หัวใจมังกร บทที่ 1 : คนแปลกหน้า

หัวใจมังกร บทที่ 1 : คนแปลกหน้า

โดย : สิรี กวีผล

Loading

หัวใจมังกร โดย สิรี กวีผล เรื่องของ ชายหนุ่มทายาทตระกูลจีน ถูกพรากคนรักและพรากชีวิตด้วยกระบี่ในอดีต ปาฏิหาริย์แห่งคำสาบานก่อนตายนำพาเขาและเธอกลับมาพบกัน ทว่าต่างภพชาติ ชายหนุ่มต้องเลือกระหว่างหน้าที่และครอบครัว หรือความรักที่เขารอคอยมานานนับร้อยปี อ่านเรื่องราวนี้ได้ทาง เพจอ่านเอา และ www.anowl.co

เสียงดนตรีอึกทึกครึกโครม สู้กับเสียงรถราที่ยังคงขวักไขว่เนืองแน่นเต็มท้องถนน แสงไฟสว่างไสวทดแทนแสงอาทิตย์ในยามกลางวัน หลากหลายสีสันปะปนกันไป บ้านเรือน ร้านค้า ตึกรามบ้านช่องต่างส่องแสงสว่างออกมาสู้ความมืดมิดยามค่ำคืน จนแสงดาวระยิบระยับและแสงสีเหลืองนวลของดวงจันทร์พลันมืดลงในพริบตา

ความเงียบสงบแทรกตัวอยู่ค่อนไปทางชานเมืองของเมืองใหญ่ บ้าน 2 ชั้นประดับแสงไฟสีนวลริมกำแพง และคอยส่องแสงให้กับต้นไม้ใหญ่ แสงไฟสีขาวนวลในห้องนอนสี่เหลี่ยมเรียบหรู จัดตกแต่งด้วยโคมไฟทรงจีนสีน้ำตาลแกะสลักลวดลายดอกไม้ส่องแสงสะท้อนเป็นเงาที่กำแพงห้องอย่างสวยงาม ชั้นวางทีวีเป็นลายไม้เข้าชุดกับชั้นวางของที่อยู่ไม่ห่างกันเท่าไรนัก ตุ๊กตาน้องหมาตัวใหญ่วางอยู่บนเตียงสีครีมน้ำตาลเรียบๆ ชายหนุ่มมองไปรอบๆ อย่างไม่คุ้นตา ค่อยๆ ย่องเดินดูรอบห้อง พลันชำเลืองมองไปเห็นโต๊ะทำงานสีน้ำตาลลายไม้ที่คุ้นเคยเหมือนของที่ห้องตัวเองก็รู้สึกแปลกใจ ความเงียบผนวกกับความไม่คุ้นชินทำให้รู้สึกเหมือนมีสายตาใครบางคนจ้องมองเขาอยู่ไม่ไกล สายตาค่อยๆ เหลียวหันมามองเห็นตัวเองในกระจกแต่งตัวบานใหญ่สะท้อนภาพตัวเองชัดเจนก็ตกใจแทบทรุด

ที่นี่ที่ไหน

 

ดึ่ม ดึ่ม ล้า ล้า ชา ดา ดา ดี ดึ่ม…เสียงร้องเพลงจู่ๆ ก็ดังขึ้นภายในห้อง เขาหันมองซ้ายมองขวาหาต้นตอของเสียงใสๆ ที่ขับร้องทำนองแปล่งหู พลันสายตาไปหยุดอยู่ที่ประตูบานเลื่อนกระจกฝ้าที่เผยให้เห็นเรือนร่างบางของหญิงสาว เขาตกใจรีบหันตัวหนี แต่ทว่าเรือนร่างนั้นกลับดึงดูดใจให้หันกลับไปมองรอบที่สอง เสียงร้องเพลงยังคงดังอยู่ภายในห้องนั้น ชายหนุ่มค่อยๆ สืบเท้าเข้ามาชิดประตู ขอบประตูไม้คอยบังร่างของเขาไม่ให้เธอสังเกตเห็น สายตาของเขาเริ่มซุกซน เสียงน้ำจากฝักบัวหยุดลง หญิงสาวคลุมผ้าคลุมอาบน้ำตัวจิ๋วหลวมๆ อย่างอารมณ์ดี แก้มของเขาแนบชิดติดขอบประตูจนลมหายใจอุ่นๆ ของเขาปะทะกระจกฝ้า มือน้อยเลื่อนบานประตูห้องอาบน้ำออก

