ดวงตามัจจุราช บทที่ 3 : เพจตามส่อง OSCI
โดย : ตะวันยอ
ดวงตามัจจุราช โดย ตะวันยอ นวนิยายแนวเหนือจริงที่ อ่านเอา อยากให้คุณได้อ่านออนไลน์…เมื่อตำรวจสาวผู้มากด้วยความสามารถต้องกลายมาเป็นคู่หูกับชายหนุ่มผู้มองเห็นความคิดและความทรงจำสุดท้ายของคนตาย การผจญภัยเสี่ยงชีวิตด้วยกันจึงเกิดขึ้น และแม้คดีมากมายจะจบลง แต่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่กลับไม่เป็นเช่นนั้น
*************************
– 3 –
สถานการณ์วันนี้ของ OSCI ไม่เพียงวุ่นวายด้วยคดีดังระดับประเทศที่กำลังเร่งสะสาง แต่ยังมีอีกเรื่องเข้ามา เมื่อเพจตามส่อง OSCI โพสต์ลงข่าวเกี่ยวกับองค์กรอีกครั้ง ดุจดาวเดินตามหาสารวัตรเริงเกียรติแต่ไม่เจอตัว เธอบอกให้ดาบป๊อกช่วยตามหาอีกแรง ปรากฏว่าดาบป๊อกมาเจอตัวสารวัตรเริงเกียรติกำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์เมาท์มอยอย่างสบายใจกับฉกาจอยู่ที่โต๊ะรับแขกด้านหน้าเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์
“สารวัตรครับ เขาตามหาสารวัตรกันให้ทั่ว มือถือทิ้งไว้ในห้องทำงานทำไม แอบมาหนุงหนิงกับคุณเก่งอยู่ที่นี่เอง เอ่อ…สารวัตรเห็นเพจคู่กัดของสารวัตรหรือยัง”
“เพจอะไร อ๋อ ตามส่อง OSCI น่ะเหรอ เช้านี้ผมยังไม่ได้ดูอะไรเลย”
“ผมว่าสารวัตรน่าจะเข้าไปดู…ตอนนี้เลย” ดาบป๊อกรายงานแล้วส่งสมาร์ตโฟนมาให้ ก้มหน้ารอรับระเบิดอารมณ์ของลูกพี่ สารวัตรเริงเกียรติเห็นอาการนั้นของลูกน้องแล้วเริ่มใจไม่ดี เขารับสมาร์ตโฟนมาแล้วคลิกเข้าไปส่องเพจดังกล่าว แล้วถึงกับอุทานเสียงดัง “ตาย!”
ฉกาจชะโงกหน้าเข้ามาดูหน้าจอมือถือของเพื่อน “มีอะไร ใครตาย?” เขาเห็นหน้าเพจขึ้นอินโฟกราฟิกหราว่า ‘OSCI ตามมัจจุราชมาจับผี!’ แล้วหันไปถามเพื่อนว่า “เขาพูดถึงฉันป่าววะ”
“เอออออ” แล้วก็เงียบไปเมื่อก้มลงอ่านเนื้อหาในข่าว “อะไรกันเนี่ย ทำไมเพจนี้มันรู้ทุกเรื่องเลยวะ”
“รู้อะไรบ้าง” ฉกาจถามเพื่อนรุ่นพี่ที่นั่งหน้ามุ่ย ท่าทางหัวเสีย
“รู้ว่าเราให้แกมาเป็นที่ปรึกษา รู้ว่าศพมีรอยฝ่ามือสีดำที่หน้าอกซ้าย ฉันไม่ได้บอกในการแถลงข่าวนะ เพราะผู้ใหญ่ก็เตือนว่าเรื่องนี้เซ็นซิทีฟ อาจทำให้คนแตกตื่นได้”
“ผมคิดว่าน่าจะเป็นนังหนูคนนั้น เธอมายืนแอบฟังอยู่นานตอนที่เราไปชันสูตรศพนายกล่ำกัน ไม่รู้เธอได้ยินอะไรไปบ้าง” ดาบป๊อกสันนิษฐาน
“เด็กผู้หญิงที่คุณบอกผมวันนั้นน่ะเหรอ” สารวัตรเริงเกียรติย้ำเพื่อความมั่นใจ
“ครับผม ผมไม่แน่ใจว่าเธอได้ใช้มือถืออัดคลิปพวกเราด้วยหรือเปล่า”
“ไม่ได้การละ ต้องสืบก่อนว่าเพจนี้จะลงอะไรครั้งต่อไป” สารวัตรเริงเกียรติผลุนผลันลุกขึ้น เดินตรงไปห้องทำงานทันที โดยมีฉกาจและดาบป๊อกเดินตามไปติดๆ
เมื่อถึงห้องทำงาน เขากำลังยกหูโทร.ไปตามเบอร์โทรศัพท์ที่แจ้งในเพจ ฉกาจเป็นฝ่ายเตือนสติเขาเพราะเห็นว่าตอนนี้เพื่อนรุ่นพี่กำลังร้อนรนไปหมด “อย่าเพิ่งตื่นตูมไปก่อน ใจเย็นๆ คุณ ผอ.”
