กานต์ปรียา บทที่ 4 : เรื่องทั้งหมดที่ฉันชอบ

กานต์ปรียา บทที่ 4 : เรื่องทั้งหมดที่ฉันชอบ

โดย : ดารัช

Loading

กานต์ปรียา นิยายสืบสวนดราม่า โดย ดารัช กับเรื่องราวที่ว่าด้วยเส้นบางๆ ระหว่างความรัก ความหลงใหล และการล้ำเส้นสู่ Cyberstalking ที่อาจบานปลายเป็นอาชญากรรม เรื่องราวของความสัมพันธ์ซ่อนเร้น การหายตัวไปอย่างปริศนา และเบาะแสที่อาจเปิดเผยความจริงอันมืดดำในโลกออนไลน์ อ่านได้แล้วที่ อ่านเอา www.anowl.co

ปรียายืดแขนขวาไปข้างหน้าจนสุด ภาพจากกล้องหน้าของโทรศัพท์มือถือเผยใบหน้าหวานซึ้งชวนมอง หญิงสาวทำงานบริษัทเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์เสริมความงาม ทั้งยังดูแลตัวเองเป็นอย่างดี ภาพที่มองผ่านกล้องดูน่าพอใจและน่าภูมิใจ ปรียาส่งยิ้มให้กล้อง เอียงศีรษะเผยลำคอขาวนวล ตรงหน้ามีสลัดทูน่าและน้ำเบอร์รีปั่น มีฉากหลังเป็นคาเฟ่สไตล์มินิมอล ตกแต่งโทนสีขาวสบายตา

สีขาวเป็นสีโปรดของหญิงสาว การมาเช็กอินในคาเฟ่สวยๆ บรรยากาศดีๆ เพื่ออัปรูปลงเฟซบุ๊กที่มียอดผู้ติดตามหลักหมื่นเป็นงานอดิเรกที่ปรียาโปรดปราน แต่เธอกลับรู้สึกเหมือนยังขาดอะไรไปบางอย่าง

ปรียากัดริมฝีปาก ลอบมองแฟนหนุ่มตรงหน้า ใบหน้าคมคาย ผิวพรรณสะอาด สวมเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาวกับยีนส์เข้ารูปสีดำ กานต์เท้าคาง โน้มตัวมาหาเธอ ราวกับไม่มีอะไรในโลกน่าสนใจเท่า

แฟนที่เอาใจใส่ ไม่เจ้าชู้จนปรียาต้องมาคอยจับผิดว่าวันๆ เขาไปเจอใครมาบ้าง แถมยังรู้ใจเธอทุกอย่าง นับว่ายิ่งกว่าถูกลอตเตอรี่ แต่เธอกลับรู้สึกว่างเปล่า หญิงสาวโบยตีความไม่รู้จักพอใจในสิ่งที่มีของตัวเอง ส่งยิ้มสดใสให้กานต์

ปรียากำลังจะชวนคนรักไปดูหนังเรื่องที่เพื่อนใหม่แนะนำมา แต่พอเห็นแววตาเหม่อลอยของกานต์ เธอก็ชะงัก ขมวดคิ้วมุ่น

“เหม่ออีกแล้วนะคะกานต์” เธอกัดริมฝีปาก เริ่มไม่พอใจ กานต์ทำท่าเหมือนกำลังฟังเธอ แต่พักหลังๆ หญิงสาวรู้สึกว่าเขาไพล่ไปคิดเรื่องอื่น บางครั้งกานต์เผลอแสดงสีหน้าขึงขังเสียจนปรียานึกกลัว

“ขอโทษครับ” เขาดูจะรู้สึกตัว “ผมมัวแต่คิดเรื่องงาน…”

“ช่างมันเถอะค่ะ” เธอสะบัดเสียง ไม่ได้โกรธกานต์ แต่โกรธตัวเองมากกว่า ยิ่งเห็นสีหน้าเซื่องซึมของเขา ปรียาก็ยิ่งไม่เข้าใจตัวเอง ตอนคบกับสายฟ้า เขาไม่สนใจเธอเลย บางครั้งเดตกันอยู่แท้ๆ เขากลับแช็ตกับผู้หญิงคนอื่น กระนั้นปรียาก็ยังรอคอยและส่งยิ้มหวานให้ เธอไม่รู้ว่าตัวเองไม่พอใจอะไรกานต์นัก และทำไมถึงเอาแต่เปรียบเทียบผู้ชายตรงหน้ากับแฟนเก่าอยู่ได้

ถ้าเป็นสายฟ้าจะพูดแบบนี้…ถ้าเป็นสายฟ้าจะทำแบบนี้…

โทรศัพท์มือถือสั่น ปรียาละความสนใจจากกานต์มาอ่านข้อความในเฟซบุ๊กที่เบญญาภา เพื่อนสนิทของเธอส่งมา

 Ben Benyapa : ที่ลงรูปในเฟสตะกี้ใช่ร้านเปิดใหม่ที่มีดารามากินใช่ไหม ชื่อร้าน ICARUS ใช่หรือเปล่า

 ปรียา เปี่ยมปภานัน : แน่นอนสิ กานต์ชวนมาทานมื้อเที่ยง

ปรียาละสายตาจากหน้าจอมือถือ บรรยากาศร้านนั้นเรียบง่าย มินิมอล ตกแต่งด้วยโทนสีขาวสบายตา ประดับไม้ใบตามมุมต่างๆ จัดมุมถ่ายรูปเป็นโซน ลูกค้าเยอะ แต่ไม่ชวนให้รู้สึกวุ่นวายเลย มุมทานอาหารแบ่งเป็นข้าวและเบเกอรี เพื่อให้อาหารคาวและอาหารหวานไม่กลบกลิ่นกัน หญิงสาวชั่งใจ แล้วพิมพ์บอกเพื่อนสนิท

 ปรียา เปี่ยมปภานัน : ร้านโอเคเลยนะแก มุมถ่ายรูปเพียบ

 Ben Benyapa : แหม แกมีแฟนแสนดีคอยถ่ายรูปให้ก็พูดได้สิ จะให้ฉันแบกขาตั้งกล้องไปถ่ายรูปในร้านอยู่คนเดียวเป็นชะนีเหงาๆ หรือไง

 ปรียา เปี่ยมปภานัน : ก็แฟนฉันงานดี!

