
ยาใจด้วยรัก บทที่ 3 : บ้านที่ไม่อยากกลับ
โดย : ลิลนิล
![]()
ยาใจด้วยรัก โดย ลิลนิล เรื่องราวฟีลกู้ดของสาวไทป์แมวดำและเด็กหนุ่มไทป์หมาโกลเด้นที่จะช่วยให้คุณเข้าใจความหมายของการใช้ชีวิตให้มีความสุขมากขึ้น นวนิยายโรแมนติก คอมเมดี้ อบอุ่นหัวใจ ดราม่า ที่อ่านเอาเชื่อว่าจะเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่จะมอบความสุขให้กับทุกคนได้อย่างแน่นอน
ช่วงเย็นหลังเลิกงานที่ใจอยากจะกลับไปพัก แต่การจราจรแสนสาหัสของกรุงเทพฯ ก็ทำให้ผู้คนไปไหนได้ไม่ไกล เบสต์นัดเพื่อนสมัยเรียนมหา’ลัย มาทานข้าวเย็นกันฆ่าเวลาที่ด้านล่างของออฟฟิศ ซึ่งก็คือห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ใจกลางเมือง
หญิงสาวเดินไปที่หน้าร้านบุฟเฟต์ชาบูซึ่งมีคิวไม่หนาแน่นมาก เธอยืนรอเพียงไม่นาน สายตาก็มองเห็นหญิงสาวเจ้าของผมทรงบ็อบสีน้ำตาลเข้ม สวมใส่ชุดสูทสีครีมแบบลำลอง ดวงตาเฉี่ยวขึ้นดูดุดันแต่เมื่อยิ้มกลับทำให้บรรยากาศน่ากลัวดูมลายหายไป
“เกรซ! มาสายนะ” เบสต์ทักทายเพื่อนสนิท
“ขอโทษย่ะ ตั้งแต่ได้ขึ้นเป็นหัวหน้า อะไรๆ ก็ยุ่งวุ่นวายไปหมด”
“หิวแล้ว ปะ กินข้าวกันเถอะ” เบสต์ว่าพลางจับมือเพื่อนสาวเข้าร้าน
ภายในร้านอาหารที่ตกแต่งสไตล์ญี่ปุ่น กลิ่นน้ำซุปจากปลาแห้งหอมฉุยชวนรับประทาน เมนูมีให้เลือกหลากหลายราคาก็จริงแต่สองสาวสุดขี้งกนั้นกลับเลือกรายการที่ถูกที่สุดเพราะพวกเธอไม่กินเนื้อ และเกรซก็ไม่โปรดปรานอาหารทะเล ไม่มีความจำเป็นต้องเสียเงินเพื่อของที่ไม่ชอบ
พวกเธอกินข้าวด้วยกันพลางพูดคุยเรื่องสัพเพเหระเหมือนครั้นตอนเป็นวัยรุ่น แม้ทั้งสองจะไม่ได้เจอกันมานานหลายปี แต่เมื่อได้กลับมาคุยกัน ความสนิทสนมนั้นก็ไม่ได้จืดจางไปตามกาลเวลา
“แล้วแกจะได้เลื่อนขั้นตามมาเมื่อไหร่” เกรซเอ่ยถามขึ้นระหว่างมื้ออาหาร
“ไม่เกินเดือนหน้านี่แหละ หัวหน้ารับปากไว้แล้ว” เบสต์ตอบอย่างมั่นใจ
“เออ แกกับฉันนี่มันเหมือนกันทุกอย่างจริงๆ ตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว สอบเข้าก็ติดที่เดียวกัน เรียนจบก็เกรดเท่ากัน ทำงานยังได้โปรโมตพร้อมกันอีก สมกับเป็นโซลเมตของฉัน” เกรซไล่เรียงเรื่องราวอันน่าเหลือเชื่อระหว่างเธอกับเพื่อนสนิทอย่างอารมณ์ดี
