ลูกไม้เกี่ยวรัก บทที่ 11 : ย้ายไปอยู่กับพ่อ

ลูกไม้เกี่ยวรัก บทที่ 11 : ย้ายไปอยู่กับพ่อ

โดย : นวาภัส

Loading

ลูกไม้เกี่ยวรัก โดย นวาภัส นวนิยายโรแมนติกคอมเมดี้ (เล็กๆ) เรื่องราวของหญิงสาวสุดแกร่งที่ชีวิตนี้ขอมีลูก โดยไม่ต้องมีสามี แล้วใครเล่าจะเข้าใจเธอ พบกับความอลหม่านของสองแม่ลูกคู่ป่วนใน “ลูกไม้เกี่ยวรัก” ได้ในเพจอ่านเอา และ เว็บไซต์อ่านเอา anowl.co

พรุ่งนี้คือวันสุดท้ายที่อคิราห์จะจบหน้าที่พ่อ ชายหนุ่มบอกกับโอโซนว่าตัวเองต้องกลับไปทำงานที่เมืองนอก จะไม่ได้กลับเมืองไทยอีกนาน โอโซนเสียใจ ขอร้องไม่ให้พ่อทิ้งเขากับแม่ไป ปัณฑารีย์ต้องกอดปลอบลูก และช่วยกล่อมให้ลูกชายเข้าใจความจำเป็นของผู้ใหญ่ อชิระอาสาว่าจะดูแลโอโซนกับแม่แทน ถ้าเด็กน้อยอยากได้อะไรเขาจะหาให้ทุกอย่าง แต่โอโซนกลับมีสีหน้าเศร้าลงกว่าเดิม

“โอโซนไม่อยากได้ของเล่น ไม่อยากได้อะไรเลย โอโซนอยากได้พ่อ” หนูน้อยพยายามจะไม่ร้องไห้ แต่ก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ เสียงสะอื้นเบาๆ สร้างความสะเทือนใจให้คนเป็นแม่จนอยากร้องไห้ตามลูก

อคิราห์เบือนหน้าหนี ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงได้เจ็บปวดใจกับภาพตรงหน้า พรุ่งนี้คือวันสุดท้ายที่เขาจะได้ทำหน้าที่พ่อของโอโซน เขาควรจะสบายใจไม่ใช่เจ็บแบบนี้ อชิระเฝ้ามองทุกคนอย่างครุ่นคิด บรรยากาศที่หดหู่เศร้าหมองทำให้เขารู้สึกถึงการพลัดพรากจริงๆ

วันรุ่งขึ้น อคิราห์ลางานไปรับโอโซนที่โรงเรียน วางแผนว่าจะทำตามใจโอโซนทุกอย่างเพื่อชดเชยความรู้สึกผิดในใจ แต่เมื่อไปถึงเด็กน้อยก็รีบวิ่งมาหาเขาและบอกว่าเดือนหน้าเป็นวันพ่อ ขอให้พ่อมาร่วมงานด้วย อคิราห์กำลังจะอ้าปากปฏิเสธ ครูรัตน์ก็เดินออกมาจากห้องและบอกว่าโอโซนได้รับคัดเลือกให้เป็นตัวแทนขึ้นพูดเรื่องพ่อของฉันในงานวันนั้น

“โอโซนดีใจมากเลยนะคะที่จะได้พูดเรื่องของพ่อ ถึงขนาดเตรียมตัวเขียนเรียงความด้วยตัวเอง ไม่ให้ใครช่วยเลยนะคะ คุณพ่อต้องภูมิใจแน่ๆ” ชายหนุ่มอึ้งพูดไม่ออก เขาจะบอกครูได้อย่างไรว่าวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายแล้วที่จะทำหน้าที่พ่อของโอโซน อคิราห์มองเด็กน้อยที่ยืนยิ้มแก้มปริมีความสุข ดูเหมือนจะลืมไปแล้วว่า พ่อต้องกลับไปทำงานที่ต่างประเทศ

อคิราห์หนักใจมาก เขารีบโทร.หาปัณฑารีย์หลังจากที่มาส่งโอโซนที่บ้าน และเล่าเรื่องวันพ่อให้หญิงสาวฟัง เธอได้ฟังก็หนักใจไม่น้อยไปกว่ากัน ปัณฑารีย์ไม่อยากให้ลูกเสียใจ แต่ก็ไม่อยากสร้างความลำบากใจให้ชายหนุ่มอีก จึงรับปากว่าจะรีบทำความเข้าใจกับลูกชาย เรื่องที่พ่อต้องไปทำงานไม่สามารถอยู่ร่วมงานได้ แต่แทนที่ชายหนุ่มจะสบายใจกลับรู้สึกผิดที่ต้องทอดทิ้งโอโซนให้โดดเดี่ยวในวันที่เขาต้องการพ่อที่สุด