“เออว่ะ เล่นกับนักข่าวต้องมีลีลาหน่อย ขอบใจที่เตือน” แล้วเขาก็โทร.ไปตามเบอร์ที่ปรากฏในเพจ เมื่อปลายสายมีเสียงผู้หญิงรับ เขาจึงเปลี่ยนเสียงและวิธีการพูดให้ดูเป็นวัยรุ่นว่า “ผมอ่านเจอฟีดข่าวที่คุณเพิ่งขึ้นเมื่อตะกี้ ครับใช่อันที่บอกว่า OSCI ตามมัจจุราชมาจับผี อันนี้ของจริงไหมครับ”
“ไม่จริงเราไม่กล้าลงหรอก” เสียงใสๆ คล้ายเด็กผู้หญิงที่อยู่ปลายสายตอบกลับมา
“งุ้ยยย แจ๋งอะ ยังไม่มีใครลงเลย เพจคุณที่แรก สุโค้ยยยยย” งานปลอมตัวเป็นงานที่เขาถนัดอยู่แล้ว ลีลาแน่นอนย่อมต้องแพรวพราวหาตัวจับยาก แม้แต่ป๊อกกี้ยังต้องยกความเป็นมือวางอันดับหนึ่งให้เขา “ผมตามเพจคุณมาตลอดเลย แก๊งเพื่อนก็ชอบเพจนี้ ถูกใจโคตรๆ ตั้งแต่เรื่อง OSCI กินภาษีเราคราวก่อน แต่อันนั้นคุณพลาดอะ”
“ต่อไปเราไม่มีพลาดแน่นอนค่ะ แล้วก็จะยิ่งเจ้มจ้นขึ้นไปอีก ฉันรับประกันได้เลย” ปลายสายโอ่ “รู้แล้วเหยียบไว้นะ เพราะฉันไปสืบมาเอง”
โป๊ะแตก! เป็นอย่างที่ป๊อกกี้สันนิษฐานไว้จริงๆ สารวัตรเริงเกียรติหันไปหาป๊อกกี้แล้วยกนิ้วหัวแม่โป้งให้
“จริงเหรอครับ โอยย เก่งจริงๆ คุณแอดมิน” เขาแสร้งชม
“ไม่ใช่แอดมินอย่างเดียวนะ เราเป็นเจ้าของเพจด้วย” ฝ่ายนั้นดูเป็นผู้หญิงที่บ้าลูกยอไม่น้อย ข้อมูลจึงหลุดมาเรื่อยๆ โดยที่เขาไม่ต้องใช้ความสามารถอะไรมากเลย
“ไม่ใช่พี่ผู้ชายหน้าเข้มๆ ที่เคยมาไลฟ์สดในงานเปิดตัว OSCI เหรอครับ”
“คุณนี่ต้องเรียกว่าแฟนตัวยงของจริง คนนั้นน้องชาย อย่าไปเมนต์เรียกเขาว่าพี่ชายนะ เดี๋ยวน้องงอล ฉัน ทราย พรรณราย ค่ะ ความจริงตอนไลฟ์สดงาน OSCI ก็มีฉันโผล่มาแวบๆ ที่แต่งเป็นผีนางตานีน่ะค่ะ” เธอโอ่ต่ออย่างภาคภูมิใจ งานนั้นอุตส่าห์คิดแก๊กตั้งนานว่าจะทำอะไรเพื่อเป็นการต้อนรับ ‘หน่วยสืบผี’ หน่วยแรกของประเทศไทย หวยมาออกที่ชุดนางตานี เล่นเอาฮือฮากันไปทั้งงาน ยอดไลฟ์ถึงกับพุ่งกระฉูดไปที่ 50k
สารวัตรเริงเกียรติก็เพิ่งจะนึกขึ้นมาได้ว่านอกจากข่าวมั่วเรื่องภาษีที่ทำให้เขาปวดหัวแล้ว ยังมีผีนางตานีที่วิ่งโฉบอุ้มกล้วยสไบปลิว แวบไปแวบมาตอนที่เขาแถลงข่าวเปิดตัว OSCI เธอคือแม่ตานีปลายหวีเหี่ยวนี่เอง!
