
เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 19 : จะเชื่อเหรอ
โดย : กุลวีร์
![]()
เทพารักษ์ภัสดา โดย กุลวีร์ นวนิยายสนุกๆ ที่อ่านเอานำมาให้อ่านใน www.anowl.co กับเรื่องราวของเทพารักษ์ผู้มีสัตย์ว่าจะรักเพียงหนึ่ง ต้องลงมาใช้ชีวิตเยี่ยงมนุษย์เพราะหญิงสาวผู้เปลี่ยนหัวใจเขาตลอดกาล ภารกิจพิชิตใจจึงเริ่มต้น ท่ามกลางความวุ่นวายของเพื่อนบ้าน และบททดสอบของความรักที่ไม่ใช่แค่เรื่องบนเตียง
“คุณแพรเป็นเยี่ยงไร ผู้ใดมารึ”
เขาทิ้งไม้ถูพื้น รีบวิ่งลงไปชั้นล่าง มุ่งตรงสู่บริเวณที่หล่อนส่งเสียงขอความช่วยเหลือ
เวธัสใจหายใจคว่ำ นึกว่าใครถือมีดเข้ามาในบ้าน หรือนางไม้ผู้นั้นประสงค์ร้ายกับหล่อน เพราะโลกมนุษย์มีทุกสิ่งสุดแสนจะคาดเดาได้
“คุณช่วยด้วย เอามันออกไปไกลๆ” แพรพิไลเอ่ยทันทีที่เห็นหน้าเขา
เวธัสเมียงมองทั่วห้องก็เห็นแต่ความว่างเปล่าซึ่งร้างไร้ผู้คนที่จะทำร้ายกันได้ อีกทั้งไม่เห็นสิ่งใดที่ทำให้หญิงสาวหวาดกลัว
เมื่อเขายังยืนนิ่ง หล่อนก็พูดต่อ “มันอยู่นั่น มันบินผ่านหน้าแล้ววิ่งมาที่เท้าฉัน ก่อนเข้าไปแอบใต้โซฟา คุณช่วยเอามันไปให้พ้นๆ จากบ้านฉันทีเถอะนะ”
เวธัสงงงันกับคำกล่าวที่ได้ยิน ขณะที่แพรพิไลยกมือปิดหน้าปิดตาราวกับไม่อยากเห็นสิ่งที่ถูกเอ่ยถึง
พอคำร้องขอยังไม่ได้รับการตอบสนอง หล่อนจึงเดินมาใกล้เขา
“ผมไม่เห็นสิ่งใด คุณแพรไม่ต้องกลัว” เวธัสพยายามปลอบขวัญ
“แต่ฉันเห็น มันอยู่ใต้โซฟาจริงๆ คุณลองขยับโซฟาดูสิ มันยังไม่ไปไหนหรอก” หล่อนเขย่าแขนเขาคล้ายอ้อนวอน “ช่วยเอามันออกไปให้ที”
“ผมไม่เห็น…”
เขายังไม่ทันเอ่ยจบ สัตว์สีน้ำตาลเข้มก็วิ่งออกมาจากใต้โซฟา ปรี่ไปตรงที่ที่หล่อนยืนอยู่เหมือนจะรู้ว่าใครกลัวมัน
“กรี๊ด! แมลงสาบ” แพรพิไลร้องลั่นบ้าน กระโดดเกาะคนตรงหน้าแบบไม่รู้ตัว “คุณไล่มันไป ฉันกลัว ฉันไม่ชอบแมลงสาบ ฉันไม่อยากเห็น คุณไล่มันไปเร็วๆ สิ”
เวธัสยิ้มกรุ้มกริ่ม ยามหญิงสาวซุกใบหน้ากับแผงอกของเขา ช่างเป็นความรู้สึกดีในสถานการณ์ที่อาจไม่ดีกับความรู้สึกของหล่อน
“เหตุใดต้องกลัวมัน” เขายกมือข้างหนึ่งโอบตัวหล่อนไว้ราวกับปกป้องคุ้มครองกัน ขณะจ้องมองแมลงสาบตัวเขื่องหยุดนิ่งพลางส่ายหนวดไปมา
“ตอนนี้คุณอย่าถามอะไรได้ไหม ไล่มันไปจากตรงนี้ก่อน” แพรพิไลเหลือบมองบนพื้นก็ยังเห็นสิ่งที่ไม่อยากเจอ จึงต้องแนบหน้ากับอกเขาตามเดิม
“สัตว์ตัวนี้ไม่คิดทำร้ายกับคุณแพร”