พอนึกภาพสาวหน้ากลมเดินดุ๊กๆ ไปทั่วร้านพร้อมขาตั้งกล้อง ปรียาก็หัวเราะคิก หญิงสาวคุยแช็ตกับเพื่อนสนิทอีกพักหนึ่ง จนมือถือเริ่มร้อน

ระหว่างคิดโน่นคิดนี่ พอเงยหน้ามา กานต์ก็หลบไปนั่งพิมพ์งานอีกมุม รอไม่นานนัก เขาก็ปิดโน้ตบุ๊ก แล้วเดินมานั่งตรงข้ามเธอ สีหน้าดูผ่อนคลาย

“ขอโทษทีนะปรียา ตรงนี้สัญญาณไวไฟไม่ค่อยดี พอดีผมต้องไปส่งอีเมลให้หัวหน้าน่ะ” เขาบอก รอยยิ้มสดใสเสริมให้ใบหน้าคมคายชวนมอง “ว่าแต่อยากลองชิมเมนูซิกเนเจอร์ของที่ร้านไหมครับ หรือจะทานเมนูอื่นก็ได้นะ”

ปรียาชั่งใจ นึกคำนวณแคลอรีของบิงซูบราวนีถาดใหญ่ ท็อปปิงเป็นผลไม้และช็อกโกแลต ถ้าถ่ายรูปลงไอจีกับเฟซบุ๊กคงสวย แต่พอนึกถึงแคลอรีอีกรอบ…

“สั่งมาชิมก็ได้นะครับ” กานต์แนะ “ปรียาชิมสักคำสองคำ ที่เหลือผมทานเอง จะได้ไม่อ้วนด้วย” เขามองเธอ ยิ้มน้อยๆ “ถึงสำหรับผม ปรียาจะเซ็กซี่จนเกินห้ามใจไม่ว่าจะอ้วนหรือผอมก็เถอะ”

หญิงสาวตีแขนเขา พึมพำ “คนทะลึ่ง!” ใบหน้าแดงเป็นปื้น

กานต์หัวเราะ แล้วส่งมือให้เธอเพื่อไปเลือกของหวานด้วยกัน

 

‘บิงซูบราวนีหรือจะสู้มากินบิงซูกับปรียา’

ปรียามองภาพตัวเธอนั่งเท้าคางบนโต๊ะ ก้มหน้ามองของหวาน เผยให้เห็นเรือนผมดำสยายและเสี้ยวหน้าบางส่วน ชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง หญิงสาวกดปุ่มยืนยันเพื่อแชร์ภาพและข้อความบนเฟซบุ๊ก

ปุ่มแจ้งเตือนในเฟซบุ๊กบอกว่ามีคนกดหัวใจให้กับรูป พอเลื่อนไปดูก็เห็นกานต์พิมพ์ใต้ภาพว่า ‘เมนต์แรกครับ’ ตามด้วยข้อความจำพวกเมนต์สอง เมนต์สาม และข้อความชมจากผู้ติดตาม ปรียารู้จักแค่บางคน เธอยิ้มเมื่อมีข้อความในเชิงบวกจากคนแปลกหน้าหลั่งไหลเข้ามา ทำนองว่าร้านสวยจัง วันนี้น่ารักจัง อาหารน่าทาน ไปร้านไหนมา ร้านนี้คิวแน่นตลอดเลย หญิงสาวรู้สึกเหมือนมีสปอตไลต์ฉายมาที่ตัวเอง ส่องประกายระยิบระยับโดยมีตัวเธอเป็นศูนย์กลาง

กานต์พิมพ์ในข้อความเพิ่มว่า ‘คนสวย สนใจผมหน่อยสิครับ’ ทำเอาปรียาหัวเราะคิก หญิงสาวเงยหน้ามามองผู้ชายตรงหน้า กานต์ส่งยิ้มล้อเลียนมาให้

“แป๊บนึงนะคะ” โทรศัพท์ในมือสั่น หญิงสาวก้มมอง จักรภัทร-เพื่อนในแผนกทักมาทางไลน์เรื่องไป Team Building ของแผนกที่ต่างจังหวัด มีค้างคืนหนึ่งคืน ปรียากัดริมฝีปาก มองภาพโพรไฟล์ของคนทัก…ชายหนุ่มหน้าเข้มส่งยิ้มร่าเริง นัยน์ตาพราว แค่มองรูปก็ชวนให้นึกถึงเสียงหัวเราะกับมุกตลกขำๆ สมกับที่เป็นฝ่ายชูโรง สร้างบรรยากาศในแผนกให้สนุกสนาน จักรภัทรอายุเท่ากันและต้องร่วมงานกับปรียาบ่อย ชายหนุ่มแสดงตัวชัดเจนว่าชอบเธอ และคอยทำตัวหมาหยอกไก่ตั้งแต่ตอนปรียาคบกับสายฟ้าด้วยซ้ำ