“โอ๊ยย งานนั้นคนฮือฮากันทั้งงานเลยนะครับ ไว้ได้เจอตัวตอนไปไลฟ์สดงานไหนจะเข้าไปขอลายเซ็น แล้วฟีดข่าวครั้งต่อไปจะเป็นเรื่องอะไรอะครับ”
“คุณได้เห็นหน้าสารวัตรเริงเกียรติ ผอ.OSCI ไหม ต้องเห็นสิเพราะฉันซูมเข้าซูมออก” เสียงหัวเราะคิกคักของเธอทำเอาสารวัตรเริงเกียรติฉุนกึก “ฟีดข่าวครั้งต่อไปรอดูนะคะ มีข้อมูลอยู่ในมือแล้วก็มีภาพด้วย ไปถ่ายมาเองกับมือเลย คือรอยฝ่ามือสีดำที่ OSCI ยังปิดข่าวอยู่เลยค่ะ”
“โอ้วมายก็อด!” เขาร้องอุทาน แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยปากสืบอะไรต่อ ปลายสายเหมือนมีเสียงผู้ชายดังแว่วเข้ามาว่า
“เจ๊ อะไรอะ ไปบอกเขาเกลี้ยงเลย เราจะรู้ได้ไงว่า OSCI ไม่ได้แกล้งโทรมาสืบ เรายิ่งมีกรณีกะเขาอยู่ เดี๋ยวเขาหาเรื่องปิดเพจเรานะ” แล้วปลายสายก็เหมือนมีการแย่งโทรศัพท์ “สวัสดีครับ นั่นใครพูดครับ”
OSCI ไม่ทรงอิทธิพลขนาดอยากปิดเพจใครก็ปิดได้ครับน้อง เขาร้องอุทานอยู่ในใจ แต่ปากจำต้องพูดไปว่า “ผมโน้ตครับ แฟนตัวยงที่ใช้ชื่อว่า Note Handsome Guy” ชื่อนี้เป็นชื่อที่เขาสร้างขึ้นมาเพื่อใช้สืบเรื่องราวในโลกโซเชียล โดยใช้โพรไฟล์รูปดาราหนุ่มเกาหลีชื่อดัง ฉกาจและดาบป๊อกที่ยืนฟังอยู่ถึงกับประสานเสียงหัวเราะออกมาดังลั่นห้อง สารวัตรเริงเกียรติโบกไม้โบกมือไล่ทั้งสองออกจากห้องไป
“แล้วนั่นใครหัวเราะครับ” ผู้ชายคนนี้มีความระแวงสูงมาก สารวัตรเริงเกียรติวิเคราะห์ “อ้อ แก๊งเพื่อนที่นัดมาเตะบอลครับ พวกมันยังไม่ชินกับความหล่อของผม”
“มีอะไรก็ติดตามในเพจแล้วกันนะครับ ขอบคุณครับที่ติดตามเพจเรา” แล้วก็รีบวางสายไปทันที
ดาบป๊อกยื่นหน้าเข้ามาเยี่ยมๆ มองๆ หลังถูกไล่ไปนอกห้อง ก่อนจะเดินเข้ามาพร้อมกับฉกาจ
“เป็นไงบ้างครับสารวัตรเริง”
“ดูท่าทางเป็นแค่เพจที่อยากนำกระแส ต้องการสร้างพื้นที่บนโลกโซเชียล ผมว่าคนทำต้องมีทักษะนักข่าว แต่ไม่ได้มีเจตนาร้ายแรงอะไรแอบแฝงหรอก เพียงแต่การลงฟีดข่าวบางเรื่องอาจกระทบต่อการสืบคดีของเราและสร้างความแตกตื่นให้ประชาชน”
“เสียดายจังที่ผมอ่านความทรงจำทางโทรศัพท์ไม่ได้ ไม่งั้นก็ได้รู้หมดแล้ว” ฉกาจที่ยืนอิงโต๊ะอยู่พูดขึ้นมา
“ทีหลังแกก็พัฒนาสกิลขึ้นมาสิวะ”
