เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 13 : ดูไม่ออกเหรอ

เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 13 : ดูไม่ออกเหรอ

โดย : กุลวีร์

Loading

เทพารักษ์ภัสดา โดย กุลวีร์ นวนิยายสนุกๆ ที่อ่านเอานำมาให้อ่านใน www.anowl.co กับเรื่องราวของเทพารักษ์ผู้มีสัตย์ว่าจะรักเพียงหนึ่ง ต้องลงมาใช้ชีวิตเยี่ยงมนุษย์เพราะหญิงสาวผู้เปลี่ยนหัวใจเขาตลอดกาล ภารกิจพิชิตใจจึงเริ่มต้น ท่ามกลางความวุ่นวายของเพื่อนบ้าน และบททดสอบของความรักที่ไม่ใช่แค่เรื่องบนเตียง

“ตกลงเป็นอะไรกับลูกสาวของผม บอกมาซะดีๆ”

เวธัสพยายามต้อนรับคนทั้งสองเป็นอย่างดี โดยการเดินนำหน้าเพื่อเปิดประตูให้เข้าไปนั่งรอบนเก้าอี้ตรงโต๊ะรับประทานอาหาร จากนั้นก็นำน้ำเย็นมาให้เพื่อดับความกระหาย ระหว่างสรรหาคำตอบให้เข้าหูผู้ถามมากที่สุด แต่ยังไม่พบคำใดที่จะไม่เป็นการโป้ปดกัน

“ทำไมต้องมาอยู่ในบ้านเดียวกันแบบนี้ มาอยู่นานหรือยังล่ะ” มารดาของหล่อนถามขึ้นบ้าง

“ก้มหน้าก้มตาแบบนี้ มีอะไรที่พวกผมยังไม่รู้เกี่ยวกับลูกสาวผมกับตัวคุณหรือเปล่า”

ทั้งที่รู้อยู่เต็มอก แต่เขาได้ทำการตกลงกับหล่อนไว้แล้วว่าจะไม่ปริปากบอกเรื่องคืนนั้นให้ใครทราบ แม้แต่บุพการีของหล่อนก็ห้ามรู้จากปากเขาเด็ดขาด

เวธัสต้องทำตามคำสัตย์ที่ให้ไว้กับหญิงสาวให้ได้

“นั่งเงียบอยู่ได้ มีอะไรก็พูดมาสิ อย่าให้ผมเหมือนพูดกับตอไม้อยู่เลย” บิดาของหล่อนนั่งกอดอก จ้องมองเขาด้วยความไม่สบอารมณ์

“ค่อยพูดค่อยจากันดีกว่า พวกเราแค่อยากรู้ว่าคุณมาอยู่กับลูกเราได้ยังไง อยากบอกอะไรก็บอกมาได้หมด พวกเรารับได้ทุกอย่าง อย่ากังวลอะไรเลย” มารดาของหล่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล

“รอให้คุณแพรมาบอกเองดีกว่าครับ” เขาเอ่ย

“ก็แค่นั้น ปล่อยให้อารมณ์ขึ้นอยู่ได้” บิดาของหล่อนหยิบแก้วดื่มน้ำหวังดับอารมณ์ “ชื่ออะไร เป็นคนที่ไหน”

“ผมเป็นเทพเวธัสครับ” เขาหวังจะให้คนทั้งสองรู้ความจริงเพื่อในวันข้างหน้าที่เขากับหล่อนจะได้ครองคู่กัน

“จะให้พวกเราเรียกคุณว่าอะไรล่ะ”

“เทพครับ ผู้คนแถวนี้เรียกผมว่าเทพ” เขาตอบคำถามจากมารดาของหล่อน

“ชื่อคนสมัยนี้แปลกดีนะ แต่เอาเถอะ จะเป็นเทพ จะชื่อเทพ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ตรงนั้น มันอยู่ที่ว่าลูกเราให้คุณเทพมาอยู่ด้วยกันได้ยังไง”