ปรียามองแฟนหนุ่มตรงหน้า เธอรู้จักกานต์ในฐานะเพื่อนมาก่อน และมักเล่าเรื่องต่างๆ ให้เขาฟัง เพราะกานต์ดูจะเข้าอกเข้าใจเธอ รู้ว่าเธอต้องการอะไรโดยไม่จำเป็นต้องบอก แน่นอนว่ากานต์รู้เรื่องที่เพื่อนร่วมงานคนนี้ตามจีบปรียา

หญิงสาวลังเล ก่อนบอกเขา “กานต์คะ พอดีที่แผนกปรียาจะมีไป Team Building วันหยุดนี้”

แวบหนึ่ง ประกายตากานต์แข็งกร้าวจนเธอนึกกลัว “ที่แผนกเหรอ” ชายหนุ่มเสียงแข็ง

ปรียาหลบตา “มันเป็นกิจกรรมของแผนก เพื่อนๆ ที่ทำงานทั้งนั้น”

“คนนั้นก็ไปไม่ใช่เหรอ”

‘คนนั้น’ ที่กานต์พูดถึงมีอยู่คนเดียว จักรภัทร-เพื่อนในแผนกที่ตามตื๊อปรียาไม่เลิก

“ผมไม่ชอบเลยที่ปรียาจะไปค้างคืนกับผู้ชายที่รู้กันอยู่ว่าเขาชอบคุณ”

“ปรียาไม่ได้ไปกับจักรแค่สองคนเสียหน่อย คนอื่นในแผนกก็ไปนะคะ” หญิงสาวแย้งเสียงอ่อย “อีกอย่าง ถ้าเรามัวแต่เลี่ยงคนที่มาตามจีบ แบบนี้ก็ทำงานลำบากกันพอดี”

กานต์จ้องเธอเขม็งจนหญิงสาวนึกขยาด แววตาเวลาอีกฝ่ายมองนิ่งๆ บางครั้งดูเหมือนมีอะไรในใจมากมายเสียจนปรียาไม่แน่ใจว่าเธอรู้จักกานต์ดีจริงๆ ใช่ไหม ดูเหมือนเขาจะจับปฏิกิริยาของเธอได้ แฟนหนุ่มผ่อนลมหายใจ แววตาที่มองเธอกลับมาอ่อนโยนและเข้าอกเข้าใจเหมือนที่เป็นมาเสมอ

“ผมเชื่อใจปรียานะครับ” เขากุมมือเธอ “เพียงแต่วันหยุดนี้ผมตั้งใจจะชวนปรียาไปดูละครเวทีด้วยกัน แถมถือวิสาสะซื้อบัตรไปแล้วด้วย เลยเผลอหงุดหงิด”

ปรียาตะลึงลาน “ละครเวทีเหรอคะ”

“เอาไว้ค่อยไปดูด้วยกันทีหลัง…”

“เรื่องไหนคะ” น้ำเสียงเธอคาดคั้นจนกานต์ยอมตอบ หญิงสาวถอนหายใจ ละครเวทีเรื่องที่อีกฝ่ายพูดถึงจัดในโอกาสครบรอบยี่สิบปีของโรงละคร ด้วยความที่ตัวเธอชอบดูละครเวทีเป็นทุนเดิม แค่บอกชื่อคณะละครก็พอรู้ว่าราคาที่นั่งสูงลิบ

“ยังไงกานต์ก็จองตั๋วไปแล้ว ปรียาแคนเซิลที่บริษัทก็ได้ค่ะ” หญิงสาวถอนหายใจ

กานต์ยิ้มจนตาหยี มือที่จับเธอบีบแน่น “จริงนะ ปรียาเลือกอยู่กับผมจริงๆ นะ”

“ก็กานต์จองไปแล้วนี่คะ” เธอตอบ รู้สึกไม่พอใจกรุ่นในอกแปลกๆ หญิงสาวหยิบมือถือมามองข้อความในแช็ตที่คุยกับเบญญาภาเมื่อไม่กี่วันก่อน เปรยว่าเธออยากดูละครเวที แต่พอกานต์เซอร์ไพรส์ด้วยการซื้อบัตรล่วงหน้าไว้ เธอกลับหงุดหงิดแทนที่จะดีใจ

“เดี๋ยวไปดูหนังกันต่อไหมครับ” กานต์มองเวลาในโทรศัพท์มือถือ “หนังเข้าใหม่เรื่องที่ปรียาอยากดูยังมีรอบฉายนะ”

“เรื่องที่ปรียาอยากดู” หญิงสาวทวนคำ ภาพยนตร์ที่อีกฝ่ายพูดถึงเป็นเรื่องราวของวัวชนที่มีเพื่อนสนิทเป็นนกเขาชวา เล่าเรื่องราววัฒนธรรมประเพณีภาคใต้ เป็นหนังรางวัลจากต่างประเทศ แต่หนังเพิ่งเข้าฉายในไทยเมื่อวาน และเธอคุยเรื่องนี้แค่กับเบญญาภาทำไมกานต์ถึงรู้ใจเธอขนาดนี้

จู่ๆ หญิงสาวก็รู้สึกเย็นยะเยือกไปจนถึงไขสันหลัง เธอเคยประทับใจที่รู้สึกเหมือนคนตรงหน้ารู้ว่าเธอต้องการอะไรโดยไม่จำเป็นต้องบอก แต่บางครั้งการที่เขาทำเหมือนสามารถเข้ามานั่งในหัว และอ่านได้ทุกความคิดทำให้ปรียาขนลุกซู่

