เกมอาชา บทที่ 3 : She’s the best

เกมอาชา บทที่ 3 : She’s the best

โดย : ภัสรสา

Loading

เกมอาชา โดย ภัสรสา เรื่องราวของคนกับม้าที่แค่การดูแลให้ม้ามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นก็ทำเอาสุมิตราเหนื่อยหนัก แต่ที่หนักหน่วงมากกว่าคือ ความพิศวงของวิญญาณตนนั้นที่มาพร้อมผีม้า และอดีตชาติของเธอที่ค่อยๆ ชัดเจน พร้อมๆ กับเขาคนนั้นที่ผูกพันกับเธอมากกว่าที่คิด… ‘ เกมอาชา’ นิยายออนไลน์ ที่ อ่านเอา อยากให้ทุกคนได้ อ่านออนไลน์ ได้ลงจนจบบริบูรณ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทางผู้เขียนใจดีมอบ 5 บทแรกไว้ให้อ่านกันที่อ่านเอา และหากติดใจอยากอ่านต่อคุณผู้อ่านสามารถซื้อฉบับรวมเล่มได้ที่ www.naiin.com ทุกยอดการสั่งซื้อจะมีส่วนแบ่งสนับสนุนทั้งนักเขียนและเว็บไซต์อ่านเอาชุมชนสำหรับนักเขียนและนักอ่านของพวกเรา

——————————————————-

 

 

สุมิตราแวะเที่ยวนิวยอร์กก่อนหนึ่งอาทิตย์ เดินทางอบรมสัมมนาในสี่รัฐของอเมริกา ใช้เวลาไปราวสองเดือน ก่อนเดินทางไปยังโอไฮโอ บ้านของโรเบิร์ต พอออกมาจากด้านในสนามบิน เห็นว่าโรเบิร์ตมารอรับอยู่แล้วจึงรีบวิ่งเข้าไปหา สวมกอดพ่อทูนหัวของตนอย่างคิดถึง ทำหน้าเมื่อยตอนอีกฝ่ายถามด้วยภาษาไทย ขณะพาเดินไปยังรถ โรเบิร์ตเคยมาอยู่เมืองไทยเกือบห้าปี เก่งภาษาไทยในระดับสื่อสารได้ดี แม้จะออกเสียงไม่ชัดนัก

“เป็นไงบ้าง สถานการณ์”

สุมิตรารู้ว่าโรเบิร์ตถามถึงสถานการณ์เกี่ยวกับม้าในเมืองไทย เพราะมีปัญหาอะไรเธอมักเล่าให้เขาฟังเสมอ จึงได้รู้ว่าคุณภาพชีวิตของม้าในเมืองไทยส่วนใหญ่ไม่ดีนักเพราะคนเลี้ยงมักขาดความรู้ความเข้าใจ “ดีขึ้นนิดหน่อยค่ะ ไม่ดีขึ้นเท่าที่คาดหวัง แต่ก็โอเค”

โรเบิร์ตหัวเราะ “ถ้าเป็นเมื่อก่อนแซมคงไม่โอเค”

ใช่ เพราะเมื่อก่อนเธอทำงานพร้อมความคาดหวัง หวังว่าคนอื่นจะเปลี่ยน หวังว่าคนอื่นจะทำตามที่เธอบอกและแนะนำ ในที่สุดความคาดหวังนั้นก็กลับมาทำร้ายเธอจนเกือบเลิกเป็นหมอม้า กระทั่งได้คุยกับโรเบิร์ตและได้รับคำสอนที่เธอเพิ่งบอกกับกมนนุชไป แค่ทำหน้าที่ตัวเองให้ดีที่สุด อย่าไปคาดหวังคนอื่น อย่าไปใช้อารมณ์กับสิ่งที่เธอควบคุมไม่ได้ “ทำตามที่พ่อแนะนำก็ดีขึ้น ตอนนี้ก็พยายามโฟกัสกับม้าที่เราช่วยได้ ตัวที่ช่วยไม่ได้ก็ต้องปล่อยไป”

“แล้วซันล่ะ ไม่คิดจะคืนวงการเหรอ”

สุมิตราหัวเราะ “ไม่น่าแล้วแหละ ซันเจ็บเยอะไป เขารักแก้วนพเก้ามาก แซมเองถ้าอาชาชัยไม่รอดก็คงเสียหลัก”

โรเบิร์ตพยักหน้า “เสียดาย พ่ออยากให้มีคนที่ทำงานตรงนี้เพราะรักม้าเยอะๆ… เอ้อ แล้วที่ว่าจะมาศึกษาเรื่องนูทริชัน”

“ค่ะ แซมมีคุยๆ กับลุงเฮงกับซันเรื่องอยากทำอาหารม้าเอง จริงๆ ตอนนี้ซันก็เริ่มทำไปบ้างแล้วนะคะ ลองใช้กับม้าในคอกตัวเอง แต่แซมอยากทำให้จริงจังขึ้น ให้ม้าที่อื่นได้ประโยชน์จากตรงนี้ด้วย”

“ดีมากเลย พ่อเลยเตรียมเปเปอร์ไว้ให้แล้ว เตรียมเลกเชอร์แซมเต็มที่ แต่แซมพักสักหน่อยไหม อบรมมาติดๆ กันเหนื่อยอยู่หรือเปล่า”

“ค่ะ เดี๋ยวว่าจะพักสักอาทิตย์ ขอเป็นเด็กเลี้ยงม้าให้พ่อก่อนแล้วค่อยว่ากัน มูนสโตนเป็นไงบ้าง” สุมิตราถามถึงม้าตัวโปรดของตน โรเบิร์ตตอบกลั้วหัวเราะ “โดนตอนไปแล้ว เรียบร้อยขึ้นเยอะเลย”