“นั่นแหละคือเรื่องที่อยากรู้เหมือนกัน” บิดาของหล่อนหันหน้าไปเออออกับคนที่นั่งเคียงข้าง แล้วถามเขาต่อ “คุณทำการทำงานอะไรล่ะ”

ก่อนเขาจะตอบว่าไม่ได้ทำ ประตูบ้านก็ถูกเปิดออก

“พ่อ แม่ มาอยู่ที่นี่ได้ยังไงจ๊ะ” แพรพิไลตกใจที่เห็นบุพการีนั่งตรงข้ามกับเขาราวกับกำลังซักไซ้ให้รู้ความ

“พวกแม่ก็นั่งรถมาสิลูก” มารดาเอ่ยตอบ “นี่ลูกกลับบ้านตอนเย็นอย่างนี้ทุกวันเลยเหรอ”

หล่อนไม่สนใจคำถามของมารดามากนัก เดินเข้าไปฉุดแขนเขาให้ลุกขึ้นยืนไปคุยกัน

“แพรขอตัวสักครู่นะจ๊ะ มีเรื่องด่วนต้องคุยกับคุณเทพ”

เมื่อพ้นหูพ้นตาบิดามารดา หญิงสาวก็ถามด้วยสีหน้ากลัดกลุ้มอย่างเห็นได้ชัด

“คุณบอกอะไรพ่อกับแม่ไปบ้าง ชีวิตฉันจะเป็นยังไงล่ะทีนี้ ไม่อยากจะคิดเลย”

“ผมยังไม่บอกอะไร รับปากคุณแพรไว้แล้ว ต้องทำตามนั้น”

“คุณพูดจริงๆ นะ” แพรพิไลมีหน้าตาคลายกังวล

“ผมไม่เคยโกหกใคร” เขายืนยันด้วยเสียงหนักแน่น

“ก็ดี แต่ชีวิตมนุษย์บางครั้งก็ไม่จำเป็นต้องพูดจริงทุกเรื่องหรอกนะ ถ้าไม่อยากโกหกก็แค่อย่าพูดหมดทุกเรื่องเท่านั้นเอง เพื่อความอยู่รอดและอยู่อย่างสงบสุข คุณคงเข้าใจ”

หล่อนพูดได้แค่นั้นก็มีเสียงมารดาที่เดินมาหาแทรกขึ้น

“นี่จะคุยกันอีกนานไหม หรือมีลับลมคมในอะไรกัน บอกพ่อกับแม่มาดีๆ นะลูก”

“ไม่มีอะไรจ้ะ แพรแค่อยากรู้ว่าพ่อกับแม่มานานหรือยัง คุณเทพต้อนรับพ่อกับแม่ไปถึงไหนแล้ว แพรจะได้รับช่วงต่อ”

“อย่าเพิ่งทำอะไรเลย ตอนนี้ตอบคำถามมาก่อนว่าลูกพาคุณเทพมาอยู่ในบ้านหลังเดียวกันได้ยังไง”

“เข้าไปหาพ่อนะจ๊ะ เดี๋ยวแพรค่อยเล่าให้ฟังทีเดียว คิดถึงแม่ที่สุดเลย” หล่อนกอดมารดาด้วยท่าทีประจบประแจง

หญิงสาวกับชายหนุ่มลงนั่งบนเก้าอี้ด้านตรงข้ามบุพการีของหล่อน

เวธัสยังคงยิ้มน้อยๆ ส่วนแพรพิไลทำเป็นยิ้มหน้าบานด้วยความดีใจที่พ่อแม่มาหากัน ทั้งที่ในใจเต็มไปด้วยความวิตกอยู่ไม่วาย

“คุณเทพเคยช่วยแพรไว้จากคนไม่ดี แพรก็เลยช่วยเขาให้มีที่พักพิงไปก่อน เพราะคุณเทพยังจำอะไรไม่ค่อยได้เลยจ้ะ”