ปัณฑารีย์กลับถึงบ้านก็รวบรวมกำลังใจขึ้นไปคุยกับโอโซน หวังว่าตัวเองจะสามารถเกลี้ยกล่อมลูกให้เข้าใจได้ แต่เมื่อขึ้นไปถึงห้องนอนของเด็กน้อย เธอก็เห็นโอโซนกำลังใจตั้งใจวาดการ์ดวันพ่ออย่างสุดฝีมือ จนไม่รู้ตัวว่าแม่มายืนอยู่ข้างๆ

“สวยจังครับ” เธอชมเสียงสั่นเครือ สะท้อนใจเมื่อเห็นว่าลูกของเธอต้องการพ่อแค่ไหน โอโซนสะดุ้งเพราะกำลังเพลิดเพลินกับการวาดภาพบนการ์ด แต่เมื่อเห็นว่าเป็นแม่เขาก็รีบอวดการ์ดที่ยังวาดไม่เสร็จดี

“แม่คับ พ่อจะดีใจมั้ยที่ได้การ์ดของโอโซน” เจ้าตัวเล็กมองแม่ตาแป๋ว รอให้แม่พูดสิ่งที่เขาต้องการได้ยิน

“ต้องดีใจสิ การ์ดสวยขนาดนี้ แม่ยังอยากได้บ้างเลย” เธอลูบหัวลูกชายอย่างรักใคร่ แต่ในใจเจ็บปวดจนน้ำตาคลอ

“พอถึงวันแม่ โอโซนจะทำให้แม่อีกคับ อย่าน้อยใจนะ” โอโซนขึ้นไปยืนบนเก้าอี้แล้วกอดแม่ไว้แน่น คิดว่าแม่ร้องไห้เสียใจที่ไม่ได้การ์ดจากเขา

ปัณฑารีย์กอดลูกแน่น เจ็บปวดเมื่อรู้ว่าตัวเองกำลังจะทำให้ลูกผิดหวังอีกครั้ง เธอเห็นรอยยิ้มของลูกชาย จึงไม่อยากทำลายความสุขในช่วงเวลานั้น คิดว่าทิ้งเวลาไว้สักพักค่อยพูดน่าจะดีกว่า ตกดึกหญิงสาวนอนไม่หลับจึงออกมาเดินเล่น เห็นแสงไฟในห้องโอโซนจึงเข้าไปดู คิดว่าลูกน่าจะลืมปิดไฟ หญิงสาวแง้มประตูเปิด สิ่งที่เธอเห็นทำให้สะเทือนใจจนน้ำตาไหลออกมาไม่รู้ตัว

“พี่บูบู้ ใกล้จะถึงวันเกิดโอโซนแล้วนะ โอโซนสวดมนต์ทุกวันเลยขอให้พ่ออยู่ด้วย อย่าให้พ่อไปทำงานไกลๆ โอโซนอยากเป่าเค้กกับพ่อ แต่โอโซนไม่กล้าบอกแม่ กลัวแม่ร้องไห้เหมือนวันนี้” เด็กน้อยระบายความรู้สึกกับกระต่ายบูบู้ของเขา ใบหน้าและแววตาเศร้าสร้อย

ปัณฑารีย์ปิดปากแน่นกลัวว่าจะมีเสียงสะอื้นเล็ดลอดออกมาจนลูกได้ยิน เธอค่อยๆ ดึงประตูปิด ระวังไม่ให้ลูกชายรู้ตัว จากนั้นก็รีบเดินกลับเข้าห้องร้องไห้ออกมาเงียบๆ หัวใจคนเป็นแม่แทบสลายที่เห็นลูกเป็นทุกข์เพราะเธอ

วันต่อมาเธอตัดสินใจไปหาอคิราห์ที่โรงพยาบาล หญิงสาวก้มหน้านิ่งซ่อนน้ำตาที่หยดลงมาบนหลังมือ บอกเล่าสิ่งที่เห็นเมื่อคืนให้ชายหนุ่มฟัง เธอขอร้องให้เขาช่วยเป็นพ่อให้โอโซนจนถึงวันเกิดอายุ 5 ขวบ และเธอจะพาลูกไปให้ไกลจากเขา หญิงสาวสัญญาหนักแน่นว่าคราวนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายจริงๆ

อคิราห์รู้สึกหดหู่ใจ นึกถึงตัวเองวัยเด็ก จำได้ว่าเขาเองก็เคยทำการ์ดวันแม่ทุกปี หวังว่าสักวันแม่จะกลับมา จนกระทั่งอายุ 15 จึงรู้ว่าการรอคอยเป็นความเจ็บปวด เขาจึงเลิกเขียนการ์ดและเก็บทั้งหมดใส่กล่องยัดไว้ในส่วนลึกที่สุดของตู้เสื้อผ้า และไม่เคยเปิดมันออกมาดูอีกเลย ช่วงนั้นเขาเองก็แอบระบายความทุกข์กับของเล่นชิ้นโปรดอยู่บ่อยครั้ง ของเล่นชิ้นนั้นคือเพื่อนแท้ที่รับฟังสิ่งที่เขาไม่กล้าพูดกับพ่อหรือกับใคร ทำให้ได้ระบายความทุกข์ใจออกไปบ้าง ไม่อย่างนั้นคงทุกข์ใจจนไม่อยากมีชีวิตอยู่