“แต่ฉันไม่ชอบ อย่าอยู่ร่วมบ้านกันเลย คงดีกว่า” หล่อนยังไม่หยุดโวยวาย จนเริ่มรู้ตัวก็เงยหน้ามองเขา พอสายตาประสานแววตาที่มีแต่ความปรารถนาไม่เคยเปลี่ยน แพรพิไลเริ่มหวั่นไหวในอกพลางขยับตัวให้เขาลดแรงกระชับอ้อมแขน “นี่คุณจะกอดฉันทำไม”
“คุณแพรเข้ามาให้ผมกอดเองต่างหาก” เวธัสมีแต่ความเปรมปรีดิ์
แพรพิไลไม่รู้จะทำเช่นไร ระหว่างปล่อยให้เขาโอบเอวไว้อย่างนี้ หรือหันไปประจันหน้ากับแมลงสาบที่เกลียดนักเกลียดหนา
“คุณช่วยไล่มันไปหน่อยสิ” หล่อนพูดเสียงอ่อน เพราะการได้อยู่ในอ้อมแขนของเขานั้นทำให้รู้สึกปลอดภัยดี “หรือจะเอาไม้กวาดตีมันก็ได้”
“การฆ่าสัตว์คือบาปอย่างหนึ่ง ผมไม่ทำ”
เขาอยากให้แมลงสาบอยู่นิ่งเฉยตรงนั้นทั้งวัน เพื่อจะได้ใกล้ชิดแนบสนิทกับหล่อนถึงเพียงนี้
“ถ้าคุณไม่อยากฆ่ามัน จะทำอะไรก็ได้ ให้มันออกไปจากบ้านฉันก็พอ ปล่อยไว้อย่างนี้คงไม่ดีแน่” โดยเฉพาะไม่ดีกับใจหล่อนที่ไม่ยอมผละจากอกแน่นๆ ของเขาง่ายๆ ถ้าแมลงสาบยังไม่ไปให้พ้นตา
ทั้งที่ไม่อยากให้ความสุขมลาย หากคงถึงเวลาที่จะต้องจัดการกับแมลงสาบตามความต้องการของหล่อน
เวธัสจ้องมองแมลงสาบวิ่งไปตรงประตูบ้านอย่างรู้ทิศทางจนลับสายตา
“ไม่มีสิ่งใดที่คุณแพรจะต้องกลัวอีกแล้ว”
แพรพิไลออกห่างจากอกของเขาโดยพลัน แล้วมองสำรวจรอบกายเพื่อความแน่ใจ
“ทำไมคุณไม่ตามมันไป”
“คุณแพรไม่ยอมปล่อยผม จะให้ผมตามไปยังไงรึ”
“ถ้ามันมาใกล้ฉันอีกล่ะ”
“ก็ดีไม่ใช่รึ” เขาพูดกลั้วหัวเราะด้วยความชอบใจ “เราจะได้กอดกันอีก”
แพรพิไลสะบัดหน้าหนีจากคนเจ้าเล่ห์ที่ชอบฉวยโอกาส จากนั้นรีบเปลี่ยนประเด็น ก่อนใจจะสั่นไหวมากขึ้นกว่าเดิม
“ฉันไม่เจอสาวคนนั้นหลายวันแล้วนะ ไม่รู้หายหน้าไปไหน”
“อย่าไปสนใจเลย” เขาทราบดีว่าหล่อนกล่าวถึงนางไม้ผู้นั้น
“หรือคุณแอบไปคุยอะไรกัน เพื่อไม่ให้มาเจอฉันอีก”
เหตุใดต้องไม่พอใจ ถ้าเขาจะคุยกับสาวอื่นลับหลัง หล่อนก็ยังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้สักที
“คุยกันหนเดียว” เวธัสไม่คิดปิดบัง “เพื่อบอกให้รู้ว่าผมไม่พิศวาสผู้ใดทั้งนั้น นอกจากคนในบ้านนี้ผู้เดียว”
ทั้งที่อยากหลีกหนีความวาบหวามในอก แต่ถ้อยคำของเขาก็ทำให้ความรู้สึกนั้นเด่นชัดจนต้องเอ่ยขึ้น “ฉันลองคิดดูใหม่ ถ้ามีคนรู้จักคุณจริงๆ อาจดีก็ได้ เผื่อจะได้รู้ว่าคุณเป็นใคร”
“ถ้ารู้ว่าผมเป็นใคร คุณแพรจะทำเยี่ยงไรกับผม” เวธัสถามด้วยน้ำเสียงจริงจังขึ้นเล็กน้อย
“คงต้องปล่อยให้คุณไปตามทางของคุณ ฉันจะทำอะไรได้ล่ะ แต่เป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว”
ประโยคหลังหล่อนตั้งใจบอกตัวเอง…ดีแล้วที่ยังมีเขาอยู่ร่วมบ้านหลังเดียวกัน