“กรี๊ด”

เสียงหญิงสาวร้องตะโกนตกใจสุดขีดเมื่อเห็นชายหนุ่มแปลกหน้ากำลังยืนอยู่หน้าห้องน้ำของเธอ แถมยังแนบชิดประตูจนเธอหัวใจแทบวาย ชายแปลกหน้าตกใจไม่แพ้กัน ผ้าขนหนูตัวเล็กหลุดออกจากพันธนาการที่ปกปิดไว้อย่างหลวมๆ ทำเอาตาแทบถลนออกมาจากเบ้า หญิงสาวมือไวตบหน้าชายหนุ่มตรงหน้าเข้าเต็มแรง

แรงจากฝ่ามือน้อยๆ ทำเอา ชาง หรือ ฟู่ชาง สะท้านสะเทือนจนตกเตียง เตียงนอนทรงสี่เหลียมผืนผ้าขนาดใหญ่ที่ทั้งชีวิตของเขาไม่เคยแม้แต่จะตกเตียงเลยสักครั้ง ทว่าด้วยแรงฝ่ามือของหญิงสาวแปลกหน้าทำให้ 25 ปีที่ผ่านมาในชีวิตของเขาสั่นสะเทือน ความฝันประหลาดครั้งนี้ของเขาเหมือนจริงจนหน้าประหลาด มือหนารีบจับแก้มตนเองที่โดนมือน้อยๆ ตบเข้าเต็มแรง ความรู้สึกเจ็บเหมือนจริงจนเขารีบลุกขึ้นไปส่องกระจกในห้องน้ำ ปรากฏว่าเขาเห็นเหมือนรอยแดงระเรื่ออยู่ที่แก้ม ทว่าเขาไม่แน่ใจว่านั่นคือรอยมือ หรือความรู้สึกเขินอายที่เขาได้เห็นร่างกายของหญิงสาวเป็นครั้งแรก

ชางแต่งตัวไปอมยิ้มไป ภาพในฝันของเขาติดตาไม่ใช่แต่เรื่องกายภาพเท่านั้น ทว่าใบหน้าของหญิงสาวผู้นั้นช่างสวยงามอย่างที่เขาไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อน ดวงตาเบิกกว้างกลมโตนั้นมีน้ำหล่อเลี้ยงน้อยๆ แก้มชมพูอ่อนๆ กับริมฝีปากเรียวสวยนั้นยังคงอยู่ในฝันของเขา ผมยาวเปียกน้ำหมาดๆ ทำให้หัวไหล่ขาวๆ ที่ไม่ซีดจนเกินไป มีน้ำเกาะอยู่เล็กน้อยจนทำให้เขาตกตะลึง หญิงสาวคนนั้นเป็นใครหนอถึงมาอยู่ในฝันของเขาเช่นนี้ รอยยิ้มของเขาเปรอะเปื้อนไปทั่วเรือน

 

ปัง!!!

เสียงปีกนกกระพือพึ่บพั่บ ตกใจบินหนีกันอลม่าน เมฆขาวนวลลอยปะปนกับท้องฟ้าสีฟ้าสวยงาม บัดนี้ท้องฟ้ากลับกลายเป็นสีเทาจางๆ จากควันปลายกระบอกปืน เขม่าดินปืนคล้ายเป็นสัญญาณของลูกปืนที่กำลังพุ่งไปยังจุดหมายโดยไม่ขัดลำกล้อง

