สะบักสะบอมไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ Iceberg Lake

สะบักสะบอมไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ Iceberg Lake

โดย : Kanonsky

Loading

อ่านเอา ไม่ได้เป็นนำเสนอเพียง นิยายออนไลน์ เท่านั้น แต่เรายังสรรหาเรื่องราวน่าสนใจรอบโลก อย่างการท่องเที่ยวไปในที่ต่างๆ มาฝากกัน ในคอลัมน์ โลกกลางเลนส์ โดย Kanonsky พนักงานออฟฟิศที่ชอบสะพายกล้องไปส่องโลก

………………………………………….

 

Iceberg Lake จะมี ก้อนน้ำแข็งลอยอยู่เกือบตลอดทั้งปีสมชื่อของมัน

กิจกรรมที่พลาดไม่ได้เมื่อเรามาเที่ยวอุทยานแห่งชาติกลาเซียร์ในรัฐมอนแทนาก็คือการเดินป่าหรือที่ฝรั่งเค้าเรียกกันว่า hiking ครับ ที่อุทยานแห่งนี้เขามีเส้นทางเดินป่าเกือบร้อยเส้นทาง ยาวรวมกันกว่า 1,181 กิโลเมตร ความยากง่ายก็มีกันตั้งแต่ระดับเด็กประถม เดินชิลๆ ได้ทั้งครอบครัว ไปจนถึงระดับนักกีฬาปีนเขามืออาชีพครับ

ดอกไม้ป่าหน้าร้อนในอุทยานแห่งชาติกลาเซียร์

เราสามารถเลือกเส้นทางเดินได้ตามกำลังและสังขารของเราเองครับ เส้นทางที่เป็นที่นิยมเส้นทางหนึ่งก็คือเส้นทางที่มีชื่อว่า Iceberg Lake Trail เพราะมีความสวยงามระดับ Top 10 ของอุทยาน ระยะทางไปกลับรวมกัน 15.4 กิโลเมตร ซึ่งเป็นระยะทางที่ไม่ยากจนเกินไปนัก คือขอแค่ฟิตแข็งแรงยังไงก็เดินถึง ตอนผมไปเดินก็เห็นเด็กๆ ไม่เกินชั้นประถมมาเดินกันแยะเหมือนกันครับ

ทะเลสาบและภูเขาวิลเบอร์

เวลาที่เหมาะกับการมาถ่ายรูปที่ Iceberg Lake ก็คือตอนพระอาทิตย์ขึ้นครับ เพราะแสงแดดยามเช้าจะส่องยอดกำแพงภูเขาวิลเบอร์จนเป็นสีส้ม ตัดกับทะเลสาบน้ำแข็งที่อยู่ด้านหน้าจะทำให้ได้แสงและสีที่สวยงามมาก

แต่ทางเดียวที่เราจะมาถึง Iceberg Lake ตอนพระอาทิตย์ขึ้นได้ก็คือ เราต้องเริ่มเดินเข้าป่ากันตั้งแต่ตีสาม ซึ่งก็ไม่ง่ายเลย เนื่องจากบริเวณนี้คือป่าจริงๆ จึงมืดสนิทครับ แถมบริเวณนี้ยังเป็นที่อยู่อาศัยของหมีสายพันธุ์ต่างๆ

ก่อนออกเดินในเช้าวันรุ่งขึ้น พวกเราจึงแวะเข้าไปถามกับเจ้าหน้าที่อุทยานก่อนว่า จะเป็นอะไรไหมถ้าเราจะออกไปเดิน hike กันตั้งแต่ตีสามแบบนี้ เจ้าหน้าที่ทำหน้าแปลกใจนิดหน่อย แต่ก็บอกกับเราว่าน่าจะโอเคนะ แต่ให้ทำเสียงดังๆ ระหว่างเดินเข้าไว้นะ หมีมันจะได้รู้ว่ามีคนมา เมื่อได้คำแนะนำแล้ว พวกเราก็กลับมานอนเอาแรงกันตั้งแต่หัวค่ำ