เวธัสยิ้มด้วยความเป็นสุขอีกครั้ง เพราะทางของเขานั้นคือมีหญิงสาวตรงหน้าเป็นคู่ครองและทำให้หล่อนรักกันจนหมดใจ
“ฉันจะขึ้นไปทำห้องนอนต่อให้เอง คุณไม่ต้องไปช่วยหรอก” แพรพิไลอยากหลบหลีกสายตาที่แฝงด้วยความประสงค์ในตัวหล่อนแบบเปิดเผยจนเกินควร
เวธัสยืนมองหญิงสาวจ้ำอ้าวไปบนชั้นสอง พลางนึกถึงสาเหตุแท้จริงที่หล่อนมองเห็นกายทิพย์ของเขาในครานั้น โดยมีวัจนาของเทวดาผู้เป็นใหญ่ยังแว่วให้ได้ยิน
เมื่อใดที่พวกมนุษย์ทำผิดเบญจศีลต่อหน้าเจ้า เมื่อนั้นเจ้าจะได้เจอนางผู้เป็นคู่บุญ…
หากวจียังไม่หมดเพียงแค่นั้น
ถ้าเจ้าอยากเป็นเทวดาเสวยบุญจนหมดอายุทิพย์ จงอย่าให้มนุษย์ทำผิดบาปในผืนดินที่เจ้าเป็นผู้ปกป้องรักษา
ทว่าเวธัสไม่อาจดลใจมนุษย์กิเลสหนาได้ จึงเป็นฝ่ายเฝ้าดูเรื่อยมา
ตั้งแต่ผืนดินตรงนั้นยังไม่มีสถานบันเทิง บาปแรกที่มนุษย์กระทำให้เห็นตำตาคือการฆ่าคน หลายสิบปีต่อมาก็มีสถานบันเทิงจึงได้เห็นความโสมมของผู้คนมากขึ้น เมื่อมนุษย์ริทำบาปไม่เว้นวัน ทั้งดื่มสุราจนขาดสติ ก่อเหตุลักทรัพย์ ตลอดจนพูดจาโกหกเหมือนเป็นเรื่องปกติ เหตุการณ์เหล่านั้นเป็นภาพวนเวียนซ้ำๆ ปรากฏแก่สายตานานหลายปี
จากนั้นไม่กี่วันก่อนที่จะได้เจอแพรพิไล ก็เห็นชายหญิงคู่หนึ่งคิดอุตริชวนกันมาสมสู่โดยใช้ต้นไม้ใหญ่ที่เขาอาศัยเป็นที่บังตาคนจนเสพสมอารมณ์หมาย โดยฝ่ายหญิงเป็นภรรยาของชายอีกคนที่มาเที่ยวสถานบันเทิงด้วยกัน
หลากหลายเรื่องราวที่เคยบังเกิดขึ้นบนผืนดินแห่งนั้น เวธัสจึงมั่นใจสำหรับการพบพานกัน
ทั้งที่ความสัมพันธ์ระหว่างเทพารักษ์กับมนุษย์ผู้หนึ่งไม่อาจเกิดขึ้นได้เลย แต่ก็เป็นไปได้
ขณะที่เจ้าของบ้านอยู่บนชั้นสอง เขารับรู้ถึงบางอย่างเกิดขึ้นตรงบริเวณหน้าบ้านของเพื่อนบ้าน จึงเร่งรุดไปสอดส่อง
เวธัสล่วงรู้ความลับบางอย่างของบุษบงซึ่งส่อแววประพฤติผิดศีลหนึ่งข้อในเบญจศีล
หากภาพที่เขาได้เห็นถือว่าเป็นเรื่องไม่ควรยิ่งนัก
ในวันที่สามีต้องออกนอกบ้านไปทำงานพิเศษ ผู้เป็นภรรยาจะแอบกระทำการใด
“พ่อหนุ่มเห็นพวกเขาทำกันพรรค์นั้นจริงๆ เหรอ”
คำถามของหญิงชรา หลังจากรับฟังคำกล่าวของเขาจบลง
เวธัสยังคิดไม่ตกจึงอยากหาที่ปรึกษา ซึ่งมีแค่ยายเอี่ยมเพียงคนเดียวที่จะเสวนากันได้
อีกหนึ่งวันที่เขาแลเห็นบุษบงอยู่กับชายแปลกหน้าซึ่งไม่ใช่ชายคนเดิมที่เคยเห็นเมื่อสามวันก่อน หากวันนี้หลายการกระทำจากคนทั้งสองได้ตอกย้ำความคิดให้เด่นชัด
