กานต์ปรียา บทที่ 1 : อ้อมกอดแนบแน่นราวพยายามกลืนกินอีกฝ่าย

กานต์ปรียา บทที่ 1 : อ้อมกอดแนบแน่นราวพยายามกลืนกินอีกฝ่าย

โดย : ดารัช

Loading

กานต์ปรียา นิยายสืบสวนดราม่า โดย ดารัช กับเรื่องราวที่ว่าด้วยเส้นบางๆ ระหว่างความรัก ความหลงใหล และการล้ำเส้นสู่ Cyberstalking ที่อาจบานปลายเป็นอาชญากรรม เรื่องราวของความสัมพันธ์ซ่อนเร้น การหายตัวไปอย่างปริศนา และเบาะแสที่อาจเปิดเผยความจริงอันมืดดำในโลกออนไลน์ อ่านได้แล้วที่ อ่านเอา www.anowl.co

ขนมหวานเปรียบเหมือนความรัก ทำให้เราเสพติด คลั่งไคล้จนถอนตัวไม่ขึ้น

ประโยคนี้วาบขึ้นมาในหัวแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย กานต์ตงิดใจว่าเขาเห็นข้อความดังกล่าวจากที่ไหนสักแห่ง ใช่แล้ว น่าจะเป็นตอนเช็กอินที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ของโรงแรมเซเรเนด

ตอนนั้นกานต์กวาดตามองรอบตัวอย่างระแวดระวัง พอคิดถึงเรื่องที่กำลังจะทำ ใจเขาเต้นรัวเหมือนมีวงบรรเลงจังหวะร้อนแรงยกขบวนมาจัดการแสดงในนั้น ได้แต่บอกตัวเองว่าให้นิ่งเข้าไว้ ทั้งหมดนี้ก็เพื่อปรียา

อา…ปรียา…ความรักแสนหวานของเขา…กานต์คิดถึงเธอขึ้นมาอีกแล้ว…หญิงสาวร่างโปร่ง ใบหน้าหวานซึ้ง คิ้วโก่ง ดวงตาสีนิลวาววามราวดาวฤกษ์ทั้งมวลกะพริบแสงในนั้น ผมตรงยาวล้อมรอบใบหน้ารูปไข่ จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากเรียวบาง ลำคอระหง และผิวขาวเนียนน่าสัมผัส…

ถ้าขนมหวานเปรียบดังความรักที่ทำให้เสพติด ขนมหวานของกานต์ก็คือเธอ

ประโยคนี้ที่ว่าสลักอักษรสีทองตรงกระจกร้านเบเกอรีบริเวณต้อนรับของโรงแรม จุดเด่นของร้านคือไม้ใบสีเขียวสบายตาวางตามมุมต่างๆ เหมาะแก่การถ่ายภาพเช็กอินอัปสเตตัสลงโซเชียล เป็นร้านแบบที่ปรียาคงชอบ

แสงสีฟ้าสว่างวาบจากหน้าจอมือถือดึงชายหนุ่มวัยยี่สิบแปดปีกลับมายังห้องสวีตของโรงแรม หลังทำธุระสำคัญเสร็จ กานต์ปิดไฟในห้อง ปล่อยสีสันรัตติกาลโอบล้อม

เขามักสบายใจที่ได้ซ่อนตัวในความมืด ดังนั้นแสงสีฟ้าจากโทรศัพท์จึงเป็นแสงสว่างแสงเดียวในห้องพัก

ยามนี้ กานต์เอนตัวบนเก้าอี้นวมข้างเตียงคิงไซซ์สีขาว มือไล้บนสัมผัสอ่อนโยนของพนักวางแขนผ่านถุงมือยางที่สวมเพื่อปกปิดร่องรอยทั้งหมดของตัวเอง เขาประสานมือเข้าด้วยกัน จัดวางท่าทางให้สบายที่สุด

ชายหนุ่มวางแผนและลำดับฉากเหตุการณ์ในหัวมานับครั้งไม่ถ้วนเพื่อวินาทีนี้ เขาไม่มีทางพลาด…

แสงสีฟ้าสว่างวาบต่อเนื่อง โทรศัพท์ส่งเสียงครืดเรียกร้องความสนใจ กานต์พ่นลมหายใจ ผละจากเก้าอี้นวม เดินไปหยุดที่โต๊ะทานอาหารไม่ไกลจากห้องนอน ส่งสายตาขุ่นมัวไปยังต้นเสียง โทรศัพท์มือถือบนโต๊ะมีสภาพกลางเก่ากลางใหม่ รอยขีดข่วนตามตัวเครื่องบ่งบอกว่าเจ้าของไม่ให้ความระมัดระวังในการใช้งานนัก