ชายหนุ่มขอเวลาตัดสินใจ และกลับไปปรึกษาน้องชาย อชิระบอกว่าถ้าพี่ชายไม่ต้องการจะรับภาระพ่อจำเป็นของโอโซน เขายินดีจะทำหน้าที่นั้นเอง อคิราห์ขวางหูขวางตากับท่าทางกระตือรือร้นของน้องชาย แถมยังฝึกซ้อมการเป็นพ่อจนน่าหมั่นไส้

อมร พ่อของสองหนุ่มนึกสนุกเมื่อได้ฟังลูกชายเล่าเรื่องที่ต้องสวมบทบาทเป็นพ่อให้กับเด็กคนหนึ่ง เขาบอกว่าอยากเป็นปู่มานานแล้ว แต่ไม่มีลูกคนไหนยอมแต่งงานสักที ถ้าแบบนี้เขาก็จะได้ลองซ้อมเป็นปู่ก่อนที่จะมีหลานจริงๆ เมื่อทุกคนไม่มีใครขัดขวาง แถมน้องชายตัวแสบยังรอจ้องจะเสียบแทน หนุ่มหล่อจึงตกลงทำตามคำขอร้องของหญิงสาว เขาจะเป็นพ่อให้โอโซนจนถึงวันเกิดอายุ 5 ขวบ เมื่อลองนับดูแล้วก็อีกเพียงหนึ่งเดือนเท่านั้น แต่มีข้อแม้ว่าครั้งนี้ โอโซนต้องขนเสื้อผ้ามาอยู่บ้านของเขา เพราะอมรอยากลองเล่นบทปู่ดูบ้าง และหลังจากนั้นเขาจะยุติเรื่องราวหลอกลวงนี้ด้วยตัวเอง

ปัณฑารีย์ประหลาดใจกับข้อแม้ของชายหนุ่ม เธอไม่อยากให้ลูกไปอยู่บ้านคนอื่น เพราะไม่แน่ใจว่าเขาจะดูแลลูกของเธอดีหรือไม่ แต่ในเมื่อปฏิเสธไม่ได้จึงจำใจเก็บข้าวของเท่าที่จำเป็นและไม่ลืมเอาพี่บูบู้ยัดใส่ไปด้วย

“จะไปอยู่กับพ่อ จะไปอยู่กับพ่อ” เด็กน้อยกระโดดโลดเต้น ดีใจที่จะได้ไปอยู่บ้านอคิราห์

“ดีใจขนาดนั้นเลยเหรอลูก” หญิงสาวยิ้มขัน

“คับ โอโซนจะได้นอนกับพ่อ ได้เล่นกับพ่อทั้งวัน ต้องสนุกแน่ๆ” โอโซนยิ้มแก้มแทบฉีกเมื่อจินตนาการถึงความสุขที่บ้านของพ่อ

“พ่อเค้าก็ต้องทำงานนะลูก ไม่มีเวลามาเล่นกับลูกทั้งวันหรอกครับ” คนเป็นแม่ทำหน้ามุ่ย น้อยใจลูกชายที่ดีใจออกนอกหน้า

“แม่ไม่ต้องน้อยใจนะคับ โอโซนจะคิดถึงแม่ทุกวันเลย” เจ้าตัวเล็กจับความรู้สึกของแม่ได้ จึงรีบเข้าไปกอดเอาใจ หอมแก้มซ้ายขวา จนปัณฑารีย์ยิ้มออก

เมื่อไปถึงบ้านหลังใหญ่ของอคิราห์ โอโซนตื่นเต้นที่เห็นสนามหญ้ากว้างๆ สวนดอกไม้สวยๆ และสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ ปัณฑารีย์ยืนมองห้องนอนสีน้ำเงินขาว ทุกอย่างในห้องตกแต่งสไตล์โจรสลัด หนูน้อยตาโตตื่นเต้น ตอนที่เห็นเตียงนอนทรงเรือรบมีปลายกระบอกปืนใหญ่โผล่ออกมาจากข้างเตียง บนเพดานมีเชือกตาข่ายสีขาวขึงหย่อนๆ เอาไว้ สร้างบรรยากาศเหมือนอยู่ในโลกของนิทาน