นั่นพลอยทำให้สุมิตราหัวเราะไปด้วย รู้ว่ามูนสโตนมีปัญหาที่ลูกอัณฑะ ปล่อยไปอาจเป็นมะเร็งได้ ถึงจะพันธุ์ดีรูปร่างสวยเหมาะกับการเป็นพ่อพันธุ์แค่ไหน โรเบิร์ตก็ต้องตัดใจตอน

สองพ่อลูกต่างสายเลือดนั่งรถออกจากสนามบินสู่บ้านของโรเบิร์ตซึ่งมีบริเวณกว้างขวางประมาณสี่สิบเอเคอร์ เลี้ยงม้าไว้เพียงห้าตัวเท่านั้น เลี้ยวเข้าบ้านได้ไม่กี่เมตร สุมิตราก็ลดกระจกลง ยื่นหน้าออกไปสัมผัสอากาศภายนอก สูดลมหายใจเข้าเต็มปอด ปล่อยวางทุกความเครียดที่ติดตัวมาก่อนหน้านี้ เข้าไปลึกอีกนิดเริ่มเห็นม้าวิ่งอยู่ลิบๆ สุมิตราก็เริ่มตื่นเต้น แล้วพอเห็นมูนสโตนวิ่งไปมาอยู่ในแปลงปล่อย สุมิตราก็โผล่จากรถครึ่งตัวไปโบกมือ ยิ่งเห็นมูนสโตนหันมอง แล้ววิ่งมาหาเธอด้วยท่าทางดีอกดีใจ รอยยิ้มก็ยิ่งกว้างขึ้น รู้ว่าโรเบิร์ตขับรถช้าลงเพื่อให้มูนสโตนวิ่งมาจนทันรถแล้ววิ่งเคียงกันไปเรื่อยๆ พอรถจอดปุ๊บ สุมิตราก็ลงจากรถปั๊บ เข้าไปกอดมูนสโตนอย่างแสนคิดถึง

พอมูนสโตนย่อขาหน้าลง สุมิตราก็ทิ้งกระเป๋าสะพายของตน ถอดแจ็กเกตออกเพื่อให้ตัวเองคล่องตัวที่สุด กอดคอแล้วส่งตัวเองขึ้นไปอยู่บนหลังมูนสโตน นอนกอดคอไว้ไม่บังคับใดๆ ทั้งสิ้น ให้มูนสโตนพาเดินไปเดินมา มีวิ่งเบาๆ บ้าง แต่ตั้งแต่ทำแบบนี้ด้วยกันมา มูนสโตนไม่เคยทำสุมิตราตกจากหลัง ถ้าไม่… นี่ไงเล่า

สุมิตราหัวเราะร่วน รีบทิ้งตัวลงพื้นแล้วกลิ้งหลบไปให้พ้นรัศมีอันตราย เมื่อมูนสโตนย่อตัวลงแล้วเริ่มกลิ้งไปมาอย่างผ่อนคลาย สุมิตรานั่งมองมูนสโตนอยู่ใกล้ๆ ด้วยรอยยิ้ม ร้องออกมาอย่างดีใจเมื่อโกลเดนรีทรีฟเวอร์วิ่งเข้ามาตะกายหลัง “ว่าไงคริสตี้ สบายดีไหม”

อีกฝ่ายตอบด้วยการสะบัดหางแรงจนสะโพกสะบัด หัวเราะเมื่อมีแรงกระแทกที่หลังเพิ่มอีกแล้วมีอะไรสักอย่างไต่ขึ้นมาบ่นไหล่ หันไปมองก็เจอกับหน้าที่ตนคิดไว้แล้ว แมวเปอร์เซียสีขาวสะอาด “เฮลโหลวสโนวี สบายดีไหมที่รัก”

“แล้วแซมล่ะ สบายดีไหม”

เท่านั้นสุมิตราก็ทะลึ่งพรวดลุกขึ้นยืน รีบหันไปสวมกอดคนที่เดินออกมาต้อนรับ “สวัสดีค่ะอาแก้ว ขอโทษที่ไม่รีบเข้าไปหานะ เจอมูนสโตนดักก่อน คิดถึงอาแก้วมากเลย”

แก้วตา ภรรยาของโรเบิร์ตหัวเราะร่วน ไม่ถือสาที่สุมิตราทำเหมือนตนไม่สำคัญเพราะรู้ว่าหญิงสาวไม่มีเจตนา กอดสุมิตราแน่นขึ้นอีกนิด “คิดถึงแซมเหมือนกัน ซูบไปเยอะนะเรา งานหนักเหรอ”

“หนักค่ะ แซมเลยหนีมาที่นี่ไงคะ ชาร์จพลังก่อนกลับไปลุยงานต่อ”

“มาเลย จริงๆ อาว่าแซมย้ายมาอยู่นี่ดีไหม มาช่วยร็อบทำงาน”

สุมิตรายิ้มอ่อย หันไปสบตากับโรเบิร์ตซึ่งคงรู้คำตอบดีอยู่แล้ว สารภาพตามตรง “แซมรู้นะว่าถ้าย้ายมาอยู่นี่แซมจะมีความสุขมากเลย แต่แซมก็ห่วงม้าที่บ้านเรา”

แก้วตาพยักหน้า เข้าใจได้แม้ตนจะไม่ได้รู้เรื่องวงการม้ามากนัก แต่การฟังโรเบิร์ตกับสุมิตราคุยกันบ่อยๆ ก็พอทำให้เข้าใจสถานการณ์ แล้วพอเห็นสุมิตราโดนสโนวีตะกายจนขึ้นมาอยู่ในอ้อมกอดได้ คริสตี้ยืนสองขาเอาขาหน้าฝากไว้กับตัวสุมิตรา ตามด้วยมูนสโตนที่เอาหน้ามาชนหลังดูชุลมุน แก้วตาก็หัวเราะร่วน “ต้อนรับสมุนไปนะ เดี๋ยวอาเข้าไปทำของอร่อยๆ รอ”