เสียงเรียกเข้าเงียบไปแล้ว แม้หน้าจอจะล็อกอยู่ แต่ก็มีแถบแจ้งเตือนบอกว่ามีสายเรียกเข้าและข้อความไลน์ถี่รัว เดี๋ยวนี้โทรศัพท์มือถือกลายเป็นอวัยวะชิ้นที่สามสิบสามของร่างกายไปแล้ว สิ่งที่พ่วงมาคือเรากลายเป็นคนที่โดนตามตัวได้ยี่สิบสี่ชั่วโมง กระนั้นโลกคงถล่มถ้าสัญญาณมือถือและอินเทอร์เน็ตเกิดล่มขึ้นมา

“วุ่นวายไม่จบไม่สิ้น” กานต์สบถ หยิบโทรศัพท์เจ้าปัญหากลับมายังห้องนอน เขากดสวิตช์ไฟ เผยให้เห็นการตกแต่งสไตล์มินิมอล ผนังและเฟอร์นิเจอร์โทนสีขาว เน้นพื้นที่ว่างชวนสบายตา เขากวาดตาไปยังภาพวาดบนหัวเตียง ซึ่งเป็นภาพคู่รักโอบกอดกันแนบแน่นราวพยายามกลืนกินอีกฝ่าย ชายหนุ่มเห็นภาพซ้อนทับเป็นร่างเปลือยเปล่าของตัวเองเอื้อมมือกอดปรียา

มันยังไม่พอ…มือของเขายืดยาวประหนึ่งงู พันรัดเธอ ชำแรกเข้าไปในตัวเธอ สัมผัสปอด หัวใจ กระดูก เส้นเลือด กระนั้นเขายังต้องการเธออีก กานต์ไม่รู้ว่ามันจะสิ้นสุดลงที่ตรงไหน บางทีอาจเหมือนก้อนหินที่กลิ้งไปตามทางลาด แรงโน้มถ่วงช่วยเร่งความเร็วจนไม่อาจหยุดยั้ง

เขาทรุดนั่งบนเตียง มือไพล่สัมผัสไออุ่นของร่างบนนั้น

สายฟ้าคือชื่อของอีกฝ่าย ผู้ชายวัยไล่เลี่ยกับกานต์คนนี้นอนนิ่งบนเตียง ร่างสูงสมส่วนซ่อนตัวในชุดวอร์มสีทึบ คลุมทับด้วยเสื้อยืดแขนสั้นตัวโคร่ง อกล่ำกระเพื่อมตามจังหวะลมหายใจ ผมสั้นแสกขวายุ่งเหยิง ใบหน้าคมเข้มเริ่มมีหนวดครึ้ม กานต์กัดฟันกรอดเมื่อนึกได้ว่านี่คือใบหน้าแบบที่ปรียาหลงใหล

โทรศัพท์เจ้าปัญหาสั่นแจ้งเตือนข้อความเข้า ชายหนุ่มพ่นลมหายใจ แล้วคว้ามือสายฟ้ามากดปลดล็อกโทรศัพท์ อีกฝ่ายพ่นเสียงกรนชวนระคายหูราวจะประท้วงจนกานต์นึกรำคาญ

ลายนิ้วมือถูกต้อง ร่างกายชิ้นที่สามสิบสามของสายฟ้าเผยตัวต่อหน้ากานต์ราวหญิงสาวเอนตัวบนเตียง หลับตาพริ้ม กางขารอ…

ภาพหน้าจอเป็นภาพเจ้าของมือถือ สายฟ้าในรูปส่งยิ้มกว้างจนปรากฏตีนกาชัด

กานต์ใช้ปลายนิ้วเลื่อนไปจนถึงหน้าที่ปรากฏแอปพลิเคชันสีเขียว…เจ้าของข้อความในไลน์คือปรียาจริงๆ แถมยังมีเบอร์โทร.ไม่ได้รับอีกสิบกว่าสาย ไม่รวมการโทรและวิดีโอคอลในไลน์

แม้จะไม่พอใจ แต่กานต์อดไล่อ่านข้อความไม่ได้

‘พี่สายฟ้า ทำไมไม่รับสายปรียาคะ’