“ชอบมั้ยครับโอโซน อาเดย์แต่งห้องให้เองเลยนะ” อชิระรีบออกตัวเอาความดีความชอบทันที

“ชอบคับ เท่สุดๆ เลย” โอโซนยิ้มตาหยี เดินดูรอบห้องอย่างตื่นตาตื่นใจ

“ไม่ต้องทำขนาดนี้ก็ได้ โอโซนอยู่แค่เดือนเดียวเองนะคะ” ปัณฑารีย์พูดเบาๆ เพื่อไม่ให้ลูกชายได้ยิน

“ไม่ได้ลำบากอะไรนี่ครับ ปันไม่ต้องคิดมากหรอก” ชายหนุ่มยิ้มแป้น เดินเข้าไปอวดของเล่นที่เขาเตรียมไว้ให้ สองหนุ่มลองเล่นด้วยกันอย่างสนุกสนาน รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของพวกเขาทำให้หญิงสาวสะดุดใจ ไม่รู้ทำไมสองคนนี้ถึงมีรอยยิ้มและรูปหน้าที่คล้ายกันอย่างน่าประหลาด

เมื่อชื่นชมห้องนอนใหม่จนเต็มอิ่ม อชิระก็พาสองแม่ลูกลงมาข้างล่าง พ่อและพี่ชายของเขาตอนนี้รออยู่พร้อมหน้าพร้อมตา อมรมองเด็กน้อยด้วยแววตาเอ็นดู เด็กคนนี้รูปร่างหน้าตาคล้ายกับลูกชายของเขาตอนเด็กมาก ต่างกันก็แค่เส้นผมที่หยิกเป็นลอนนั้น แถมยังมีกิริยามารยาทดี คำพูดคำจาฉลาดหลักแหลม แต่ไม่แก่แดดเหมือนเด็กยุคนี้ สมกับเป็นลูกครูบาอาจารย์ ชายสูงวัยนึกชื่นชมปัณฑารีย์ที่เลี้ยงลูกได้ดีแม้จะตัวคนเดียว

“ต้องขอโทษคุณอาด้วยนะคะ ที่เอาภาระมาให้” หญิงสาวเกรงใจเจ้าของบ้าน ที่จู่ ๆ ต้องมาดูแลเด็กที่ไม่ใช่ลูกหลานของตัวเอง

“ไม่ต้องเกรงใจหรอก มีเด็กในบ้านก็สนุกดี บ้านจะได้มีชีวิตชีวา” อมรยิ้มอย่างมีเมตตา

“ถ้าโอโซนดื้อก็ดุว่าสั่งสอนได้เลยนะคะ”

“ท่าทางจะเป็นเด็กฉลาด คงไม่ต้องดุกันหรอกมั้ง” คนแก่มองเด็กน้อยที่กำลังตื่นเต้นกับเกมต่อสู้ที่ อชิระเปิดให้ลองเล่น ปัณฑารีย์หันไปเห็นก็ตกใจ

“ไม่ได้นะคุณเดย์ ห้ามให้โอโซนเล่นเกมที่ใช้ความรุนแรงเด็ดขาดค่ะ” เธอลืมตัวดุอชิระเสียงดัง จนอคิราห์เกือบหลุดขำออกมา อชิระหน้าจ๋อยรีบเก็บเกมทันที โอโซนเห็นท่าไม่ได้รีบวิ่งมาหาแม่

“แม่อย่าดุอาเดย์สิคับ อาเดย์กลัวแล้วนะ” ดวงตากลมใสจ้องมองแม่ อ้อนวอนไม่ให้แม่ดุอชิระ

“เออ มันต้องอย่างนี้ โดนซะบ้าง” เจ้าของบ้านหัวเราะชอบใจที่ลูกชายคนเล็กถูกกำราบ

“ต่อไปนี้ห้ามเล่นเกมที่ใช้ความรุนแรงในบ้านนี้เด็ดขาด นายต้องเป็นตัวอย่างที่ดีให้โอโซน เอาไปเก็บเลย” อคิราห์ได้ทีรีบสั่งน้องชายให้เก็บเกมออกไป เขาเคยพร่ำบอกเรื่องนี้มาหลายครั้งแต่ก็ไม่เคยฟัง

ปัณฑารีย์ยิ้มเจื่อน ส่งสายตาขอโทษอชิระ ไม่คิดว่าตัวเองจะทำให้ชายหนุ่มต้องกลายเป็นจำเลยไปโดยไม่ตั้งใจ อชิระทำหน้าสำนึกผิดเก็บเกมทั้งหมดใส่กล่องแล้วเอาไปไว้ที่ห้องเก็บของ หวังว่าหญิงสาวจะเห็นความตั้งใจจริงของเขาที่อยากทำหน้าที่ดูแลลูกชายของเธอ ต่อให้ต้องเปลี่ยนตัวเองเขาก็ยอม