สุมิตราตอบแก้วตาไม่ได้เสียแล้ว เพราะมูนสโตนเอาหน้ามาพาดหน้าเธอจนคอแทบหัก ปล่อยสโนวีเพราะรู้ว่าสโนวีติดแก้วตามากกว่า คริสตี้เองก็เลิกตะกายเธอ เพราะพอเห็นแก้วตาไปทั้งคู่ก็ไม่แลคนที่นานๆ จะมาทีอย่างเธอ พอมือว่างสุมิตราเลยหันไปกอดมูนสโตนได้เต็มที่ ทั้งกอดทั้งฟัดจนหนำใจแล้วจึงเดินเข้าบ้าน เห็นว่าโรเบิร์ตเอากระเป๋าเธอมาไว้ที่หน้าบ้านให้แล้ว จึงยกต่อไปยังห้องส่วนตัวของตน ทิ้งตัวลงเตียงนอนหลับตานิ่งๆ อยู่พักก็ลุกขึ้นมาหยิบโทรศัพท์ส่งข้อความแจ้งข่าวให้เพื่อนและคนสนิทที่เมืองไทย

“ถึงบ้านร็อบแล้ว”

“ขอให้มีความสุขกับการทิ้งเพื่อน ทิ้งงาน” นั่นเป็นข้อความจากวิศรุต ซึ่งทำให้สุมิตราหัวเราะร่วนอยู่กับโทรศัพท์

“ฝากสวัสดีร็อบกับอาแก้วด้วย” นั่นของแสงฉาน

“พักผ่อนเยอะๆ” ตามด้วยชนัญญู

“เที่ยวให้สนุกค่ะพี่แซม” ซอฟต์สุดคือกมนนุช

“เดือนหน้าหินไปแข่งที่เมกาด้วยนะ” นั่นข้อความจากเฮง

สุมิตราไล่ส่งสติ๊กเกอร์ตอบรับข้อความจากทุกคน ตอบกลับเฮงเป็นพิเศษ “เดือนหน้าแซมมีอบรมพอดีค่ะ บายยยยย”

เฮงส่งเลขห้ากลับมายาวเหยียด สุมิตรารู้ว่าเฮงขบขันกับการที่เธอหาเรื่องจะไม่ไปเจอหิรัณย์ และสุมิตราก็ส่งข้อความไปยืนยัน

“ว่างก็ไม่ไปหรอก!”

เป็นอีกครั้งที่เฮงส่งเลขห้ากลับมายาวกว่าเดิมสองเท่า และสุมิตราก็แปลกใจ… เธอว่ามันมีบางอย่างแปลกๆ อยู่นา

 

ทำไมเฮงไม่บอกว่าหิรัณย์จะมาหาโรเบิร์ต!

ให้ตายสิ  สุมิตราหน้าบูดสนิท ตอนขี่มูนสโตนกลับมาจากทางเทรลระยะสั้นๆ แล้วเห็นว่าหิรัณย์ยืนอยู่กับพ่อทูนหัวของเธอ ไม่พยายามปรับสีหน้าด้วยซ้ำ ตอนหิรัณย์กับโรเบิร์ตเดินเข้ามาใกล้ พอใกล้พอจะส่งเสียงทักทายกันได้ สุมิตราก็ทักทันที

“มาทำไม”

หิรัณย์เอียงศีรษะเล็กน้อย ตอบกลับเสียงเรียบ “ไม่ได้มาหาหมอหรอก”

สุมิตราเลยบังคับให้มูนสโตนเดินเข้าใส่หิรัณย์ แต่อีกฝ่ายจะกลัวหรือก็เปล่า เขากลับยกมือหนึ่งจับใต้คาง มือหนึ่งลูบหน้ามูนสโตน ได้ยินเสียงเขาเอ่ยชม

“กู๊ดบอย”

แกจะมาทำตัวเป็นกู๊ดบอยกับนายหินไม่ได้นะมูนสโต๊นนนน แต่ก็เท่านั้น เพราะดูเหมือนตอนนี้มูนสโตนจะหลงเสน่ห์นายหินไปเรียบร้อย สุมิตราเลยดึงม้ารักของตัวเองกลับมา บอกโรเบิร์ตสั้นๆ “เดี๋ยวจะเอาไปอาบน้ำ”

แล้วพามูนสโตนหันหลังเดินจากไป แต่ไปได้ไม่ไกลนัก…

“ขี่ม้าหรือเห็นม้าเป็นวีลแชร์”

นายหินนนน… สุมิตราหันขวับไปค้อน เธอพามูนสโตนไปขี่เล่นมาระยะทางราวห้ากิโลเมตร มูนสโตนยังคึกคัก แต่เธอหมดแรงแล้ว ตอนนี้เลยไม่ใช้ขาบังคับ ให้มูนสโตนเดินแล้วดึงบังเหียนซ้ายขวาอย่างเดียวเลย หมอนั่นก็ดันจะมาส่องการขี่ม้าของเธออีก สุมิตราขยับปากแต่ไม่ออกเสียง ใจความว่า ‘ขี้เผือก’ ใส่หมอนั่น แล้วกลั้นใจสะกดความเหนื่อย ใช้ขากระตุ้นให้มูนสโตนพาห่างไปไวกว่าเดิม ขณะอาบน้ำให้มูนสโตน ยืดเส้น พาเดินกินหญ้าจนพาเข้าคอกเรียบร้อยแล้ว สุมิตราก็ยังสงสัย… หิรัณย์มาทำไมที่นี่