เวลาผ่านไปราว 2 ชั่วโมงกว่าๆ สองสาวเม้ามอยกันจนห้างฯ เกือบปิด เบสต์กับเกรซจึงแยกย้ายกันกลับหลังจากใช้ห้วงเวลาความสุขด้วยกันจนอิ่มหนำ ใช้เวลาเพียงไม่นาน เบสต์ก็นั่งรถไฟฟ้ากลับมายังห้องคอนโดฯ ชั้น 8 ที่คุ้นเคย
ทันทีที่เบสต์ก้าวขาเข้าห้องพัก โทรศัพท์สั่นเสียงดังหวืดๆ บ่งบอกสัญญาณโทรเข้า…หญิงสาวอารมณ์ดีหยิบขึ้นมาดูแต่เมื่อเห็นว่าปลายสายเป็นใคร รอยยิ้มที่ค้างอยู่บนใบหน้าก็หุบลงอย่างถนัดตา หญิงสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะกดรับ
“ฮัลโหลเบสต์ สบายดีไหมลูก” เสียงหญิงวัย 60 เศษดังขึ้น
“สบายดีค่ะ แม่โทรมามีอะไรเหรอ”
“เมื่อไหร่เบสต์จะกลับมาเยี่ยมบ้านสักทีล่ะลูก” อารีย์เอ่ยถามลูกสาวที่เดินทางไกลจากเชียงใหม่ไปทำงานในกรุงเทพฯ
“ไม่ว่างเลยแม่ งานเยอะ” หญิงสาวตอบห้วนๆ อย่างไม่ใส่ใจนัก
“แม่ว่าเบสต์ทำงานหนักเกินไปแล้วนะ เงินเดือนก็ไม่ได้สูง แม่ว่าบริษัทนี้มันไม่ดีนะลูก…ลาออกแล้วกลับมาหางานที่เชียงใหม่ไม่ดีกว่าเหรอ จะได้อยู่บ้านด้วยกัน”
เบสต์คิ้วกระตุกเล็กน้อยจากข้อความที่เธอได้ยิน
“เดี๋ยวเบสต์ก็จะได้เลื่อนตำแหน่งแล้ว ทีพี่ไปทำงานต่างประเทศแม่ไม่เห็นบ่นอยากให้กลับบ้านเลย” หญิงสาวเริ่มพูดจาประชดประชัน
“มันไม่เหมือนกันนะเบสต์ ต่างประเทศสวัสดิการและเงินเดือนยังไงก็ดีกว่าที่ไทย บอสเขาก็กำลังเจริญก้าวหน้า…”
“นี่แม่จะหาว่าเบสต์ไม่เจริญก้าวหน้าเหรอ” สาวอายุน้อยกว่าสวนทันควัน แสดงความไม่พอใจในทันที
“ไม่ใช่ แม่แค่เป็นห่วง” หญิงสูงวัยพูดเสียงอ่อน
“เอาเป็นว่า เบสต์ไม่กลับ เบสต์จะพิสูจน์ให้แม่เห็นเองว่าเบสต์ก็เป็นคนที่ประสบความสำเร็จได้พอๆ กับพี่นั่นแหละ แค่นี้นะ!” พูดจบหญิงสาวตัดสายโดยไม่รอให้อีกฝ่ายได้ตอบโต้ เธอโยนมือถือทิ้งลงบนเตียงอย่างอารมณ์เสีย
ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่…ทุกครั้งที่ได้คุยกับครอบครัวมักจะจบลงที่การทะเลาะกันเสมอ
เวลาผ่านไปประมาณ 2 สัปดาห์ เช้าวันนี้ไม่ได้แตกต่างจากวันก่อน เบสต์ทาลิปสติกสีส้มธรรมชาติ แต่งหน้าอ่อนๆ สวมเสื้อเบลเซอร์สีดำทับเสื้อสายเดี่ยวด้านใน จับคู่กับกางเกงผ้าชีฟองขากว้างสีเบจ เหมือนความรู้สึกล้นๆ ในตัวจะแผ่วลงกว่าช่วงที่ผ่านมา อันที่จริงเธอไม่ชอบความฉูดฉาด กลับกันความเรียบหรูนั้นแท้จริงแล้วคือรสนิยมหลักของเธอ