ฉกาจนึกถึงความสามารถตัวเองที่ไม่ได้มีเท่าที่เพื่อนรุ่นพี่รู้ อย่างเคสที่แล้ว จู่ๆ วิญญาณก็โผล่มาหา เขาถอนหายใจยาว อดเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันในใจไม่ได้ว่าพูดน่ะมันง่ายสิเมิง “แค่นี้ก็เหนื่อยจะแย่แล้ว ให้เวลาที่ปรึกษาอย่างฉันได้พักผ่อนบ้างเหอะ เออ…ฉันคิดไอเดียดีๆ ได้ละ แทนที่แกจะมัวนั่งกลุ้ม ทำไมไม่รู้จักใช้เพจนี้ให้เป็นกระบอกเสียงให้ OSCI ไปเลยล่ะ ไหนดูสิ…” ฉกาจกดดูยอดผู้ติดตามพบว่ามีกว่า 60k “เพจเพิ่งเปิดแต่มีคนติดตาม 60k ก็น่าสนนะ”
เออ ความคิดไอ้เก่งมันเข้าท่าดี สารวัตรเริงเกียรติคิดกระหยิ่มยิ้มย่อง “ฉันจะเก็บไว้พิจารณานะเว้ย”
ณ บ้านชั้นเดียว หลังขนาดย่อมชานเมือง นอกจากเป็นที่พักอาศัยแล้ว เจ้าของยังแบ่งพื้นที่ส่วนหนึ่งในบ้านจัดเป็นออฟฟิศขนาดกะทัดรัดของเพจ ตามส่อง OSCI ซึ่งมีเพียงแค่โต๊ะทำงานและโน้ตบุ๊กเท่านั้น พรรณราย เจ้าของเพจและแอดมิน กำลังนั่งพิมพ์ข่าวที่จะลงฟีดต่อไปบนโต๊ะที่รกล้อมไปด้วยหนังสือซ้อนวางเป็นชั้นสูงท่วมศีรษะ แม้จะรกแต่รอบๆ ดูสะอาดสะอ้าน น้องชายคนเดียวของเธอ พงษ์เวศ เดินเข้ามานอนแผ่บนโซฟาใกล้ๆ
“ค่าน้ำค่าไฟเดือนนี้มาอีกแล้วนะพี่ทราย”
“เห็นแล้วละพงษ์ เงินชดเชยเลิกจ้างพี่ยังมีเหลืออยู่บ้าง อย่าห่วงเลย” เธอโผล่หน้าพ้นกองหนังสือออกมายิ้มสดใสปลอบน้องชาย
“ไม่ห่วงได้ยังไง ผมยังหางานทำไม่ได้เลย พี่ก็ต้องมาถูกเลิกจ้าง”
“ไม่เอา อย่าเครียดๆ เรามีเพจของเราไง” พี่สาวปลอบน้อง ตายังจ้องจอไม่เลิก
“โฆษณาจะเข้าเหรอ” พงษ์เวชบ่นกระปอดกระแปด พี่สาวเขาเคยทำงานในบริษัทสื่อสิ่งพิมพ์แห่งหนึ่ง เมื่อถึงยุค disrubtive เทคโนโลยีเข้ามาแทนที่ คนหันมาเล่นโซเชียลมากกว่าอ่านหนังสือ ยอดโฆษณาตกฮวบบริษัทแบกรับค่าใช้จ่ายไม่ไหว แมกกาซีนแฟชั่นที่พี่สาวเขาทำงานอยู่ในตำแหน่งหัวหน้ากองบรรณาธิการต้องปิดตัวลง พี่ทรายจึงมาเปิดเพจ ‘ตามส่อง OSCI’ เพราะเล็งเห็นโอกาส ความแปลก ใหม่ ท้าทายและตื่นเต้นขององค์กรนี้ที่ไม่เหมือนองค์กรไหนของตำรวจไทย ตัวเขามีหน้าที่คอยตามถ่ายภาพในงานที่พี่สาวไป บางครั้งก็ช่วยตอบคอมเมนต์แฟนเพจถ้าพี่เขาไม่ว่าง