 

ซื้อเกมอาชาฉบับรวมเล่มที่ www.naiin.com

เพื่อสนับสนุน ‘ภัสรสา’ และเว็บไซต์อ่านเอา

 

 

“ไม่” สุมิตราตอบทันทีหลังจากฟังหิรัณย์บอกความต้องการ เขาอยากให้เธอเป็นสัตวแพทย์ประจำทีมของตนในการแข่งขันที่กำลังจะจัดในอาทิตย์หน้า เพราะหมอม้าที่เคยทำอยู่ประจำขาหัก ว่าแล้วสุมิตราก็ถาม “แมตช์นี้เปลี่ยนตัวได้เหรอ”

“เปลี่ยนไม่ได้จะชวนเหรอ”

สุมิตราเลยย้ำไปอีกรอบ “ไม่ไป”

แต่ดูเหมือนหิรัณย์ไม่ได้ยิน บอกไปอีก “ตอนแรกว่าจะชวนไปแข่ง เพราะแข่งแค่สี่สิบโล แต่ดูสภาพเมื่อกี้แล้ว ไม่น่ารอด”

เดี๋ยว…

“เลยว่าจะให้หมออีกคนแข่งแทน หมอแซมเป็นทีมเว็ตแล้วกัน”

สุมิตราจ้องหน้าหิรัณย์ ถลึงตาใส่ขณะพูดคำนี้ “ไม่ไป”

หิรัณย์มองหน้าสุมิตรา ถอนใจดังเฮือก ทำหน้าเบื่อหน่ายอย่างที่ทำให้สุมิตรารู้สึกว่าตัวเอง ‘เรื่องเยอะ’ จนตอนนี้สุมิตรามือไม้สั่น อยากข่วนหน้าขาวๆ ของเขาให้ขึ้นรอยสักสามสี่รอย แล้วก็ทำหน้าบู้ตอนโรเบิร์ตหันมาพูดด้วย

“ไปก็ดีนะแซม ไหนๆ ก็อุตส่าห์มีใบอนุญาตให้ทำงานนอกประเทศได้”

“แซมไม่ได้อยากทำงานนี่ แซมอยากพักถึงหนีมาที่นี่”

“แบบขี้แพ้น่ะเหรอ”

นายหิน! สุมิตราหันขวับมองหน้าหิรัณย์ บอกเสียงเขียว “ไม่รู้อะไรก็อย่าพูด”

แต่เขากลับย้อนหน้าตาเฉย “ทำไมถึงคิดว่าผมไม่รู้”

เออ… จริงด้วย เขาก็คงรู้เรื่องจากเฮงอยู่แล้ว สุมิตรารู้ว่าพ่อลูกคู่นี้สนิทกัน คุยกันทุกเรื่อง… แต่นี่มันเรื่องของเธอนี่ “คุณอาจจะรู้เรื่องจากพ่อคุณนะ แต่คุณไม่มีทางรู้เรื่องในมุมฉันหรอก”

หิรัณย์ยักไหล่ “ช่างมันเถอะ ผมถามอีกครั้ง จะทำหรือไม่ทำ ผมไม่ได้มาง้อนะ ไม่คิดจะง้อด้วย แค่เห็นว่าเป็นโอกาสที่ดีที่คุณจะได้อัปโพรไฟล์ ดีต่อคอกม้าของผมที่ไทยในอนาคตเพราะพ่อผมก็คงใช้คุณเป็นเว็ตประจำคอก เลยมาชวน”

ฟังเหตุผลยาวๆ ของเขาแล้วสุมิตราเริ่มหงุดหงิดตัวเอง… ที่เห็นด้วยกับเขาเสียอย่างนั้น “ฉันขอคิดก่อน”

หิรัณย์ทำหน้าเบื่อ ยกนาฬิกาข้อมือของตนขึ้นกดเพื่อจับเวลา บอกเสียงเรียบ “สามนาที”

เดี๋ยว… จริงๆ ถ้าไม่ติดว่าคนมาชวนเป็นหิรัณย์ แน่นอนว่าสุมิตราย่อมตกลง แต่พอเป็นเขา แล้วดูท่าทางเขาสิ มันน่าร่วมงานด้วยเรอะ!

“เหลือสองนาที”

สุมิตราเหลือบมองหน้าโรเบิร์ตซึ่งก็แค่ยิ้มๆ ให้ดู ไม่ได้ช่วยพูดหรือเกลี้ยกล่อมอะไรอีก

“นาทีสุดท้าย”

วุ้ย! “ไปก็ได้”

“เก็บของ”

“อะไร!” ทำไมเธอต้องเก็บของด้วย

“จะได้ไปพร้อมผม อย่างน้อยจะได้พักก่อนตรวจม้า การทำงานจะได้มีประสิทธิภาพ”

สุมิตรามองหน้าหิรัณย์ เห็นหน้าตาไม่รู้สึกรู้สากับการพูดจากึ่งๆ จะดูถูกเธอแล้วถอนใจเฮือก “ไม่ไปแล้วได้ไหม”

“อยากเป็นคนกลับกลอกก็เชิญ”

“คุณหยุดเถียงฉันสักครั้งได้ไหม”

“เมื่อกี้ไม่ได้เรียกเถียง แบบนี้ถึงเรียกเถียง หมออยู่เมืองไทยมากกว่าผม ทำไมใช้คำผิดความหมาย”