ตั้งแต่เขาเห็นผู้เป็นเจ้าของบ้านเปิดประตูให้ชายผู้มาเยือนเข้าไปในบ้าน จนเวลาผันผ่านก็เดินเกาะเกี่ยวแขนกันออกมาจากบ้าน หากมีเหตุคาดไม่ถึง บุษบงสวมกอดและจูบแบบดูดดื่มกับชายคนนั้น แม้จะเกิดภายในรถยนต์ไม่กี่นาทีก็บ่งบอกถึงระดับความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคน
มนุษย์ควรละเว้นศีลทั้งห้าข้อเพื่อไม่ให้เกิดการทำบาปและหมั่นทำความดีสะสมแต่ผลบุญ หากบุษบงคงเหมือนมนุษย์อีกหลายคนที่ไม่อาจยับยั้งชั่งใจตัวเองได้
เวธัสจึงคิดว่าคนทั้งสองประพฤติผิดในกาม ต่อให้ไม่มีฝ่ายใดขัดข้องก็ก่อบาปอยู่ดีที่ได้ล่วงละเมิดเมียผู้อื่น ซึ่งอาจส่งผลให้ทำผิดศีลข้ออื่นในเบญจศีลตามมา
ฉะนั้นต้องกันไว้ก่อนจะกลายเป็นปัญหาใหม่ แต่เขายังหาหนทางป้องกันไม่ได้เลย
“ตอนแรกยายนึกว่าคงไม่มีอะไรหรอก” ยายเอี่ยมเอ่ยต่อ “แต่พอพ่อหนุ่มเล่าให้ฟังอย่างที่เห็น ยิ่งพากันหายเข้าไปในบ้านหลายชั่วโมง คงไม่ผิดแน่ บัดสีบัดเถลิง”
แม้เขาไม่ค่อยเข้าใจถ้อยคำในท้ายประโยคของหญิงชรา หากคาดว่าคงจะคิดทำนองเดียวกัน
“กาเมสุมิจฉาจาร คุณบุษยังละเว้นศีลข้อนี้ไม่ได้”
“พ่อหนุ่มพูดซะสวยหรู บอกง่ายๆ ก็คือนังบุษแอบเล่นชู้ในบ้าน” ยายเอี่ยมหัวเราะในลำคอ ยามรับรู้เรื่องราวซ่อนเร้นของเพื่อนบ้านใกล้เคียง
ในเมื่อเอ่ยออกไปแล้วก็ยากที่จะนำทุกคำพูดกลับคืนมาได้ เวธัสทำถูกหรือไม่ที่พูดคุยเรื่องดังกล่าวกับหญิงชรา
ก่อนเขาจะขอคำปรึกษาก็ได้ยินคำถามจากอีกฝ่าย
“พ่อหนุ่มเป็นยังไงบ้าง ทำไปถึงไหนแล้วล่ะ” ยายเอี่ยมเปลี่ยนประเด็น พอเห็นสีหน้าไม่เข้าใจของเขาจึงขยายความต่อ “ก็คำแนะนำที่ตาเคยทำกับยาย พ่อหนุ่มเอาไปทำกับนังหนูได้ผลไหมล่ะ”
“พอใช้ได้ แต่ยังไม่ได้ใจคุณแพร”
“ถ้าอยากได้มาครองต้องพยายามต่อไป ยิ่งสิ่งใดที่ได้ยากๆ สิ่งนั้นยิ่งมีค่ากับเราเสมอ จำไว้” ยายเอี่ยมยกมือลูบแขนเขาหวังให้กำลังใจ “กว่าตาจะได้ใจยายไปครองหมดทั้งใจก็ใช้เวลานานเป็นปีเชียวนะ”
“ให้รอนานกว่านั้น ผมพร้อมจะทำเพื่อให้ได้คุณแพรเป็นคู่ครอง” เวธัสมีน้ำเสียงมุ่งมั่น
“มันต้องอย่างนี้สิ ถ้าเชื่อว่านังหนูอยู่กับเราแล้วมีความสุข ยายจะช่วยสนับสนุนเต็มที่ เพียงแค่มาบอกกัน”
“ผมขอบคุณครับ” เขายกมือไหว้หญิงชรา จากนั้นก็วกกลับเข้าเรื่องเดิม “ผมจะบอกคุณแพรให้รู้ไว้ก่อนดีไหม”
“บอกเรื่องพ่อหนุ่มจ้องจะเอานังหนูทำเมียน่ะเหรอ”
เมื่อไม่ได้เกริ่นนำว่าเป็นเรื่องใด ยายเอี่ยมจึงเข้าใจเช่นนั้น
เขาต้องอธิบายเพิ่มเติมว่าเป็นเรื่องของบุษบงกับชายที่ไม่ใช่สามี เนื่องจากยังไม่แน่ใจกับการนำเรื่องนอกบ้านถึงหูหล่อน ทั้งที่ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้หล่อนแม้แต่น้อย
ยายเอี่ยมเสนอทางเลือกใหม่ “ถ้าบอกครูดิษย์น่าจะได้ประโยชน์มากกว่า”