‘พี่สายฟ้า ไหนบอกว่าจะไม่หายไปเงียบๆ อีก ทำไมไม่รับสายเลย ข้อความในไลน์ก็ไม่ตอบ พี่จะเมินปรียาอีกแล้วใช่ไหม’

‘ไม่อ่านข้อความเลย อยู่กับผู้หญิงคนอื่นอีกแล้วเหรอ’

‘พี่เงียบอีกแล้วนะ เงียบตลอดเลย นี่ปรียาเป็นแฟนพี่จริงๆ หรือพี่แค่คบไปงั้นๆ กันแน่’

มือข้างที่ไม่ได้ไถดูข้อความของกานต์กำหมัดแน่น เขาขบกรามกรอด มองภาพโพรไฟล์ของหญิงสาวผมยาว เอียงคอมองกล้อง ส่งยิ้มหวานมาให้

ทำไมคนที่ได้ครอบครองรอยยิ้มนั้นถึงไม่ใช่เขานะ

ชายหนุ่มสูดลมหายใจลึก ออกจากหน้าโปรแกรมไลน์ แล้วเข้าเฟซบุ๊กของสายฟ้าแทน สเตตัสล่าสุดที่ชายวัยสามสิบเอ็ดอัปเดตคือ ‘แฟนไม่มาก็แปลว่าโสดนะครัช’ ซึ่งกานต์เป็นคนโพสต์เมื่อวานนี้ กว่าจะคิดสเตตัสที่ถูกใจและฟังดูเหมือนสายฟ้าเป็นคนพิมพ์จริงๆ กานต์ต้องเลือกแล้วเลือกอีกจนปวดหัว แต่สติกเกอร์โกรธที่ปรียาส่งมาก็นับว่าคุ้ม

“ช่วย…ด้วย…” เสียงพึมพำแผ่วเบาทำเอากานต์สะดุ้ง ไม่คิดว่ายานอนหลับจะหมดฤทธิ์เร็วขนาดนี้ เขายังอยู่ในขั้นตอนทบทวนช่องโหว่ครั้งสุดท้ายของแผนการ ชายหนุ่มยังไม่พร้อมให้อีกฝ่ายมารบกวนการใช้ความคิดตอนนี้ เขามองคนบนเตียงสายตากร้าว หงุดหงิดที่สายฟ้าทำให้เขาโมโหได้ไม่รู้จักจบจักสิ้น ทั้งเรื่องที่ปรียาเลือกมัน ไหนจะเรื่องที่ทำท่าว่าจะฟื้นจากฤทธิ์ยาอีก

มือแข็งแกร่งจับข้อมือเขาไว้แน่น กานต์ตาเบิกโพลง รีบสะบัดออก สายฟ้ายังคงพึมพำฟังไม่ได้ศัพท์ ดูท่าจะละเมอ

ต้องสะบัดเต็มแรงจนเจ็บ มือราวคีมหนีบจึงหลุดออก ชายหนุ่มขบกราม พยายามตั้งสติ เขาไม่ได้เตรียมยานอนหลับมาเพิ่ม ดังนั้นจึงต้องเร่งมือ อีกอย่าง ประวิงเวลาไปก็เท่านั้น ยังมีงานต้องทำอีกหลายอย่าง ถ้ามัวแต่ลังเล ที่วางแผนมาก็จะเหลวไปทั้งหมด

กานต์ผุดลุกขึ้นยืน ด้วยส่วนสูงร้อยแปดสิบสามเซนติเมตร พอมองลงมายังร่างที่นอนอยู่ ทำให้เผลอจินตนาการไปว่าตัวเองเป็นยักษ์ที่กำลังมองมนุษย์ตัวจ้อย…ชายหนุ่มแสยะยิ้ม ดูเหมือนช่วงเวลาเกือบสามเดือนที่เข้าไปตีสนิทกับนักเขียนอย่างสายฟ้ามาจะทำให้เขาเกิดร่ำรวยจินตนาการขึ้นมาเสียอย่างนั้น

เสียงแจ้งเตือนข้อความในไลน์ดึงกานต์จากภวังค์ ก่อนอื่นเขาต้องจัดการเรื่องมือถือของอีกฝ่าย เริ่มจากเปลี่ยนการตั้งค่าให้ปลดล็อกหน้าจอมือถือด้วยรหัสผ่าน ทีนี้ลายนิ้วมือของนักเขียนหนุ่มก็ไม่จำเป็นอีกแล้ว แน่นอนว่าเขากำหนดรหัสผ่านเป็นคำว่า PREEYA