“ตอนที่บอกว่าจะแวะไปทำธุระก่อนมาเจอปรียาที่ร้าน ผมแอบไปซื้อตั๋วไว้แล้วนะ” ชายหนุ่มยิ้มเผล่ ชูตั๋วหนังสองใบในมือ

“ค่ะ” หญิงสาวตอบ เดินตามอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกเลื่อนลอย

อาจเพราะมัวแต่คิดอะไรสะระตะ หญิงสาวไม่ทันสังเกตเด็กหญิงมัดผมมวยสูง ติดกิ๊บดอกไม้ วัยประมาณเก้าขวบ สวมชุดกระโปรงสีขาววิ่งถลามา เธอโดนเด็กหญิงชนจนเซไปโดนเก้าอี้ ส่วนเด็กน้อยล้มลงบนพื้น เบะปากทำท่าเหมือนจะร้องไห้

กานต์ประคองปรียาไว้ หันไปมองเด็กหญิงตาเขียวจนปรียานึกกระดาก เธอกระตุกชายเสื้อเชิ้ตแฟนหนุ่มเพื่อเรียกสติเขา

หญิงเจ้าของร้านร่างท้วมในชุดเดรสแขนยาวคลุมเข่าประดับลายดอกไม้เล็กๆ รีบวิ่งมาประคองเด็กหญิงไว้ “เจ้าลิงจ๋อ ระวังหน่อยสิลูก วิ่งมาชนลูกค้าแบบนี้ได้ไง เวลาหนูจะไปไหนทำไมไม่มองทางเลยคะ แม่บอกกี่ครั้งแล้วให้ระวัง อย่าถือว่าพ่อไม่ดุ แล้วแม่จะใจดีเหมือนพ่อนะ”

ดุเด็กหญิงจบ เจ้าหล่อนก็หันมามองพวกเขา ค้อมศีรษะให้เป็นเชิงขอโทษ “เจ้าลิงจ๋อ…ต้นหอมน่ะค่ะ แกจะมาบอกว่าทางร้านมีกิจกรรมจับรางวัล ถ้าทานอาหารและขนมที่ร้านยอดเกินหนึ่งพันบาท จะได้บัตรเสี่ยงโชค ลุ้นรับของรางวัลปลายเดือนค่ะ”

“แบบนี้นี่เอง” ปรียายิ้มให้เด็กหญิง “กลัวว่าคุณน้าจะกลับไปก่อนแล้วไม่ได้จับรางวัลเหรอจ๊ะ”

เด็กหญิงต้นหอมพยักหน้าทั้งที่น้ำตาคลอ

“เอาไงดี หกล้มเจ็บมากไหม เดี๋ยวคุณน้าเลี้ยงขนมปลอบใจนะ” พูดจบ ปรียาก็ล้วงกระเป๋าถือ หยิบช็อกโกแลตแท่งมายื่นให้ต้นหอม เธอพยายามคุมน้ำหนักเพื่อรักษารูปร่าง แต่ช็อกโกแลตเป็นเหมือนจุดอ่อนที่ปรียาขาดไม่ได้ หญิงสาวจึงอะลุ่มอล่วยให้ตัวเองด้วยการพกติดตัวไว้ทานนานๆ ที

เด็กหญิงตาเป็นประกาย พนมมือขอบคุณ

“ไม่เอาเจ้าลิงจ๋อ แม่บอกแล้วไงคะว่าห้ามทานพวกช็อกโกแลตหรือลูกอม” เจ้าของร้าน ICARUS ดุลูกสาว แล้วหันมายิ้มเจื่อนให้ปรียา “ขอโทษทีนะคะ พอดีฉันคุมอาหารลูกให้ทานแต่ของมีประโยชน์น่ะค่ะ” พูดจบก็ยิ้มคล้ายจะเยาะตัวเอง “ต้องฝึกให้เป็นนิสัยแต่เด็ก ยิ่งโตยิ่งรักษาหุ่นยาก” ปรียาสัมผัสได้ถึงประกายตาอิจฉาที่เจ้าของร้านมองเธอ

หญิงสาวเก็บช็อกโกแลตคืน หน้าเจื่อน “ขอโทษค่ะ ฉันไม่ทราบว่าน้องต้นหอมคุมอาหาร” เธอพูด หันมามองหน้ากานต์ “ถ้างั้นเราไปเขียนชื่อชิงโชคกันค่ะ”

“แม่คะ แต่ต้นหอมอยากกินช็อกโกแลต คุณน้าให้ต้นหอมแล้วนะคะ” เด็กหญิงเริ่มงอแง เอามือจับชายกระโปรงแม่

ปรียากะพริบตาปริบๆ รู้สึกผิดที่มาป่วนกฎบ้านคนอื่น เธอส่งยิ้มเจื่อนให้อีกฝ่าย

“เอาอย่างนี้ ถ้าหนูเลิกงอแงเรื่องช็อกโกแลต วันนี้แม่ยอมให้เล่นไอแพดหนึ่งชั่วโมงก่อนนอนดีไหมคะ แม่จะเล่านิทานก่อนนอนให้ฟังสองเรื่องด้วย”

“จริงเหรอคะ!” เด็กหญิงเสียงใส ผุดลุกขึ้นยืนด้วยท่าทางกระตือรือร้น

“จะว่าไป ตอนเจอกันครั้งแรก เราก็ชนกันประมาณนี้นะครับ” กานต์พูดระหว่างที่ปรียารับบัตรเสี่ยงโชคมาเขียนชื่อลุ้นรางวัล