“นอนกันที่ไหน หรือนอนห้องเดียวกัน”

“ไม่ใช่จ้ะ” หล่อนรีบบอกบิดา “แพรนอนในห้องของแพร คุณเทพนอนบนโซฟาชั้นล่างจ้ะ”

บิดาที่ทำหน้าขึงขังก็ผุดยิ้มเล็กน้อย หลังจากรับรู้เรื่องราวซึ่งไม่เป็นไปตามที่คิดไว้ตั้งแต่แรกเห็นชายหนุ่มอยู่ร่วมชายคากับบุตรสาว

“แม่ถามจริงๆ นะ คุณเทพเป็นอย่างแคนดี้ใช่ไหม” มารดาของหล่อนรู้จักคณิศรเป็นอย่างดี เพราะมักจะขับรถพาหล่อนกลับบ้านเกิดบ่อยครั้ง

“ใช่จ้ะ” แพรพิไลเพิ่งค้นพบทางออกที่จะให้เขาอาศัยในบ้านหลังนี้ โดยไม่ให้บุพการีต้องรู้ความจริงที่เคยเกิดขึ้น

“แต่แม่ว่าไม่น่าจะใช่นะ ไม่กระตุ้งกระติ้งเหมือนแคนดี้เลยสักนิด” ผู้เป็นมารดาบอกหล่อน ก่อนหันไปถามเขา “คุณเทพเป็นอย่างนั้นจริงๆ ใช่ไหม”

“ไม่จริงครับ” เวธัสไม่เคยพูดปด

“คุณพูดแบบนั้นได้ยังไง” หล่อนค้อนใส่เขา

“ตกลงมันเป็นยังไง จะเป็นหรือไม่เป็นก็บอกมา” บิดาของหล่อนพยายามจับพิรุธ แม้จะเริ่มรู้อะไรเป็นอะไรเพิ่มขึ้นระหว่างคนทั้งสองแล้วก็ตาม

“จะเป็นอะไรก็ช่างมันเถอะ ถ้าคุณเทพไม่มีพิษมีภัยกับลูก พ่อกับแม่ก็ไม่ว่าอะไรหรอก แค่ให้เขาเป็นคนดีและดูแลลูกได้ก็พอ” ผู้เป็นมารดาเห็นถึงบางสิ่งซึ่งไม่ต่างจากผู้เป็นบิดา

“ผมจะทำให้ดีที่สุดครับ” เวธัสรับรู้ถึงความคิดของคนทั้งสองจึงรับปากกัน

“ดีแล้วที่มาอยู่ด้วยกัน พ่อกับแม่จะได้ไม่ต้องเป็นห่วงที่ลูกต้องอยู่คนเดียวในบ้านหลังนี้ ก็ดูแลกันไปนะ แล้วอย่าลืมช่วยกันทำมาหากิน”

“แพรมีเพื่อนบ้านนะจ๊ะ” หล่อนแย้งบิดา

“บางทีเพื่อนบ้านก็ไว้ใจไม่ได้มากหรอกนะลูก ยิ่งลูกเพิ่งมาอยู่ คงไม่รู้อะไรมากนักหรอก ไว้ใจคนที่อยู่ในบ้านหลังเดียวกันดีกว่า”

“แพรมาอยู่ที่นี่เป็นปีแล้วนะจ๊ะ” หล่อนพูดกับมารดา “พอจะรู้ว่าใครคบได้ ใครคบไม่ได้”

“แค่ปีเดียวไม่อาจเห็นคนหมดทุกด้านหรอกลูก อย่าเชื่อใจคนอื่นให้มากนักก็พอ”

เวธัสพูดต่อจากบิดาของหล่อนพร้อมทั้งยกมือไหว้ “ผมขอบคุณคุณพ่อกับคุณแม่มากครับ ที่ไม่ไล่ผมออกไปจากบ้านหลังนี้”