\มือหนาผิวขาวเผยให้เห็นเส้นเลือดสีเขียวชัดเจน กำกระบอกปืนขนาด 11 มม. อย่างไม่ไหวติง ปลายมือไม่สั่น ไม่สะทกสะท้านต่อเสียงหรือแรงสะบัดของปลายปืน ใบหน้าเรียว คมสัน คิ้วเข้มกำลังขมวดชิดติดกันเผยให้เห็นอารมณ์ความรู้สึกในห้วงเวลานี้ กรามทั้งสองขบกันแน่น แววตามุ่งมั่น ดุจเหยี่ยวที่กำลังจะตะครุบเหยื่อ

“อั๊วบอกแล้วใช่ไหมว่าวันนี้ ไม่งั้นตาย”

เสียงนุ่มนวล ไม่กรรโชกหรือข่มขู่ใดๆ กลับเย็นยะเยือกพุ่งตรงเข้าโสตประสาทคนฟังที่กำลังตัวสั่นยืนหลังพิงกำแพง คล้ายลูกนกที่บินหนีเสียงปืนไม่ทัน รองเท้าผ้าสีดำก้าวเข้าประชิดขึ้นอีก เสื้อคลุมดำแฝงลายมังกรอยู่กลางหลัง เป็นชุดท่อนเดียวตั้งแต่ช่วงตัวถึงหน้าแข้ง เผยให้เห็นกางเกงดำมันขลับอยู่ภายใน กระดุมสีแดงขัดดำ ส่งให้ผู้สวมใส่ดูน่าเกรงขาม ฟู่ชางลูกชายคนโตของตระกูลฟู่ที่มีอิทธิพลที่สุดในแถวตะลัคเกียะ

“ลื้อมันก็แค่เด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม คิดจะขู่คนอย่างอั๊วเหรอ”

สมุนชุดดำ 3 คนด้านหลังไม่พอใจ เดินเข้าหาเจ้าของเสียงสั่นเครืออย่างหมายมาด แขนแข็งแรงกั้นชายทั้ง 3 ไว้ไม่ให้บุ่มบ่าม เผยให้เห็นรอยยิ้มเล็กๆ เผยเขี้ยวและลักยิ้มบนใบหน้า ทว่ารอยยิ้มนั้นแสนจะเยือกเย็น เขาลดปลายกระบอกปืนลง สมุนรับปืนไว้อย่างรู้งาน แสงสีเงินกระทบแสงอาทิตย์แยงเข้าลูกนัยน์ตา กรรไกรขาเดียวอาวุธประจำกายของชาง ไล่ไปที่แก้มและคอของชายที่อยู่ตรงหน้า ยังไม่ทันกะพริบตา ความเจ็บปวดยังไม่ทันได้รู้สึก เลือดสีแดงสดไหลซึมอาบแก้ม ทันทีที่รับรู้ถึงความเจ็บปวด เข่าก็ทรุดลงตรงหน้า ยกมือพนมล้นหัว

“อั๊วขอโทษ อั๊วจะไม่ทำอีก” ชายแปลกหน้ารีบควักเงินให้ชางจำนวนหนึ่ง ชางรับมาอย่างไม่สบอารมณ์ ชายคนนั้นกำลังจะวิ่งหนีไป สมุนทั้ง 3 พุ่งตัวเข้าประกบจับตัวรื้อค้นจนพบเงินอีกจำนวนหนึ่ง ก่อนจะเก็บมาทั้งหมดแล้วเหวี่ยงชายแปลกหน้าล้มคว่ำ กระเสือกกระสนพยุงตัวหนีออกจากซอกเรือนไม้เก่า

ปลายกรรไกรของชางเปื้อนเลือดเล็กน้อย สมุนของเขารีบเข้ามานำเสื้อตัวเองมาเช็ดคราบเลือดจนสะอาด ชางสะบัดเสื้ออย่างไม่พอใจ เขาบรรจงเช็ดกรรไกรขาเดียวของเขาจนกลับมาเงาอย่างเดิม เสื้อคลุมสีดำสะบัดตามจังหวะก้าวขาของชาง เผยให้เห็นทั้งอำนาจ บารมี ที่เขามีอยู่อย่างเต็มภาคภูมิ ทว่าแววตาของเขากลับดูเปล่าเปลี่ยว อ้างว้าง ทั้งที่มีคนมากมายรายล้อม และพร้อมทำตามคำสั่งของเขาอยู่ทุกวินาที