เธอเงยหน้ามองกานต์ เบิกตาโพลง “นั่นสิคะ น่าจะประมาณต้นปีของปีที่แล้วหรือเปล่านะ”

 

แรงกระแทกจากชายหนุ่มที่เปิดประตูเข้ามาในร้านสะดวกซื้อทำเอาปรียาล้มก้นจ้ำเบ้าบนพื้น อันที่จริง กานต์แค่เดินเข้ามาแล้วยืนนิ่งๆ เพียงแต่เธอมัวแต่ก้มหน้าซ่อนน้ำตา จนไม่ดูทาง

อีกฝ่ายดูตกใจที่จู่ๆ ก็มีคนมาเดินชน เขาถลันมาประคองเธอ ปรียายืนตัวตรง รู้สึกขัดเขิน กระนั้นก็ยังตั้งข้อสังเกตในใจว่าหนุ่มออฟฟิศท่าทางขี้อายคนนี้หล่อจัง ชายหนุ่มสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงสแล็ก จุดที่ปรียายืนอยู่คือหน้าเคาน์เตอร์แคชเชียร์โดยมีเบญญาภาในชุดพนักงานยืนตะลึงอยู่หลังเคาน์เตอร์ หญิงสาวมัวเสียใจเรื่องที่เธอจับได้ว่าสายฟ้าคบซ้อน จนตัวเองเดินแบบไม่ตูตาม้าตาเรือ

“ขอโทษนะครับ เป็นอะไรมากไหมครับ”

“ปรียา โอเคไหมแก” เบญญาภาเดินมาประคอง ปรียาส่ายหน้าเป็นเชิงว่าไม่ได้บาดเจ็บอะไร

“อ้าว เป็นเพื่อนของเบญเหรอครับ” กานต์มองเธอสลับกับเบญญาภา

เพื่อนสนิทของปรียายิ้มทั้งตาและปากให้หนุ่มพนักงานบริษัท “ไหนบอกว่าวันนี้ยุ่งทั้งวันไงคะ”

“พอดีโดนแคนเซิลเสนองานลูกค้าครับ” พูดจบเขาก็สบตาปรียาอีกครั้ง

เบญญาภาสีหน้าเจื่อนเล็กน้อย เธอผายมือมาทางปรียา “นี่ปรียา เพื่อนสมัยมัธยมต้นค่ะ จำที่เบญเล่าได้ไหมคะ ที่ว่ามาเจอกันอีกทีในเฟซบุ๊กช่วงสอง-สามเดือนก่อน แล้วบังเอิญปรียาทำงานแถวนี้ เลยติดต่อกันมาได้สักพักแล้วค่ะ”

“ผมกานต์ครับ” เขาส่งยิ้มให้ปรียา

หญิงสาวยิ้มตอบ รู้สึกกระดากขึ้นมาที่น้ำตาเปรอะหน้า โชคดีที่เธอใช้เครื่องสำอางแบบกันน้ำ ไม่งั้นคงอายจนแทบมุดแผ่นดินหนี พ่อแม่ของปรียารูปร่างอ้วนเผละ พ่อลงพุงเพราะเบียร์ ซ้ำยังพูดจาโหวกเหวกจนหญิงสาวนึกอาย ส่วนแม่ก็ปล่อยตัว ทั้งรูปร่างและหน้าตา แม่ของเธอมีเค้าหญิงงาม แต่เพราะไม่ดูแลตัวเองจึงดูแก่กว่าอายุไปโข อาจเพราะแบบนี้ หญิงสาวจึงพยายามดูแลตัวเองให้เป๊ะอยู่ตลอดเวลา

ปรียามองเพื่อนสนิทสลับกับกานต์ นึกรู้ว่าตอนนี้ตัวเองเป็นก้างขวางคอจึงขอตัวกลับ เบญญาภาพยายามรั้งไว้ แต่หญิงสาวเพียงแค่ยิ้มแล้วเดินออกมา ประกายวิบวับในตาเพื่อนสนิททำให้ปรียาหงุดหงิด งูร้ายในใจเธอขดตัว ส่ายหางไปมา ยิ่งพอนึกถึงเรื่องความรักที่เต็มไปด้วยเรื่องชวนปวดหัวของตัวเองก็ยิ่งอิจฉา เป็นครั้งแรกเลยจริงๆ ที่ปรียาอิจฉาเบญญาภาเรื่องผู้ชาย อาจเพราะปกติ หญิงสาวเคยชินกับการที่ตัวเองเป็นจุดสนใจกระมัง

หญิงสาวย่ำเท้าไปตามถนน รองเท้าส้นสูงคู่สวยส่งเสียงสะท้อนตามจังหวะการเดิน อีกทั้งเธอมัวแต่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย ทำให้กว่าจะสังเกตอะไรบางอย่าง ก็ใช้เวลาพักหนึ่ง

กานต์ตามเธอมา!