“อย่าดื้อนะลูก เป็นเด็กดีเชื่อฟังทุกคนนะครับ แล้วแม่จะมาหาบ่อยๆ” หญิงสาวกอดลูกชายแน่นเมื่อถึงเวลาที่เธอต้องลากลับ

“ไม่ต้องห่วงโอโซนนะ พี่จะดูแลให้เอง ปันจะแวะมาเมื่อไหร่ก็ได้” อคิราห์ยิ้มน้อยๆ เขารู้ดีว่าเธอคงคิดถึงลูกชายมาก

“เดี๋ยวฉันช่วยดูแลอีกคน หนูปันไม่ต้องกังวลหรอก” เจ้าของบ้านผู้ใจดีช่วยยืนยันอีกเสียง

“ขอบคุณทุกคนมากค่ะ ปันฝากโอโซนด้วยนะคะ อ้อ..โอโซนแพ้ถั่วปากอ้า อย่าให้เขาทานอาหารที่มีส่วนผสมของถั่วปากอ้านะคะ” เธอนึกถึงเรื่องสำคัญขึ้นได้ จึงรีบบอกทุกคนเอาไว้

สามพ่อลูกมองหน้ากัน สีหน้าประหลาดใจเมื่อรู้ว่าเด็กคนนี้แพ้ถั่วปากอ้าเหมือนอคิราห์ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลก ในประเทศไทยเองก็มีคนจำนวนมากที่เป็นโรคนี้ อคิราห์กำลังจะเดินมาส่งหญิงสาวที่รถ แต่ถูกอชิระปาดหน้าเสียก่อน หนุ่มคนพี่แตะเบรกตัวโก่งปล่อยให้น้องชายเดินตัวปลิวไปเปิดประตูรถให้หญิงสาว

“ต้องเปิดประตูให้ด้วยเหรอ ไม่ได้พิการสักหน่อย” หนุ่มหล่อพึมพำประชดประชัน แต่ผู้เป็นพ่อที่ยืนข้างๆ ก็ยังได้ยิน มองลูกชายทั้งสองคนด้วยสายตาของผู้ที่ผ่านชีวิตร้อนหนาวมานานกว่า เขาดูออกว่าสองพี่น้องกำลังหมายปองผู้หญิงคนเดียวกัน อมรทำหน้าหนักใจ เพราะอคิราห์ไม่ใช่คนไร้พันธะเหมือนกับน้องชาย ถ้ามีใจให้ผู้หญิงคนนี้อย่างที่เข้าใจ อาจเกิดเรื่องวุ่นวายในอนาคต

ปัณฑารีย์กลับมาถึงบ้าน รู้สึกถึงความเงียบเหงา ตั้งแต่คลอดโอโซนออกมา สองแม่ลูกก็ไม่เคยห่างกันเลยแม้สักวันเดียว นี่เป็นครั้งแรกที่เธอยอมให้ลูกห่างกายไปอยู่กับคนอื่น เธอคิดถึงลูกจนต้องเข้าไปนอนในห้องของโอโซน หวังว่าจะคลายความคิดถึงลงไปได้บ้าง กลิ่นหอมของโอโซนติดอยู่บนที่นอนและหมอน แค่ได้กลิ่นคนเป็นแม่ก็รู้สึกดีขึ้น ระหว่างนั้นสายตาของเธอเหลือบไปเห็นบางอย่างใต้หมอน

หญิงสาวดึงสิ่งนั้นออกมา มันคือภาพถ่ายที่ทำให้โอโซนเข้าใจผิดว่าพวกเขาเป็นคู่รักกัน และผู้ชายในภาพนี้เป็นพ่อของเขา เธอมองภาพอคิราห์ในชุดนักศึกษา ตอนนั้นเขาหล่อมาก เป็นเทพบุตรหน้านิ่งของสาวๆ ในมหาวิทยาลัย เธอปวารณาตัวเป็นแฟนคลับของอคิราห์ตั้งแต่วันแรกที่ได้เห็นใบหน้าหล่อเหลาของเขา ตอนนั้นเธอเป็นเพียงเด็กสาวขี้อายที่มาจากต่างจังหวัด จึงไม่กล้าแสดงตัวว่าชื่นชอบ ได้แต่แอบซื้อขนมไปวางไว้ให้ วันวาเลนไทน์ก็พับหัวใจใส่ขวดโหลฝากเพื่อนไปให้ เธอจำได้ว่าในวันเกิดของอคิราห์ได้ทำคูปองตามใจมา 3 ใบ และตัดสินใจมอบให้ด้วยตัวเอง ตอนนั้นเธอเริ่มรู้จักและสนิทสนมกับอคิราห์บ้างแล้ว ทำให้เขานึกสนุกอยากเล่นกับเธอด้วย จำได้ว่าใบแรกเขาขอให้เธอเลี้ยงขนม ใบที่สองขอให้ไปเป็นเพื่อนอ่านหนังสือที่ห้องสมุดในวันหยุดเพราะเพื่อนๆ ของเขาไม่มีใครยอมมาด้วย เธอยังจำได้ไม่ลืมว่าวันนั้นเธอฟุบหลับยาวจนถึงเวลาที่ห้องสมุดปิด เขาปลุกเธอขึ้นมาแล้วพาไปเลี้ยงข้าว ตอนนั้นเธออายจนแทบมุดดินหนี