ปรียา…ความรักของเขา…ของเขาคนเดียว…

กานต์พ่นลมหายใจทางปาก ทำงานเสร็จไปหนึ่งอย่าง ส่วนขั้นตอนต่อไปเป็นเรื่องที่เขาจินตนาการเอาไว้ไม่รู้กี่ครั้ง

กานต์โน้มตัวลงสอดแขนไปใต้รักแร้ของสายฟ้า ด้วยรูปร่างและส่วนสูงที่พอๆ กันทำให้ไม่ง่ายเลย เขากัดฟันยกตัวอีกฝ่ายขึ้นมา แต่จบลงด้วยการที่ตัวเองล้มลงไปบนเตียงนอนเสียเอง เหงื่อเม็ดโตผุดพรายแม้แอร์เย็นเฉียบ

“ระยำ!” กานต์สบถ ผุดลุกขึ้นยืน เอามือปาดเหงื่อ แล้วสอดแขนใต้รักแร้สายฟ้าอีกรอบ

คราวนี้กานต์ยกตัวนักเขียนหนุ่มมายืนอยู่ในท่าที่เขากำลังโอบอีกฝ่ายไว้ จะว่าไป ท่วงท่านี้คล้ายภาพวาดบนหัวเตียงอย่างประหลาด

ชายหนุ่มลากสายฟ้าไปยังห้องน้ำ พอวางร่างอีกฝ่ายบนพื้นได้ ตัวเขาเองก็แทบทรุด ระยะทางจากเตียงนอนมายังห้องน้ำไม่ไกล แต่กินแรงมากเหลือเกิน

เขานั่งยอง หอบหายใจข้างสายฟ้าที่ยังคงนอนนิ่ง กานต์บอกตัวเองว่าเขาทำได้ กระนั้นสองมือยังเอาแต่สั่นระริก เขาหลับตา นึกถึงใบหน้าผุดผาดและรอยยิ้มที่ค่อยๆ คลี่ออกของปรียา “ผมทำได้ ปรียา เชื่อสิ ผมต้องทำได้ เพื่อคุณ เพื่อเรา”

“นี่มันบ้าอะไรกันวะเนี่ย!” เสียงสบถดังขึ้น พอหันมองก็พบว่าสายฟ้าลืมตาตื่น พยายามยันกายขึ้น อีกฝ่ายกวาดตามองไปรอบๆ ก่อนสบตาเขา “มึง…มึงทำอะไรกู” น้ำเสียงยังคงงัวเงีย

ก่อนจะรู้ตัว มือของกานต์ก็รวบลำคอชายตรงหน้าแน่น เขารับรู้ถึงแรงดิ้นและแขนขาที่ปัดป่ายสะเปะสะปะให้หลุดจากพันธนาการ แต่เพราะสายฟ้าเพิ่งฟื้นจากฤทธิ์ยาสลบ ยังรวบรวมเรี่ยวแรงได้ไม่เต็มที่ ฝ่ายที่เป็นต่อคือเขา

“ตายซะ ตายซะ ตายซะ!” กานต์พึมพำราวกำลังท่องบทสวดศักดิ์สิทธิ์ ภาพปรียาส่งยิ้ม เอามือคล้องแขนคนตรงหน้าแวบมาในห้วงความคิด น้ำเสียงและแววตารักใคร่เวลาหญิงสาวพูดถึงมันทำให้กานต์แทบคลั่ง เขาเจ็บแปลบที่แขนเพราะโดนสายฟ้าข่วนอย่างแรงจนเลือดซิบ แต่มันยังไม่เจ็บเท่าตอนที่ปรียาบอกว่าเธอมีคนรักอยู่แล้ว และไม่สามารถคบกับเขาได้

ถ้าไม่มีสายฟ้า ทุกอย่างจะง่ายกว่านี้ กานต์รู้แน่แก่ใจว่าปรียารักเขาตอบเช่นกัน แต่เธอช่างบริสุทธิ์งดงามเกินกว่าจะบอกเลิกกับคนรักของตัวเอง