ตอนแรก ปรียาบังเอิญเห็นจากเงาสะท้อนในกระจก เธอลองเดินต่อไปอีกหน่อย พอลอบมอง เขาก็ยังคงเดินมาทิศเดียวกับเธอ หญิงสาวกัดริมฝีปาก บอกตัวเองว่าเป็นเรื่องบังเอิญ อีกฝ่ายรู้จักกับเบญญาภา ดูจากสีหน้ามีความสุขของเพื่อนสนิทคงยิ่งกว่าแค่คนรู้จักด้วยซ้ำ กานต์คงไม่ใช่คนไม่ดี เขาอาจมาทางเดียวกับเธออยู่แล้ว ที่ไม่เรียกอาจเพราะไม่รู้จักกันถึงขั้นจะต้องทักทายสนิทสนม หรือเขาอาจเป็นคนขี้อาย

รอบข้างปรียาตอนนี้เป็นร้านอาหารและคาเฟ่เรียงราย จากทางเท้าซึ่งเป็นถนนหลัก มีซอยเล็กแยกตัวออกไป นำไปยังชุมชน ร้านค้า รวมถึงตลาดขนาดย่อม

พนักงานออฟฟิศกลุ่มใหญ่เดินออกมาจากร้านกาแฟ ตรงมาทางปรียา หญิงสาวเล็งซอยเล็กด้านซ้ายมือไว้ อาศัยจังหวะที่กลุ่มคนเดินสวน แอบหลบเข้าไปซ่อนตัวในซอย

กานต์เดินทะลุฝูงชนออกมา หันรีหันขวางราวกำลังมองหาใครสักคน!

หญิงสาวกำหมัดแน่น เผยตัวจากที่ซ่อน ริ้วความโกรธอัดแน่น “คุณตามฉันมาจริงๆ ด้วย ตามมาทำไม เป็นสตอล์กเกอร์เหรอ เบญรู้หรือเปล่าว่าแฟนตัวเองเป็นคนโรคจิต” เธอใส่ไม่ยั้ง

ช่วงนี้มีข่าวคนโรคจิตแอบคอยเดินตามผู้หญิง บางทีก็เป็นพวกชอบโชว์ เพื่อนร่วมงานของเธอคนหนึ่งเจอว่ามีคนสะกดรอยตามจนขวัญผวาไปเลย

“ใจเย็นก่อนนะครับ” อีกฝ่ายชูมือสองข้างขึ้นเป็นเชิงว่าไม่ได้มาร้าย ท่าทางเลิ่กลั่กของเขาทำให้หญิงสาวทั้งโกรธทั้งขำ กานต์ล้วงกระเป๋ากางเกง หยิบกระเป๋าสตางค์ของเธอออกมา

ปรียาเบิกตาโพลง ควานหาในกระเป๋าสะพายสีดำบุหนังของตัวเองแล้วหันไปสบตากานต์ หน้าเจื่อน ตั้งแต่เจอผู้ชายตรงหน้า ไม่รู้เธอปล่อยไก่ไปกี่สิบตัวแล้ว

“ฉันขอโทษค่ะ” เธอพูดเสียงอ่อย นึกแปลกใจว่าตัวเองไปทำหล่นไว้ตอนไหน

กานต์สาวเท้ามาหา แล้วมองปฏิกิริยาของเธอ เหมือนจะตรวจสอบว่าปรียายังคิดว่าเขาเป็นคนโรคจิตอยู่หรือเปล่า

“ขอโทษนะคะ ฉันไม่รู้ว่าคุณจะเอาของมาคืน” เธอหลบตาเขา หน้าร้อนผ่าว พอคิดว่าตัวเองหลอนเรื่องสตอล์กเกอร์ที่เพื่อนร่วมงานเล่าให้ฟังจนเผลอด่ากานต์ไปฉอดใหญ่ ก็ยิ่งอาย

“ปรียาระวังตัวเองก็ดีแล้วครับ คุณเป็นผู้หญิงที่สวยมาก และความสวยก็มีด้านอันตรายของมัน” ปรียาได้ยินคำชมเรื่องหน้าตามาเยอะ แต่แววตาใสซื่อและน้ำเสียงจริงใจของกานต์ทำให้หญิงสาวดีใจกับคำชมของเขา

หญิงสาวรับกระเป๋าสตางค์มา ยังคงติดใจว่าตัวเองไปทำหล่นหรือลืมไว้ตอนไหน

เหมือนกานต์จะสังเกตสีหน้าของเธออยู่ “ปรียาลืมทิ้งไว้ที่เคาน์เตอร์ครับ ผมเลยรีบเอามาคืน”

“แล้วทำไมไม่เรียกล่ะคะ” เธอถาม พอนึกว่าอีกฝ่ายเดินตามเธอมาเงียบๆ ก็นึกกลัวขึ้นมาอีกระลอก

คราวนี้กานต์เป็นฝ่ายหลบตา “ผมพยายามเรียกครับ แต่ด้านหลังของคุณดูเศร้าเกินไป”

ทำนบน้ำตาที่กลั้นไว้พังทลายด้วยประโยคจริงใจเพียงประโยคเดียวของคนตรงหน้า กานต์ไม่มีท่าทางอึดอัดหรือลำบากใจที่จู่ๆ มีผู้หญิงแปลกหน้ามาร้องไห้ใส่ เขาแตะมือบนไหล่เธออย่างเป็นธรรมชาติ แล้วจูงมือพาปรียาไปยังม้านั่งใกล้จุดรอรถเมล์ ความคับข้องใจทั้งหมดพรั่งพรูออกมาจากปากหญิงสาว กานต์เพียงแค่มองเธอ รับฟัง และจับมือหญิงสาวเอาไว้

โมงยามเคลื่อนผ่าน ปรียาซับน้ำตาด้วยกระดาษทิชชูที่กานต์ยื่นให้ ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าจริงๆ แล้วชายหนุ่มแวะมาหาเบญญาภา พอถามไปว่ารบกวนเวลาเดตของเขาและเพื่อนเก่าของเธอหรือเปล่า กานต์กลับส่งยิ้มอ่อนโยนให้เธอ และตอบว่า “ตอนนี้ผมแค่ไม่อยากให้ปรียาเศร้าอยู่คนเดียวจนไม่ได้คิดเรื่องอื่นครับ”

