
ตรวนใบจาก บทที่ 1 : ฤดูมรสุม
โดย : ฉาย แสงเพชร
ตรวนใบจาก รางวัลรองชนะเลิศโครงการอ่านเอาก้าวแรกปี 5 โดย ฉาย แสงเพชร เกษตรกรจาก จ.ตราด ผู้ฝันอยากเป็นนักเขียนแนวท้องถิ่นที่ได้พลิกบทบาทจากงานเขียนเชิงวิชาการมาสู่การเขียนนวนิยายแนวแฟมิลี่ดราม่ากับเรื่องราวของอาชีพลอกใบจากและชีวิตที่เป็นปริศนาของคุณยายคนหนึ่ง เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ติดตามกันได้ในเว็บไซต์อ่านเอา
หญิงสาวผิวขาวผ่องในชุดสีดำสนิท ขับรถเข้ามาจอดในโรงจอดรถด้วยท่าทางเหนื่อยหน่าย ในที่สุดเดือนแห่งความวุ่นวายในชีวิตก็ผ่านไป พร้อมกับความเปลี่ยวเหงาอ้างว้างเข้ามาเกาะกุมชีวิตอีกเป็นทวีคูณ เมื่อราวหนึ่งเดือนมานี้ เธอพาแม่ของเธอไปโรงพยาบาล เพราะหกล้มจนกระดูกหน้าแข้งหัก ต้องผ่าตัดเพื่อดามเหล็ก และที่สำคัญ เดือนนั้นเป็นเดือนมีนาคม เดือนแห่งการสอบปลายภาค ซึ่งกฎเหล็กของคณะที่เธอสอนก็คือ ห้ามลาในวันที่มีคำสั่งให้คุมสอบ นอกจากจะหาอาจารย์มาคุมสอบแทนได้ และก็ช่วงสอบปลายภาคนั่นแหละ แม่ของเธออาการทรุดหลังผ่าตัดเพราะติดเชื้อในกระแสเลือด ความวุ่นวายโหมกระหน่ำเข้ามาถึงขั้นที่เรียกได้ว่าไม่เคยหัวหมุนขนาดนี้มาก่อนในชีวิต จนวันคุมสอบวันสุดท้าย แม่ก็ลาจากไป และเหลือเพียงกระดูกไม่กี่ชิ้นในโถใบใหม่เอี่ยมที่เธอพากลับบ้านมาด้วยในวันนี้
เมื่อเปิดประตูเข้าไปในบ้าน มีเพียงภาพถ่ายครอบครัวของเธอกับสามีและลูกชายที่รอรับอยู่ เธอมองภาพถ่ายนั้นด้วยใจว่างโหวงอย่างไม่เคยเป็น นี่เธอมีครอบครัวแล้วจริงๆ หรือ วันนี้แม้จะปิดภาคเรียนแล้ว สามีของเธอก็ยังไปทำงานที่มหาวิทยาลัย เขาอ้างว่าต้องไปคุม ‘พวกเด็กๆ’ เพื่อรีบปิดโครงการที่ได้รับทุนมา จะได้ทันขอทุนในปีงบประมาณใหม่ เขารีบเสียจนไม่ได้ไปฟังสวดงานศพแม่ของเธอสักคืนหนึ่ง วันเผาเขาก็รีบไปช่วงทำบุญเลี้ยงพระเพล พอวางดอกไม้จันทน์เสร็จก็ออกไปอีก วันเก็บกระดูกก็ไม่มา จนบางที เธอยังอดนึกถึงคำพูดของเพื่อนสนิทของเธอหลายคนที่ยังเป็นสมาชิกแก๊งสาวโสดอย่างเหนียวแน่นไม่ได้
‘ให้ชั้นมีผัวเป็นนักวิจัยดีเด่นอย่างอาจารย์นริศ ชั้นยอมขึ้นคานดีกว่า มีผัวประสาอะไร ใช้ชีวิตไม่ต่างกับอยู่ตัวคนเดียว แถมยังต้องดูแลลูกเพิ่มมาอีก เฮ้อ’