เบสต์มาถึงออฟฟิศคนแรกเหมือนเดิม เติมน้ำให้หิ้งพระเหมือนเดิม ช่วยงานจิปาถะเหมือนเดิม แต่หลังจากบ่ายวันนี้ทุกอย่างจะเปลี่ยนไป
ใช่แล้ว…หลังจากที่เสนอโปรเจกต์ผ่าน เธอก็จะได้เป็นหัวหน้าแผนก ตำแหน่งใหญ่ขึ้นพร้อมเงินเดือนที่สูงขึ้น เท่านี้ ความสามารถของเธอก็คงจะพอเทียบเท่าพี่ชายในสายตาของพ่อแม่ได้สักที
ทันทีที่หญิงสาวเห็นพี่ชัยเดินเข้าไปยังห้องของผู้จัดการ เธอรีบหยิบโน้ตบุ๊กเดินตามเข้าไปทันที
ก๊อก ก๊อก
เบสต์เคาะประตูก่อนที่เจ้าของห้องจะเชื้อเชิญให้เธอเข้าไปนั่งฝั่งตรงข้าม
“พี่ชัยคะ งานที่พี่ให้ทำ เบสต์ลองทำการบ้านมานำเสนอพี่ดูค่ะ อยากฟังพรีเซนต์เลยไหมคะ”
ชัยเพียงยกมือห้ามและเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ “เบสต์ช่วยอัปไฟล์ส่งมาให้พี่ก่อนได้ไหม”
“ได้ค่ะ ได้ๆ” หญิงสาวรับคำและทำตามคนที่เธอนับถือเสมือนพี่ชายแต่โดยดี
“เบสต์ออกไปก่อนนะ พอดีพี่มีเรื่องยุ่งๆ นิดหน่อย”
ชัยตัดบททำให้เบสต์รู้สึกถึงความผิดปกติของบรรยากาศ เธอหอบโน้ตบุ๊กกลับไปนั่งที่โต๊ะด้วยความรู้สึกเคลือบแคลงใจอยู่ภายใน แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้เริ่มต้นคิดอะไร คะนิ้งและพนักงานคนอื่นๆ ก็เดินทางมาถึงยังแผนกพอดี
“ยินดีที่ได้ขึ้นเป็นหัวหน้าแผนกนะคะ…”
มินนี่กล่าวโพล่งขึ้นอย่างตื่นเต้นพลางปรบมือแสดงความยินดีด้วยน้ำเสียงสดใส คนรอบข้างเห็นดังนั้นก็พลอยร่วมยินดีไปพร้อมกันด้วย สิ่งนั้นทำให้อารณ์ขุ่นมัวของเบสต์มลายหายไป เธอยิ้มกว้าง เตรียมตัวยืนขึ้นรับคำอวยพรที่เพื่อนร่วมงานมอบให้เธอด้วยความดีใจ
“พี่คะนิ้ง!”
เมื่อได้ยินชื่อที่เด็กสาวเปล่งออกมา เบสต์รู้สึกเหมือนถูกสายฟ้าฟาดลงมากลางหัวใจ
หญิงสาวตัวชา ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
เมื่อความหวังตลอดหลายปีพังทลายลงในพริบตา
- READ ยาใจด้วยรัก บทที่ 8 : คนข้างห้อง
- READ ยาใจด้วยรัก บทที่ 7 : ความฝันที่กินไม่ได้
- READ ยาใจด้วยรัก บทที่ 6 : หลุมดำในใจ
- READ ยาใจด้วยรัก บทที่ 5 : ความเจ็บปวดที่ไม่มีเสียง
- READ ยาใจด้วยรัก บทที่ 4 : ความล้มเหลวของความพยายาม
- READ ยาใจด้วยรัก บทที่ 3 : บ้านที่ไม่อยากกลับ
- READ ยาใจด้วยรัก บทที่ 2 : ออฟฟิศที่อยู่กันแบบครอบครัว
- READ ยาใจด้วยรัก บทที่ 1 : การพบกันครั้งแรกของกลางคืนและกลางวัน
- READ ยาใจด้วยรัก : บทนำ








