บ่วงวงกต บทที่ 3 : ในม่านหมอก

บ่วงวงกต บทที่ 3 : ในม่านหมอก

โดย : Cirrus Halo

Loading

“บ่วงวงกต” นิยายสยองขวัญลึกลับ โดย Cirrus Halo เรื่องราวกลุ่มเพื่อนที่เดินทางสู่จังหวัดเลยเพื่อเที่ยวงานผีตาโขน แต่กลับติดอยู่ในรีสอร์ทปริศนาและต้องเผชิญเหตุฆาตกรรมสุดหลอน อ่านได้ที่ อ่านเอา

จุรีนั่งเลื่อนจอมือถือเพื่อดูข่าวต่างๆ ในสื่อโซเชียลด้วยท่าทางเบื่อหน่าย มีแต่ข่าวฆาตกรรมและอาชญากรรมเต็มไปหมด สิริติดเครื่องยนต์เปิดเครื่องปรับอากาศทิ้งเอาไว้เพื่อให้จุรีนั่งคอยอยู่ในรถเพราะเธอยืนกรานไม่ยอมลงท่าเดียว ไม่นานนักเสียงเคาะกระจกรถดังมาจากด้านข้าง จุรีจึงหันไปทางต้นเสียงเห็นตรีสิทธิ์ยืนถือถุงขนมสีสันสดใส เธอจึงกดปุ่มลดกระจกรถลง เขายื่นขนมถุงหนึ่งให้เธอทั้งรอยยิ้ม

“เพื่อเป็นการขอโทษ ทานของหวานหน่อยมั้ยครับ ที่นี่มีมะพร้าวแก้วขึ้นชื่อนะ”

จุรีรับถุงขนมมาก่อนพินิจดูผ่านถุงพลาสติกใส เห็นเป็นเนื้อมะพร้าวแผ่นบางทรงสี่เหลี่ยมตัดแต่งไม่เรียบร้อยนัก เมื่อลองแกะถุงหยิบมาชิมดูจึงได้ลิ้มรสชาติหวานอ่อนๆ ทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้น

“รสหวานกำลังดีเลยนะคะ”

“เผื่อช่วยให้หายเครียดได้บ้างนะครับ”

จุรีรู้สึกเอะใจก่อนจะยิ้มบางๆ ครั้งนี้เธอเลิกเอาตรีสิทธิ์ไปเปรียบเทียบกับธีระแล้ว แต่ก็อดไม่ได้ที่จะพูดเรื่อยเปื่อยให้เขาฟัง “เมื่อก่อนก็มีคนบอกฉันแบบนี้ค่ะ แล้วก็มักสรรหาขนมหวานหลายแบบมาให้ลองชิม”

“ผมถามได้มั้ยว่าเขาเป็นใคร”

“เขาชื่อธีระค่ะ เป็นเพื่อนกับคุณธนันต์และสิริตั้งแต่เรียนอยู่มหาวิทยาลัย แต่ฉันรู้จักกับคุณธีระผ่านสิริอีกทีเพราะทำงานอยู่ตึกใกล้ๆ กันน่ะค่ะ ไม่รู้ว่าคุณธนันต์เคยแนะนำเขาให้คุณรู้จักบ้างมั้ย”

“เขาเคยเล่าคร่าวๆ ตอนไปงานศพคุณธีระ แต่ไม่เคยเล่าเรื่องของพวกคุณให้ผมฟังหรอก ผมรู้แค่ว่าคุณสิริเป็นแฟนของธนันต์”

“อ้อ…” จุรีพยักหน้ารับรู้แล้วจึงบอกกับเขาตามตรง “ธีระเป็นแฟนฉันค่ะ แต่เขาเสียไปเพราะประสบอุบัติเหตุรถชนเมื่อเดือนก่อน”

“ผมเสียใจด้วยนะครับ” ตรีสิทธิ์อ้ำอึ้งก่อนจะกล่าวตอบ “ผมไม่น่าทำให้คุณนึกถึงเขาเลย”