“มีติดต่อมาเจ้าหนึ่งแระ” ทรายบอกน้องชายแล้วส่งยิ้มหวานๆ ไปให้ทีหนึ่ง
“ถามจริง!” พงษ์เวชผุดลุกขึ้นนั่งทันที
“แน่นอน เดี๋ยวพี่โพสต์ข่าวใหม่ลง รับรองเจ๋งกว่าเดิม” ข่าวที่เขาได้ยินที่พี่สาวอวดไอ้เจ้าแฟนตัวยง Note Handsome Guy เมื่อเช้าละสิ พงษ์เวชคิดแล้วหงุดหงิด
“ทีหน้าทีหลังใครโทรมาก็อย่าไปเปิดเผยข้อมูลทุกเรื่อง เข้าใจไหม” เสียงน้องชายบังเกิดเกล้าสั่งพี่สาววัย 29 ไอ้นี่มันยิ่งกว่าพ่อเสียอีก พรรณรายแอบขมวดคิ้วหน้ามุ่ย ทำปากขมุบขมิบสวดน้องชายอยู่ภายในกำแพงหนังสือ แต่เธอก็เบาใจที่มีคนคอยระวังให้ ตั้งแต่พ่อแม่เสียชีวิตไป น้องชายวัยห่างกันเพียงปีเดียวของเธอก็ทำตัวเหมือนเป็นผู้ปกครองของบ้าน
“จ้าคุณชายพงษ์”
“เจ๊น่ะไม่ทันคนตลอดเลย ครั้งที่แล้วลูกเพจโพสต์ขอยืมตังค์ เรากรอบกันจะตายไป นี่ก็ดันโอนเงินไปให้เขายืม เป็นใครที่ไหนก็ไม่รู้ โชคดีนะที่เขาคืนเงินมาให้น่ะ ถือว่าเป็น 1 ในล้านเลยนะนั่น”
“น่า! น้องปุยฝ้ายเขาลำบากจริงๆ ต้องถูกปิดสำนัก เงินกินข้าวก็ไม่มี เราช่วยได้ก็ช่วย แล้วเงินก็แค่ 500 บาท” เธอจัดแจงโพสต์ข่าวใหม่ลงหน้าเพจแล้ว รอดูคอมเมนต์อยู่พักหนึ่งก็เห็น Note Handsome Guy เข้ามากดไลก์คนแรก พร้อมคอมเมนต์ ‘แจ๋งอะ!’ สมแล้วที่เป็นแฟนตัวยง แล้วเธอก็ปิดโน้ตบุ๊ก ลุกขึ้นเตรียมเครื่องไม้เครื่องมือทำมาหากินยัดลงกระเป๋าผ้าใบเก่ง แล้วหยิบหมวกแก๊ปใบโปรดขึ้นมาสวม “พี่จะไป OSCI”
“อะไรนะ!” พงษ์เวชที่เพิ่งล้มตัวลงไปนอนแผ่บนโซฟา เด้งตัวขึ้นมาใหม่
“พี่จะไปขอสัมภาษณ์สารวัตรเริงเกียรติ เพื่อทำสกูปของ OSCI ซึ่งจะลงในครั้งต่อไป”
“เขาจะให้พี่สัมภาษณ์เหรอ นัดก็ไม่ได้นัด ไหนจะวีรกรรมครั้งเปิดตัว OSCI เขาคงไม่ปลื้มเท่าไรหรอก”
“มันคือมิติใหม่ของการนำเสนอต่างหาก แล้วถ้า OSCI ยอมให้สัมภาษณ์กับเพจเราเขาก็มีแต่ได้กับได้ ก่อนหน้านี้พี่ลงเรื่องดวงตามัจจุราช ต่อด้วยเรื่องฝ่ามือเพชฌฆาต ถ้าเขาฉลาด เขาต้องยอมให้สัมภาษณ์”
ยังไม่ทันก้าวเท้าออกจากบ้าน เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น พรรณรายปราดเข้าไปรับสาย
“สวัสดีค่ะ เพจตามส่อง OSCI ค่ะ” เธอกรอกเสียงใสๆ เหมือนเด็กวัยรุ่นลงไป