เธอไม่เคยเอาคำพูดของเพื่อนมาใส่ใจเลยจนกระทั่งวันนี้ วันที่เธอยืนถือโถใส่กระดูกของแม่ อ้างว้างอยู่คนเดียวในบ้านหลังใหญ่ที่เงียบเสียจนเหมือนป่าช้า วันที่เธออยากได้คำปลอบใจ ให้กำลังใจจากใครสักคนที่เป็นคนสำคัญของเธอ แต่เธอไม่ได้มาแม้สักนิดหนึ่ง ใช่ เธอยังมีสามีเป็นตัวเป็นตนอยู่ แต่ใช้ชีวิตไม่ต่างจากแม่เลี้ยงเดี่ยว ต้องเตรียมอาหารเช้าให้ลูกเอง รับส่งลูกไปโรงเรียนเองทั้งเช้าทั้งเย็น สอนการบ้าน พาลูกไปเรียนพิเศษก็เป็นหน้าที่ของเธอทั้งนั้น จนขนาดเธอวุ่นกับแม่ที่ป่วย จนต่อด้วยงานศพ เขาก็เลือกจะเอาลูกไปฝากพ่อแม่ของเขาเลี้ยง แทนที่จะดูแลลูกแทนเธอ จะว่าไป เขายังมางานศพแม่ยายของเขาเอง น้อยกว่าที่เขาไปงานศพพ่อของลูกศิษย์เมื่อปีก่อนเสียอีก จะไม่ให้น้อยใจได้อย่างไร
เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ดังขึ้น เธอวางโถกระดูกของแม่ลง หยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋าถือ เบอร์โทรไม่คุ้น แม้แต่เสียงผู้ชายที่โทร.มาก็ไม่คุ้น
“หนูโบตั๋นใช่ไหม นี่ลุงกิมเต้งเองนะ แม่ของหนูอยู่ไหม ลุงขอคุยด้วยหน่อย โทรหาหลายวันแล้วไม่ยอมรับสาย เลยโทรมาถามหนูนี่แหละ”
ได้ยินเสียงถามถึงแม่ เธอแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ตอบกลับด้วยเสียงที่เจือสะอื้น “แม่เสียแล้วค่ะ เพิ่งเก็บกระดูกวันนี้ ลุงมีธุระอะไรหรือคะ”
ปลายสายอีกฝั่งอุทานอย่างตกใจ พลางซักถามถึงเรื่องราวของแม่ โบตั๋นสรุปให้ฟังสั้นๆ และถามย้ำถึงธุระของลุงไปอีกครั้งหนึ่ง อีกฝ่ายจึงตอบมา
“ตอนนี้ ยายของหนูกำลังป่วยหนัก อาจจะอยู่ได้อีกไม่นาน ก็เลยจะตามกิมหลิวไปดูใจแมะสักหน่อย หลิวมันไม่เคยมาหาแมะนานเท่าอายุหนูได้เทียวละ ถ้าหนูว่าง จะมาเยี่ยมยายก็ได้นะ จะได้รู้จักญาติทางแมะไว้บ้าง หลิวมันเคยอวดนะ ว่าลูกสาวคนเดียวได้งานดี มีครอบครัวดี ลุงกับป้าทางนี้ก็อยากรู้จัก”
กลับไปเยี่ยมยาย ก็ดูเป็นทางเลือกที่น่าสนใจทีเดียว ในยามที่เธอเบื่อบ้าน เบื่อคนร่วมบ้านอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน มหาวิทยาลัยปิดเทอมแล้ว โรงเรียนของลูกก็ปิดเทอมแล้ว ตอนนี้ ลูกก็ไปอยู่กับปู่กับย่า ขอฝากให้ช่วยดูแลเพิ่มอีกสักอาทิตย์คงไม่เป็นไร ออกไปจากวังวนของความเบื่อหน่าย อาจทำให้เธอคิดหาทางออกให้ชีวิตได้ง่ายขึ้น
ท่ามกลางความเงียบเหงาในยามค่ำคืน พรุ่งนี้จะเป็นวันที่เธอออกเดินทางไปตราด เธอลาพักผ่อนเรียบร้อยแล้ว โทร.บอกพ่อแม่สามีเรียบร้อยแล้วว่าขอฝากลูกชายต่ออีกสัปดาห์ แม้แต่กับสามีของเธอก็บอกแล้ว เขาซักถามเล็กน้อย ฟังดูก็รู้ว่าถามไปตามมารยาท บางทีก็ไม่รู้ว่าคิดมากไปหรือเปล่าที่ดูเขาจะพอใจด้วยซ้ำที่เธอจะไปต่างจังหวัดหลายวัน เมื่องานทุกอย่างเรียบร้อย และนี่ยังหัวค่ำเกินกว่าจะหลับลง เธอจึงไปที่ห้องที่เก็บของที่เธอเพิ่งขนมาจากบ้านเช่าของแม่เมื่อแม่เสียชีวิต