ปัณฑารีย์เผลอยิ้มออกมาเมื่อคิดถึงความทรงจำในวันวาน นึกได้ว่าเขายังใช้คูปองไม่หมด อคิราห์เคยบอกว่าจะเก็บคูปองใบสุดท้ายเอาไว้เพราะยังไม่รู้จะขอให้เธอทำอะไร ถ้ารู้เมื่อไหร่จะเอาออกมาใช้ ตอนนี้เขาคงลืมมันไปหมดแล้ว คูปองของเธอก็คงกลายเป็นขยะที่ถูกฝังกลบอยู่ที่ไหนสักแห่ง

คืนนั้นปัณฑารีย์เผลอหลับไปบนเตียงของลูก เธอฝันว่าโอโซนวิ่งมาหาถือคูปองตามใจใบสุดท้ายไว้ในมือ แล้วจู่ๆ ก็ฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย โอโซนยืนหัวเราะชอบใจมองดูเศษคูปองของเธอล่องลอยไปบนฟากฟ้า

โอโซนไปอยู่บ้านของอคิราห์ได้เกือบอาทิตย์แล้ว เด็กน้อยมีความสุขในบ้านหลังใหญ่ที่มีทั้งพ่อ อา และคุณปู่ผู้ใจดี อชิระมักจะชวนโอโซนเล่นอะไรแผลงๆ เป็นประจำ อย่างสอนขี่จักรยานผาดโผน ปีนต้นไม้ ฟันดาบ เขาบอกว่าจะได้สมกับเป็นชายชาตรี แต่ถ้าเมื่อใดที่พี่ชายรู้ ก็มักจะถูกทักท้วงขัดขวาง แต่โอโซนก็สนุกทุกครั้งที่อาของเขาพาออกไปเล่น วันนี้ก็เช่นกัน อาหลานกลับมาด้วยสภาพเนื้อตัวมอมแมม ซึ่งผิดปกติวิสัยของเด็กรักสะอาดอย่างโอโซน

“ไปเล่นอะไรมาเนี่ย ทำไมเนื้อตัวสกปรกแบบนี้” อคิราห์รีบเอาผ้ามาเช็ดคราบดินทรายบนตัวของโอโซนออกทันที

“อาเดย์พาไปเล่นสนามทรายมาคับ สนุกมากเลย” เด็กที่ไม่ชื่นชอบการเปรอะเปื้อน ตอนนี้กำลังหัวเราะชอบใจที่ได้เล่นทรายอย่างสนุกสนาน

“แต่มันสกปรกนะ ดูสิรองเท้ามีแต่ทราย” ชายหนุ่มเอารองเท้าของเด็กน้อยออกมาเคาะทรายออก

“โธ่พี่ซัน เด็กก็ต้องเล่นดินเล่นทรายสิถึงจะแข็งแรง พี่เป็นหมอจริงป่าวเนี่ย” น้องชายทำหน้าระอาเหมือนว่าเรื่องง่ายๆ แค่นี้ทำไมพี่ชายไม่รู้

“ไม่ต้องเล่นสกปรกก็แข็งแรงได้ วิธีออกกำลังกายอย่างอื่นมีตั้งเยอะแยะ วิ่งบนลู่ หรือไปว่ายน้ำสิ”

“ไม่ละ น่าเบื่อ เนอะโอโซน” อชิระหันไปหาแนวร่วม เด็กน้อยพยักหน้าหงึก ไม่รู้ว่าเห็นด้วยหรือกลัวอาจะเสียหน้ากันแน่

“อาเดย์บอกว่าทรายอยู่ในน้ำถูกล้างจนขาวสะอาดแล้ว โอโซนเล่นได้ไม่ต้องกลัวสกปรกคับ” หนูน้อยอธิบายให้พ่อฟัง หนุ่มหล่อถึงกับส่งสายตาพิฆาตใส่น้อง ที่กล้าเอาความคิดผิดๆ มาใส่ให้กับโอโซน อชิระเห็นท่าไม่ดีรีบหนีเข้าบ้าน

“พ่อคับ วันนี้แม่จะมามั้ย” โอโซนถามหาแม่ รู้สึกคิดถึงเพราะไม่ได้เจอหน้ากันเลย มีแค่คุยผ่านวิดีโอคอลกันเท่านั้น