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ที่จริงฉันก็รู้สึกดีขึ้นนิดหน่อย”

“งั้นให้ผมอยู่คุยเป็นเพื่อนก่อนที่คุณสิริจะกลับมาก็แล้วกันนะครับ”

ในขณะเดียวกัน สิริกับธนันต์เดินเข้าไปในร้านอาหารตามสั่งซึ่งมีพื้นที่ไม่กว้างขวางนัก หลังจากสั่งอาหารสามสี่อย่างกับเจ้าของร้าน พวกเขาก็เดินไปนั่งรอที่โต๊ะเก้าอี้ซึ่งวางอยู่มุมหนึ่งของร้าน ทันใดก็ได้ยินเสียงหญิงสาววัยกลางคนสองคนซึ่งนั่งคุยกันเสียงดังอยู่ที่โต๊ะอีกมุมหนึ่ง

“ใช่ไง ผู้ชายนั่นโกหกว่าไม่เคยแต่งงาน ผู้หญิงก็เลยหนีไป แต่จะอยู่กันยังไงล่ะ เห็นว่าเมียหลวงไปอาละวาดที่ทำงานจนเธอถูกไล่ออกด้วย”

“แย่จริงๆ ผู้ชายเห็นแก่ตัวทำให้เมียเดือดร้อนอีก”

สิริเหลือบมองธนันต์ด้วยแววตาจับผิด ทำให้อีกฝ่ายมองตาปริบๆ

“ทำไมจ้องฉันแบบนั้น”

“เผื่อนายเลียนแบบเขาไง”

“ไม่มีทางหรอก ฉันไม่เคยคบซ้อนนะ”

“ขอให้จริงเถอะ”

หลังจากเจ้าของร้านเรียกให้มาจ่ายเงินและรับของแล้ว สิริกับธนันต์ก็เดินออกไปแวะร้านค้าอีกสองสามร้านก่อนจะเดินกลับมาที่รถซึ่งตรีสิทธิ์ยังยืนคุยกับจุรีอยู่ สิริมีสีหน้าแปลกใจที่จุรียอมเปิดใจคุยกับคนอื่นได้เป็นครั้งแรกหลังเกิดอุบัติเหตุ ธนันต์ไม่ได้สนใจบรรยากาศ เขาตะโกนทักทายเพื่อนเหมือนที่เคยทำ ตรีสิทธิ์จึงหันมองเขา

“กลับมาแล้วหรือ คิดว่าจะไปนานกว่านี้เสียอีก”

“โทษทีที่ขัดจังหวะนะ”

“ไม่หรอกค่ะ” จุรีกล่าวพลางเลื่อนปิดกระจกรถแก้เขิน

สิริส่ายหน้าแล้วจึงโบกมือไล่ธนันต์ให้กลับไปที่รถมอเตอร์ไซค์ ธนันต์เดินไปตบบ่าตรีสิทธิ์พลางกระซิบเบาๆ หลังจากสองสาวกลับขึ้นรถไปแล้ว

“ฉันไปซื้อของครู่เดียว แกก้าวหน้าขนาดนี้แล้ว”

“ก้าวหน้าอะไร ฉันไม่อยากไปขัดคอพวกแกสองคนก็เลยมาอยู่คุยเป็นเพื่อนคุณจุรี”

“อ้อเรอะ” ธนันต์ยิ้มอย่างรู้ทัน “งั้นรีบไปขึ้นรถ เดี๋ยวไปส่งพวกผู้หญิงเข้าที่พักแล้วค่อยกลับไปค้างบ้านฉัน”

รถของสิริวิ่งมาตามถนนลาดยางซึ่งถูกบีบแคบลงจนกลายเป็นถนนสองเลนพอให้รถสองคันวิ่งสวนกันเท่านั้น สิริเพ่งมองผ่านกระจกหน้ารถซึ่งทัศนวิสัยแย่เพราะหมอกเริ่มลงจัด นาฬิกาในรถบอกเวลาห้าโมงเย็น น่าแปลกที่บรรยากาศโดยรอบเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว สองข้างทางมีแต่ต้นไม้ใหญ่แทบมองไม่เห็นไร่นาหรือบ้านคนเลย ในใจของเธอเริ่มหวั่นวิตกเพราะเป็นสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย เธอกล่าวกับเพื่อน