“ทำไมคุณถึงเรียกพ่อกับแม่ของฉันอย่างนั้นล่ะ เจอกันไม่พ้นข้ามวัน คิดจะฝากตัวเป็นลูกอีกคนแล้วเหรอ” แพรพิไลโวยวายใส่เขา

เวธัสจดจำคำแนะนำของหญิงชราได้ดี จึงนำมาใช้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง แม้จะไม่ค่อยเข้าใจคำถามล่าสุดของหล่อนก็ตาม

“จะเรียกอะไรก็เรียกไปเถอะ” ผู้เป็นมารดาตัดปัญหา “พวกเราเชื่อว่าคุณเป็นคนดีและน่าไว้ใจ คงดูแลลูกของพวกเราได้”

ถึงแม้จะเจอหน้ากันไม่ถึงสองชั่วโมง บุพการีของหล่อนก็ไร้ความหวาดระแวงหรือความคิดเชิงลบที่มีต่อชายหนุ่มผู้นี้ โดยที่เวธัสไม่ต้องใช้อำนาจดลใจเพื่อให้คนทั้งสองชอบพอกัน

“อย่าคิดว่าพ่อกับแม่ไม่รู้ว่าลูกอยู่คนเดียวมาหลายเดือน” มารดาบอกลูกสาว

“แพรยังไม่มีเวลาบอกเท่านั้นเอง ไม่คิดจะปิดบังสักนิดเลย” หล่อนเข้าไปกอดแม่ แล้วค่อยย้ายไปกอดบิดาเพื่อเป็นการไถ่โทษ หากบิดายังพูดกับเขา

“ยังไงก็ฝากฝังลูกสาวของผมไว้กับคุณตั้งแต่ตอนนี้เลยนะ เราสองคนจะได้สบายใจ ไม่ต้องไปๆ มาๆ เพื่อดูความเป็นอยู่”

“แพรกับเขายังไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อยนะจ๊ะพ่อ”

“วันนี้อาจยังไม่ใช่ วันหน้าก็คงไม่แน่ ใครจะรู้ได้ล่ะ”

คำกล่าวจากปากบิดาของหล่อนก็ช่างถูกใจเขาเหลือเกิน

จากนั้นก็ตามด้วยเสียงหยอกเอินของมารดา

“หรือลูกจะลองถามคุณเทพเองก็ได้ ไม่นานคงรู้แหละว่าอนาคตคิดหวังจะเป็นอะไรกัน”

เวธัสยิ้มให้บุพการีของหล่อนที่คาดเดาได้แม่นยำเสียจริงๆ

ผู้ที่เคยอาบน้ำร้อนมาก่อนคงมองออกว่าเขาคิดหวังเช่นไรจากแววตาซึ่งหมายปองหล่อนผู้เดียว

แพรพิไลค้อนเขาอีกหน “แพรยังไม่รู้ว่าคุณเทพเป็นใคร เกิดมีเมียมีลูกอยู่แล้ว ยังคิดเจ้าชู้กับแพร แพรก็ไม่เอาหรอกจ้ะ”

ผู้เป็นบิดาหัวเราะเสียงดัง “ผู้ชายคนนี้พ่อดูออก ไม่ใช่คนเจ้าชู้พรรค์นั้นหรอก แถมยังรักเดียวใจเดียวอีกต่างหาก ลูกโชคดีแล้วที่ได้เจอคุณเทพ”

“คุณเทพเป็นอย่างที่พ่อว่าจริงๆ แม่ก็เชื่อเหมือนกัน” มารดาของหล่อนพยักพเยิดกับคนที่นั่งข้างเคียง ก่อนกล่าวทิ้งท้ายด้วยเสียงดังเพื่อหวังให้บุตรสารเก็บไปคิดไตร่ตรองให้ถ้วนถี่

“ลูกอยู่ด้วยกันเป็นเดือน ยังดูไม่ออกอีกเหรอ”

 



Don`t copy text!