“เป็นแค่ลูกเถ้าแก่ กลับวางก้ามในถิ่นคนอื่นขนาดนี้ไม่กลัวบ้างเหรอ”

เสียงแหบๆ ของชายหนุ่มลูกพี่ลูกน้องของชางดังขึ้นจากด้านหลัง สมุนชุดดำเดินประกบหน้าหลัง สมุนชุดดำสองคนใช้เท้าหยาบๆ เขี่ยของที่วางระเกะระกะเพื่อให้ลูกพี่ของตนเดินได้สะดวก สมุนของชางพุ่งตัวมาข้างหน้าเพื่อปกป้องนายน้อยของพวกเขา มือหยาบของ เหลียง หรือ ฟู่เหลียง ผลักอกชางจนชนกำแพง ชางเหนื่อยใจกับลูกพี่ลูกน้องของเขาเหลือเกิน ภายในใจของเขาถ้าเหลียงไม่ใช่ลูกของน้องชายพ่อ เขาคงสั่งสอนกลับไปมากกว่าที่เป็นอยู่

“อย่ามาหาเรื่องกันดีกว่าเฮียเหลียง” ตามลำดับญาติแล้วเหลียงอายุมากกว่าชางอยู่เพียงไม่ถึงขวบปีเท่านั้น ชางปัดมือเหลียงออกเบาๆ เหลียงเลือดขึ้นหน้าอยากหาเรื่องขึ้นมาทันที เหลียงรังเกียจชางที่เกิดมาแย่งทุกอย่างไปจากเขา เขาคือหลานคนโตคนแรกของตระกูลฟู่ ทุกอย่างในตระกูลฟู่ควรจะเป็นของเขาตามที่ป๊าของเขาสั่งสอนมาตลอดจนกระทั่งชางเกิดมา เหลียงเห็นหน้าชางแดงๆ เขาเอามือบีบหน้าชางหันซ้ายทีขวาที

“เฮ้ย นี่มันรอยฝ่ามือผู้หญิงนี่หว่า” เสียงหัวเราะเยาะระงมไปทั่วบริเวณ “เฮ้ย ลูกพี่มึงไปพลาดโดนใครตบมาวะ” เหลียงเยาะเย้ย ชางไม่สนใจจับมือเหลียงแน่นบีบออกจากหน้าตนเอง เหลียงหน้าเสียแต่พยายามไม่แสดงออก มือทั้งสองสะบัดออกจากกันอย่างรุนแรง สมุนทั้งสองบ้านเขม่นกันอย่างไม่ยอมกัน ชางไม่สนใจหันหลังเดินออกจากซอกเรือนไม้เก่า เหลียงถ่มน้ำลายไล่หลังอย่างสะใจ ชางกำมือแน่นพยายามจับกรรไกรขาเดียวของเขาไม่ให้ปาไปปักหัวใจคนข้างหลัง

 

“เมื่อสองวันก่อนฉันฝันเห็นผู้ชายบ้ากามที่ไหนแอบมาดูฉันแก้ผ้าในห้องน้ำ” กัญ หรือ กัญญ์กุลณัช หญิงสาวในชุดเดรสเบาๆ สายเดี่ยวเปลือยด้านบนพอให้ดูเซ็กซี่ กำลังบ่นให้เพื่อนสาวคนสนิทอย่าง มามิ สาวตัวเล็ก ที่มีดวงตาเชือดเฉือน ดูดุกว่านิสัยที่แสดงออกอย่างมากฟัง มามิตั้งใจฟังเพื่อนสาวคนสนิทที่กำลังบ่นไปกินไปอย่างได้อารมณ์ ทำเอาหน้าสวยๆ บู้บี้คิ้วขมวด พร้อมกับปากสวยๆ ที่ขยับไม่หยุด ผมเผ้ามัดหลวมๆ ไว้ด้านหลังอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์