“ที่นี่มันยังไงกัน ครึ่งชั่วโมงก่อนยังไม่เห็นมีหมอกเลย”

ภายในทะเลหมอกซึ่งบดบังเส้นทางหน้ารถ เงาร่างสีดำผุดขึ้นเด่นชัดวิ่งตัดแสงไฟก่อนขวางหน้ารถเอาไว้ สิริเบิกตากว้างแทบไม่อยากเชื่อสายตา เธอหักพวงมาลัยจนสุดเพื่อหลบเงาร่างของชายปริศนาคนนั้น รถเสียหลักวิ่งชนปะทะกับต้นไม้ข้างทางอย่างรุนแรงจนมันหยุดนิ่งคาที่ ท่ามกลางเสียงหวีดร้องของจุรีซึ่งราวกับถูกดึงกลับไปอยู่ในเหตุการ์น่าสลดเมื่อเดือนก่อน เพียงแต่ครั้งนั้นคนที่เสียชีวิตคือแฟนหนุ่มของเธอ และครั้งนี้ภาพชวนระทึกแบบเดิมกำลังจะเกิดขึ้นซ้อนทับอีกครั้ง ความกลัวเกาะกุมจิตใจของเธอ แต่ครั้งนี้เธอจะไม่ยอมหมดสติไปก่อนอีก

ทันทีที่รถหยุดเคลื่อนไหว จุรีรีบหันไปมองสิริซึ่งหมดสตินอนพิงเบาะนั่งคนขับอยู่ จุรีรีบมองสำรวจตามร่างกายของเพื่อน เมื่อไม่เห็นบาดแผลสาหัสเธอก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก เธอรีบเขย่าตัวสิริพลางร้องเรียกไม่หยุด

“ตื่นสิ สิริ อย่าหลับนะ”

เสียงเรียกและแรงเขย่าซ้ำๆ ทำให้สิริรู้สึกรำคาญจนต้องฝืนสติลืมตาตื่นขึ้น เธอมองเห็นใบหน้าของจุรีเลือนรางอยู่ในภวังค์ สีหน้าหวั่นวิตกของเพื่อนทำให้ความรู้สึกรำคาญหายไป

“ฉันไม่เป็นไร” เธอตอบสั้นๆ พอจะคาดเดาได้ว่าจุรีคงสะเทือนใจหนักขึ้น เธอถามกลับไป “แล้วเธอบาดเจ็บมั้ย”

“กระแทกนิดหน่อย แต่ไม่เป็นไรมาก”

หลังจบคำของจุรี เสียงเคาะกระจกก็ดังขึ้นจากประตูรถทั้งสองฝั่ง สองสาวสะดุ้งหันมองตามเสียงจึงเห็นเงาของธนันต์กำลังส่องดูผ่านกระจกรถข้างคนขับ ในขณะที่จุรีเปิดกระจกเพื่อคุยกับตรีสิทธิ์ที่ยืนอยู่ฝั่งของเธอ

“เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงหักรถเข้าข้างทางล่ะ” ตรีสิทธิ์ถามขึ้น ซึ่งจุรีได้แต่อ้ำอึ้งหันไปหาสิริอย่างต้องการคำตอบ สิริเริ่มมีเรี่ยวแรงขึ้นมานิดหน่อยจึงกล่าวตอบอย่างไม่ค่อยมั่นใจ

“มีคนเดินตัดหน้ารถ เธอไม่เห็นหรือ”

จุรีย่นคิ้วพยายามนึกถึงเหตุการณ์ก่อนเกิดอุบัติเหตุ ในที่สุดเธอก็ส่ายหน้าจำไม่ได้ว่าเห็นใครเดินผ่านหน้ารถ หรืออาจเป็นเพราะหมอกลงจัดและเธอไม่ได้สนใจมองเส้นทางตรงหน้ามากนัก