ความตั้งใจของโบตั๋นนั้น เธอต้องการรื้อค้นหาภาพถ่ายเก่าๆ ของแม่ เพื่อหาความทรงจำเกี่ยวกับยาย ที่ดูเลือนรางเหลือเกินในความทรงจำของเธอ แม่พูดถึงยายน้อยมาก น้อยเสียจนเธอจำได้แค่ว่ายายอยู่ที่จันทบุรีและเป็นคนดุ เข้มงวดมาก แต่ไม่มีเลยสักภาพ มีแต่ภาพถ่ายของพ่อสมัยที่เธอยังเด็กเหลืออยู่ 2-3 ภาพ ความทรงจำเกี่ยวกับพ่อแท้ๆ ของเธอก็มีน้อยเช่นกัน เธอจำได้เพียงว่าพ่อเป็นคนบ้านเดียวกับแม่ พากันหนีมากรุงเทพฯ เพราะยายไม่ชอบ แต่แล้ววันหนึ่ง พ่อก็หายไปจากบ้าน ออกไปจากชีวิตของเธอกับแม่และไม่กลับมาอีกเลย หลังจากที่ทั้งคู่ทะเลาะกันลั่นบ้านมานานร่วมปี ไม่อยากจะนึกหรอกว่าทะเลาะกันเรื่องอะไร รู้แต่เธอเอาแต่แอบร้องไห้ในห้องนอน เสียใจที่พ่อกับแม่ทะเลาะกัน
ภาพถ่ายที่เหลือจากนั้น ล้วนเป็นภาพของแม่กับพ่อเลี้ยง พ่อเลี้ยงที่เธอไม่เคยชอบหน้า พอพ่อหายไปจากชีวิตได้สัก 1-2 ปี พ่อเลี้ยงคนนี้ก็เข้ามาในชีวิต พร้อมกับเสียงซุบซิบที่เธอยังได้ยินว่าแม่ไปแย่งผัวเขามา พ่อเลี้ยงคนนี้มีเมียเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้ว พอมาเจอแม่เธอไม่นาน เขาก็เลิกกับเมียเก่ามาอยู่กับแม่ ทั้งๆ ที่เขาว่ากันว่าเมียเก่าของเขาป่วยหนักอยู่ในตอนนั้น เธอทนร่วมบ้านกับคนทั้งคู่จนเธอขึ้น ม.4 เธอก็ออกไปอยู่หอพัก ไม่ได้กลับไปอยู่กับพ่อเลี้ยงและแม่อีก จนพ่อเลี้ยงตายไปหลังจากตกงานเพราะวิกฤติต้มยำกุ้งได้สักพัก
เธอปิดอัลบั้มภาพเหล่านั้นลง เมื่อแน่ใจว่าคงไม่มีภาพที่อยากเห็น แม้แต่ภาพของลุงกิมเต้ง ลุงคนที่โทร.มาหาเธอเมื่อวันก่อน และเป็นญาติทางแม่คนเดียวที่แม่ติดต่อด้วยก็ยังไม่มีเลย มีแต่ภาพที่ทำให้ตะกอนความทรงจำอันเลวร้ายในวัยเด็กฟุ้งขึ้นมาอีก ชีวิตคู่ที่ล้มเหลวทั้งสองครั้งของแม่ กับพ่อที่ทิ้งแม่ไป กับพ่อเลี้ยงที่เป็นเหมือนกาฝาก ทำงานได้เงินมาไม่เคยเหลือ แถมยังก่อหนี้สินไว้ให้แม่ต้องตามใช้เมื่อตายจากกันอีก ภาพทั้งหมดนี้รวมตัวกันเป็นลูกศรสีดำทะมึน ชี้ให้เห็นชีวิตคู่ของเธอเองที่กำลังคลายเกลียว โน้มเอียงไปสู่ความล้มเหลวไม่ต่างไปจากชีวิตคู่ของแม่
เธอก้มหน้าลง ใช้สองมือปิดหน้าราวกับต้องการปัดภาพในจินตนาการออกไป ไม่ ในเมื่อเธอมีบทเรียนของแม่อยู่แล้ว เธอเรียนสูงกว่าแม่ ได้งานที่มั่นคงกว่าแม่ เธอจะไม่มีทางทำให้ลูกชายคนเดียวของเธอต้องมาร้องไห้เสียใจเพราะพ่อแม่ต้องเลิกกันอย่างเด็ดขาด
แม้ว่าจะขับรถออกมาจากกรุงเทพฯ ตั้งแต่ตีห้า แต่กว่าจะมาถึงบ้านของป้ากิมเหมยที่บ้านคลองมะยมก็ร่วมเพล เธอได้เบอร์โทรป้ากิมเหมยมาจากลุงกิมเต้ง และโทร.ถามทางป้ามาตลอดตั้งแต่ข้ามแม่น้ำเวฬุเข้าเขตจังหวัดตราดแล้ว แต่เพราะไม่ชินทาง เลยมีเลี้ยวผิดไปบ้าง เมื่อมาถึง ป้ากิมเหมยออกมารับเธอถึงหน้าบ้าน สีหน้าท่าทางดูตื่นเต้นไม่น้อยที่ได้เจอหน้าหลานสาว ลูกของน้องสาวเป็นครั้งแรก
