างมีมารยาท

“แต่ก่อนจะถึงวันนั้นพี่มีเรื่องรบกวนหน่อย พอดีมีลูกค้าติดต่อมาว่าเขาอยากเช่าสถานที่จัดแฟนมีตติ้ง มันเป็นงานที่พี่อยากจะให้หัวหน้าแผนกคนใหม่เป็นคนรับผิดชอบ แต่ยังไงพี่จะฝากเบสต์ช่วยทำไปก่อน เพราะเวลาค่อนข้างกระชั้น ถึงแม้จะไม่ใช่ดาราดังแต่ก็เป็นอินฟลูเอนเซอร์ที่มีชื่อเสียง นอกจากนี้เขายังฝากให้เราเสนอธีมงานและจัดตกแต่งสถานที่ให้ด้วย งานอาจจะหนักและเร่ง คนอื่นพี่ก็ไม่ไว้ใจ ยังไงฝากเธอด้วยนะ”

ชัยหันมาสั่งงาน ที่ดูจากปริมาณงานและระยะเวลาแล้วแทบจะเป็นไปไม่ได้ แต่ด้วยความที่เป็น เบสต์ซะอย่าง เบสต์ที่แปลว่าที่หนึ่ง เบสต์ที่แปลว่าดีที่สุดอย่างเธอมีหรือจะยอมแพ้

“รับทราบค่ะพี่ ไว้ใจได้เลย” หญิงสาวตกปากรับคำอย่างไม่ลังเล

 



Don`t copy text!