“คิดถึงแม่ละสิ พ่อก็…คิดถึง” เขายิ้ม เขินตัวเองที่กล้าพูดออกมาแบบนี้ต่อหน้าลูกชายของเธอ แต่คิดว่าเด็กตัวแค่นี้คงไม่รู้ความหมายที่เขาต้องการสื่อออกมาหรอก

“ถ้าแม่มา โอโซนจะบอกให้นะคับว่าพ่อคิดถึง”

“ไม่ได้นะ! ห้ามบอกแม่เด็ดขาดว่าพ่อพูดแบบนี้” หนุ่มหล่อตกใจรีบปิดปากเจ้าตัวเล็ก

“ทำไมล่ะคับ เวลาที่โอโซนบอกแม่ว่าคิดถึง แม่ก็จะรีบมาหา ถ้าพ่อบอก แม่ก็จะรีบมาหาเหมือนกัน”

โอโซนขมวดคิ้วมุ่นสงสัยว่าทำไมพ่อถึงไม่บอกกับแม่ไปตรงๆ

อคิราห์งุ่นง่านคิดหาคำพูดอธิบายกับโอโซน เพื่อไม่ให้สิ่งที่เขาเผลอพูดไปถึงหูปัณฑารีย์

“ก็…ก็ ที่พ่อคิดถึงคือขนมฝีมือแม่ต่างหาก พ่ออยากกินขนมที่แม่ทำอีก ขนมอะไรนะที่ใส่สตอว์เบอร์รีไว้ข้างใน” เมื่อจำเป็นเขาก็ใช้วิธีที่ง่ายที่สุดคือการโกหก

“อ๋อ ไดฟุกุคับ โอโซนจะบอกแม่ให้นะว่าพ่ออยากกินอีก แม่จะได้ทำมาให้”

“บอกแม่ว่าทำมาเยอะๆ เลย เอามาฝากคุณปู่ด้วย” ชายหนุ่มลอบถอนหายใจอย่างโล่งอกที่สามารถเอาตัวรอดไปได้อย่างหวุดหวิด

หลังจากที่เห็นแล้วว่าลูกชายอยู่ในบ้านหลังนั้นอย่างมีความสุข ปัณฑารีย์ก็คลายความกังวลไปได้มาก วันพรุ่งนี้ก็จะเป็นวันสำคัญที่ลูกรอคอย ไม่รู้ว่าการ์ดวันพ่อทำเสร็จหรือยัง ตั้งใจว่าวันนี้จะขอตาม อชิระกลับบ้านด้วย จะได้ไปช่วยเตรียมซ้อมพูดบนเวทีให้ลูกชาย ไม่ให้เสียชื่อที่เป็นลูกของนักสิ่งแวดล้อมฝีปากกล้า

เย็นนั้น หญิงสาวถูกเรียกเข้าไปพบที่ห้องของคณบดี และได้รับรู้ข่าวที่น่ายินดีว่าเธอถูกเสนอชื่อให้เข้าชิงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านสิ่งแวดล้อมขององค์กรสิ่งแวดล้อมระหว่างประเทศ ปัณฑารีย์ตื่นเต้นดีใจไม่คิดว่าตัวเองจะได้รับโอกาสที่สำคัญเช่นนี้ แต่เมื่อรู้ว่าคู่แข่งที่เธอต้องฟาดฟันด้วยคือตีรณา นักสิ่งแวดล้อมคนดังและคู่หมั้นของอคิราห์ ก็รู้สึกถึงความยากที่เพิ่มขึ้นเป็นสิบเท่าทวีคูณ แต่เธอก็รับปากกับคณบดีว่าจะพยายามคว้าตำแหน่งทรงเกียรตินี้มาให้ได้ เพื่อชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยและตัวเธอเอง

ปัณฑารีย์ไปหาโอโซนพร้อมอชิระ เธอรู้สึกถึงความเมตตาของอมรที่มีต่อลูกชาย ทำให้สบายใจขึ้นมาก โอโซนดึงแม่ไปที่ห้องนอนเพื่อฟังเขาอ่านเรียงความเรื่องพ่อที่เขียนขึ้นเอง คนเป็นแม่น้ำตาซึมที่ได้รับรู้ความรู้สึกในใจของลูกชายที่มีต่อพ่อ ในใจของเธอหวั่นไหว นึกถึงวันที่ต้องบอกความจริงกับลูก โอโซนหยิบการ์ดวันพ่อที่ทำเสร็จแล้วให้แม่ดู เธอชมว่าเป็นการ์ดที่สวยที่สุดที่เคยเห็นมา เด็กน้อยปลื้มใจที่ได้รับคำชมจากสิ่งที่เขาตั้งใจทำสุดฝีมือ

“แม่คับ พ่อบอกว่าอยากกินไดฟุกุของแม่อีก” จู่ๆ หนูน้อยก็นึกขึ้นได้ว่าพ่อของเขาบ่นคิดถึงขนมของแม่ ขณะที่กำลังจะกินข้าวเย็นโดยมีหญิงสาวร่วมโต๊ะอาหารด้วย