“ผม สารวัตรเริงเกียรติ แห่ง OSCI ขอสายแอดมินเพจหน่อยครับ”
พรรณรายรีบวางกระเป๋าแล้วทรุดตัวลงนั่งคุย “กำลังพูดสายค่ะ สารวัตรมีธุระอะไรกับเพจเราเอ่ย” พงษ์เวชที่นอนแผ่หลา ผงกศีรษะขึ้นมามองเมื่อได้ยิน
“ผมเรียนสายคุณอะไรครับ” สารวัตรเริงเกียรติแสร้งถามทั้งที่รู้อยู่แล้ว
“ทราย พรรณรายค่ะ”
“ผมอยากเชิญคุณมาพบที่ OSCI ครับ”
พรรณรายกระดี๊กระด๊าทันที เมื่อทุกอย่างเดินมาเข้าแผนของเธอ “ตอนนี้เลยได้ไหมคะ คือว่าเตรียมพร้อมทุกอย่างแล้วเหลือแค่ก้าวเท้าออกจากบ้าน” ปลายสายก็ตอบตกลงเร็วทันใจ วางหูแล้ว พรรณรายพุ่งไปคว้ากระเป๋าแล้วกระโดดตัวลอยร้องกรี๊ดอย่างตื่นเต้น พุ่งเข้าไปกอดน้องชาย
“เขาเชิญพี่ไปพบที่ OSCI สารวัตรคนนี้ก็ไวมาก ไม่ยอมปล่อยให้อะไรที่เกี่ยวกับ OSCI เล็ดลอดสายตาไปได้เลย” นับเป็นคู่แข่งที่พอฟัดพอเหวี่ยงกับเธอเลยทีเดียว พรรณรายคิด
“พี่ไม่คิดเหรอว่า ฟีดข่าวที่พี่เพิ่งลงไปอาจจะไปกระทบอะไรเขา เท่าที่ผมดูตอนที่เขาแถลงข่าวล่าสุด เขาไม่ได้บอกรายละเอียดด้านนี้เลย ให้ผมไปด้วยไหม” น้องชายผู้รอบคอบเสมอเอ่ยเตือน
“ไม่ต้องไป เดี๋ยวเขาจะมองว่าทำไมพี่ต้องมีบอดี้การ์ดไปด้วย อย่าห่วงอะไรมากไปเลย ไปแล้วเดี๋ยวก็รู้ ไม่เข้าถ้ำเสือ จะได้ลูกเสือเหรอ” พี่สาวโบกมือบ๊ายบาย
“แต่นั่นมันพ่อเสือเลยนะ…” พงษ์เวศพึมพำแล้วหลับตาอย่างละเหี่ยใจ
พรรณรายเดินทางมาถึง OSCI แจ้งความประสงค์ขอเข้าพบสารวัตรเริงเกียรติ มีเจ้าหน้าที่พาเธอไปที่ห้องทำงานของผู้อำนวยการ
“สวัสดีค่ะ สารวัตรเริงเกียรติ ดิฉัน พรรณราย แอดมินเพจ ตามส่อง OSCI”
เป็นครั้งแรกที่สารวัตรเริงเกียรติได้เห็นหน้าแอดมินเพจคนนี้ชัดๆ เขาอึ้งไปชั่วครู่ที่เห็นผิวอ่อนใสเหมือนวัยรุ่น ดวงตากลมโตที่สดใสเจิดจ้ารับกับรอยยิ้มที่คลี่บานสดใสเหมือนดอกไม้ยามเช้า
“เชิญนั่งได้เลยครับ”
ภายในห้องยังมีชายหนุ่มร่างสูง ผิวพรรณขาว ใบหน้าคมสันริมฝีปากแดงน่าอิจฉาอีกคนหนึ่งยืนอยู่ใกล้ๆ เขาค้อมศีรษะให้เธอ พรรณรายคิดในใจว่า ถ้ามีโฆษณาลิปสติกสำหรับผู้ชายเข้ามา เธอน่าจะลองเลียบเคียงเขาให้เป็นนายแบบ น่าแปลกที่จู่ๆ ก็เห็นเขากลั้นหัวเราะ จะขำอะไรกันคะคุณ…