แล้วชื่อของกานต์ก็ติดอยู่ในใจปรียาตั้งแต่ตอนนั้น มันเชื่อมโยงกับความอบอุ่น ปลอดภัย และไว้วางใจ

ตอนที่กานต์บอกเธอว่าเขาขอเลิกกับเบญญาภาแล้ว ทั้งยังคอยปลอบโยนเวลาปรียาทะเลาะกับสายฟ้า หรือแม้แต่ตอนที่เธอและเขากลายเป็นคนรักกันอย่างตอนนี้ ส่วนหนึ่งในตัวปรียาคาดเอาไว้อยู่แล้ว

 

เสื้อเปิดไหล่สีครีมเอวสม็อกโดนเหวี่ยงไปวางบนเบาะนอนสามฟุตครึ่งคลุมทับด้วยผ้านวมสีครีมโดยคนโยนไม่หันไปมอง ตามด้วยกระโปรงยีนส์ยาวเรี่ยเข่าทรงเอ ตอนนี้ปรียาอยู่ในชุดชั้นในลูกไม้สีขาว หญิงสาวยืนหน้ากระจกเต็มตัว คนที่มองตอบมามีรูปร่างสมส่วน ใบหน้างดงาม

หญิงสาวเผลอนึกจั๊กจี้กับคำพูดของแฟนหนุ่ม ‘ปรียาคนดีของผมสวยที่สุด’

พอนึกถึงกานต์ โทรศัพท์มือถือก็กรีดเสียง ชื่อผู้โทร.เข้าโชว์หรา ปรียาลอบถอนหายใจ หยิบโทรศัพท์จากกระเป๋าถือที่กองอยู่บนฟูกนอน

“ว่าไงคะกานต์” ปรียาทรุดนั่งขัดสมาธิ จัดท่าทางให้ตัวเองสบายตัว

“ดึกแล้วนะครับ ทำไมยังไม่นอนอีก ไหนบอกพรุ่งนี้มีประชุมเช้าไงครับ”

ปรียามองนาฬิกาตั้งโต๊ะสีขาวบนชั้นวางของข้างเบาะนอน…เที่ยงคืนแล้วเหรอเนี่ย เธอไม่รู้ตัวเลย คงเพราะแช็ตเพลิน ตอนแรกเธอไลน์ไปบอกจักรภัทรว่าไป Team Building กับแผนกไม่ได้เพราะมีนัดในวันนั้นพอดี จากนั้นก็คุยกับเบญญาภาเรื่องละครเวที อัปรูปตอนไปคาเฟ่ แล้วไล่ตอบคอมเมนต์คนรู้จัก ตามด้วยนั่งไถมือถือไปมา

หญิงสาวขมวดคิ้ว ความรู้สึกแปลกๆ คืบคลานเข้ามา “ว่าแต่กานต์รู้ได้ไงคะว่าปรียายังไม่นอน”

“ผมเห็นปรียาออนเฟซบุ๊กอยู่น่ะครับ” เขาตอบ เงียบไปอึดใจ “ผมวุ่นวายกับความเป็นส่วนตัวจนปรียาอึดอัดหรือเปล่า”

หญิงสาวส่ายหน้า “จะอึดอัดทำไมล่ะคะ กานต์อุตส่าห์โทรมาเตือนให้รีบนอนทั้งที งั้นกู้ดไนต์นะคะ”

“ปรียาครับ” ชายหนุ่มเรียกไว้ “เดี๋ยวผมส่งอะไรไปให้ในแช็ตเฟซบุ๊กนะครับ”

พูดจบกานต์ก็วางสายไปดื้อๆ ปรียาหยิบผ้าขนหนูเตรียมไปอาบน้ำแต่งตัว พลางหันมามองข้อความในแช็ตเป็นระยะ

ไม่นานนัก กานต์ก็ส่งลิงก์ที่พักโรงแรมห้าดาวริมทะเล ที่จองเข้าพักเอาไว้เรียบร้อยแล้วมาให้

ปรียาตัวแข็งทื่อ หญิงสาวรีบโทร.หาอีกฝ่าย

“นี่มันอะไรกันคะกานต์!” เสียงของเธอแข็งโดยไม่รู้ตัว

คนปลายสายดูงุนงง “ก็ปรียาเคยบอกว่าอยากไปนี่ครับ”

“แต่กานต์จองโดยที่ไม่ถามปรียาก่อนได้ยังไงคะ” เธอแหว จู่ๆ เรื่องตอนที่กานต์จองละครเวทีก็แวบมาในหัว หรือแม้แต่ซื้อตั๋วหนังไว้ เขาไม่ถามเธอก่อนได้ยังไง

“ผมก็แค่อยากเซอร์ไพรส์ อีกอย่าง ปรียาเคยบอกเองว่าอยากไปพัก” น้ำเสียงคนรักฟังดูสับสน “วันที่ผมจองที่พักไว้ ก็เป็นวันหยุดนี่ครับ”

“ปรียาก็มีเรื่องที่จะทำในวันหยุดนะคะ” เสียงของหญิงสาวดังขึ้น ปรียารู้สึกได้ว่าผิวหน้าร้อนผ่าว