เวธัสชั่งใจสักพัก ก่อนยืนยันความตั้งใจเดิม “ผมต้องบอกคุณแพร แล้วค่อยบอกครูดิษย์”
แต่คำกล่าวของหญิงชราก็ไม่ช่วยให้หายลังเลใจได้เลย
“นังหนูจะเชื่อเหรอ สนิทกันขนาดนั้น เหมือนเรื่องของยายนั่นแหละ เชื่อแต่บ้านนั้น เหมือนแม่ลูกกันไม่มีผิด”

- READ เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 22 : มีเหตุให้ต้องงอน
- READ เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 21 : เกิดขึ้นอีกแล้ว
- READ เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 20 : อย่าบอกใคร
- READ เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 19 : จะเชื่อเหรอ
- READ เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 18 : ช่วยกัน ช่วยด้วย!
- READ เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 17 : มีแต่เรื่องพิกล
- READ เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 16 : มองไม่เบื่อ
- READ เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 15 : อยู่นานนาน
- READ เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 14 : จีบจริงจัง
- READ เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 13 : ดูไม่ออกเหรอ
- READ เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 12 : มีเรื่องให้ร้อนรน
- READ เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 11 : ของดีจริงจริง
- READ เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 10 : บอกให้รู้ไว้ก่อน
- READ เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 9 : เหตุใดมันจึงร้อง
- READ เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 8 : ฝากด้วยนะ
- READ เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 7 : อย่างนั้นก็แย่เลย
- READ เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 6 : เชื่อสิ!
- READ เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 5 : ขอไปทำไม
- READ เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 4 : เลิกพูดเถอะ
- READ เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 3 : ดีหรือไม่ดี
- READ เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 2 : ไม่ใช่ใช่ไหม
- READ เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 1 : ขออยู่ที่นี่ได้ไหม
- READ เทพารักษ์ภัสดา : บทนำ