“นี่ผู้ช่วยผมครับ ฉกาจ” สารวัตรเริงเกียรติจงใจปกปิดความเป็นดวงตามัจจุราชของฉกาจจากนักข่าวสาวผู้นี้ เธอกล่าวทักทาย วางกระเป๋า แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ที่ ผอ.OSCI ผายมือเชิญ
“เรามาเข้าเรื่องกันเลยดีไหมครับ ผมเห็นฟีดข่าวล่าสุดที่ทางเพจเพิ่งอัปลงไปแล้ว”
“เป็นไงบ้างคะ” พรรณรายถาม ดวงตาใสซื่อเป็นประกายวิบวับรอคอยฟีดแบกอย่างใจจดใจจ่อ สารวัตรเริงเกียรติข่มอารมณ์ นี่ไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ เขาตอบไปตามตรงว่า “ก็ไม่ค่อยดีนักหรอกสำหรับเรา” เมื่อเห็นสายตาแสดงคำถามจากหญิงสาวตรงหน้า เขาจึงอธิบายให้เธอฟังว่า “คดีศพมัมมี่เป็นคดีสะเทือนขวัญ ทุกครั้งที่เราสื่อสารกับประชาชน เราต้องรอบคอบและละเอียดอ่อนในการสื่อสาร ผมจึงจัดแถลงข่าวและบอกในสิ่งที่ควรบอก”
“มันช้าค่ะ ไม่ทันใจประชาชน” เธอเอ่ยขึ้นตรงๆ
“แต่ก็ดีกว่าปล่อยให้เกิดผลเสียที่ต้องมาตามแก้ทีหลัง” เขาพยายามใจเย็นถึงที่สุด “ผมมีข้อเสนอ แทนที่คุณจะต้องลำบาก หลบๆ ซ่อนๆ หาข่าว ทำไมคุณไม่มาสัมภาษณ์ผมซะเลย”
พรรณรายมองข้อเสนอนั้นอย่างสนใจ ความจริงเธอก็คิดจะมาขอสัมภาษณ์เขาในวันนี้เลยด้วยซ้ำ อุปกรณ์ในกระเป๋ามีพร้อม แต่เมื่อได้มานั่งคุยกันแล้วเธอเกิดไอเดียขึ้นมาว่า เพจน่าจะได้อะไรที่น่าสนใจกว่าบทสัมภาษณ์อย่างเดียว
“น่าสนใจอยู่นะคะ เราน่าจะเป็นเพจแรกที่ได้สัมภาษณ์สารวัตร”
“แต่ถ้าผมให้สัมภาษณ์คุณแล้ว ผมก็ต้องให้สัมภาษณ์สื่ออื่นที่ตอนนี้ก็มีหลายรายที่ขอเข้ามา”
จากการทำการบ้านอย่างหนัก ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าตอนนี้เพจคู่แข่งและสื่ออื่นพากันมองสารวัตรเริงเกียรติตาเป็นมัน ถ้าเพจเธอได้สัมภาษณ์ก่อนก็คงจะดีไม่น้อย แล้วถ้า…ปากไวเท่าความคิด เธอยื่นข้อเสนอทันที
“ถ้าดิฉันขอตามไปลงพื้นที่ด้วยล่ะ”
ฉกาจรีบใช้สายตาปรามรุ่นพี่ก่อนที่ฝ่ายนั้นจะปากไวปฏิเสธ สารวัตรเริงเกียรติขมวดคิ้วจนหน้าผากย่น แต่ก็จัดการสถานการณ์ตรงหน้าด้วยความว่องไว “ขอคิดดูก่อนนะครับ”
“ดิฉันรับรองว่าถ้าสารวัตรตกลง จะขอตามไปแบบเงียบเชียบ เจียมเนื้อเจียมตัว ไม่สร้างความเดือดร้อนให้สารวัตรและทีมงานเด็ดขาด ฝากไว้ให้คิดดูนะคะ ไม่รีบ แต่ถ้าได้เร็วก็ดี”