“ตายไปซะ ตาย ตาย ตาย!” กานต์ตะโกนสุดเสียง

เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือปลุกกานต์ให้ได้สติ คราวนี้เป็นมือถือของเขา ชายหนุ่มปล่อยมือจากสายฟ้า ร่างอีกฝ่ายเอนลงไปบนพื้นห้องน้ำตามกฎแรงโน้มถ่วงของนิวตัน สัมผัสเย็นเฉียบบ่งบอกถึงวิญญาณที่หลุดลอยไป ใบหน้าตอบอ้าปากบิดเบี้ยว ตาเบิกโพลง แววตาว่างเปล่าของคนตายจ้องมองเขานิ่ง

เสียงโทรศัพท์กรีดร้องราวนางปีศาจแบนชีประกาศข่าวการเสียชีวิต กานต์ถลันไปยังเก้าอี้นวมข้างเตียง หยิบโทรศัพท์บนโต๊ะกลมมากดรับสาย บังคับเสียงไม่ให้สั่น “กานต์พูดครับ”

ปลายสายเงียบ เขายกมือถือมาดูชื่อผู้โทร.

“ปรียาเหรอ” แค่พูดชื่อของเธอ ใจเขาก็สงบลง

เสียงสะอื้นดังมาจากปลายสาย “กานต์ ปรียาเหนื่อยกับการไล่ตามพี่สายฟ้าแล้วค่ะ เขาไม่สนใจปรียาเลยสักนิด ปรียาจะทำยังไงดี”

“ปรียาคนดี” เสียงกานต์แหบพร่า “ใจเย็นๆ ก่อนนะครับ ค่อยๆ เล่าให้ผมฟัง เกิดอะไรขึ้น คุณสายฟ้าทำอะไรปรียา”

“เขาไม่ได้ทำอะไรค่ะ” เธอตอบ “ไม่ตอบข้อความ ไม่รับสาย ทำเหมือนปรียาไม่มีตัวตน”

ปลายสายเปล่งเสียงโฮออกมา ชายหนุ่มปล่อยให้เธอร้องไห้ นึกภาพดวงหน้างดงามเปื้อนรอยน้ำตา…แค่คิดก็สวยจนเขาแทบคลั่ง

“ปรียาขอโทษนะคะที่โทรมากวนกานต์ เบญทำงานกะดึกน่ะค่ะ แล้วปรียาก็กลุ้มใจมากๆ” เธอพูดถึงเบญญาภา เพื่อนสนิทที่ทำงานแคชเชียร์ในร้านมินิมาร์ตหน้าบริษัทกานต์ เขานึกถึงหญิงสาวหน้ากลม ผมสั้นระต้นคอ ที่ทำให้เขาได้รู้จักปรียา เบญญาภามักสวมเสื้อเบลาส์โทนสีขาว ครีม น้ำตาล กับกางเกงยีนส์ทรงกระบอก ดูเรียบๆ ไม่สะดุดตา จนกระทั่งเธอยิ้ม…

“กานต์ยุ่งอยู่หรือเปล่าคะ” เขานึกสีหน้าเกรงใจของคนปลายสายออก

กานต์ยิ้มอ่อนโยน “ไม่เป็นไรเลย เวลายี่สิบสี่ชั่วโมงในชีวิตผมเป็นของปรียาอยู่แล้ว”

เกิดความเงียบไปครู่ใหญ่ กานต์ใจหายวาบ รู้สึกได้ว่าตัวเองพลาดแล้ว เขารุกเธอหนักเกินไป กานต์พยายามแล้ว แต่มันอดไม่ได้ ต้องมีบางอย่างมากเกินพอดีทุกครั้งต่อหน้าปรียา เขากำหมัด จิกเล็บมือลงไปในเนื้อจนน้ำตาไหล โกรธตัวเองที่ทำให้หญิงสาวถอยห่างออกไปอีกก้าว

“ยังไงปรียาก็ไม่ควรกวนกานต์ค่ะ ปรียาจะทำใจเย็นๆ แล้วลองติดต่อพี่สายฟ้าอีกที ขอโทษที่กวนนะคะ” เธอรีบวางสายเหมือนกลัวเขาจะรั้งให้คุยต่อ

ชายหนุ่มขบฟันกรอด ปามือถือตัวเองทิ้งด้วยความหงุดหงิด เขาเดินไปยังร่างไร้วิญญาณในห้องน้ำ ตอนแรกกานต์วงแผนว่าจะฉีดยาเกินขนาดเข้าเส้นเลือด แต่แบบนี้ก็ได้ผลลัพธ์เหมือนกัน นั่นคือทำให้ศัตรูหัวใจหายไปจากโลกใบนี้!