“กินก่อนไหมแก ก่อนจะติดคอตาย”

“ตอนแรกฉันก็คิดว่าฝันไป แต่ตบแล้วเต็มมือนี่สิก็เหมือนไม่ได้ฝัน แต่พอเอาผ้าปิดตัวปิดตาลงนายนั่นก็หายไปแล้ว”

“บ้านแกมีแต่ของเก่าโบราณ ใครตามแกมาหรือเปล่า” มามิพูดแล้วก็สยอง บ้านกัญญ์กุลณัชสวยงามภายนอก แต่ของตกแต่งภายในมีแต่ประวัติที่ผ่านมาอย่างโชกโชนจนมามิขนลุกเกรียวมาแล้ว

“ไม่หรอก ตอนนี้ไม่มีของใหม่เข้าเท่าไหร่ แต่อีกไม่นานจะมีประมูลใหญ่”

“หรือเจ้าของใหม่เขามาดูบ้าน”

“จะบ้าเหรอ” กัญญ์กุลณัชตีแขนมามิเบาๆ หญิงสาว 2 คนนั่งหัวเราะกันอย่างออกรสอยู่ในร้านอาหารกึ่งผับแห่งหนึ่ง แสงไฟหลากสีวิบวับตามจังหวะดนตรีในร้าน เสียงเพลงดังสนุกสนานเรียกผู้คนให้ลุกขึ้นเต้นไม่ต่างกับหญิงสาวทั้ง 2 คน

“แล้วพี่เควินอะไรของแกจะเอายังไง”

“เลิกย่ะ พรุ่งนี้ฉันจะบอกเลิกซะที เบื่อกับการเป็นผู้หญิงงี่เง่าของตัวเองเต็มแก่ละ”

“โห ยัยกัญของฉัน เอาความมั่นมาจากไหนเนี่ย หรือจะเป็นชายในฝันมาช่วยบิลต์” มามิแหย่

ทว่าภาพของชายหนุ่มหน้าตี๋เขี้ยวเล็กๆ ผุดขึ้นในจินตนาการของกัญญ์กุลณัช เธอเผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว เธอรีบสลัดเขาออกจากหัว แก้วแรกกระดกเข้าปากเพื่อให้ลืมหน้าตี๋ๆ ขาวๆ นั้น แต่ทว่าสายตาซุกซนและลักยิ้มของเขากลับเข้ามาในหัวเธออีกครั้ง แก้วที่เท่าไรแล้วไม่แน่ใจกับการที่กัญญ์กุลณัชอยากจะลืมหน้าชายในฝันของเธอ

 

ยามค่ำคืนกลับมาอีกครั้ง ยามที่ชางไม่จำเป็นต้องเคร่งเครียดกับผู้คนมากหน้าหลายตา ยามที่เขาได้สงบจิตใจ เป็นยามที่หัวมังกรของเขาได้ถูกวางลง ร่างกายกำยำล่ำสันถูกเผยออกจากพันธนาการที่ปกปิดมาทั้งวัน ร่องรอยบาดแผลมีอยู่แทบจะทั่วตัว ยกเว้นด้านหลังของเขาเท่านั้น ชางถือคติอย่างหนึ่งที่ว่า เขาจะไม่ยอมหันหลังให้คู่ต่อสู้หรือศัตรูของเขาเด็ดขาด ทว่ารอยแผลเหล่านี้เกิดจากลูกพี่ลูกน้องของเขาเพียงคนเดียว ชางทิ้งตัวลงทิ้งโลกทั้งใบไว้เบื้องหลัง