“ออ ได้สิ เดี๋ยวแม่ทำมาเยอะๆ เลย” เธอเหลือบมองอคิราห์ด้วยสายตากังขา แต่ชายหนุ่มเฉไฉไปพูดเรื่องอื่นกับน้องชาย จนเธอหมั่นไส้

“สมกับเป็นผู้หญิงยุคใหม่ เก่งทั้งงานนอกบ้านในบ้าน ว่างๆ มาทำให้อาหารพวกเรากินบ้างสิครับ บ้านนี้มีแต่ผู้ชาย แม่บ้านก็ทำแต่อาหารเดิมๆ ผมเบื่อจะแย่แล้ว” อชิระได้โอกาสหาเรื่องใกล้ชิดกับหญิงสาว

“แม่ทำกับข้าวอร่อย แต่ป้านงค์ทำอร่อยกว่าคับ” โอโซนพูดตรงตามประสาเด็กที่โกหกไม่เป็น ทุกคนหัวเราะชอบใจในความไร้เดียงสา ป้านงค์แม่บ้านเก่าแก่ยืนยิ้มภูมิใจในฝีมือตัวเอง

“รักษาหน้าแม่หน่อยลูก” หญิงสาวยิ้มแหย บ่นลูกชายที่ทำให้แม่เสียหน้า

บ้านหลังใหญ่ที่เคยมีแต่ผู้ใหญ่ 3 คน ซึ่งต่างคนต่างอยู่แทบจะไม่ค่อยได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตา แต่ตั้งแต่ที่โอโซนเข้ามาอยู่ด้วย อคิราห์จะรีบกลับบ้านถ้าไม่มีผ่าตัด ส่วนลูกชายคนเล็กที่มักออกไปสังสรรค์กับเพื่อนฝูงเป็นประจำ ก็เปลี่ยนพฤติกรรม อยู่ติดบ้านมากขึ้น ทำให้พ่อลูกได้กินข้าวด้วยกันบ่อยขึ้น บ้านมีชีวิตชีวา สดใส เต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะสนุกสนาน

ปัณฑารีย์มองดูลูกชายและทุกคนที่กำลังมีความสุข ด้วยหัวใจที่อบอุ่น อยากให้ช่วงเวลานี้อยู่กับเธอและลูกตลอดไป แต่ความจริงที่โหดร้ายก็มักจะย่างกรายมาในยามที่ทุกคนกำลังเผลอไผล

ตีรณาก้าวเข้ามาในบ้านของคู่หมั้น เสียงหัวเราะดังแว่วมาจากในบ้านสร้างความประหลาดใจให้หญิงสาว นานๆ ครั้งเธอจะมาที่บ้านของอคิราห์ แต่ก็มักจะเจอกับความเงียบเหงาไม่ต่างจากบ้านของเธอ แต่คราวนี้ต่างออกไป ตีรณาเดินเข้ามาภายในบ้าน แม่บ้านสาวรีบเข้าไปต้อนรับและเชิญเธอไปที่ห้องอาหาร เพราะคิดว่าตีรณาคงนัดกับอคิราห์ไว้

ภาพตรงหน้าทำให้ตีรณาประหลาดใจมากขึ้นไปอีก เมื่อเห็นปัณฑารีย์นั่งร่วมโต๊ะอาหาร และยังมีเด็กผู้ชายหน้าตาน่ารักผมเป็นลอน เธอจำได้ว่าเป็นคนเดียวกับที่เพื่อนส่งรูปมาให้ดู ทั้งหมดกำลังหัวเราะสนุกสนาน อย่างกับครอบครัวสุขสันต์ในอุดมคติ

“สวัสดีค่ะ…ทุกคน” เสียงทักทายของเธอฟังดูสับสนงุนงง

“คุณตี้!” อคิราห์ตกใจที่เห็นคู่หมั้นคนสวยยืนอยู่ตรงหน้าโดยไม่ได้นัดกันไว้ ไม่ใช่แค่อคิราห์ แต่ทุกคนมองมาทางตีรณาด้วยความแปลกใจไม่ต่างกัน โดยเฉพาะปัณฑารีย์ที่ตอนนี้หน้าเปลี่ยนสีเหมือนคนที่ถูกจับได้ว่าทำความผิดร้ายแรง

“พ่อคับ ใครอะ สวยจังเลย” เด็กน้อยเขย่าแขนอคิราห์ แต่สายตาจับจ้องที่ตีรณาเขม็งชอบใจในความสวย แต่คนที่ถูกชมกลับนิ่งค้าง ตัวชาเหมือนถูกไฟฟ้าชอร์ต เมื่อได้ยินเด็กชายเรียกคู่หมั้นของตัวเองว่าพ่อเต็มปากเต็มคำ



Don`t copy text!