โอ๊ย พอกันที! เด็กบ้า เถียงคำไม่ตกฟาก ไม่ลดราวาศอก ไม่รู้จักเด็กไม่รู้จักผู้ใหญ่

ถึงตรงนี้โรเบิร์ตก็หัวเราะเบาๆ แล้วบอกคล้ายจะช่วยลดความร้อนแรงของสถานการณ์ลง “แซม เก็บของเถอะ ไปพร้อมหินก็ดี มีคนขับรถข้ามรัฐให้ จะได้ไม่เหนื่อยไง”

หิรัณย์หันไปบอกโรเบิร์ต “ผมกะให้หมอแซมช่วยขับรถด้วยครับ” แล้วเหลือบมองหน้าสุมิตราก่อนหันกลับไปพูดกับโรเบิร์ตต่อ “แต่ยังไม่บอกตอนนี้ก็ได้”

ฉันรู้ไปแล้วย่ะ! สุมิตราลุกพรวดขึ้นยืน เดินกลับเข้าห้องตัวเองโดยไม่บอกว่าจะไม่ไปแล้วหรือจะไปเก็บของ ทว่าหิรัณย์มั่นใจ สุมิตราไปแน่

 

น่าร้ากกกกก… สุมิตราฟัดม้าไปคิดไป ไม่อยากจะเชื่อเลยว่านายหินจะมีม้าอาราเบียนที่น่ารักน่าชังขนาดนี้ ปกติแล้วม้าอาราเบียนเป็นม้าเลือดร้อน ตื่นง่าย ขยับตัวว่องไว ถ้าคนไม่คุ้นแล้วจะจัดการและควบคุมม้าสายพันธุ์นี้ยากมาก คนเลี้ยงม้าทั่วไปในไทยมักพูดกันว่าม้าอาราเบียนเป็นม้าเลว แต่ความจริงแล้วไม่ใช่เลย เขาเพียงมีลักษณะนิสัยตามสายพันธุ์ของเขาเท่านั้น ถ้าคนเลี้ยงรู้และเข้าใจ ม้าอาราเบียนก็น่ารักได้เหมือนเจนิต้าที่เธอฟัดนัวอยู่ตอนนี้นี่แหละ

“หมอ… อย่าทำเสียม้า”

ฮะ? สุมิตราชะงัก หันมองหน้าหิรัณย์ ยังไม่ทันได้พูดอะไรเขาก็บอกมาอีก

“หมอทำม้าที่บ้านผมเสียม้าไปคอกหนึ่งแล้วนะ”

ฮะ? นี่หาเรื่องกันใช่ไหม

“ม้า ไม่ใช่หมา อย่ามาเล่นเหมือนม้าเป็นหมา”

สุมิตรากะพริบตาปริบ หันมองหน้าเจนิต้าที่เพียงเหลือบมองมา ดูกลายเป็นสาวผู้เย่อหยิ่งทันทีที่เจ้าของปรากฏตัว แหม… เมื่อกี้ยังฟัดกับเธอนัวอยู่เลย “พูดอะไรของคุณ”

“หมอต้องเคารพพื้นที่ม้า ม้าจะได้เคารพพื้นที่คน หมอทำแบบนี้ ต่อไปผมจะดีลกับเจนิต้าลำบาก”

สุมิตราทำหน้าเซ็ง “รู้แล้วว่าทำไมม้าคุณดูขาดความรัก… จะดีลลำบากได้ยังไง ตอนฝึกคุณใช้แส้ แต่ตอนนี้ฉันไม่ได้ถือแส้ ม้ารู้อยู่แล้วว่านี่ไม่ใช่เวลางาน… นอกจากคุณจะฝึกม้าห่วยเอง”

ทั้งสองคนมองหน้ากันอยู่อย่างนั้นเหมือนจะรอดูว่าใครจะระเบิดก่อนกัน ครู่ใหญ่กว่าหิรัณย์จะบอกเสียงเรียบ

“ตรวจม้า”

แล้วหันหลังเดินไปให้สุมิตราเบ้ปากใส่ ย่ะ… รับเงินเขามาแล้วนี่เนอะ แพงด้วย เพราะเธอจงใจเพิ่มจากอัตราปกติของเธอไปอีกเกือบเท่า หมอนั่นก็ดันบ้าจี้ให้ ตอนนี้เขาจะเบ่งใส่อย่างไรก็ต้องทำใจแล้วแหละ

สุมิตราไล่ตรวจสุขภาพม้าเบื้องต้น และพบว่าม้าชุดนี้มีโครงสร้างร่างกายที่สวยงาม สมบูรณ์ ดูดีทั้งสุขภาพกายและใจ ทำงานด้วยง่ายมาก หลังตรวจเรียบร้อยแล้ว ก็ให้ผู้ฝึกเตรียมจูงม้าวิ่งเรียบให้ดู จังหวะวิ่งของม้านั้นมีหลายแบบ แต่การวิ่งเรียบเป็นจังหวะที่ทำให้สังเกตง่ายที่สุดว่าการเคลื่อนไหวของม้ามีปัญหาหรือไม่

ทุกอย่างดูดี ซึ่งไม่แปลก หิรัณย์เคยลงแข่งเอ็นดูแรนซ์ระดับร้อยหกสิบกิโลเมตรมาแล้ว หลังๆ เขาจึงไม่ได้ลงในระดับที่ต่ำกว่าแปดสิบกิโลเมตรมากนัก แต่ครั้งนี้ที่ลงสี่สิบกิโลเมตร เป็นเพราะเขาต้องการทำให้ม้าชุดนี้ผ่านระดับขึ้นไปอีก ภาษาปากของนักกีฬาและผู้เกี่ยวข้องจะเรียกว่าควอลิฟายด์ม้า เมื่อม้าผ่านระดับสี่สิบกิโลเมตรได้สองครั้ง ถึงจะสามารถลงแข่งในระดับแปดสิบกิโลเมตรได้ ผ่านในระดับแปดสิบอีกสองครั้ง ถึงจะลงร้อยหกสิบได้