ขั้นตอนต่อไปยากพอๆ กับการวางแผนฆ่า นั่นคือการซ่อนศพ

กานต์ทรุดตัวบนพื้น เขารู้สึกเหมือนตัวเองใช้เรี่ยวแรงหมดไปตั้งแต่วินาทีที่ลมหายใจเฮือกสุดท้ายของซากร่างตรงหน้าหลุดลอยไป

ชายหนุ่มหลับตาลง จินตนาการดวงหน้าของปรียา…ใบหน้าสวยหวานราวน้ำค้างพิสุทธิ์ ดวงตาส่องประกาย น้ำเสียงใสราวระฆัง น้ำหอมกลิ่นดอกไม้ที่ให้ความรู้สึกหรูหรา สัมผัสนวลเนียนของมือเรียวขาว

พอลืมตาอีกครั้ง แววตากานต์สงบราวน้ำนิ่ง เขาเดินไปที่กระเป๋าเดินทาง หยิบแผ่นพลาสติกมาปูบนพื้น แล้วยกร่างสายฟ้าไปวางบนนั้น ไม่รู้ทำไม ร่างที่ไร้วิญญาณจึงหนักเสียจนกานต์ล้มก้นจ้ำเบ้าเสียหลายหน ชายหนุ่มไม่รู้ตัวเลยว่า ยามนี้ ใบหน้าของเขาเคร่งขรึมราวกำลังทำพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์

กานต์หยิบชุดกันฝนจากกระเป๋าเดินทาง ตรวจให้แน่ใจว่าเลือดจะไม่กระเซ็นมาโดนตัว จัดวางมีด ค้อนและเลื่อยไฟฟ้าชนิดเก็บเสียงอย่างเป็นระเบียบ เขาไล้มือตามอาวุธแต่ละชิ้น แล้วหยิบเลื่อยมาลองเหวี่ยงเพื่อจัดท่าทางให้จับได้ถนัดมือ กานต์สูดลมหายใจ ตั้งสมาธิ

“เพื่อความรักของเรา” ชายหนุ่มยิ้มอ่อนโยนให้ดวงหน้าสวยซึ้งในมโนสำนึก

 

สิ่งที่เด็กชายกานต์วัยสิบขวบชอบที่สุดคือการต่อจิกซอว์

เด็กชายผอมกะหร่องสวมชุดโคร่งไม่พอดีตัวนั่งตรงมุมห้องในบ้านเด็กกำพร้า ‘รั้วรัก’ เทจิกซอว์ในกล่อง แยกสีและรูปร่าง บรรจงเอาแต่ละชิ้นส่วนมาประกอบกัน เขาไม่ดูรูปหน้ากล่องด้วยซ้ำ มันน่าสนใจกว่าที่จะค่อยๆ ประกอบกระดาษเข้าด้วยกัน แล้วค้นพบความมหัศจรรย์ของภาพยามเสร็จสมบูรณ์

แม่ดวงตา…ผู้ดูแลที่บ้านเด็กกำพร้าสังเกตเห็นความหลงใหลนี้ ทั้งยังคอยซื้อจิกซอว์ลวดลายใหม่ๆ มาให้กานต์ทุกวันเทศกาล กระทั่งตอนนี้ เขายังเผลอคิดถึงตาหนูกานต์ที่รอคอยของขวัญอย่างใจจดใจจ่อ

เกมจิกซอว์มีต้นกำเนิดย้อนไปตั้งแต่สมัยกรีกโบราณ แรกเริ่มทำจากไม้แกะสลัก ต่อมาเปลี่ยนเป็นกระดาษแข็ง กระทั่ง ค.ศ.1762 นายจอห์น สปิลเบอรี่ ช่างพิมพ์ชาวอังกฤษ ประดิษฐ์จิกซอว์รูปแผนที่ เพื่อใช้เป็นอุปกรณ์สอนวิชาภูมิศาสตร์ของเด็กๆ จากนั้นภาพจิกซอว์ก็เริ่มแพร่หลาย มีตั้งแต่ภาพขาวดำ ภาพสี ภาพเรืองแสง แบบสามมิติ ทั้งยังมีตัวต่อเป็นพันๆ ชิ้นท้าทายความสามารถของผู้เล่น เหมือนจะบอกว่า ฉันอยู่ที่นี่ หาฉันให้เจอ ประกอบฉัน ทายสิว่าฉันเป็นใคร ลองทายสิว่าเกิดอะไรขึ้นกับฉัน