“ไหว้พระเถอะหนู ดูสิ มีเค้าคล้ายหลิวมากนะนี่ เสียดายจังที่ไม่ได้เจอหลิว”
“กะทันหันมากค่ะป้า ไม่ทันเตรียมใจเลย แม่ทรุดเร็วมาก”
“ถือว่าหลิวไปดีแล้วนะหนูนะ ว่าแต่หนูอายุเท่าไหร่ ทำงานอะไรนี่”
โบตั๋นเล่าให้ป้าฟังเพียงคร่าวๆ แต่ทำให้ป้ากิมเหมยตาโต “โอ้โห เป็นอาจารย์มหาลัย จบดอกเตอร์ด้วย เก่งจริงหลานป้า”
ถ้าหูไม่ฝาด โบตั๋นรู้สึกว่าได้ยินเสียงคนวางของกระแทกโครมอยู่ข้างบ้าน เมื่อเธอหันไปทางเสียงนั้น เหมือนเห็นเงาคนเดินหลบไปทางหลังบ้าน เมื่อป้ากิมเหมยชวนคุยต่อ เธอจึงบอกอย่างสุภาพ
“ขอหนูเข้าไปกราบคุณยายก่อนได้ไหมคะ ไม่รู้ว่ายายจะว่าอย่างไรบ้าง ถ้ารู้ว่าแม่เสียแล้ว”
“มาสิ ยายอยู่ทางโน้นแน่ะ”
บ้านของป้ากิมเหมยเป็นบ้านปูนชั้นเดียว มีห้องโถงโล่งอยู่ทางด้านหน้า มีห้องนอนอยู่ 2 ห้องนอน และมีทางเดินผ่านหน้าห้องนอนเข้าไปยังห้องครัว ที่ห้องโถงนั้น มุมที่ชิดผนังด้านนอกของห้องนอน มีโต๊ะยาวที่ต่อด้วยไม้กระดานแผ่นแคบๆ บนโต๊ะมีที่นอนปูอยู่ บนที่นอนนั้น ร่างของหญิงชราร่างเล็ก ดูผ่ายผอมจนเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก นอนหลับตานิ่งอยู่ บนกายห่มด้วยผ้าห่มผืนบางถึงหน้าอก โบตั๋นยืนนิ่ง มองหญิงชราที่เป็นยายของเธออย่างเต็มตา อยากรู้ขึ้นมาทันทีว่าถ้าคนที่มายืนอยู่ตรงนี้เป็นแม่ของเธอ แม่จะพูดกับยายว่าอย่างไรนะ
“ทำไมไม่ให้นอนในห้องหรือคะป้า”
“ให้อยู่ไม่ได้น่ะสิ ถ้าแกอยู่ในห้อง แกจะปิดประตูหน้าต่าง ขังตัวเองอยู่มืดๆ ในห้อง แถมลงกลอนอีก ต้องงัดประตูกันหลายหนแล้ว เลยต้องให้นอนนอกห้อง ขนาดตรงนี้นะ เวลาแกอาละวาดขึ้นมา แกยังเอาผ้าห่มคลุมโปง กลัวคนจะมาจับแกมั่ง ตามตัวแกเจอมั่ง”
คงเพราะมีเสียงคนมาคุยอยู่ใกล้ๆ ร่างของยายที่นอนนิ่งอยู่แต่แรกเริ่มขยับตัว ลืมตา หันมองมาที่โบตั๋นกับป้ากิมเหมยอยู่ ยังไม่ทันที่เธอจะเรียกคุณยาย ยังไม่ทันที่ป้ากิมเหมยจะแนะนำว่าเธอเป็นใคร เสียงแหบพร่าของคุณยายก็ดังขึ้น เป็นน้ำเสียงที่แสดงความยินดีอย่างชัดแจ้ง
“กิมบ๊วย กิมบ๊วย กิมบ๊วยกลับมาหาแมะแล้วหรือลูก”
“กิมบ๊วย” โบตั๋นอุทานออกมาอย่างแปลกใจ
- READ ตรวนใบจาก บทที่ 6 : เรื่องเล่าของกิมเต้ง
- READ ตรวนใบจาก บทที่ 5 : ชีวิตคู่ของกิมเหมย
- READ ตรวนใบจาก บทที่ 4 : เรื่องเล่าของกิมเหมย
- READ ตรวนใบจาก บทที่ 3 : ผู้ชายคนใดชื่อใบจาก
- READ ตรวนใบจาก บทที่ 2 : ผู้หญิงคนใดชื่อกิมบ๊วย
- READ ตรวนใบจาก บทที่ 1 : ฤดูมรสุม
- READ ตรวนใบจาก บทนำ : ผู้ซ่อนกายในความมืด