ม้าชุดนี้ควอลิฟายด์ที่สี่สิบกิโลเมตร ยังใช้งานไม่หนักมากนัก จะสภาพดีเหมือนรถเพิ่งใช้งานไม่เกินสองปีก็ไม่แปลก… และพูดแบบยุติธรรมโดยไม่มีอคติบังตา หิรัณย์ดูแลม้าดีมาก เธอเคยเจอม้าที่ลงแข่งกับเขาในระดับร้อยหกสิบกิโลเมตรก็ยังดูดีอยู่ แค่เธอเห็นว่าม้าเขาอาจจะเจ็บ และถึงแค่ ‘อาจจะ’ ยังไม่ทันตรวจเพื่อคอนเฟิร์ม เขาก็สั่งพักม้าทันที

ไอ้ที่ดีๆ แซมก็ว่าดีค่ะ… แต่ไอ้ที่แย่ๆ จะให้บอกว่าดีก็คงไม่ได้ หิรัณย์ยังคงเป็นเด็กนิสัยเสียอยู่ดีในสายตาเธอ

“ม้าคุณสวยมากจริงๆ” สุมิตราบอกเขาเมื่อหิรัณย์เดินเข้ามาใกล้ ซึ่งอีกฝ่ายก็พยักหน้า บอกเสียงเรียบ “ผมโคกับร็อบ ให้ร็อบช่วยดูเรื่องนูทริชันให้แม่ม้า แล้วก็ได้ลูกชุดนี้ออกมา”

อ้อ… ถึงว่าสินะ โรเบิร์ตถึงอยากให้เธอมาทำงานนี้ คงอยากให้มาช่วยดูลูกบุญธรรมของเขาทั้งหกตัว “แล้วหกตัวนี้หรือเปล่า ที่คุณจะพากลับไทย”

หิรัณย์ส่ายหน้า “เปล่า หกตัวนี้เป็นม้าใหม่ของทีม ผมพาม้าชุดเดิมกลับ มีปลดแล้วสองตัว เจ็บสองตัว ใช้งานได้สองตัว”

“เจ็บ? มากน้อยแค่ไหน”

หิรัณย์เหลือบมองสุมิตรา “ถ้าผมบอกได้หมอคงตกงานนะ”

สุมิตราทำหน้าหน่าย “หมอไม่ได้คิดว่าคุณจะบอกได้ด้วยตัวเองหรอกนะ แต่คิดว่าคุณน่าจะจำรายละเอียดตอนที่ตรวจได้บ้าง”

พอหิรัณย์เงียบ สุมิตราก็ไม่พูดอะไรอีก ส่งสัญญาณให้ผู้ฝึกพาม้าตัวต่อไปวิ่ง ก่อนประหลาดใจเพราะม้าดูไม่ค่อยเชื่อฟังผู้ฝึกนัก คอยแต่จะหันหัวหนีตลอดเวลา

“เด็กใหม่” หิรัณย์พูดเสียงเบา แล้วเข้าไปเป็นฝ่ายจับม้าไว้ สุมิตราเห็นเขาพูดอะไรบางอย่างกับผู้ฝึกหน้าใหม่ ดูจากท่าทางเดาว่าคงช่วยสอนวิธีจูงม้าเพราะเห็นคนฟังพยักหน้า ก่อนถอยออกมา

อ้อ กลายเป็นว่าตัวนี้หิรัณย์จะเป็นคนจูงวิ่งเรียบด้วยตัวเอง สุมิตรายืนดูเขาพาม้าวิ่ง ยอมรับอีกครั้งก็ได้ว่าจังหวะเขาดีมาก ม้าจึงพลอยวิ่งสวยไปด้วย แต่… พอม้าวิ่งไป วิ่งกลับ เธอก็หน้านิ่ว เดินเข้าไปหาม้า เอ่ยถามเป็นภาษาอังกฤษ เพราะเห็นแล้วนอกจากหิรัณย์กับเธอก็ไม่มีใครพูดภาษาไทยได้แล้ว ดังนั้น ม้าคงได้รับการดูแลด้วยภาษาอังกฤษมาตลอด “จอร์เจ็ตต์ เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”

หิรัณย์พลอยหน้านิ่วไปด้วยอีกคน เฝ้ามองสุมิตราลูบตัวม้าจากไหล่ไล่ไปก้น เพื่อส่งสัญญาณบอกม้าว่าจะไปบริเวณขาหลัง ก่อนหมอม้าสาวจะยกขาหลังม้าทั้งสองข้างขึ้นเพื่อตรวจอาการที่ตนสงสัย เมื่อไม่แน่ใจจึงหันมาทางหิรัณย์

“ขอวิ่งเรียบอีกรอบได้ไหมคะ”

หิรัณย์พยักหน้า ทำตามที่สุมิตราเอ่ยขอ วิ่งไป และวิ่งกลับ สุมิตราตรวจม้าอีกรอบโดยครั้งนี้เน้นที่กล้ามเนื้อต่างๆ พบว่ากล้ามเนื้อบริเวณหลังและสะโพกตึง โดยเฉพาะกล้ามเนื้อสะโพกด้านขวา สุมิตราลองกดลงไปและพบว่าม้าออกอาการ ทั้งย่อตัวลงและถอยหนี แสดงออกว่าเจ็บ

“ตอนแรกหมอคิดว่าขาหลังมีปัญหาค่ะ เพราะตอนวิ่งขาหลังสอดไม่ค่อยดี เหมือนจะก้าวสั้นกว่าปกติ แต่ตอนนี้หมอคิดว่าม้าเจ็บหลังนะคะ”