น่าแปลกที่สายฟ้าเองก็ชอบต่อจิกซอว์เป็นงานอดิเรกเหมือนกัน ตอนที่หาทางตีสนิทกับนักเขียนหนุ่ม ความหลงใหลในจิกซอว์เป็นหนึ่งในไม่กี่เรื่องที่กานต์เผยตัวตนที่แท้จริงของตัวเองให้อีกฝ่ายเห็น

กานต์เอาแต่คิดถึงเรื่องนี้ระหว่างหั่นศพสายฟ้าเป็นชิ้นๆ ทันทีที่หย่อนมือขวาลงไปในกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ ความคลื่นเหียนที่กักเก็บเอาไว้ก็เอ่อล้น กานต์โก่งคอ สำรอกเอาทุกอย่างที่ทานเข้าไปตลอดวัน ซึ่งมีเพียงแค่น้ำและเศษเละๆ ของอาหารเพียงน้อยนิด เขาอาเจียนจนรู้สึกเหมือนอวัยวะภายในจะหลุดออกมา เหลือเพียงรสขมปร่าค้างในปาก

ชายหนุ่มบ้วนน้ำลายทิ้งลงชักโครก ทรุดตัวพิงผนังห้องน้ำ หอบจนตัวโยน เหงื่อตามเนื้อตัวเหนียวเหนอะ เขามองสถานที่แยกชิ้นส่วนศพ ยังมีงานต้องทำอีกมาก ไหนจะกำจัดอุปกรณ์หั่นศพทั้งหมด รวมทั้งทำลายหลักฐานที่บ่งบอกว่าตัวเขาเคยปรากฏตัวที่นี่ ในห้องพักห้องนี้

 

เกือบเก้าโมงเช้าวันรุ่งขึ้น กานต์ปรากฏตัวที่ล็อบบีโรงแรม สวมเสื้อยืดแขนสั้น เผยสติกเกอร์ลายมังกรเป็นทางยาวพันเลื้อยรอบแขนขวาแบบเดียวกับรอยสักอันเป็นเอกลักษณ์ของสายฟ้า ยีนส์ขากระบอกทรงใหญ่ สวมหมวกบักเก็ตสีดำไม่มีลาย ปิดบังใบหน้าด้วยหน้ากากอนามัย ข้างตัวเขาคือกระเป๋าเดินทางและเป้สะพายหลัง

พนักงานต้อนรับร่างโย่งยกหูโทรศัพท์ของโรงแรม รอแม่บ้านตรวจสอบห้องพัก จากนั้นก็หันมาส่งยิ้มให้ สายฟ้าตัวปลอมก้มหน้าหลบ รู้สึกถึงมือชื้นเหงื่อและน้ำหนักสัมภาระมหาศาลกดทับ

“เช็กเอาต์เรียบร้อยแล้วนะครับ คุณลูกค้า ขอบคุณที่ให้ความไว้วางใจเข้าพักที่โรงแรมเซเรเนดครับ”

กานต์ลอบถอนหายใจ ทั้งน้ำหนักและส่วนสูงของเขาและสายฟ้าไล่เลี่ยกัน เขานึกขอบคุณสไตล์การแต่งตัวของอีกฝ่าย พออยู่ในเสื้อผ้าหลวมโพรก แถมสวมหน้ากากอนามัยปิดบังใบหน้า ทำให้ยากจะแยกออกว่าใครเป็นใคร

“เป็นยังไงบ้างคะทุกคน โรงแรมเซเรเนดที่เมอร์รี่พามาทัวร์วันนี้บรรยากาศดีสุดๆ ไปเลยใช่ไหมคะ” เสียงหวานใสกังวานใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

กานต์หันไปมองเจ้าของเสียง เธอเป็นหญิงสาวร่างเล็ก อายุราวยี่สิบต้น ไว้ผมยาวดัดลอน พอรวมกับเครื่องหน้าและชุดกระโปรงที่สวม ทำให้งดูเหมือนตุ๊กตามีชีวิต

“อย่าลืมนะคะ ถ้าไม่อยากโดนหาว่าเอาต์ ต้องคอยติดตามช่องยูทูบของเมอร์รี่เอาไว้นะคะ เพราะเมอร์รี่จะคอยอัปเดตคาเฟ่ ที่พัก สถานที่ท่องเที่ยว รวมทั้งอีเวนต์น่าสนใจต่างๆ มากมายเลย”