กลางดึกคืนนั้นเราตื่นกันตั้งแต่ตีสองเพื่อขับรถมาที่ทะเลสาบสวิฟต์เคอร์เรนต์ที่เป็น Trailhead ของทางไป Iceberg Lake ครับ ระหว่างทางพวกเราสังเกตเห็นแสงสีเขียวจางๆ จากทางทิศเหนือ ซึ่งก็ไม่น่าจะเป็นแสงจากเมืองเพราะแถวนี้มีแต่ป่าและเทือกเขายาวไปจนถึงแคนาดา พวกเราก็เลยคิดว่าน่าจะเป็นแสงเหนือครับ ก็เลยจอดรถถ่ายรูปกันแถวทะเลสาบสวิฟต์เคอร์เรนต์กันก่อน

ไม่คิดว่าจะได้มาถ่ายรูปแสงเหนือที่นี่ครับ แสดงว่าคืนนั้นแสงเหนือแรงมากจริงๆ ถึงได้มองเห็นจากฝั่งอเมริกา

หลังจากได้รูปแสงเหนือเป็นของแถมแล้ว พวกเราก็เริ่มออกเดิน hike กันตอนตีสาม เดินไปชั่วโมงกว่า เราก็เจอกับสิ่งที่ไม่อยากเจอ นั่นก็คือเจ้าหมี มันยืนขวางอยู่บนทางเดินที่เราต้องเดินผ่าน แต่พอมันเห็นแสงจากไฟฉายของพวกเรา บวกกับได้ยินเสียงของคนเข้า มันก็กระโดดเข้าป่าไปอย่างรวดเร็ว พวกเรายืนรอดูสถานการณ์กันสักพักจนแน่ใจว่ามันไปแล้วจริงๆ ก็รีบเดินหนีออกจากตรงนี้ทันที

แม้ว่าดูจากขนาดตัวแล้วน่าจะเป็นลูกหมีเท่านั้น แต่ก็กลัวว่ามันจะไปตามแม่มาครับ

แสงแรกของวันที่ Iceberg Lake ได้นั่งพักกินข้าวเช้าที่นี่ วิวดีจริงๆ ครับ

พวกเราเดินคลำทางกันไปเรื่อยครับ เพราะมองไม่เห็นอะไรเลย มีอยู่ช่วงหนึ่ง พวกเราหาถนนกันไม่เจอ เพราะมีหิมะที่ยังไม่ละลายคลุมทางเอาไว้ ก็ต้องกระจายกันหาถนนครับ ทุลักทุเลพอดู แต่พวกเราก็ไปถึงที่ทะเลสาบตอน 6 โมงเช้าได้ทันเวลาพระอาทิตย์ขึ้นพอดี  

ถึงแม้ว่าช่วงที่ไปจะเป็นต้นเดือนกรกฎาคมซึ่งเข้าหน้าร้อนแล้ว แต่อุณหภูมิที่ Iceberg Lake ก็ยังต่ำกว่า 5 องศาเซสเซียส สาเหตุก็เพราะว่าทะเลสาบนี้ถูกล้อมรอบด้วยเทือกเขาวิลเบอร์ครับ จึงได้รับแสงแดดในแต่ละวันไม่มาก ทำให้น้ำแข็งไม่ละลาย จนได้ชื่อว่า Iceberg Lake

ถ่ายรูปไปได้สักพัก ก็มีหมอกเข้ามาปกคลุมทั้งทะเลสาบ ภูเขาและพวกเรา เหมือนโดนธรรมชาติแกล้ง ก็ได้แต่นั่งรอจนหมอกจางครับ

พวกเรานั่งรอจนฟ้าสว่างถึงได้เห็นวิวที่สวยงามอลังการของทะเลสาบ Iceberg Lake ครับ หลังจากถ่ายรูปกันจนพอใจและได้พักหายเหนื่อยจากการเดินขึ้นเขามากว่า 7.7 กิโลเมตรแล้ว พวกเราถึงได้เดินกลับ ขากลับนี้ถึงได้เห็นว่า วิวระหว่างทางที่เราเดินมาตอนกลางคืนก็สวยงามไม่แพ้จุดหมายปลายทางเลยครับ

ทางเดินก่อนถึง Iceberg Lake รูปนี้ได้ถ่ายตอนเดินกลับครับ จะเห็นแนวเทือกเขาที่ยาวโอบทะเลสาบ Iceberg lake ไว้ครับ

 

Don`t copy text!