หิรัณย์หน้านิ่ว เขาเองก็เห็นตอนสุมิตราตรวจ เห็นอยู่ว่าจอร์เจ็ตต์มีอาการจริงๆ ประกอบกับหันไปเห็นว่าคนขี่จอร์เจ็ตต์เดินมาพอดี จึงยกมือเรียก เมื่ออีกฝ่ายเข้ามาใกล้ก็สอบถาม “แม็กซ์ ตอนขี่จอร์เจ็ตต์ปกติไหม”

แม็กซ์ยกมือขึ้นเท้าสะเอว สีหน้าบอกว่ากำลังครุ่นคิด ก่อนตอบ “ปกติ ทำไม มีปัญหาอะไร”

ถามแล้วหันไปทางสุมิตรา หิรัณย์จึงแนะนำให้ทั้งคู่รู้จักกัน “หมอแซม นี่แม็กซ์”

หลังทั้งคู่จับมือทักทายกันเรียบร้อยแล้ว แม็กซ์จึงหันไปถามหิรัณย์ “หมอเป็นคนไทยเหรอ”

หิรัณย์พยักหน้า “ใช่”

แม็กซ์ยังไม่พูดอะไร เข้าประเด็นเรื่องจอร์เจ็ตต์ต่อด้วยการบุ้ยหน้าไปทางม้าที่ยืนเขี่ยขาเหมือนกำลังเบื่ออยู่ “แล้วหมอเจออะไร”

“หมอว่าจอร์เจ็ตต์เจ็บหลัง… เมื่อวานซ้อมกี่ชั่วโมง”

แม็กซ์ยักไหล่ “ไม่ได้จับเวลา ก็ขี่เรื่อยๆ… จ่ายยาสิ”

สุมิตราเพียงสบตากับหิรัณย์ ยังไม่พูดอะไร แน่ใจว่าเขาต้องรู้ดี คนพูดเองก็ต้องรู้ดี อีกสี่วันก็ต้องแข่งแล้ว การให้ยาแก้ปวดตอนนี้ถือว่าสุ่มเสี่ยงมากเพราะฤทธิ์ยาจะอยู่ประมาณหนึ่งสัปดาห์ ตามกฎข้อบังคับแล้วยาแก้ปวดถือเป็นยาโด๊ป ถ้าตรวจเจอก็จบเห่ ก่อนแข่งสิบวันเธอจะไม่ให้ยานี้กับม้าเด็ดขาดหากเป็นม้าที่เธอดูแล ทว่าหิรัณย์ทำให้เธอต้องพูด

“หมอว่าไง”

“จะแข่งแล้ว ไม่ควรให้ยาแก้ปวดค่ะ ลองประคบร้อนแล้วก็นวดก่อนดีไหม หรือถ้ามีเลเซอร์…” สุมิตรายังพูดไม่ทันจบ แม็กซ์ก็พูดกับหิรัณย์ “แต่ฉันว่าม้าไม่ได้เป็นอะไรหรอก”

หยุดไปครู่ก็หันไปถามสุมิตรา “หมอเคยทำงานนอกประเทศหรือเปล่า”

สุมิตรานิ่งไป ยังไม่ทันได้ตอบ

“ตื่นเต้นที่ได้ทำแมตช์นี้หรือเปล่า กลัวไม่มีผลงาน ทำนองนั้น”

ฝรั่งหอยหลอด… สุมิตราจ้องหน้าแม็กซ์นิ่ง เธอเคยเจอชาวต่างชาติมาหลายรูปแบบ ทั้งที่เคารพและให้ความเท่าเทียมกับทุกคน และคนที่เหยียดคนหัวดำแบบนายแม็กซ์คนนี้ก็เคยเจอ สุมิตราไม่อยากโต้เถียงให้เสียเวลาหรอก ทว่า…

“เธอเก่งที่สุดแล้ว”

คำว่า ‘She’s the best.’ ที่ออกจากปากหิรัณย์แบบไม่ค่อยสอดคล้องกับสถานการณ์ แต่ทำให้แม็กซ์ยอมล่าถอย เดินจากไปนั้น ทำสุมิตราเลิกคิ้ว ก่อนเหลือกตาขึ้นข้างบน เมื่อตามมาด้วยประโยคพึมพำแผ่วเบา

“สำหรับตอนนี้”

อ้อ… คือถ้ามีเวลามีทางเลือกอื่น เธอคงไม่ได้ ‘เก่งที่สุด’ สำหรับเขาหรอก

“ฝากหมอดูจอร์เจ็ตต์ด้วยแล้วกัน เดี๋ยวผมจะลองดูว่าหาเลเซอร์ได้ไหม”

บอกแล้วเขาก็หันไปคุยกับผู้ฝึกเรื่องการประคบร้อน ขณะสุมิตราโทรหาแสงฉานเพื่อปรึกษาเรื่องการยืดกล้ามเนื้อม้า จริงอยู่ว่าเธอเป็นหมอ และแสงฉานเป็นนักเทคนิคการสัตวแพทย์ ความรู้พื้นฐานเธออาจมีมากกว่าเพราะเรียนเยอะกว่า ลึกกว่า แต่ความรู้นั้นมีหลากแนวทางหลายสาขา ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่คนคนเดียวจะรู้ลึกซึ้งไปทุกแขนง แต่ละคนย่อมเชี่ยวชาญแตกต่างกัน หลังๆ มานี้แสงฉานศึกษาเรื่องกายภาพบำบัดในม้า สุมิตราพูดได้เต็มปากว่าเรื่องนี้เขาเก่งกว่าเธอมาก พูดคุยบอกอาการกันอยู่ครู่ แสงฉานก็บอกจะส่งเปเปอร์มาให้ว่าควรนวดม้าในจุดไหน ปิดท้ายด้วยประโยคที่ทำให้สุมิตราเห็นด้วย