สองมือแข็งแรงควานหาที่ยึดเกาะ ความมืดสนิทยามค่ำคืนพาให้ทุกอย่างรอบๆ ตัวกลายเป็นสีดำจนมองไม่เห็น คืนนี้เสียงจิ้งหรีดเรไรก็เงียบสงัดกลับกลายเป็นเสียงหึ่งๆ มีลมเป่าเย็นๆ อย่างที่ชางไม่เคยได้ยินและสัมผัส ชางพยายามพาตัวเองไปที่กำแพงทว่าเขากลับสะดุดเตะโต๊ะเครื่องแป้งทำเอาของที่วางอยู่หล่นลงมาระเนระราด ไม่เพียงแค่นั้นร่างของชางสะดุดล้มลงไปบนเตียงนุ่มๆ มีผ้าหนาๆ เย็นๆ แถมผ้าที่ห่มนั้นยังเหมือนห่อหุ้มร่างคนบางคนไว้ มือทั้งสองข้างของเขาได้ที่ยึดเกาะเพื่อพยุงตัวเรียบร้อย

“กรี๊ดดด…ด” เสียงกรีดร้องตกใจลั่นไปทั่วห้อง มือน้อยๆ ควานหาปุ่มเปิดไฟที่หัวเตียง แสงไฟสว่างวาบขึ้นทันที แสงไฟแยงตาทั้ง 2 คนจนต้องหรี่ตาอยู่สักครู่ ไม่นานนักกัญญ์กุลณัชลืมตาตื่นขึ้นมาสบตากับชายหนุ่มแปลกหน้าเป็นครั้งที่ 2 ชางมองหน้าสวยๆ ของเธอเต็มตาจนเผลอยิ้มออกมาไม่รู้ตัว เมื่อสติกลับมาครบถ้วน ทั้ง 2 มองหน้ากัน ชางสังเกตมือของตนที่ยันตัวเองเอาไว้ ทว่ามือนั้นกลับอยู่บนเรือนร่างที่พึงสงวนไว้ หญิงสาวถีบชางตกเตียงไปพร้อมกับผ้าห่มของเธอ

“อั๊วไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ” หญิงสาวประทับรอยเท้าอยู่หลายรอยบนผ้าห่มที่คลุมตัวชายหนุ่มแปลกหน้า เสียงของเขาเล็ดลอดออกมาจนเธอได้ยิน

“ไม่ได้ตั้งใจอะไร นายแอบเข้าห้องฉันสองรอบ คิดจะทำอะไรกันแน่” กัญญ์กุลณัชสะบัดผ้าห่มออกจากตัวของชายหนุ่ม แต่ภายใต้ผ้าห่มนั้นว่างเปล่า

กัญญ์กุลณัชตื่นขึ้นมาพร้อมกับมือที่กำลังสะบัดผ้าห่มออกจากตัวเหมือนในฝันเมื่อสักครู่ เธอสำรวจเรือนร่างของตนเองอย่างใจหาย เธอไม่เคยฝันประหลาดเช่นนี้มาก่อน ชายหนุ่มหน้าตี๋คนนั้นเป็นใคร

“มามิ ฉันฝันถึงเขาอีกแล้ว” กัญญ์กุลณัชแทบจะโทรศัพท์ทันทีที่ลืมตาตื่นขึ้น

“ไม่คิดจะขอบใจเพื่อนที่ลากร่างแกขึ้นไปนอนบ้างหรือไง ฉันกับพี่ณัฐต้องเช็ดอ้วกแกตามทางเดินจนเช้า คิดจะถามไหมว่าเพื่อนกลับยังไง ฉันตื่นมาบนเตียงได้ยังไง ห๊า” มามิโวยวายใส่ตามประสาคนสนิทกันที่ไม่ได้คิดอะไรมาก

“ฉันจะนอน เรื่องผู้ชายในฝันของแกพับไว้ก่อนเลย” เสียงตัดสายโทรศัพท์ทำเอากัญญ์กุลณัชล้มตัวเองลงนอนภาพของชายหนุ่มเขี้ยวเล็กๆ ลักยิ้มบางๆ น่ารักลอยอยู่ในหัว

หน้าก็หล่อเหมือนพระเอก

สงสัยท่าจะดูซีรีส์จีนมากไป

 

 



Don`t copy text!