“ฉันไม่เห็นอะไรเลย ใครจะมาเดินกลางถนนในเวลาแบบนี้กัน”

“เหมือนชายจรจัดนั่น…”

จุรีชะงักนิดหนึ่ง ความกังวลเปลี่ยนเป็นความสงสัย แต่ยังไม่ได้ถามอะไรต่อ ธนันต์ก็เดินมายืนอยู่ข้างๆ ตรีสิทธิ์ เมื่อเห็นสองสาวปลอดภัยเขาก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก

“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ลงจากรถก่อนเถอะ” ธนันต์กล่าวพลางชี้ให้มองไปที่ฝากระโปรงรถด้านหน้าซึ่งเปิดอ้าอยู่เพราะแรงกระแทกเมื่อครู่ “รถพวกเธอคงวิ่งต่อไม่ได้แล้วละ”

สิริกับจุรีเปิดประตูลงจากรถจึงมองเห็นมอเตอร์ไซค์ของธนันต์และตรีสิทธิ์ที่ล้มอยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก สิริรีบมองสำรวจธนันต์ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าก่อนกล่าวถามด้วยความตกใจ

“แล้วนายเป็นอะไรมั้ย รถล้มด้วยหรือ”

“เราขี่มอเตอร์ไซค์ตามหลังรถเธอ อยู่ๆ เธอก็หักรถเลี้ยวเข้าทางแยกนี้ ฉันก็เลยฝืนเลี้ยวตามเธอมาน่ะสิ โชคดีที่ไม่ได้ขับเร็วมากก็เลยได้แผลถลอกนิดหน่อย”

“อยู่ๆ เลี้ยวก็ไม่ว่าอะไรหรอก แต่เลี้ยวแล้ววิ่งชนต้นไม้นี่แหละที่ทำให้เราตกใจ” ตรีสิทธิ์กล่าวก่อนมองสำรวจสถานที่รอบตัว สายตาของเขาไปสะดุดเข้ากับป้ายบอกทางไปรีสอร์ตชื่อริมภูซึ่งอยู่ห่างออกไปอีกราวหกร้อยเมตร

ธนันต์ก็สังเกตเห็นบ้านพักเป็นหลังๆ ซึ่งอยู่บนเนินเขาห่างออกไปไม่ไกลนัก เขากล่าวกับสิริและจุรี

“รถฉันก็ขับไปต่อไม่ได้เหมือนกัน น่าจะมีชิ้นส่วนอะไรเสียหาย” เขาบอกสองสาวให้ดูป้ายชื่อรีสอร์ต“สงสัยพวกเธอต้องไปพักที่นั่นสักคืนแล้วละ ใกล้มืดแล้ว เส้นทางแถวนี้ฉันไม่ชินด้วย อยู่กลางป่าแบบนี้มันอันตราย”

“นายไม่รู้จักเส้นทางแถวนี้หรือ” สิริถามขึ้นด้วยความแปลกใจ

“ฉันไม่เคยเห็นทางแยกนี้เลย แปลกมาก ข้างนอกหมอกลงก็เลยมองไม่ค่อยเห็นทางด้วย”

“เราน่าจะไปขอความช่วยเหลือที่รีสอร์ตริมภูได้นะ ให้เขาช่วยติดต่ออู่ซ่อมรถใกล้ๆ ” ตรีสิทธิ์กล่าวเสริม

สิริกับจุรีเดินไปเปิดท้ายรถก่อนหยิบสัมภาระของตนออกมากองไว้กับพื้น ธนันต์กับตรีสิทธิ์อาสาช่วยถือให้ สองสาวจึงหิ้วถุงข้าวของที่ซื้อจากตลาดเดินตามพวกผู้ชายมุ่งหน้าไปยังรีสอร์ตริมภู

 



Don`t copy text!