“จากผลงานนางตานีของคุณในงานเปิดตัวของเรา ผมก็พอจะมองเห็นภาพเงียบเชียบ เจียมเนื้อเจียมตัว ไม่สร้างความเดือดร้อนได้ละครับ” เขาปรายตามองเหมือนค้อน อดแขวะเธอไม่ได้
พรรณรายเบิกตากว้างกับท่าทางของเขา ปิดปากหัวเราะคิกอย่างถูกใจ ว้ายยย คุณสารวัตรเริงเกียรติค้อน น่าร้ากกซะไม่มีอะ จะมีสื่อไหนได้เห็นมุมนี้ของเขาเหมือนเธอไหม นี่ถ้าอัดคลิปนี้ลงเพจได้จะแจ่มมาก แฟนคลับสาวๆ ของคุณพี่ในเพจก็เยอะอยู่ เพราะติดใจความหล่อและมาดขรึมดูดีบนโพเดียมแถลงข่าว
“แสดงว่าสารวัตรติดใจความคิดสร้างสรรค์อันนั้นของดิฉัน ถ้าชอบ เดี๋ยวทางเพจจะจัดอีก ถือเป็นอภินันทนาการจากเรา”
พูดเสร็จเธอก็ยิ้มกว้างอวดฟัน 32 ซี่ สารวัตรเริงเกียรติเห็นแล้วต้องพ่นลมหายใจ ทำเสียงจิ๊จ๊ะ แต่ก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้
หลังเสร็จธุระ พรรณรายขอตัวกลับไปอย่างร่าเริงเหมือนขามา เมื่ออยู่กันตามลำพังในห้อง ฉกาจจึงเอ่ยขึ้นว่า “เธอมี 2 คนพี่น้อง พ่อแม่เสียทั้งคู่ น้องชายยังหางานทำไม่ได้ จึงดึงมาช่วยงานเพจ เพิ่งโดนจ้างออกจากงานประจำที่แมกกาซีนแฟชั่นแห่งหนึ่ง เท่าที่ดูมาก็ตรงตามที่แกวิเคราะห์นะ เธออยากให้เพจมีที่ยืนบนโลกโซเชียลเพื่อสร้างรายได้ แล้วก็ได้ทำงานที่ตัวเองรัก ไม่มีพิษมีภัย อีกอย่างแกเข้าใจผิดนะ เธออายุ 29 แล้ว ไม่ใช่เด็ก ม.ต้นอย่างที่แกคิด เพราะฉะนั้นถ้าถูกใจ ก็จีบเลย”
“เฮ้ย อะไรวะ” สารวัตรเริงเกียรติโวยวาย “แค่คิดนิดเดียวว่าตาโตสวยดี นี่จะให้จีบเลยเหรอ”
“เวลาเธอหัวเราะโลกสดใสซาบซ่าน…ใช่ไหมล่ะ ผมเห็นว่าเธอเป็นคนดีคนหนึ่ง แถมยังมีทักษะที่สามารถช่วยงานพี่ได้ เลยอยากให้พี่ลองพิจารณา จะได้มาช่วยๆ กันทำมาหากิน พี่เองก็เปล่าเปลี่ยวเอกาเมียตายมานาน ไม่อยากให้พี่เฉาตายไปเสียก่อนจะเข้าวัยทอง” ฉกาจกล่าวแล้วตบบ่ารุ่นพี่ ความจริงเขามองเห็นรายละเอียดความประทับใจของเพื่อนที่มีต่อหญิงสาวผู้นั้นมากกว่านี้
“ไอ้บ้า! แกก็จีบเองสิ” เจ้าตัวพลั้งปากไปแล้วก็อดใจหายวาบ ถ้ามันเกิดตกปากรับคำขึ้นมาล่ะ…
ฉกาจหัวเราะเบาๆ “นี่สเปกพี่ ไม่ใช่สเปกผม” เขาโยนกลับไปให้อีกฝ่าย แล้วเดินผิวปากออกจากห้องไป