“ผมนึกว่าปรียาจะอยากอยู่กับผม” น้ำเสียงกานต์เจื่อนเสียจนเธอรู้สึกผิด

เธอถอนหายใจ “เอาเถอะค่ะ ยังไงกานต์ก็จ่ายค่าที่พักไปแล้ว ขอบคุณที่นึกถึงปรียานะคะ”

“งั้นปรียาจะไปกับผมใช่ไหมครับ!” ชายหนุ่มลิงโลด “ได้เห็นคุณเดินเล่นตามชายทะเล แค่คิดก็ตื่นเต้นจนทนไม่ไหวแล้ว! แถวที่พักมีคาเฟ่น้องหมาด้วยนะครับ ปรียาชอบหมาแต่ติดว่าอยู่คอนโดเลยเลี้ยงไม่ได้นี่นา”

หญิงสาวคุยกับกานต์อีกสองสามประโยค แล้วกดวางสาย เธอรู้สึกเหนื่อยจนต้องทรุดตัวนั่งบนฟูกนอนอีกรอบ ร้านอาหารที่เธออยากไป หนังที่เธออยากดู ของที่เธออยากได้ หรือแม้แต่สถานที่ที่เธออยากไป กานต์เนรมิตสิ่งเหล่านี้มาประเคนให้จนหญิงสาวแทบสำลัก ปรียานึกขอบคุณเขา แต่เธอก็อดรู้สึกไม่ได้ว่าเหมือนตัวเองอยู่ในอ้อมกอดของคนรัก เป็นอ้อมกอดที่แน่นเสียจนเธอแทบหายใจไม่ออก

เธอนึกถึงเด็กหญิงต้นหอม เด็กน้อยในชุดเดรสสีขาวที่ร้าน ICARUS ขึ้นมา แม่ของต้นหอมเอาการเล่นไอแพดกับนิทานก่อนนอนมาล่อใจ เพื่อให้ต้นหอมทำตามที่ตัวเองต้องการ ถ้ามองดีๆ ก็เหมือนที่กานต์ทำ จองตั๋วละครเวที จองตั๋วภาพยนตร์ จองที่พักโรงแรมหรู บีบคั้นให้เธอไม่สามารถปฏิเสธ

ถ้าเป็นสายฟ้าละก็…

หญิงสาวสะบัดศีรษะ บอกตัวเองให้เลิกคิดถึงแฟนเก่าจอมเจ้าชู้ได้แล้ว หญิงสาวไม่เคยเปรียบเทียบแฟนคนปัจจุบันกับคนก่อนหน้า แต่ไม่รู้ทำไมเธอจึงเอากานต์มาเทียบกับสายฟ้าบ่อยครั้ง ถ้าเป็นสายฟ้าจะทำแบบนี้ ถ้าเป็นสายฟ้าจะพูดแบบนี้

เธอกัดริมฝีปาก กดเปิดโปรแกรมไลน์ทั้งที่ตั้งใจเอาไว้ว่าจะไม่เปิดดูแล้ว นิ้วมือสั่นระริกของเธอเอื้อมไปกดดูข้อความที่ตัวเองแช็ตคุยกับแฟนเก่า

‘พี่สายฟ้า ทำไมไม่รับสายปรียาคะ’

‘พี่สายฟ้า ไหนบอกว่าจะไม่หายไปเงียบๆ อีก ทำไมไม่รับสายเลย ข้อความในไลน์ก็ไม่ตอบ พี่จะเมินปรียาอีกแล้วใช่ไหม’

‘ไม่อ่านข้อความเลย อยู่กับผู้หญิงคนอื่นอีกแล้วเหรอ’

‘พี่เงียบอีกแล้วนะ เงียบตลอดเลย นี่ปรียาเป็นแฟนพี่จริงๆ หรือพี่แค่คบไปงั้นๆ กันแน่’

เธอถอนหายใจเมื่อเห็นข้อความที่ตัวเองส่งหาสายฟ้าอย่างกับคนบ้า แต่อีกฝ่ายไม่ตอบอะไรกลับมาเลย ไม่ตอบไลน์ ไม่รับสาย แต่กลับมีเวลาอัปสเตตัสในเฟซบุ๊ก

“ไอ้สารเลว” หญิงสาวสบถ เธอจะกดลบข้อความในไลน์ที่คุยกับแฟนเก่า ต้องลบทุกอย่างทิ้งให้หมด ทว่าพอจะกดลบข้อความจริงๆ ปรียากลับลังเล

หญิงสาวกลั้นใจ กดพิมพ์ข้อความส่งให้สายฟ้า สัญญากับตัวเองว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอแช็ตคุยกับผู้ชายเจ้าชู้คนนั้น

‘พี่สายฟ้ารักปรียาแค่ไหนคะ’

มีคำว่า ‘อ่านแล้ว’ ปรากฏหลังคำถามของเธอ

“จะอ่านไม่ตอบอีกแล้วสินะ” เธอแค่นเสียง วางโทรศัพท์ เตรียมเดินไปเข้าห้องน้ำ

เกินคาด คราวนี้สายฟ้าตอบคำถาม ‘เอาตรงๆ ปรียาเป็นแค่ของเล่นแก้เบื่อ พูดขนาดนี้แล้วก็เลิกวุ่นวายกับพี่ทีเถอะนะ’

หญิงสาวมองข้อความในไลน์นิ่ง ถือโทรศัพท์ค้าง จู่ๆ อากาศรอบตัวก็เย็นยะเยือกชวนขนลุก เธอทรุดตัวนั่งลงบนพื้นอย่างหมดเรี่ยวแรง

 



Don`t copy text!