“รักษาอาการก็เรื่องหนึ่ง สำคัญที่ต้องหาสาเหตุให้เจอมากกว่า”

“อืม จะพยายาม” สุมิตราบอกแล้ววางสาย ยืนอ่านเปเปอร์ที่แสงฉานส่งมาให้อยู่พัก…

“ทำไมไม่ไปอ่านในร่ม ชอบตากแดดเหรอ”

เธอเกลียดวิธีพูดของเขาจริงๆ… สุมิตราหันมองหิรัณย์ ก่อนผงะถอยเพราะเขาเองก็ยื่นหน้ามาใกล้เพื่อจะได้อ่านข้อมูลในหน้ามือถือเธอ แต่คนทำเธอตกใจจะรู้สึกอะไรหรือก็เปล่า เพียงเหลือบตามองเธอ เอ่ยถาม

“หมอพอจะบอกได้ไหม ว่าจอร์เจ็ตต์ลงแข่งได้หรือเปล่า”

สุมิตรานิ่งคิด ถ้าถามเธอตอนนี้แน่นอนว่าคำตอบคือไม่อยากให้ลงแข่ง การขี่ม้าเป็นระยะทางสี่สิบกิโลเมตรไม่หนักหนามากก็จริง แต่ถ้าม้าไม่พร้อม และเธอยังหาสาเหตุไม่เจอ สุมิตรากลัวว่าม้าอาจเป็นหนักขึ้น แต่เห็นว่ายังพอมีเวลาจะตัดสินใจ เพราะเธอเองก็ไม่อยากตัดโอกาสม้าและต้องการเวลาตรวจ จึงบอกอีกหนึ่งทางเลือก “ขอเวลาอีกสองวันได้ไหม”

“ได้ ถ้าเอาคำตอบตอนนี้หมอคงไม่ให้จอร์เจ็ตต์ลงแข่ง”

เขาก็รู้… “สรุปคุณถามฉันทำไมเนี่ย”

“แค่อยากรู้ว่าหมอยังเหมือนเดิมไหม”

เหมือนเดิม… เขาหมายถึงเธอยังรักม้าเหมือนเดิม หรือหมายถึงอย่างอื่น เหมือนจะรู้ว่าสุมิตราสงสัยอะไร เพราะหิรัณย์บอกให้หายข้องใจ

“เยอะ”

สุมิตราหันขวับ ยกสองมือเท้าสะเอว แหวแว้ด “นายหิน!”

ที่นี่ไม่มีเฮงให้เธอต้องเกรงใจ ไม่มีพ่อคอยคุ้มกะลาหัว หิรัณย์กล้าคิดได้อย่างไรว่าจะรอดจากเธอ

ทว่าสุมิตรากลับพูดไม่ออก… เพราะเหมือนการแหวเรียกเขาอย่างนั้น ได้สร้างรอยยิ้มบนใบหน้าหิรัณย์ รอยยิ้มน้อยนิด ทว่าดวงตาทอประกายขบขันเจิดจ้า ตอบกลับแผ่วเบาด้วยน้ำเสียงที่สุมิตราว่ามันกวนประสาทที่สุด

“นี่ชมนะ”

“วิธีชมของนายมันห่วยแตกมาก นายหิน”

“แซม…”

พอเขาเรียกชื่อเธอแทนคำว่า ‘หมอ’ สุมิตราก็รู้สึกเหมือนอารมณ์เปลี่ยน จากโมโหอยากงับหัวคน กลับกลายเป็นไม่ไว้วางใจว่าเขาจะพูดดีหรือว่าจะเล่นงานเธออีก และ… ใช่ หัวใจเธอเต้นแรง

“ถ้าแซมไม่เยอะแซมไม่ได้มาอยู่ตรงนี้หรอก”

นะ… นี่ก็ยังเป็นคำชมอยู่สินะ สุมิตราจะถามก็ไม่มีโอกาสเพราะหิรัณย์เดินห่างไปแล้ว ทิ้งให้เธอยืนมองเขานิ่งอยู่อย่างนั้น ในที่สุดสุมิตราก็หัวเราะเบาๆ ก่อนตัดสินใจได้ เธอจะถือว่านั่นเป็นคำชมแล้วกัน…


เกมอาชา โดย ภัสรสา เรื่องราวของคนกับม้าที่แค่การดูแลให้ม้ามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นก็ทำเอาสุมิตราเหนื่อยหนัก แต่ที่หนักหน่วงมากกว่าคือ ความพิศวงของวิญญาณตนนั้นที่มาพร้อมผีม้า และอดีตชาติของเธอที่ค่อยๆ ชัดเจน พร้อมๆ กับเขาคนนั้นที่ผูกพันกับเธอมากกว่าที่คิด… ‘ เกมอาชา’ นิยายออนไลน์ ที่ อ่านเอา อยากให้ทุกคนได้ อ่านออนไลน์ ได้ลงจนจบบริบูรณ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทางผู้เขียนใจดีมอบ 5 บทแรกไว้ให้อ่านกันที่อ่านเอา และหากติดใจอยากอ่านต่อคุณผู้อ่านสามารถซื้อฉบับรวมเล่มได้ที่ www.naiin.com ทุกยอดการสั่งซื้อจะมีส่วนแบ่งสนับสนุนทั้งนักเขียนและเว็บไซต์อ่านเอาชุมชนสำหรับนักเขียนและนักอ่านของพวกเรา

 

 



Don`t copy text!