หญิงสาวเดินออกมาจากร้านขนมหวานฝั่งตรงข้าม เยื้องเคาน์เตอร์เช็กอิน-เช็กเอาต์ของโรงแรมเล็กน้อย…ร้านที่สลักอักษรตรงกระจกร้าน เปรียบขนมหวานกับความรัก

ตุ๊กตามีชีวิตเพ่งความสนใจไปยังชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่เดินถอยหลังมาทางกานต์ ตากล้องหนุ่มสวมเสื้อคลุมยีนส์สีฟ้าอ่อนทับเสื้อยืด เข้ากับยีนส์ขายาวสีฟ้าซีดและผ้าใบสีขาว ในมือแบกกล้อง DSLR เพื่อบันทึกวิดีโอ

กานต์จิ๊ปาก ในตอนที่ไม่อยากทำตัวโดดเด่น เขากลับมาเจอยูทูบเบอร์เข้าให้ ชายหนุ่มรีบหยิบสัมภาระเพื่อเลี่ยงออกไป

“หลังจากทัวร์ร้านขนมหวานกันแล้ว คลิปหน้าเมอร์รี่จะพาทุกคนมาทัวร์โรงแรมเซเรเนดกันต่อค่ะ อย่างที่แอบกระซิบไว้ว่าเมอร์รี่ได้โปรโมชันส่วนลดค่าที่พักพร้อมอาหารเช้ามา เดี๋ยวท้ายคลิปหน้าจะมีแจกส่วนลดให้ผู้โชคดีแน่นอนค่ะ” หญิงสาวมองทางเคาน์เตอร์เช็กอิน แล้วเดินดุ่มเข้ามา ทำให้ตากล้องแพนกล้องตามหลังเจ้าหล่อน เพื่อเก็บภาพส่วนต้อนรับเอาไว้

กานต์มองตากล้องที่ยังคงจับภาพเจ้าของช่องยูทูบ เขาข่มความหงุดหงิด แล้วรีบสาวเท้าเพื่อหลบให้พ้นมุมกล้อง ตอนนี้ใจเขาหล่นวาบไปยังตาตุ่ม ถ้าอีกฝ่ายถ่ายติดเขา แล้วเกิดเห็นอะไรผิดสังเกตเข้าล่ะ!

ไม่สิ ไม่มีทางเกิดเรื่องแบบนั้น

กานต์สูดลมหายใจ เขาต้องวางท่าทางปกติ ให้เหมือนเป็นแขกที่เพิ่งเช็กเอาต์ออกจากโรงแรมคนหนึ่ง ไม่ใช่นายสายฟ้าตัวปลอมที่ยัดชิ้นส่วนของแขกตัวจริงลงในกระเป๋าเดินทางจนอัดแน่น!

ด้วยน้ำหนักเจ็ดสิบกว่ากิโลกรัม กานต์ไม่สามารถขนชิ้นส่วนของสายฟ้าลงมาทั้งหมดทีเดียวตอนเช็กเอาต์ได้ เขาจึงทยอยขนลงมาทีละหน่อย ส่วนหนึ่งยัดใส่กระเป๋าเดินทางและเป้สะพายหลังในฐานะสายฟ้า และอีกส่วน กานต์ขนลงมาในฐานะแขกที่เข้าพักโรงแรมเซเรเนดข้างๆ ห้องของสายฟ้า และเช็กเอาต์ไปตอนเช้ามืด

กานต์จงใจจองที่พักด้วยชื่อปลอม ดังนั้น หากเกิดการตรวจสอบใดๆ ขึ้นมา ย่อมไม่มีทางสาวมาถึงตัวเขาได้

ชายหนุ่มเดินออกจากโรงแรมเซเรเนดเป็นครั้งที่สองของวัน โดยมีเสียงสดใสของหญิงสาวดังไล่หลัง

“สำหรับคลิปหน้าจะเป็นวันสบายๆ ในโรงแรมเซเรเนดของเมอร์รี่ค่ะ อดใจรอชมกันไม่นานนะคะ และสำหรับคนที่เพิ่งกดเข้ามาที่ช่องของเมอร์รี่นะคะ ฝากช่วยกันกดไลก์ กดติดตาม กดแจ้งเตือน และแชร์คลิปของวันนี้ด้วยนะคะ แล้วเจอกับเมอร์รี่ที่ช่อง ‘Merry Everyday’ สำหรับวันนี้ เมอร์รี่ต้องขอลาไปก่อน สวัสดีค่า”

 



Don`t copy text!